วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

[SF] Bromance



“คริส...แม่บอกว่าเอาเกมส์ให้น้องเล่นด้วย ถ้าแค่นี้มีปัญหาก็ไม่ต้องเล่นนะ” คุณนายอู๋พูดเสียงนิ่งชักสีหน้าเบื่อหน่ายเต็มทนพร้อมกับจ้องมองไปที่ลูกชายคนโตวัย11ขวบที่นั่งกดเกมส์มาริโอ้อยู่ที่พื้นบ้านโดยไม่มีท่าทางสะทกสะท้านต่อคำดุว่าเลย

“ก็น้องเล่นตายแล้ว” เด็กชายที่กำลังสนใจเกมส์บนจอตอบปัดแบบขอไปที วันนี้เขาอุตส่าเก็บเงินไปถอยตลับเกมส์มาใหม่สดๆจากร้านแล้วมันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องยอมให้น้องวัยเพียง7ขวบมาเล่นด้วย อีกอย่างอี้ชิงก็เล่นไม่เป็นแค่กดไม่กี่ทีก็ตายแล้วไม่เห็นต้องให้เล่นก็ได้

“คริส!” คุณนายจงเหอตวาดอย่างหัวเสียก่อนจะเดินจำอ้าวไปที่ปลั๊กไฟ้แล้วก้มตัวกระชากสายทีวีและสายเครื่องเล่นออกทีเดียวหมด หน้าจอโทรทัศน์ดับพรึบทันทีเด็กหนุ่มที่นั่งกดจอยค้างอยู่นิ่งชะงักก่อนจะหันไปมองหน้าผู้เป็นแม่อย่างอึ้งๆ
คริสยังไม่ทันได้เซฟด่านที่67เลย...

“ถ้าเล่นด้วยกันไม่ได้ก็ไม่ต้องเล่น! แม่ซื้อมาให้เล่นด้วยกันสองคน แค่นี้ก็ทำหวงน้องคริสอายุเท่าไหร่แล้ว” จงเหอยืนเท้าสะเอวต่อว่าอลูกชายคนโตอย่างเหลืออด ที่จริงเธอก็ไม่ใช่แม่ใจยักษ์หรืออะไรแถมออกจะตามใจลูกด้วยซ้ำแต่แบบนี้มันเกินไปจริงๆ

ทั้งวันมานี้เธอทำงานเหหนื่อยมากพอแล้วแต่ยังต้องมานั่งบ่นว่าลูกคนแล้วคนเล่าไม่หยุดปากแบบนี้เป็นใครก็ทนไม่ไหว ลูกชายคนเล็กก็อายุแค่7ขวบพอเห็นพี่เล่นอะไรก็อยากเล่นด้วยแต่คริสนี่สิโตแล้วก็ไม่รู้จักโตทำหวงของ บอกให้น้องเล่นเกมส์ด้วยก็แกล้งบอกให้น้องกระโดษลงหลุมตาย บางครั้งให้น้องเล่นไม่ยอมเสียบจอยด้วยซ้ำ

“ก็น้องเล่นไม่เป็น” คริสขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่พอใจทั้งยังลุกยืนขึ้นมองหน้าผู้เป็นแม่ เขาพยายามจะไม่ตะคอกและแสดงสีหน้าไม่พอใจเพราะรู้ว่าแม่ไม่ชอบ คริสนั่งเล่มเกมส์มาสองชั่วโมงจนถึงด่าน67ไม่เห็นมีปัญหาอะไรแต่พออี้ชิงมาก็มีแต่เรื่องเต็มไปหมดรวมถึงเรื่องนี้ด้วย

“ก็รู้ว่าน้องเล่นไม่เป็นแต่น้องเห็นคริสเล่นก็อยากเล่นด้วยน้องไม่มีเพื่อนเล่น ให้น้องเล่นหน่อยเดียวเดี๋ยวก็เบื่อแล้ว คริสจะทำหวงทำไม” จงเหอว่าเสียงดัง เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคริสโดตป่านนี้ยังอิจฉาน้องชอบแกล้งชอบแหย่น้องไม่เลิกลาเสียที

“จิ๊” เด็กหนุ่มจิปากอย่างไม่พอใจพร้อมกับเสตาไปมองไอ้ตัวปัญหาที่ยืนหลบอยู่หลังขาผู้เป็นแม่แว้บนึงก่อนจะหันหลังเดินหนีขึ้นไปห้องตัวเองทันที เขาไม่อยากจะอยู่เห็นหน้าไอ้ตัวจอมวุ่นวายที่มีแต่จะก่อเรื่องให้หงุดหงิดใจไม่เว้นแต่ละวัน

คริสได้ยินเสียงแม่บอกให้อี้ชิงไปเล่นเกมส์ต่อจากเขาแต่ตอนนี้คริสไม่มีอารมณ์จะลงไปเล่นต่อแล้ว ทั้งแต้มทั้งเหรียญที่อุตส่าห์เก็บมาทั้งเกมส์ตั้งสองชั่วโมงกว่าก็หายหมด คริสคงไม่กลับไปเล่นใหม่แน่


เด็กหนุ่มขึ้นมาบนชั้นสองเปิดประตูห้องตัวเองแล้วปิดกระแทกเป็นการระบายอารมณ์จนเสียงดังสนั่น คริสเดินกระแทกส้นเท้าไปกระโดษขึ้นเตียงแรงๆด้วยความหงุดหงิด เขาไม่รู้จะพูดกับแม่ยังไงว่าเขาไม่ได้เกลียดหรืออิจฉาอี้ชิง คริสแค่รำคาญ.... แค่รำคาญอี้ชิงเท่านั้นเอง...

ปกติอี้ชิงเป็นเด็กขี้แยมากเอะอะๆก็ร้องไห้จ้าไม่มีสาเหตุแล้วพอน้องร้องไห้ไม่ว่าเรื่องอะไรแม่จะโทษคริสก่อนเสมอ เขาไม่ได้สนใจว่าแม่จะรักน้องมากกว่าหรืออะไรเพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาแต่สิ่งที่คริสไม่ต้องการคือเขาไม่อยากจะยุ่งกับ จาง อี้ชิง ไม่ว่าเรื่องอะไร เพราะทุกครั้งที่อี้ชิงเข้ามายุ่งกับเขาคริสจะต้องซวยโดนด่าตลอด

ขนาดไม่ได้ทำผิดอะไรก็ยังโดนหาว่าไม่ดูแลน้องให้ดีและเรื่องอื่นๆอีกมากมายที่คริสเบื่อหน่ายเต็มทนจนรู้สึกอยากจะหนีออกจากบ้านไปไกลๆ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ใช่ลูกแท้ๆแต่แม่ก็รักเขามากเหมือนกับที่รักอี้ชิงเพราะงั้นคริสถึงไม่อยากจะมีปัญหาหรือขึ้นเสียงใส่แม่ เขาคิดว่าพรุ่งนี้จะขอเงินพ่อไปซื้อเครื่อใหม่มาเล่นก็ได้จะได้ไม่ต้องตบตีกับอี้ชิงอีก



ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เสียงเคาะประตูเบาๆที่หน้าห้องทำให้คริสเบ้หน้าเขาพลิกตัวเข้าหากำแพงก่อนจะดึงผ้านวมผืนหนาขึ้นมาคุมโปรงแกล้งหลับ คนที่ชอบเคาะประตูเบาๆแบบนี้มีอี้ชิงคนเดียวเท่านั้นแหละแล้วนี่ก็คงจะขึ้นมาก่อกวนเขาเหมือนเคย

“พี่คริส...” เสียงเล็กๆดังจากนอกโปรงขึ้นทำเอาคริสขยาดแทบขนลุก นี่เขนาดเขาหนีขึ้นมาบนห้องอี้ชิงก็ยังตามมกวนอีกเดี๋ยวพอคริสดุก็ร้องไห้แล้วเขาก็จะโดนแม่ด่าทั้งๆที่อยู่ดีๆบนห้องไม่ได้ทำอะไรเลย

“แม่บอกให้ขึ้นมาเล่นกับพี่คริส”

“หลับ” คริสไม่อยากตอบอะไร เขาเบื่อที่ต้องเล่นกับอี้ชิงไม่ว่าจะเล่นอะไรเพราะมันมีแต่ของเล่นเด็กๆทั้งนั้นไม่มีพวกวิดีโอเกมส์หรืออะไรมันๆทำเลย

“แต่แม่บอกว่าให้ขึ้นมาเล่นด้วย” เสียงเล็กๆยังดังขึ้นรบเร้าไม่หยุด คริสได้แต่ขมวดคิ้วแน่นด้วยความงุ่นง่านผสมกับความไม่เข้าใจ อะไรๆเขาก็ยกให้ทั้งหมดแล้วทั้งวิดีโอเกมจนเหลือแต่ตัว แล้วนี่อี้ชิงจะเอาอะไรจากเขาอีก
คริสเลิกผ้าห่มออกก่อนจะพลิกตัวหันไปทำหน้ายุ่งใส่น้องชายวัย7ขวบที่ยืนพิงประตูอยู่แต่ไม่กล้าเดินเข้ามาใกล้ เจ้าตัวคงรู้นั่นแหละว่าทำให้พี่ชายโกรธแต่ทำไมถึงยังกล้าขึ้นมาหาคริสอีกนะ

“ฉันไม่อยากเล่นกับแก อยากเล่นเกมนักก็ลงไปเล่นสิ” คริสว่าอย่างใจร้ายก่อนจะคว้าตลับเกมส์อีกอันที่วางอยู่บนหัวเตียงโยนให้อี้ชิงจนมันตกอยู่ที่เท้าคนตัวเล็ก ใครจะไปอยากเล่นกับเด็ก7ขวบที่ดีแต่ร้องไห้กัน ไม่ใช่แค่กับเขาหรอกแต่พวกขี้แงขี้ฟ้องจะเล่นกับใครก็คงไม่มีใครอยากเล่นด้วย

“แต่แม่ให้พี่คริสเล่นด้วย” อี้ชิงเริ่มเสียงสั่นเบะปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้เพราะคริสโยนของใส่ เด็กหนุ่มตัวสูงได้แต่ทำหน้าแหยอยู่บนเตียงเพราะมันเป็นไปตามเสต็ปเดิมทุกอย่าง หลังจากนี้อี้ชิงก็จะลงไปฟ้องแม่แล้วคริสก็โดนด่าหาว่าไม่ยอมให้น้องเล่นด้วย

“อยากทำอะไรก็ทำ” คริสไม่อยากจะเสวนาด้วย เขาล้มตัวลงนอนกับหมอนก่อนจะพลิกตัวเข้าหาผนังห้องอย่างเบื่อหน่าย คริสไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงถึงจะถูกใจอี้ชิงที่สุด ในห้องเขามีของเล่นมากมายถ้าอี้ชิงอยากจะเล่นอะไรก็เอาไปเถอะคริสเบื่อจะพูดแล้ว

เขาได้ยินเสียงก๊อกแก๊กจากในห้องและคิดว่าน้องชายคงไปหาอะไรเล่นแต่คริสไม่ได้สนใจถ้าตราบใดที่มันไม่พังเขาคงไม่โวยวาย บางทีคริสก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอี้ชิงถึงได้ทำตัวมีปัญหานักพอเวลาคริสจะเล่นอะไรก็ชอบมาแย่ง แต่พอเขาไม่เล่นก็ไม่เล่นแล้วก็ตามมาแย่งของชิ้นใหม่ ขนาดตอนนี้คริสไม่เหลืออะไรอี้ชิงก็ยังตามมารังควานตัวเขาอีก

“อึก..”

คริสรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงสูดน้ำมูกร้องไห้กระซิกๆเบาๆพร้อมกับเสียงดังก้อกแก้ก เขารีบเปิดผ้าห่มอย่างรำคาญใจก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งแล้วหันไปหาน้องชายที่นั่งเล่นอยู่กับพื้น คริสเห็นน้องชายตัวเล็กไถรถหกล้อของเล่นไปมารอบๆตัวพร้อมกับร้องไห้ไปเงียบๆอย่างไม่มีสาเหตุ


จะร้องทำไมอีกวะ คนยิ่งแพ้น้ำตาอยู่...


“เป็นอะไรอีก” คริสถามเสียงห้วนอย่างไม่เข้าใจ เขาลุกจากเตียงเดินไปนั่งยองๆอยู่หน้าน้องชาย ยกมือขึ้นจับไหล่เล็กไว้แน่นเป็นการกดดันให้อี้ชิงยอมพูดว่าต้องการอะไร เขาจะได้จัดการหามาให้แล้วจบสิ้นกันสักที

“แม่...ฮึก...แม่บอกให้เล่นกับพี่คริส...อึก” อี้ชิงพยายามกลั้นเสียงสะอื้นอย่างไม่อยากร้องไห้ เขาไม่อยากทำให้คริสโกธรเพราะกลัวว่าจะไม่มีเพื่อนเล่น

“พี่ไม่เล่น...ไม่อยากเล่น อี้ขี้ฟ้องขี้แง ไม่มีใครเขาอยากเล่นด้วย” คริสว่าอย่างชัดถ้อยชัดคำ เขาไม่รู้ว่าอี้ชิงเข้าใจหรือเปล่าแต่อย่างน้อยคนตัวเล็กก็น่าจะรู้เอาไว้บ้างว่าทำไมถึงไม่มีใครอยากเล่นกับตัวเอง

“ฮึก...อี้ไม่ร้อง...ฮึก...” ถึงปากจะพูดแบบนั้นเพราะอยากให้พี่ชายเล่นด้วยแต่น้ำตานี่ไหลนองหน้าเป็นน้ำตกไนแองกาล่าและมันทำให้คริสรู้สึกห่อเหี่ยวปนรำคาญในใจพิลึก

“เฮ้อ...งั้นจะเล่นอะไร” คริสหย่อนก้นลงนั่งลงขัดสมาธิอยู่หน้าผู้เป็นน้อง เขาเบื่อเหลือเกินที่จะต้องรบรากับเด็กที่พูดไม่รู้เรื่องและเอาแต่ใจ

“.................”

“................”

อี้ชิงไม่ยอมตอบว่าอยากเล่นอะไรแต่จ้องมองผู้เป็นพี่ตาแป๋ว เขาอยากจะเล่นอะไรก็ได้ที่คริสเล่นด้วย อี้ชิงอยากเล่นทั้งหมด

คริสกรอกตาไปมาอย่างสับสนเมื่อคนตรงหน้าไม่ยอมตอบแถมยังจ้องตาเขาอย่างที่ไม่รู้ว่าต้องการจะสื่ออะไร คริสได้แต่นั่งอยู่นิ่งๆเพราะไม่รู้ว่าอี้ชิงเล่นอะไรได้บ้าง ถ้าเล่นต่อสู้กันพอน้องเจ็บคริสก็ซวยอีกไม่รู้เลยว่าอี้ชิงจะเล่นอะไรได้

“อี้จะไปเอาตุ๊กตาที่ห้อง” อี้ชิงทำท่าเหมือนนึกอะไรออกก่อนจะโพล่งออกมาแล้วลุกขึ้นยืน เดินกึ่งวิ่งไปที่ประตูทันที คริสนั่งตั้งศอกเท้าคางอย่างเบื่อหน่าย นี่เด็กผ็ชายอายุ12ปีอย่างเขาต้องมาเล่นตุ๊กตาอย่างนั้นหรอ? ถ้าเป็นโมเดลทหารหรือพวกมอนส์เตอร์ในการตูนก็พอว่าไปอย่าง แต่ไอ้ตุ๊กตาบาบี้นี่คริสไม่สามารถจริงๆ....

แม่จะปลูกฝังให้น้องเป็นตุ๊ดหรือไงวะ....


พอนึกแล้วได้แต่เบ้หน้าก่อนจะหงายหลังลงนอนกับพื้น เขาต้องทนอีกกี่ปีกว่าอี้ชิงจะโตแล้วเลิกตามติดเขาสักที แค่นี้คริสก็เบื่อมากแล้ว เขาไม่ชอบให้ใครตามติดชีวิตเลยจริงๆ



....เมื่อไหร่จะเลิกวุ่นวายกับฉันสักทีนะ จาง อี้ชิง....









สิบปีต่อมา...



“อ๊า...ซี๊ดดด...อ่า....” คริสโหมกระแทกบั้นใส่หว่างขาขาวถี่ยิบในขณะที่มือข้างนึงก็ลูบไล้ไปตามต้นขาเนียน ดึงรั้งเรียวขาให้เกี่ยวกระชับเอวมากขึ้น ช่องทางอุ่นร้อนตอดรัดลำกายของเขาถี่รัวจนแทบจะปลดปล่อย คริสได้แต่กัดฟันแน่นซอยบั้นเอวต่อไปโดยลดจังหวะให้เบาลงเพื่อยืดเวลาการมีเพศสัมพันธ์

“อื้อ...อ๊า....อ๊ะ...อ๊ะ...พี่คริส...อื้อ...จะเสร็จหรือยัง...ดะ...เดี๋ยวแม่มา...อ๊า” อี้ชิงจกเล็บลงบนแผ่นหลังกำยำระบายความรู้สึกเสียวซ่านจากช่องทางที่ด้านหลังพี่ชายเขาโหมกระแทกบั้นเอวลงมาไม่ยั้งสลับกับซอยเนิบๆจนอี้ชิงรู้สึกอึดอัดไปหมดเพราะแกนกายส่วนหน้ายังไม่ได้รับการปลดปล่อยเสียที

“อื้อ...อ้า....อีกนิดเดียว...ซี๊ดด....” คริสโน้มใบหน้าลงไปประกบจูบกับริมฝีปากอิ่ม ดูดดึงเคล้าคลึงอย่างหนักหน่วง เขาเร่งซอยสะโพกให้ถี่ขึ้น ไถหน้าท้องลงเสียดสีกับแกนกายเล็กที่ถูกแข็งชันดันอยู่ที่ท้องน้อย คริสถอนสะโพกออกมาจนสุดแล้วอัดกระแทกกายๆแรง3-4ทีก่อนจะปลดปล่อยน้ำพันธุ์ร้อนๆเข้าไปในช่องทางตอดรัดเป็นจังหวะเดียวกับที่คนตัวเล็กกระตุกกลายปลดปล่อยน้ำรักออกมา

“แฮ่กๆๆ.....” คริสทิ้งตัวซบใบหน้าลงกับซอกคอขาวหอบหายใจแฮ่กด้วยความเหนื่อยอ่อน เขาพลิกหน้าเข้าหาต้นคอใช้ริมฝีปากดูดลงบนเนื้อขาวเนียนเบาๆจนเป็นรอยก่อนจะใช้ข้อศอกยันกายขึ้นจ้องมองคนตัวเล็กที่แลบลิ้นหอบพอกัน

“ตกลงไอ้ลู่มันเป็นใคร” คริสถามหน้านิ่งและพยายามคลุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นเพราะอาการเหนื่อย คนตัวเล็กที่นอนอยู่ใต้ร่างเหลือบตามามองแว้บนึงแล้วก็หันหน้าหนีก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับใช้มือยันอกแกร่งให้ถอยออกห่างแต่คนตัวสูงกับยกมือขึ้นจับข้อมือไว้แล้วกดลงบนพื้นเตียง

“ก็บอกว่าเพื่อน” อี้ชิงไม่ได้ขัดขืนดื้อรั้นแต่ก็ไม่ยอมสบตา เขากรอกตาไปมาอย่างกวนจะประสาท ยกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจเมื่อเห็นว่าพี่ชายบ้าอำนาจของตนเองกำลังรู้สึกหงุดหงิดจนเห็นได้ชัด

“แล้วทำไมเพิ่งกลับมากับมันป่านนี้” คริสถามเสียงเข้มพร้อมกับส่งสายตาจับผิดไปให้ร่างข้างใต้ วันนี้อี้ชิงกลับบ้านช้าเพิ่งจะมาโผล่เอาตอนสองทุ่มแถมยังมีผู้ชายที่ชื่อลู่ฮันขับรถมาส่งอีกด้วย ถึงจะบอกว่าเพื่อนคริสก็อยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ว่าไปทำอะไรกันมาทำไมถึงเพิ่งจะกลับ

“เมื่อไหร่พี่จะเลิกวุ่นวายกับอี้สักทีเนี่ย” ไม่ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ อี้ชิงหัวเราะออกมานิดๆจนเห็นฟันกระต่ายเมื่อเห็นพี่ชายขมวดคิ้วแน่นกับประโยคที่ได้ยิน เขาชอบพูดประโยคนี้จริงๆแล้วถ้าพูดแล้วทำให้คริสหงุดหงิดก็ยิ่งรู้สึกอยากจะพูดซ้ำๆให้อีกฝ่ายเป็นบ้าตายไปเลย

“อย่ามาทำปากเก่ง”

“อะไร” อี้ชิงขึ้นเสียงสูงทำทีเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่คนตัวสูงพูดทั้งๆที่จริงๆแล้วตัวเขายิ่งกว่ารู้ดีซะอีกว่าคริสไม่ชอบให้ยอกย้อนแต่มันก็อดไม่ได้เมื่อมีโอกาส

“ทำเป็นพูดดีไปเถอะ” คริสถอนกายออกก่อนจะใช้แขนยันพลิกตัวลงไปนั่งบนขอบเตียงหยิบเอาผ้าขนหนูที่ตกอยู่ที่พื้นด้านล่างขึ้นมาพันรอบเอวไว้ปล่อยให้คนตัวเล็กนอนหัวเราะหึๆเหมือนกับคนเมายา

“ชอบวุ่นวาย ใช้กำลัง” อี้ชิงยังจิกกัดพี่ชายตัวสูงด้วยคำพูดเดิมๆไม่เลิก จะว่าไปก็ดูคล้ายกับคนโรคจิตที่ชอบเรียกร้องความสนใจด้วยการทำให้อีกฝ่ายหึงแล้วต่อว่าด้วยคำพูดที่ตัวเองเคยได้รับตอนเด็กๆ

“นายไม่ชนะฉันหรอก” คริสยิ้มเยาะอย่างไม่แยแสต่อเสียงหัวเราะเยาะ อี้ชิงเป็นน้องเขามาตั้งแต่แบเบาะทำไมคริสจะไม่รู้ว่าน้องชายตัวเองเป็นยังไงแต่คริสแค่ไม่อยากจะต่อกลอนด้วยเท่านั้น ถ้าเขาอยากจะเอาชนะจริงๆอี้ชิงก็คงไม่ได้มาเหลิงเหมือนทุกวันนี้หรอกเพราะยังไงน้องก๋คือน้องอยู่วันยังค่ำ สภาพจิตใจ การเลี้ยงดูและสถานะมันต่างกัน

“แน่ใจหรอ?”

“หึ ถ้าฉันไม่เล่นด้วยก็อย่ามาร้องไห้แล้วกัน” คริสหัวเราะในลำคอแค่ทีเดียวก่อนจะลุกยืนขึ้นจากเตียงเดินไปเปิดประตูออกไปนอกห้องทันที ปล่อยทิ้งให้น้องชายนอนจมอยู่กับความคิดตัวเองบนเตียง


อี้ชิงนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกปวดที่ต้นขานิดหน่อย เขาหุบขาลงแล้วพลิกตัวนอนตะแครงดึงเอาหมอนข้างมากอดไว้ หลับตานอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย คำพูดของพี่ชายยังดังวนไปวนมาในหัวแม้จะพยายามไม่ใส่ใจแต่ก็ลบมันออกไปไม่ได้

ตั้งแต่เด็กแล้วที่คริสชอบแกล้งเขาด้วยการพูดทำลายน้ำใจอย่างเช่นบอกว่าอี้ชิงทำตัวน่ารำคาญบ้างหละ เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับฉันซะทีบ้างหละ หาว่าเขาไม่มีใครอยากจะเล่นด้วยบ้าง เป็นคนที่ปากร้ายอย่างเหลือเชื่อพูดจาทีคนฟังรู้สึกเหมือนโดนเชือดแต่เพอเอาเข้าจริงๆแล้วคริสก็ใจดีมากและไม่เคยร้ายอย่างที่ปากพูดสักครั้ง

ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่อี้ชิงต้องทนฟังคำพูดพวกนี้ซ้ำๆจนรู้สึกเก็บกดเพราะตอนนั้นเขายังเป็นเด็กและทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากร้องไห้และฟ้องแม่ แต่พอตอนนี้อี้ชิงเติบโตขึ้นและพัฒนาความสัมพันธ์แบบลับๆกับพี่ชายจนอยู่ในจุดที่สามารถมีเพศสัมพันธ์กันได้อย่างไม่รู้สึกผิดเพราะต่างคนก็เป็นลูกเลี้ยงทั้งนั้นไม่ใช่พ่อแม่เดียวกัน

และด้วยความที่อี้ชิงโดนพี่ชายเมินและดูถูกมาตั้งแต่เด็กมันทำให้หลายครั้งเขารู้สึกอยากเรียกร้องความสนใจจากอีกฝ่าย ถ้าคริสไม่สนใจก็จะทำให้หึงแล้วพอพี่ชายเข้ามาติดกับอี้ชิงก็จะต่อว่าและพูดเมินด้วยคำพูดของคริสเหมือนที่เขาเคยได้รับตอนเด็กๆมันเป็นความรู้สึกดีแบบพิลึกเมื่อได้มีตัวตนในสายตาของพี่ชาย

เขารู้สึกว่าตัวเองสำคัญและมีอิทธิพลมากในสถานะนี้ถึงคริสจะไม่ได้หวานแหววเอาใจใส่แต่ก็ถือเป็นการรักแบบฮาร์ดคอดี หึงหวงตบจูบและมีความสุขโดยที่ไม่ต้องพ่นคำหวานใส่กันเพราะคริสเป็นพวกปากแข็ง ปากร้ายแต่ใจดีมากถ้าหวังจะเอาอะไรกับคำพูดของคนๆนี้ก็ลืมไปได้เลยดูแค่ที่ผลของการกระทำก็พอ

ช่วงนี้คริสชอบทำเมินใส่เขาอยู่บ่อยๆจนน่าหมั่นไส้พอแกล้งกลับบ้านช้าให้เพื่อนมาส่งแค่นิดเดียวทำหึงหวงเป็นบ้าเป็นหลังเอะอะๆก็แสดงความเป็นเจ้าของยัดเยียดความเป็นผัวมาให้ทีเวลาปกติไม่ยักจะดูแลเอาใจใส่ เป็นคนที่แปลกจริงๆ...

“จะนอนแก้ผ้าจนแม่มาเลยหรือไง” เสียงเปิดประตูและเสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังไม่ได้ทำให้คนตัวเล็กสนใจ ต่อให้นอนแก้ผ้ากอดกันแม่ก็ไม่มีทางเปิดประตูเข้ามาโดยที่ไม่ขออนุญาตแน่มีแต่คริสนี่แหละที่เดินเข้านอกออกในห้องใครต่อใครโดยที่ไม่เคาะประตูเรียก

“น่ารำคาญ”

“จิ๊” คริสจิ๊ปากอย่างรู้สึกหงุดหงิดก่อนจะปิดประตูหันหลังเดินออกไปจากห้องทันที นี่ขนาดด่าเขาว่าน่ารำคาญแต่ตัวเองกลับนอนแช่อยู่บนเตียงคนอื่นไม่ยอมลุกกลับห้องไปสักที ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าอี้ชิงตั้งใจจะกวนประสาทและคริสก็ไม่ได้ยอมแพ้ด้วยแต่เขาแค่ไม่อยากต่อกรกับเด็กอมมือที่คิดจะเล่นกับไฟ

อี้ชิงเป็นน้องเขามาตั้งแต่แบเบาะและแน่นอนว่าคนตัวเล็กไม่เคยทันความคิดเขา ไม่เคยทันเกมไม่ว่าแข่งขันอะไรกันตั้งแต่เด็กๆมีแค่คริสที่ต้องยอมมาตลอดรวมถึงคราวนี้เองก็เช่นกันเพราะถ้าเขาอยากจะเอาชนะจริงๆคนที่ต้องร้องไห้ก็คงจะเป็นอี้ชิงเองนั่นแหละ แล้วตอนนี้คริสก็กำลังจะเบื่อกับพฤติกรรมหลงระเริงของอี้ชิงแล้วด้วย...บางทีเขาอาจจะต้องสั่งสอนเด็กดื้อให้เข้าใจอะไรดีขึ้นบ้าง....









เวลาเช้าหลังจากที่แม่ไปทำงานคริสเดินไปคว้ากุญแจรถที่หน้าโทรทัศน์ก่อนจะถอดปลั๊กทีวีแล้วเดินไปคว้ากระเป๋าบนโซฟาเตรียมตัวไปเรียน วันนี้เขาต้องไปส่งอี้ชิงที่โรงเรียนก่อนค่อยขับรถไปมหาลัยเพราะวันนี้แม่ไปทำงานเช้ากว่าปกติไม่มีเวลาขับรถไปส่งเหมือนทุกวัน

คนตัวเล็กในชุดนัดเรียนสะพายกระเป๋าเป้ขึ้นไหล่แล้วเดินตามพี่ชายไปอย่างเงียบๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไร เมื่อคืนคริสไปนอนห้องเขาแล้วปล่อยให้อี้ชิงนอนคนเดียวทั้งคืนที่ห้อง มันเป็นการเพิกเฉยที่ใจร้ายเสียจริง บางทีคริสควรโดนปั่นหัวมากกว่านี้จะได้รู้ตัวเองสักทีว่ากำลังแพ้แล้วก็จะได้เลิกจองหองทำตัวเหมือนอยู่เหนือทุกอย่างบนโลกใบนี้เสียที

“วันนี้ไม่ต้องไปรับนะ จะให้ลู่ฮันมาส่ง”

“อือ” คริสได้ยินคำพูดของน้องชายชัดเจนดีแต่ไม่คิดจะตอบอะไร ถ้าอี้ชิงพอใจจะทำก็ทำไปเถอะ ตอนนี้เขาเริ่มเบื่อที่จะเล่นเกมที่ผู้เล่นอีกฝ่ายเอาแต่ใจแล้ว

“จะกลับช้าไม่ต้องรอ” คนตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงติดจะไม่พอใจนิดๆทั้งยังจ้องมองพี่ชายที่ยังทำอารมณ์ดีอยู่

“อื้อ” ถึงจะได้ยินอย่างนั้นแต่คริสก็ยังคงไม่ทุกข์ร้อน เขาเห็นน้องชายเหลือบตามามองแว้บนึงแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ...ก่อนออกจากประตูบ้านคริสกดปิดไฟที่ผนังห้องใช้นิ้วควงกุญแจรถไปมาและผิวปากอย่างอารมณ์ดี เขาเห็นแล้วว่าน้องชายเริ่มทำหน้าบูดแต่นั่นมันไม่ใช่เรื่องอะไรที่เขาต้องไปตามง้อนี่ อี้ชิงเป็นคนบอกเองว่าจะกลับบ้านช้า จะให้เพื่อนมาส่ง มันไม่เห็นจะเกี่ยวกับคริสตรงไหน


คนตัวเล็กได้แต่มองแผ่นหลังของพี่ชายด้วยสายตาเคืองๆ คริสกำลังพยายามกวนประสาทเขาแต่อี้ชิงคิดว่าคริสจะไม่ชนะหรอก เดี๋ยวพอเขากลับบ้านช้าขึ้นมาหน่อยก็โวยวายเหมือนทุกทีที่ทำเหมือนไม่สนใจ มันก็น่าสนุกดีสงครามเย็นที่แข่งกันเมินใส่กันผลสุดท้ายใครจะเย็นชาได้มากกว่าและเอาถ้วยไปครอง

“อยู่ให้ได้ถึงเย็นก็แล้วกัน!พูดจิกกัดอย่างอารมณ์เสีย คริสเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญและเข้าใจยากพอๆกับฟิสิกจนบางทีมันก็ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกหงุด

“หึ....”



.
.


.

.

.

.


21 นาฬิกา....

คริสเหลือบตามองนาฬิกบนฝาผนังที่บอกเวลาใกล้จะดึกแล้ว เขากดจอยเพลย์สเตชั่นในมือซ้ำไปมาตามสูตรในขณะที่ตาก็มองจอไม่ละ จนป่านนี้อี้ชิงก็ยังไม่กลับบ้านตามที่บอกและคงจะทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาตามเคยแต่คราวนี้คริสคงจะไม่สนใจเหมือนทุกทีเพราะมันควรจะถึงคราวที่เขาเอาจริงได้แล้ว

อาการเมื่อยล้าที่ต้นคอทำให้ชายหนุ่มต้องเอียงศรีษะไปมาเพื่อบรรเทาความปวดเมื่อย คริสวางจอยเกมในมือลงก่อนจะคลานไปปิดเครื่องเล่นกับจอทีวีแล้วลุกขึ้นบิดตัวไปมา ดูเหมือนวันนี้แม่จะมาช้าเพราะติดประชุมคงไม่ต้องรอ

คริสปิดไฟห้องโถงกลางแล้วเดินไปเข้าห้องนอนตัวเองอย่างสบายอารมณ์ เขาตรงไปล้มตัวนอนบนเตียงนุ่มสบายแล้วคว้าหูฟังมาใส่หู หลับตาฟังเสียงประตูบ้านที่ถูกเปิดกับเสียงคุยที่ได้ยินแว่วๆทั้งยังดังขึ้นเรื่อยๆจนประตูห้องของเขาถูกเปิดอีกครั้ง

“พี่คริส.....”

“..............” เสียงจากน้องชายที่ดังขึ้นไม่ทำให้คริสใส่แม้แต่นิดเดียว เขาเลือกที่จะทำเป็นหลับและแกล้งไม่ได้ยินเพื่อกวนประสาทอี้ชิงที่พยายามจะกวนโมโหเขาด้วยการพาใครก็ไม่รู้เข้ามาที่บ้าน

ไม่ทันอึดใจเสียงปิดกระแทกประตูก็ทำให้คริสแทบจะหลุดขำ เสียงสนทนาจากด้านนอกดังขึ้นนิดหน่อยแต่ก็ยังฟังไม่ออกอยู่ดีว่าพูดอะไรกันแต่เหมือนอีกฝ่ายจะถูกไล่ให้กลับบ้านไปเพราะเขาได้ยินคำกล่าวลาแว่วๆ

หมากที่ยืมมาใช้ไม่ได้การซะแล้ว ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมามุขไหนแต่ขอบอกไว้ก่อนว่าคริสจะไม่ใจอ่อนให้ทั้งนั้น...

แกร๊ก

ประตูถูกเปิดอีกก่อนที่มันจะถูกปิดลงพร้อมกับเสียงกดล็อคลูกบิด คริสแกล้งขยับตัวเล็กน้อยเปลี่ยนท่าเป็นนอนหงาย ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงต้น งาที่พาดยาวทำให้คริสรู้ว่ามีใครบางคนยืนอยู่ที่ข้างเตียงของเขาก่อนที่จะรู้หนักที่หน้าท้องเมื่อน้องชายตัวเล็กขึ้นมานั่งทับอยู่บนท้องน้อยเขา

“รู้ว่ายังไม่หลับ” จางอี้ชิงถลกผ้านวมผืนหนาออกจากอกพี่ชายแล้วจัดการถลกเสื้อนอนหลวมๆขึ้นจนเห็นแผ่นอกหนาก่อนจะถอดเสื้อตัวเองออกบ้าง คนตัวเล็กโน้มกายลงไปนอนทับอกแกร่งให้หน้าอกเสียดสีกันเป็นการปลุกเร้าแต่ดูเหมือนคริสจะยังเอาแต่นอนนิ่งไม่ไหวติง และไม่แม้แต่จะคิดลืมตาขึ้นมา

“เบื่อคนปากแข็ง...” กระซิบถ้อยคำชวนสยิวที่ริมกกหูพร้อมกับเป่าลมร้อนลงไปเบาๆ ขยับเรือนร่างถูไถแผ่นออกหวังให้อีกฝ่ายลืมตาขึ้นแต่คนด้านล่างก็ยังเอาแต่นอนนิ่งจนรู้สึกหงุดหงิด อยากจะรู้จริงเชียวว่าคนอย่างคริสจะอดทนได้อีกสักแค่ไหน

“ลงไป จะนอน” คริสพูดออกมาทั้งๆที่หลับตาอยู่ ก่อนจะยกแขนขึ้นบังดวงตาถึงแม้ว่าในห้องนอนจะมืด เขาใช้สองมือดันร่างน้อยชายตัวแสบให้ถอยออกห่างแล้วหยิบหมอนใบเล็กข้างๆขึ้นมาปิดหน้าทำท่าทีเหมือนรำคาญ คริสเองก็อยากจะรู้ว่าอี้ชิงจะทำอะไรได้มากแค่ไหน

“แต่ข้างล่างมันยังไม่ง่วงเลยนะ”

“อือ ปล่อยไว้งั้นแหละ” คริสแกล้งจิ๊ปากทำเหมือนรำคาญเต็มที่ก่อนจะเบือนหน้าหนี คอยดูเถอะคราวนี้จะแกล้งให้ร้องไห้ไม่กล้ามาทำซ่ากับพี่ชายไปเลย

“ไม่อยากให้ช่วยหรอ” อี้ชิงยังคงเอาแต่พูดจายั่วยุอารมณ์คนตัวสูงแม้จะไม่ได้ลูบไล้สัมผัสกาย ท่าทางที่เหมือนกับรำคาญของคริสทำให้เขาเริ่มจะคิดว่าคริสอาจจะง่วงจริงๆ แต่นี่มันเพิ่งจะไม่กี่ทุ่มเอง อย่างคริสเนี่ยหรอจะง่วง

“เดี๋ยวไปเอาออกเอง”

“กับใครหละ”

“กับใครก็ได้ที่ไม่ลีลา เล่นตัว รำคาญ”

........

คำพูดที่หนักเหมือนกับสมอเรือของคริสถ่วงหัวใจคนฟังจนจมดิ่งลงสู่ก้นเหว สองมือเล็กที่วางอยู่บนหน้าท้องกำแน่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโกรธทั้งอายและเสียใจ แต่จะทำยังไงในเมื่อเขาเป็นคนเริ่มก็ต้องจบให้ลง

“พูดแรงจัง”

“จิ๊” คริสจิ๊ปากอย่างนึกเซ็ง ดึงหมอนที่ยกขึ้นปิดใบหน้าออก ดวงตาของเขาที่ชินกับความมืดมองเห็นร่างคนตัวเล็กที่นั่งทับอยู่บนหน้าท้องอย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าอี้ชิงจะอยากเอาชนะไปถึงไหน พยายามจะไฝว้ทั้งๆที่รู้ว่าชั้นเชิงมันคนละระดับ นี่ขนาดจะแถไม่รอดก็ยังไม่ยอมลามือ มันทำให้คริสสนุกจริงๆ

“วันนี้ลู่หานมาส่ง...”

“แล้ว?”

“ก็บอกเฉยๆ”

คำพูดที่เหมือนเป็นคำเปรยของน้องชายที่วนนิ้วอยู่บนเรือนร่างของเขาทำให้คริสได้แต่นึกขำ เขารู้ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วว่าคนที่ชื่อลู่หานมันมาส่งแต่แล้วยังไงต่อ อี้ชิงมีมุขแค่นี้เองหรอ เขาอุตส่าห์เตรียมคำพูดเอาไว้หลายอย่างแต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นไม้ตื้นขนาดนี้ มีแค่หมากตัวเดียวยังจะโม้อยู่ได้

“ชอบมันหรือไง” คริสแกล้งถามหยั่งเชิงทั้งๆที่ไม่ต้องการคำตอบ เขาไม่สนด้วยซ้ำว่าอี้ชิงจเที่ยวไปบอกรักใครเพราะมันแทบไม่มีความสำคัญ ในเมื่อดวงตากระต่ายคู่นั้นไม่เคยหันไปมองที่ไหนนอกจากแผ่นหลังของพี่ชายที่ได้พบกันวันแรก

จริงๆคริสก็ไม่อยากใจร้ายแต่เขาอยากจะจบเกมนี้ไวๆเพราะเบื่อเต็มทีกับการต่อปากต่อคำที่ไร้สาระ...

“ก็อาจจะ” อี้ชิงแค่ตอบสั้นๆก่อนจะขยับสะโพกลงไปนั่งทับที่หน้าขาหนาแล้วถกกางเกงนอนเนื้อดีลงด้านล่าง ใช้มือสัมผัสกับท่อนกายที่เริ่มจะแข็งตึงเล็กน้อยอย่างหยอกล้อ เขารู้ว่าถ้ายิ่งพูดมากกว่านี้ก็จะยิ่งติดกับคริสเพราะคริสเป็นพวกปากจัด เพราะอย่างนั้นก็ควรจะรวบรัดด้วยสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นรองซะเลย

“อยากได้มันขนาดต้องขึ้นมากินเองบนเตียงเลย?”

คำพูดร้ายกาจทำให้มือบางที่ขยับรูดแกนกายเบาๆหยุดชะงัก คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคายในความมืดก่อนจะขยับตัวขึ้นไปนั่งทับที่ส่วนกลางลำตัวอีกครั้ง จางอี้ชิงโน้มหน้าลงไปใกล้ใบหูพี่ชายก่อนจะกระซิบคำพูดที่ร้ายกาจไม่แพ้กันลงไปให้ได้ยิน ทว่าอีกฝ่ายกลับทำเพียงหัวเราะเบาๆในลำคอ

“เพราะว่ามากับลู่หานก็เลยมีอารมณ์หนะ...”
“ไม่เป็นไร... ไม่ถือ งั้นช่วยจัดการเหมือนทุกทีแล้วช่วยครางชื่อลู่หานดังๆได้ไหม อ่า... แลกกับช่วยเป็นอึนบีให้หน่อย... จัดการสิ อึนบี....”

.

.

.


ราวกับอารมณ์วาบหวามที่เคยครุกรุ่นถูกกระชากอย่างแรงจนเครื่องสดุด หัวใจดวงน้อยภายใต้แผ่นอกบีบรัดแน่นจนรู้สึกจุกลำคอ ร่างทั้งร่างถูกจับพลิกลงข้างใต้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่เสียววินาทีร่างกายสูงใหญ่ก็เปลี่ยนตำแหน่งขึ้นมาอยู่เหนือเรือนร่างของเขา

คริสไม่รอช้าก้มลงซุกไซร้ลำคอขาวผ่องที่เนียนลิ้นในขณะที่มือก็ลูบไล้ส่วนโค้งเว้าไปด้วย ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่หยุดเอ่ยคำพูดกรีดแทงหัวใจของน้องชายที่นอนนิ่งอยู่ด้านล่างเหมือนคนตายด้าน

“อ่า.... ไม่มีนมแต่ก็พอหลับตาคลำไปได้.... ไม่อยากนึกถึงตอนที่ได้เจอของจริงเลย...”

“เอาเลย วันนี้เต็มที่ จะเป็นลู่หานให้ทั้งคืนเลย...”

คริสไล่เลียปลายลิ้นชื้นแฉะไปตามแผ่นอกขาว ใช้ริมฝีปากหยอกเย้ากับยอดถันเล็กที่แข็งชันเพราะถูกกระตุ้น เขาใช้ลิ้นดุนดันมันอย่างหยอกล้อหวังได้เห็นปฏิกิริยาตอบโต้จากคนด้านล่าง น้องชายของเขาเอาแต่นอนนิ่งไม่ส่งเสียงร้อง ไม่ครวญครางชื่อลู่หานอย่างที่พูดไว้และไม่แม้แต่จะแอ่นอกตอบสนอง

คงจะกำลังบิ้วท์ว่าตัวคริสเป็นลู่หานอยู่หรือไม่ก็คงจะร้องไห้หมือนทุกที...

“อึนบีของพี่นอนแข็งเป็นหินแบบนี้ก็ไม่สนุกหนะสิ ไหนว่าแลกกันแล้วไง...”

“อึก....” เสียงสะอื้นเล็กๆดังในความมืดที่ไม่มีใครมองเห็นหน้าใครยกเว้นเงาของรูปร่าง จางอี้ชิงยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความรู้สึกปวดในจนแทบจะทนไม่ไหว

เขาไม่ใช่อึนบี... ไม่ใช่อึนบีของคริส... ไม่อยากเป็นคนอื่นแล้วก็ไม่อยากเป็นตัวแทนของใคร...

คริสช่างใจร้ายเหลือเกิน...

“จิ๊.... ร้องไห้ทำไม” คริสยันกายขึ้นอย่างหมดอารมณ์หลังจากที่ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของน้องชายที่เอาแต่นอนนิ่ง เขาเอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียงดวงเล็กและพบว่าอี้ชิงกำลังเอามือปิดหน้านอนห้องไห้เหมือนกับเด็กๆอยู่บนเตียง ... นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เห็นน้องชายตัวเล็กร้องไห้แบบนี้

“ฮึก...อึก....”

“หมดอารมณ์แล้ว กลับห้องไปก็แล้วกัน” คริสหยิบเสื้อตัวเล็กบนเตียงโยนไปไว้บนตัวน้องชายก่อนจะถกกางเกงขึ้นสวมแล้วทิ้งตัวลงนอนบนพื้นที่ว่าง หันหลังไห้กับร่างเล็กๆที่ส่นเทาเพราะแรงสะอื้น... คริสทำให้น้องร้องอีกแล้วสิ

“เบื่อ ขี้แย เรียกร้องความสนใจอยู่ได้ น่ารำคาญ”

สารพัดคำพูดทำร้ายจิตใจกรีดซ้ำลงบนหัวใจดวงน้อยที่ถูพังกำแพง เสียงร้องไห้ดังมากขึ้นจนเสียงกลั้นสะอื้นกลายเป็นร้องไห้ฮือ คริสรู้สึกสะใจเล็กน้อยที่ได้สั่งสอนเจ้าเด็กจอมอวดดีจนร้องไห้โยเย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สนใจหอก ไม่ใช่คริสที่เป็นคนเริ่มนี่หน่า

“ฮือ...ฮึก...ฮึก....” จางอี้ชิงได้แต่ยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้จนน้ำตาไหลลงช่องหู คำพูดของคริสช่างร้ายกาจยิ่งกว่ามีดนับพันเล่ม ยิ่งอีกฝ่ายเงียบไปไม่มีท่าทางว่าจะใยดีก็ยิ่งทำให้คนที่ถูกรังแกใจเสีย

ปมด้อยที่ฝังอยู่ในจิตใจถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง ตะกอนความโดดเดี่ยวฟุ้งไปทั่วหัวใจที่ถูกกรีด แม้แต่ตอนนี้ก็ทำได้แค่เดินตามหลังคริสทุกที...ไม่ว่ายังไงก็ไม่เคยละสายตาออกจากแผ่นหลังที่อบอุ่นได้ ยิ่งพูดจาผลักไสแต่พออีกฝ่ายเดินห่างไปไกลก็วิ่งเรียกร้องความสนใจไปทั่ว

สุดท้ายก็ไม่เคยเอาชนะผู้ชายใจร้ายที่ดีแต่ทำให้รู้สึกเสียใจ....

“ร้องไปเลย ทำตัวเอง”

คำพูดที่แสดงออกถึงความไม่แยแสทำให้คนตวเล็กได้แต่นอนร้องไห้เงียบๆท่ามกลางแสงสลัวๆ แผ่นหลังใหญ่ของคนด้านข้างยังคงแผร่กระจายไออุ่นรอให้เขาไปกอดรับแต่มันทำได้ยากเหลอเกินในเวลาแบบนี้ ถึงจะรู้ว่าคริสอบอุ่นและเป็นที่พักพิงได้ตลอดเวลาแต่ปากเฮงซวยที่ไม่เข้ากับนิสัยก็ทำให้เจ็บเหลือเกิน

นตัวเล็กพลิกร่างหันไปสวมกอดพี่ชายจากด้านหลัง ซบใบหน้าลงกับไหล่อุ่นๆที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สามารถทิ้งห่างร่างกายกำยำและแผ่นหลังที่อบอุ่นนี้ได้เลย

“ฮึก...ขอโทษ...อึก...”

“ไปนอนกับลู่หานเลย ไม่ให้อภัย”

“ไม่เอา” กอดกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นแล้วซุกหน้าลงกับบริเวณท้ายทอยเป็นการยืนยันว่าจะไม่ไปไห จางอี้ชิงยกขาเกี่ยวเอวพี่ชายตัวสูงเอาไว้ เสือกใบหน้ากับต้นคออย่างออดอ้อน ใครจะยอมไปอยู่ที่อื่นในเมื่อเขายืนอยู่ที่นี่มานานแล้ว ไม่ว่าจะยืนอยู่ข้างหน้าหรือข้างหลังยังไงพื้นที่ใกล้ๆคริสก็อบอุ่นที่สุด

“คราวหลังถ้าทำอีกก็ไม่ต้องเข้ามาในห้องเลย” คริสขยับกายพลิกตัวหันหน้าเข้าหาคนตัวเล็กที่นอนน้ำตาซึมอยู่ข้างหลังเขา ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ข้างแก้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะยันกายขึ้นคร่อมทับเด็กมีปัญหาจอมเรียกร้องความสนใจ ถึงเวลาที่คริสจะต้องคิดบัญชีสักทีรับรองว่าจางอี้ชิงจะไม่รอดแน่

“ไม่ทำแล้ว”

“ดี งั้นจำเอาไว้ว่าคิดจะแข่งอะไรกับฉันถ้าไม่อยากโดนแบบนี้....” ว่าจบ คนตัวสูงก็โน้มใบหน้าไปจัดการกับซอกคอขาวเนียนต่อเพื่อสานกิจกรรมที่ค้างเอาไว้ เมื่อลงโทษจางอี้ชิงทางจิตใจไปแล้วก็ถึงเวลาที่น้องชายของเขาจะต้องถูกสั่งสอนทางร่างกายสักที ให้รู้ว่าร่างกายนี้มันเป็นของใคร ใครที่มีสิทธิ์สัมผัสและโลมเลียมันแค่เพียงผู้เดียว

“อื้อ.....” จางอี้ชิงยกมือขึ้นโอบรอบคอพี่ชายคนรักเอาไว้ ปล่อยร่างกายให้ไหลไปกับการโลมเล้าที่กัดกินความรู้สึกโดดเดี่ยวให้หายไป... คริสยังไม่ได้ไปไหนและไม่เคยไปไหน มีแต่เขาที่ผลักไสแต่พอถูกทิ้งไปจริงๆก็เจ็บปวดซะอีก

เขาไม่อยากจะลองดีอีกแล้ว ... ไม่อยากเป็นธาตุอากาศ ไม่อยากถูกทิ้งให้ยืนคนเดียว ไม่อยากถูกผลักไสไปให้ใครต่อใครหรือปล่อยให้คริสไปยืนข้างคนอื่น จางอี้ชิงไม่อยากจะได้รับบทเรียนจากพี่ชายใจร้ยอีกแล้ว....







END







5555555 มาต่อแล้วค่ะหลังจากที่ดองไปเป็นชาติ หลังๆนี่รู้สึกมาแนว มาโซคิส slave ยังไงก็ไม่รู้ 555555 แต่ว่าก็จบแล้ว ขอบคุณที่อ่านค่ะ เอนจอยรีดดิ้ง :D