“คริส...แม่บอกว่าเอาเกมส์ให้น้องเล่นด้วย
ถ้าแค่นี้มีปัญหาก็ไม่ต้องเล่นนะ”
คุณนายอู๋พูดเสียงนิ่งชักสีหน้าเบื่อหน่ายเต็มทนพร้อมกับจ้องมองไปที่ลูกชายคนโตวัย11ขวบที่นั่งกดเกมส์มาริโอ้อยู่ที่พื้นบ้านโดยไม่มีท่าทางสะทกสะท้านต่อคำดุว่าเลย
“ก็น้องเล่นตายแล้ว” เด็กชายที่กำลังสนใจเกมส์บนจอตอบปัดแบบขอไปที
วันนี้เขาอุตส่าเก็บเงินไปถอยตลับเกมส์มาใหม่สดๆจากร้านแล้วมันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องยอมให้น้องวัยเพียง7ขวบมาเล่นด้วย
อีกอย่างอี้ชิงก็เล่นไม่เป็นแค่กดไม่กี่ทีก็ตายแล้วไม่เห็นต้องให้เล่นก็ได้
“คริส!” คุณนายจงเหอตวาดอย่างหัวเสียก่อนจะเดินจำอ้าวไปที่ปลั๊กไฟ้แล้วก้มตัวกระชากสายทีวีและสายเครื่องเล่นออกทีเดียวหมด
หน้าจอโทรทัศน์ดับพรึบทันทีเด็กหนุ่มที่นั่งกดจอยค้างอยู่นิ่งชะงักก่อนจะหันไปมองหน้าผู้เป็นแม่อย่างอึ้งๆ
คริสยังไม่ทันได้เซฟด่านที่67เลย...
“ถ้าเล่นด้วยกันไม่ได้ก็ไม่ต้องเล่น! แม่ซื้อมาให้เล่นด้วยกันสองคน
แค่นี้ก็ทำหวงน้องคริสอายุเท่าไหร่แล้ว”
จงเหอยืนเท้าสะเอวต่อว่าอลูกชายคนโตอย่างเหลืออด
ที่จริงเธอก็ไม่ใช่แม่ใจยักษ์หรืออะไรแถมออกจะตามใจลูกด้วยซ้ำแต่แบบนี้มันเกินไปจริงๆ
ทั้งวันมานี้เธอทำงานเหหนื่อยมากพอแล้วแต่ยังต้องมานั่งบ่นว่าลูกคนแล้วคนเล่าไม่หยุดปากแบบนี้เป็นใครก็ทนไม่ไหว
ลูกชายคนเล็กก็อายุแค่7ขวบพอเห็นพี่เล่นอะไรก็อยากเล่นด้วยแต่คริสนี่สิโตแล้วก็ไม่รู้จักโตทำหวงของ
บอกให้น้องเล่นเกมส์ด้วยก็แกล้งบอกให้น้องกระโดษลงหลุมตาย
บางครั้งให้น้องเล่นไม่ยอมเสียบจอยด้วยซ้ำ
“ก็น้องเล่นไม่เป็น”
คริสขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่พอใจทั้งยังลุกยืนขึ้นมองหน้าผู้เป็นแม่ เขาพยายามจะไม่ตะคอกและแสดงสีหน้าไม่พอใจเพราะรู้ว่าแม่ไม่ชอบ
คริสนั่งเล่มเกมส์มาสองชั่วโมงจนถึงด่าน67ไม่เห็นมีปัญหาอะไรแต่พออี้ชิงมาก็มีแต่เรื่องเต็มไปหมดรวมถึงเรื่องนี้ด้วย
“ก็รู้ว่าน้องเล่นไม่เป็นแต่น้องเห็นคริสเล่นก็อยากเล่นด้วยน้องไม่มีเพื่อนเล่น
ให้น้องเล่นหน่อยเดียวเดี๋ยวก็เบื่อแล้ว คริสจะทำหวงทำไม” จงเหอว่าเสียงดัง
เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคริสโดตป่านนี้ยังอิจฉาน้องชอบแกล้งชอบแหย่น้องไม่เลิกลาเสียที
“จิ๊” เด็กหนุ่มจิปากอย่างไม่พอใจพร้อมกับเสตาไปมองไอ้ตัวปัญหาที่ยืนหลบอยู่หลังขาผู้เป็นแม่แว้บนึงก่อนจะหันหลังเดินหนีขึ้นไปห้องตัวเองทันที
เขาไม่อยากจะอยู่เห็นหน้าไอ้ตัวจอมวุ่นวายที่มีแต่จะก่อเรื่องให้หงุดหงิดใจไม่เว้นแต่ละวัน
คริสได้ยินเสียงแม่บอกให้อี้ชิงไปเล่นเกมส์ต่อจากเขาแต่ตอนนี้คริสไม่มีอารมณ์จะลงไปเล่นต่อแล้ว
ทั้งแต้มทั้งเหรียญที่อุตส่าห์เก็บมาทั้งเกมส์ตั้งสองชั่วโมงกว่าก็หายหมด
คริสคงไม่กลับไปเล่นใหม่แน่
เด็กหนุ่มขึ้นมาบนชั้นสองเปิดประตูห้องตัวเองแล้วปิดกระแทกเป็นการระบายอารมณ์จนเสียงดังสนั่น
คริสเดินกระแทกส้นเท้าไปกระโดษขึ้นเตียงแรงๆด้วยความหงุดหงิด
เขาไม่รู้จะพูดกับแม่ยังไงว่าเขาไม่ได้เกลียดหรืออิจฉาอี้ชิง คริสแค่รำคาญ....
แค่รำคาญอี้ชิงเท่านั้นเอง...
ปกติอี้ชิงเป็นเด็กขี้แยมากเอะอะๆก็ร้องไห้จ้าไม่มีสาเหตุแล้วพอน้องร้องไห้ไม่ว่าเรื่องอะไรแม่จะโทษคริสก่อนเสมอ
เขาไม่ได้สนใจว่าแม่จะรักน้องมากกว่าหรืออะไรเพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาแต่สิ่งที่คริสไม่ต้องการคือเขาไม่อยากจะยุ่งกับ
จาง อี้ชิง ไม่ว่าเรื่องอะไร เพราะทุกครั้งที่อี้ชิงเข้ามายุ่งกับเขาคริสจะต้องซวยโดนด่าตลอด
ขนาดไม่ได้ทำผิดอะไรก็ยังโดนหาว่าไม่ดูแลน้องให้ดีและเรื่องอื่นๆอีกมากมายที่คริสเบื่อหน่ายเต็มทนจนรู้สึกอยากจะหนีออกจากบ้านไปไกลๆ
ถึงแม้พวกเขาจะไม่ใช่ลูกแท้ๆแต่แม่ก็รักเขามากเหมือนกับที่รักอี้ชิงเพราะงั้นคริสถึงไม่อยากจะมีปัญหาหรือขึ้นเสียงใส่แม่
เขาคิดว่าพรุ่งนี้จะขอเงินพ่อไปซื้อเครื่อใหม่มาเล่นก็ได้จะได้ไม่ต้องตบตีกับอี้ชิงอีก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูเบาๆที่หน้าห้องทำให้คริสเบ้หน้าเขาพลิกตัวเข้าหากำแพงก่อนจะดึงผ้านวมผืนหนาขึ้นมาคุมโปรงแกล้งหลับ
คนที่ชอบเคาะประตูเบาๆแบบนี้มีอี้ชิงคนเดียวเท่านั้นแหละแล้วนี่ก็คงจะขึ้นมาก่อกวนเขาเหมือนเคย
“พี่คริส...” เสียงเล็กๆดังจากนอกโปรงขึ้นทำเอาคริสขยาดแทบขนลุก
นี่เขนาดเขาหนีขึ้นมาบนห้องอี้ชิงก็ยังตามมกวนอีกเดี๋ยวพอคริสดุก็ร้องไห้แล้วเขาก็จะโดนแม่ด่าทั้งๆที่อยู่ดีๆบนห้องไม่ได้ทำอะไรเลย
“แม่บอกให้ขึ้นมาเล่นกับพี่คริส”
“หลับ” คริสไม่อยากตอบอะไร เขาเบื่อที่ต้องเล่นกับอี้ชิงไม่ว่าจะเล่นอะไรเพราะมันมีแต่ของเล่นเด็กๆทั้งนั้นไม่มีพวกวิดีโอเกมส์หรืออะไรมันๆทำเลย
“แต่แม่บอกว่าให้ขึ้นมาเล่นด้วย” เสียงเล็กๆยังดังขึ้นรบเร้าไม่หยุด
คริสได้แต่ขมวดคิ้วแน่นด้วยความงุ่นง่านผสมกับความไม่เข้าใจ อะไรๆเขาก็ยกให้ทั้งหมดแล้วทั้งวิดีโอเกมจนเหลือแต่ตัว
แล้วนี่อี้ชิงจะเอาอะไรจากเขาอีก
คริสเลิกผ้าห่มออกก่อนจะพลิกตัวหันไปทำหน้ายุ่งใส่น้องชายวัย7ขวบที่ยืนพิงประตูอยู่แต่ไม่กล้าเดินเข้ามาใกล้
เจ้าตัวคงรู้นั่นแหละว่าทำให้พี่ชายโกรธแต่ทำไมถึงยังกล้าขึ้นมาหาคริสอีกนะ
“ฉันไม่อยากเล่นกับแก อยากเล่นเกมนักก็ลงไปเล่นสิ”
คริสว่าอย่างใจร้ายก่อนจะคว้าตลับเกมส์อีกอันที่วางอยู่บนหัวเตียงโยนให้อี้ชิงจนมันตกอยู่ที่เท้าคนตัวเล็ก
ใครจะไปอยากเล่นกับเด็ก7ขวบที่ดีแต่ร้องไห้กัน
ไม่ใช่แค่กับเขาหรอกแต่พวกขี้แงขี้ฟ้องจะเล่นกับใครก็คงไม่มีใครอยากเล่นด้วย
“แต่แม่ให้พี่คริสเล่นด้วย”
อี้ชิงเริ่มเสียงสั่นเบะปากทำท่าเหมือนจะร้องไห้เพราะคริสโยนของใส่
เด็กหนุ่มตัวสูงได้แต่ทำหน้าแหยอยู่บนเตียงเพราะมันเป็นไปตามเสต็ปเดิมทุกอย่าง
หลังจากนี้อี้ชิงก็จะลงไปฟ้องแม่แล้วคริสก็โดนด่าหาว่าไม่ยอมให้น้องเล่นด้วย
“อยากทำอะไรก็ทำ” คริสไม่อยากจะเสวนาด้วย
เขาล้มตัวลงนอนกับหมอนก่อนจะพลิกตัวเข้าหาผนังห้องอย่างเบื่อหน่าย
คริสไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงถึงจะถูกใจอี้ชิงที่สุด
ในห้องเขามีของเล่นมากมายถ้าอี้ชิงอยากจะเล่นอะไรก็เอาไปเถอะคริสเบื่อจะพูดแล้ว
เขาได้ยินเสียงก๊อกแก๊กจากในห้องและคิดว่าน้องชายคงไปหาอะไรเล่นแต่คริสไม่ได้สนใจถ้าตราบใดที่มันไม่พังเขาคงไม่โวยวาย
บางทีคริสก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอี้ชิงถึงได้ทำตัวมีปัญหานักพอเวลาคริสจะเล่นอะไรก็ชอบมาแย่ง
แต่พอเขาไม่เล่นก็ไม่เล่นแล้วก็ตามมาแย่งของชิ้นใหม่
ขนาดตอนนี้คริสไม่เหลืออะไรอี้ชิงก็ยังตามมารังควานตัวเขาอีก
“อึก..”
คริสรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงสูดน้ำมูกร้องไห้กระซิกๆเบาๆพร้อมกับเสียงดังก้อกแก้ก
เขารีบเปิดผ้าห่มอย่างรำคาญใจก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งแล้วหันไปหาน้องชายที่นั่งเล่นอยู่กับพื้น
คริสเห็นน้องชายตัวเล็กไถรถหกล้อของเล่นไปมารอบๆตัวพร้อมกับร้องไห้ไปเงียบๆอย่างไม่มีสาเหตุ
จะร้องทำไมอีกวะ
คนยิ่งแพ้น้ำตาอยู่...
“เป็นอะไรอีก” คริสถามเสียงห้วนอย่างไม่เข้าใจ เขาลุกจากเตียงเดินไปนั่งยองๆอยู่หน้าน้องชาย
ยกมือขึ้นจับไหล่เล็กไว้แน่นเป็นการกดดันให้อี้ชิงยอมพูดว่าต้องการอะไร
เขาจะได้จัดการหามาให้แล้วจบสิ้นกันสักที
“แม่...ฮึก...แม่บอกให้เล่นกับพี่คริส...อึก”
อี้ชิงพยายามกลั้นเสียงสะอื้นอย่างไม่อยากร้องไห้
เขาไม่อยากทำให้คริสโกธรเพราะกลัวว่าจะไม่มีเพื่อนเล่น
“พี่ไม่เล่น...ไม่อยากเล่น อี้ขี้ฟ้องขี้แง ไม่มีใครเขาอยากเล่นด้วย”
คริสว่าอย่างชัดถ้อยชัดคำ เขาไม่รู้ว่าอี้ชิงเข้าใจหรือเปล่าแต่อย่างน้อยคนตัวเล็กก็น่าจะรู้เอาไว้บ้างว่าทำไมถึงไม่มีใครอยากเล่นกับตัวเอง
“ฮึก...อี้ไม่ร้อง...ฮึก...”
ถึงปากจะพูดแบบนั้นเพราะอยากให้พี่ชายเล่นด้วยแต่น้ำตานี่ไหลนองหน้าเป็นน้ำตกไนแองกาล่าและมันทำให้คริสรู้สึกห่อเหี่ยวปนรำคาญในใจพิลึก
“เฮ้อ...งั้นจะเล่นอะไร”
คริสหย่อนก้นลงนั่งลงขัดสมาธิอยู่หน้าผู้เป็นน้อง เขาเบื่อเหลือเกินที่จะต้องรบรากับเด็กที่พูดไม่รู้เรื่องและเอาแต่ใจ
“.................”
“................”
อี้ชิงไม่ยอมตอบว่าอยากเล่นอะไรแต่จ้องมองผู้เป็นพี่ตาแป๋ว
เขาอยากจะเล่นอะไรก็ได้ที่คริสเล่นด้วย อี้ชิงอยากเล่นทั้งหมด
คริสกรอกตาไปมาอย่างสับสนเมื่อคนตรงหน้าไม่ยอมตอบแถมยังจ้องตาเขาอย่างที่ไม่รู้ว่าต้องการจะสื่ออะไร
คริสได้แต่นั่งอยู่นิ่งๆเพราะไม่รู้ว่าอี้ชิงเล่นอะไรได้บ้าง
ถ้าเล่นต่อสู้กันพอน้องเจ็บคริสก็ซวยอีกไม่รู้เลยว่าอี้ชิงจะเล่นอะไรได้
“อี้จะไปเอาตุ๊กตาที่ห้อง”
อี้ชิงทำท่าเหมือนนึกอะไรออกก่อนจะโพล่งออกมาแล้วลุกขึ้นยืน เดินกึ่งวิ่งไปที่ประตูทันที
คริสนั่งตั้งศอกเท้าคางอย่างเบื่อหน่าย
นี่เด็กผ็ชายอายุ12ปีอย่างเขาต้องมาเล่นตุ๊กตาอย่างนั้นหรอ?
ถ้าเป็นโมเดลทหารหรือพวกมอนส์เตอร์ในการตูนก็พอว่าไปอย่าง แต่ไอ้ตุ๊กตาบาบี้นี่คริสไม่สามารถจริงๆ....
แม่จะปลูกฝังให้น้องเป็นตุ๊ดหรือไงวะ....
พอนึกแล้วได้แต่เบ้หน้าก่อนจะหงายหลังลงนอนกับพื้น เขาต้องทนอีกกี่ปีกว่าอี้ชิงจะโตแล้วเลิกตามติดเขาสักที
แค่นี้คริสก็เบื่อมากแล้ว เขาไม่ชอบให้ใครตามติดชีวิตเลยจริงๆ
....เมื่อไหร่จะเลิกวุ่นวายกับฉันสักทีนะ จาง อี้ชิง....
สิบปีต่อมา...
“อ๊า...ซี๊ดดด...อ่า....”
คริสโหมกระแทกบั้นใส่หว่างขาขาวถี่ยิบในขณะที่มือข้างนึงก็ลูบไล้ไปตามต้นขาเนียน
ดึงรั้งเรียวขาให้เกี่ยวกระชับเอวมากขึ้น ช่องทางอุ่นร้อนตอดรัดลำกายของเขาถี่รัวจนแทบจะปลดปล่อย
คริสได้แต่กัดฟันแน่นซอยบั้นเอวต่อไปโดยลดจังหวะให้เบาลงเพื่อยืดเวลาการมีเพศสัมพันธ์
“อื้อ...อ๊า....อ๊ะ...อ๊ะ...พี่คริส...อื้อ...จะเสร็จหรือยัง...ดะ...เดี๋ยวแม่มา...อ๊า”
อี้ชิงจกเล็บลงบนแผ่นหลังกำยำระบายความรู้สึกเสียวซ่านจากช่องทางที่ด้านหลังพี่ชายเขาโหมกระแทกบั้นเอวลงมาไม่ยั้งสลับกับซอยเนิบๆจนอี้ชิงรู้สึกอึดอัดไปหมดเพราะแกนกายส่วนหน้ายังไม่ได้รับการปลดปล่อยเสียที
“อื้อ...อ้า....อีกนิดเดียว...ซี๊ดด....”
คริสโน้มใบหน้าลงไปประกบจูบกับริมฝีปากอิ่ม ดูดดึงเคล้าคลึงอย่างหนักหน่วง
เขาเร่งซอยสะโพกให้ถี่ขึ้น
ไถหน้าท้องลงเสียดสีกับแกนกายเล็กที่ถูกแข็งชันดันอยู่ที่ท้องน้อย
คริสถอนสะโพกออกมาจนสุดแล้วอัดกระแทกกายๆแรง3-4ทีก่อนจะปลดปล่อยน้ำพันธุ์ร้อนๆเข้าไปในช่องทางตอดรัดเป็นจังหวะเดียวกับที่คนตัวเล็กกระตุกกลายปลดปล่อยน้ำรักออกมา
“แฮ่กๆๆ.....”
คริสทิ้งตัวซบใบหน้าลงกับซอกคอขาวหอบหายใจแฮ่กด้วยความเหนื่อยอ่อน เขาพลิกหน้าเข้าหาต้นคอใช้ริมฝีปากดูดลงบนเนื้อขาวเนียนเบาๆจนเป็นรอยก่อนจะใช้ข้อศอกยันกายขึ้นจ้องมองคนตัวเล็กที่แลบลิ้นหอบพอกัน
“ตกลงไอ้ลู่มันเป็นใคร” คริสถามหน้านิ่งและพยายามคลุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นเพราะอาการเหนื่อย
คนตัวเล็กที่นอนอยู่ใต้ร่างเหลือบตามามองแว้บนึงแล้วก็หันหน้าหนีก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับใช้มือยันอกแกร่งให้ถอยออกห่างแต่คนตัวสูงกับยกมือขึ้นจับข้อมือไว้แล้วกดลงบนพื้นเตียง
“ก็บอกว่าเพื่อน” อี้ชิงไม่ได้ขัดขืนดื้อรั้นแต่ก็ไม่ยอมสบตา
เขากรอกตาไปมาอย่างกวนจะประสาท
ยกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจเมื่อเห็นว่าพี่ชายบ้าอำนาจของตนเองกำลังรู้สึกหงุดหงิดจนเห็นได้ชัด
“แล้วทำไมเพิ่งกลับมากับมันป่านนี้”
คริสถามเสียงเข้มพร้อมกับส่งสายตาจับผิดไปให้ร่างข้างใต้ วันนี้อี้ชิงกลับบ้านช้าเพิ่งจะมาโผล่เอาตอนสองทุ่มแถมยังมีผู้ชายที่ชื่อลู่ฮันขับรถมาส่งอีกด้วย
ถึงจะบอกว่าเพื่อนคริสก็อยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้ว่าไปทำอะไรกันมาทำไมถึงเพิ่งจะกลับ
“เมื่อไหร่พี่จะเลิกวุ่นวายกับอี้สักทีเนี่ย”
ไม่ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ อี้ชิงหัวเราะออกมานิดๆจนเห็นฟันกระต่ายเมื่อเห็นพี่ชายขมวดคิ้วแน่นกับประโยคที่ได้ยิน
เขาชอบพูดประโยคนี้จริงๆแล้วถ้าพูดแล้วทำให้คริสหงุดหงิดก็ยิ่งรู้สึกอยากจะพูดซ้ำๆให้อีกฝ่ายเป็นบ้าตายไปเลย
“อย่ามาทำปากเก่ง”
“อะไร” อี้ชิงขึ้นเสียงสูงทำทีเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่คนตัวสูงพูดทั้งๆที่จริงๆแล้วตัวเขายิ่งกว่ารู้ดีซะอีกว่าคริสไม่ชอบให้ยอกย้อนแต่มันก็อดไม่ได้เมื่อมีโอกาส
“ทำเป็นพูดดีไปเถอะ” คริสถอนกายออกก่อนจะใช้แขนยันพลิกตัวลงไปนั่งบนขอบเตียงหยิบเอาผ้าขนหนูที่ตกอยู่ที่พื้นด้านล่างขึ้นมาพันรอบเอวไว้ปล่อยให้คนตัวเล็กนอนหัวเราะหึๆเหมือนกับคนเมายา
“ชอบวุ่นวาย ใช้กำลัง”
อี้ชิงยังจิกกัดพี่ชายตัวสูงด้วยคำพูดเดิมๆไม่เลิก จะว่าไปก็ดูคล้ายกับคนโรคจิตที่ชอบเรียกร้องความสนใจด้วยการทำให้อีกฝ่ายหึงแล้วต่อว่าด้วยคำพูดที่ตัวเองเคยได้รับตอนเด็กๆ
“นายไม่ชนะฉันหรอก” คริสยิ้มเยาะอย่างไม่แยแสต่อเสียงหัวเราะเยาะ อี้ชิงเป็นน้องเขามาตั้งแต่แบเบาะทำไมคริสจะไม่รู้ว่าน้องชายตัวเองเป็นยังไงแต่คริสแค่ไม่อยากจะต่อกลอนด้วยเท่านั้น
ถ้าเขาอยากจะเอาชนะจริงๆอี้ชิงก็คงไม่ได้มาเหลิงเหมือนทุกวันนี้หรอกเพราะยังไงน้องก๋คือน้องอยู่วันยังค่ำ
สภาพจิตใจ การเลี้ยงดูและสถานะมันต่างกัน
“แน่ใจหรอ?”
“หึ ถ้าฉันไม่เล่นด้วยก็อย่ามาร้องไห้แล้วกัน”
คริสหัวเราะในลำคอแค่ทีเดียวก่อนจะลุกยืนขึ้นจากเตียงเดินไปเปิดประตูออกไปนอกห้องทันที
ปล่อยทิ้งให้น้องชายนอนจมอยู่กับความคิดตัวเองบนเตียง
อี้ชิงนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกปวดที่ต้นขานิดหน่อย เขาหุบขาลงแล้วพลิกตัวนอนตะแครงดึงเอาหมอนข้างมากอดไว้
หลับตานอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
คำพูดของพี่ชายยังดังวนไปวนมาในหัวแม้จะพยายามไม่ใส่ใจแต่ก็ลบมันออกไปไม่ได้
ตั้งแต่เด็กแล้วที่คริสชอบแกล้งเขาด้วยการพูดทำลายน้ำใจอย่างเช่นบอกว่าอี้ชิงทำตัวน่ารำคาญบ้างหละ
เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับฉันซะทีบ้างหละ หาว่าเขาไม่มีใครอยากจะเล่นด้วยบ้าง
เป็นคนที่ปากร้ายอย่างเหลือเชื่อพูดจาทีคนฟังรู้สึกเหมือนโดนเชือดแต่เพอเอาเข้าจริงๆแล้วคริสก็ใจดีมากและไม่เคยร้ายอย่างที่ปากพูดสักครั้ง
ตลอดเวลาสิบกว่าปีที่อี้ชิงต้องทนฟังคำพูดพวกนี้ซ้ำๆจนรู้สึกเก็บกดเพราะตอนนั้นเขายังเป็นเด็กและทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากร้องไห้และฟ้องแม่
แต่พอตอนนี้อี้ชิงเติบโตขึ้นและพัฒนาความสัมพันธ์แบบลับๆกับพี่ชายจนอยู่ในจุดที่สามารถมีเพศสัมพันธ์กันได้อย่างไม่รู้สึกผิดเพราะต่างคนก็เป็นลูกเลี้ยงทั้งนั้นไม่ใช่พ่อแม่เดียวกัน
และด้วยความที่อี้ชิงโดนพี่ชายเมินและดูถูกมาตั้งแต่เด็กมันทำให้หลายครั้งเขารู้สึกอยากเรียกร้องความสนใจจากอีกฝ่าย
ถ้าคริสไม่สนใจก็จะทำให้หึงแล้วพอพี่ชายเข้ามาติดกับอี้ชิงก็จะต่อว่าและพูดเมินด้วยคำพูดของคริสเหมือนที่เขาเคยได้รับตอนเด็กๆมันเป็นความรู้สึกดีแบบพิลึกเมื่อได้มีตัวตนในสายตาของพี่ชาย
เขารู้สึกว่าตัวเองสำคัญและมีอิทธิพลมากในสถานะนี้ถึงคริสจะไม่ได้หวานแหววเอาใจใส่แต่ก็ถือเป็นการรักแบบฮาร์ดคอดี
หึงหวงตบจูบและมีความสุขโดยที่ไม่ต้องพ่นคำหวานใส่กันเพราะคริสเป็นพวกปากแข็ง
ปากร้ายแต่ใจดีมากถ้าหวังจะเอาอะไรกับคำพูดของคนๆนี้ก็ลืมไปได้เลยดูแค่ที่ผลของการกระทำก็พอ
ช่วงนี้คริสชอบทำเมินใส่เขาอยู่บ่อยๆจนน่าหมั่นไส้พอแกล้งกลับบ้านช้าให้เพื่อนมาส่งแค่นิดเดียวทำหึงหวงเป็นบ้าเป็นหลังเอะอะๆก็แสดงความเป็นเจ้าของยัดเยียดความเป็นผัวมาให้ทีเวลาปกติไม่ยักจะดูแลเอาใจใส่
เป็นคนที่แปลกจริงๆ...
“จะนอนแก้ผ้าจนแม่มาเลยหรือไง”
เสียงเปิดประตูและเสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังไม่ได้ทำให้คนตัวเล็กสนใจ
ต่อให้นอนแก้ผ้ากอดกันแม่ก็ไม่มีทางเปิดประตูเข้ามาโดยที่ไม่ขออนุญาตแน่มีแต่คริสนี่แหละที่เดินเข้านอกออกในห้องใครต่อใครโดยที่ไม่เคาะประตูเรียก
“น่ารำคาญ”
“จิ๊” คริสจิ๊ปากอย่างรู้สึกหงุดหงิดก่อนจะปิดประตูหันหลังเดินออกไปจากห้องทันที
นี่ขนาดด่าเขาว่าน่ารำคาญแต่ตัวเองกลับนอนแช่อยู่บนเตียงคนอื่นไม่ยอมลุกกลับห้องไปสักที
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าอี้ชิงตั้งใจจะกวนประสาทและคริสก็ไม่ได้ยอมแพ้ด้วยแต่เขาแค่ไม่อยากต่อกรกับเด็กอมมือที่คิดจะเล่นกับไฟ
อี้ชิงเป็นน้องเขามาตั้งแต่แบเบาะและแน่นอนว่าคนตัวเล็กไม่เคยทันความคิดเขา
ไม่เคยทันเกมไม่ว่าแข่งขันอะไรกันตั้งแต่เด็กๆมีแค่คริสที่ต้องยอมมาตลอดรวมถึงคราวนี้เองก็เช่นกันเพราะถ้าเขาอยากจะเอาชนะจริงๆคนที่ต้องร้องไห้ก็คงจะเป็นอี้ชิงเองนั่นแหละ
แล้วตอนนี้คริสก็กำลังจะเบื่อกับพฤติกรรมหลงระเริงของอี้ชิงแล้วด้วย...บางทีเขาอาจจะต้องสั่งสอนเด็กดื้อให้เข้าใจอะไรดีขึ้นบ้าง....
เวลาเช้าหลังจากที่แม่ไปทำงานคริสเดินไปคว้ากุญแจรถที่หน้าโทรทัศน์ก่อนจะถอดปลั๊กทีวีแล้วเดินไปคว้ากระเป๋าบนโซฟาเตรียมตัวไปเรียน
วันนี้เขาต้องไปส่งอี้ชิงที่โรงเรียนก่อนค่อยขับรถไปมหาลัยเพราะวันนี้แม่ไปทำงานเช้ากว่าปกติไม่มีเวลาขับรถไปส่งเหมือนทุกวัน
คนตัวเล็กในชุดนัดเรียนสะพายกระเป๋าเป้ขึ้นไหล่แล้วเดินตามพี่ชายไปอย่างเงียบๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อคืนคริสไปนอนห้องเขาแล้วปล่อยให้อี้ชิงนอนคนเดียวทั้งคืนที่ห้อง
มันเป็นการเพิกเฉยที่ใจร้ายเสียจริง
บางทีคริสควรโดนปั่นหัวมากกว่านี้จะได้รู้ตัวเองสักทีว่ากำลังแพ้แล้วก็จะได้เลิกจองหองทำตัวเหมือนอยู่เหนือทุกอย่างบนโลกใบนี้เสียที
“วันนี้ไม่ต้องไปรับนะ จะให้ลู่ฮันมาส่ง”
“อือ” คริสได้ยินคำพูดของน้องชายชัดเจนดีแต่ไม่คิดจะตอบอะไร
ถ้าอี้ชิงพอใจจะทำก็ทำไปเถอะ ตอนนี้เขาเริ่มเบื่อที่จะเล่นเกมที่ผู้เล่นอีกฝ่ายเอาแต่ใจแล้ว
“จะกลับช้าไม่ต้องรอ” คนตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงติดจะไม่พอใจนิดๆทั้งยังจ้องมองพี่ชายที่ยังทำอารมณ์ดีอยู่
“อื้อ” ถึงจะได้ยินอย่างนั้นแต่คริสก็ยังคงไม่ทุกข์ร้อน
เขาเห็นน้องชายเหลือบตามามองแว้บนึงแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ...ก่อนออกจากประตูบ้านคริสกดปิดไฟที่ผนังห้องใช้นิ้วควงกุญแจรถไปมาและผิวปากอย่างอารมณ์ดี
เขาเห็นแล้วว่าน้องชายเริ่มทำหน้าบูดแต่นั่นมันไม่ใช่เรื่องอะไรที่เขาต้องไปตามง้อนี่
อี้ชิงเป็นคนบอกเองว่าจะกลับบ้านช้า จะให้เพื่อนมาส่ง มันไม่เห็นจะเกี่ยวกับคริสตรงไหน
คนตัวเล็กได้แต่มองแผ่นหลังของพี่ชายด้วยสายตาเคืองๆ
คริสกำลังพยายามกวนประสาทเขาแต่อี้ชิงคิดว่าคริสจะไม่ชนะหรอก เดี๋ยวพอเขากลับบ้านช้าขึ้นมาหน่อยก็โวยวายเหมือนทุกทีที่ทำเหมือนไม่สนใจ
มันก็น่าสนุกดีสงครามเย็นที่แข่งกันเมินใส่กันผลสุดท้ายใครจะเย็นชาได้มากกว่าและเอาถ้วยไปครอง
“อยู่ให้ได้ถึงเย็นก็แล้วกัน!” พูดจิกกัดอย่างอารมณ์เสีย
คริสเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารำคาญและเข้าใจยากพอๆกับฟิสิกจนบางทีมันก็ทำให้คนตัวเล็กรู้สึกหงุด
“หึ....”
.
.
.
.
.
.
21 นาฬิกา....
คริสเหลือบตามองนาฬิกบนฝาผนังที่บอกเวลาใกล้จะดึกแล้ว
เขากดจอยเพลย์สเตชั่นในมือซ้ำไปมาตามสูตรในขณะที่ตาก็มองจอไม่ละ
จนป่านนี้อี้ชิงก็ยังไม่กลับบ้านตามที่บอกและคงจะทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาตามเคยแต่คราวนี้คริสคงจะไม่สนใจเหมือนทุกทีเพราะมันควรจะถึงคราวที่เขาเอาจริงได้แล้ว
อาการเมื่อยล้าที่ต้นคอทำให้ชายหนุ่มต้องเอียงศรีษะไปมาเพื่อบรรเทาความปวดเมื่อย
คริสวางจอยเกมในมือลงก่อนจะคลานไปปิดเครื่องเล่นกับจอทีวีแล้วลุกขึ้นบิดตัวไปมา ดูเหมือนวันนี้แม่จะมาช้าเพราะติดประชุมคงไม่ต้องรอ
คริสปิดไฟห้องโถงกลางแล้วเดินไปเข้าห้องนอนตัวเองอย่างสบายอารมณ์
เขาตรงไปล้มตัวนอนบนเตียงนุ่มสบายแล้วคว้าหูฟังมาใส่หู
หลับตาฟังเสียงประตูบ้านที่ถูกเปิดกับเสียงคุยที่ได้ยินแว่วๆทั้งยังดังขึ้นเรื่อยๆจนประตูห้องของเขาถูกเปิดอีกครั้ง
“พี่คริส.....”
“..............” เสียงจากน้องชายที่ดังขึ้นไม่ทำให้คริสใส่แม้แต่นิดเดียว
เขาเลือกที่จะทำเป็นหลับและแกล้งไม่ได้ยินเพื่อกวนประสาทอี้ชิงที่พยายามจะกวนโมโหเขาด้วยการพาใครก็ไม่รู้เข้ามาที่บ้าน
ไม่ทันอึดใจเสียงปิดกระแทกประตูก็ทำให้คริสแทบจะหลุดขำ
เสียงสนทนาจากด้านนอกดังขึ้นนิดหน่อยแต่ก็ยังฟังไม่ออกอยู่ดีว่าพูดอะไรกันแต่เหมือนอีกฝ่ายจะถูกไล่ให้กลับบ้านไปเพราะเขาได้ยินคำกล่าวลาแว่วๆ
หมากที่ยืมมาใช้ไม่ได้การซะแล้ว
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมามุขไหนแต่ขอบอกไว้ก่อนว่าคริสจะไม่ใจอ่อนให้ทั้งนั้น...
แกร๊ก
ประตูถูกเปิดอีกก่อนที่มันจะถูกปิดลงพร้อมกับเสียงกดล็อคลูกบิด
คริสแกล้งขยับตัวเล็กน้อยเปลี่ยนท่าเป็นนอนหงาย ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงต้น
งาที่พาดยาวทำให้คริสรู้ว่ามีใครบางคนยืนอยู่ที่ข้างเตียงของเขาก่อนที่จะรู้หนักที่หน้าท้องเมื่อน้องชายตัวเล็กขึ้นมานั่งทับอยู่บนท้องน้อยเขา
“รู้ว่ายังไม่หลับ” จางอี้ชิงถลกผ้านวมผืนหนาออกจากอกพี่ชายแล้วจัดการถลกเสื้อนอนหลวมๆขึ้นจนเห็นแผ่นอกหนาก่อนจะถอดเสื้อตัวเองออกบ้าง
คนตัวเล็กโน้มกายลงไปนอนทับอกแกร่งให้หน้าอกเสียดสีกันเป็นการปลุกเร้าแต่ดูเหมือนคริสจะยังเอาแต่นอนนิ่งไม่ไหวติง
และไม่แม้แต่จะคิดลืมตาขึ้นมา
“เบื่อคนปากแข็ง...”
กระซิบถ้อยคำชวนสยิวที่ริมกกหูพร้อมกับเป่าลมร้อนลงไปเบาๆ
ขยับเรือนร่างถูไถแผ่นออกหวังให้อีกฝ่ายลืมตาขึ้นแต่คนด้านล่างก็ยังเอาแต่นอนนิ่งจนรู้สึกหงุดหงิด
อยากจะรู้จริงเชียวว่าคนอย่างคริสจะอดทนได้อีกสักแค่ไหน
“ลงไป จะนอน” คริสพูดออกมาทั้งๆที่หลับตาอยู่
ก่อนจะยกแขนขึ้นบังดวงตาถึงแม้ว่าในห้องนอนจะมืด
เขาใช้สองมือดันร่างน้อยชายตัวแสบให้ถอยออกห่างแล้วหยิบหมอนใบเล็กข้างๆขึ้นมาปิดหน้าทำท่าทีเหมือนรำคาญ
คริสเองก็อยากจะรู้ว่าอี้ชิงจะทำอะไรได้มากแค่ไหน
“แต่ข้างล่างมันยังไม่ง่วงเลยนะ”
“อือ ปล่อยไว้งั้นแหละ”
คริสแกล้งจิ๊ปากทำเหมือนรำคาญเต็มที่ก่อนจะเบือนหน้าหนี
คอยดูเถอะคราวนี้จะแกล้งให้ร้องไห้ไม่กล้ามาทำซ่ากับพี่ชายไปเลย
“ไม่อยากให้ช่วยหรอ”
อี้ชิงยังคงเอาแต่พูดจายั่วยุอารมณ์คนตัวสูงแม้จะไม่ได้ลูบไล้สัมผัสกาย
ท่าทางที่เหมือนกับรำคาญของคริสทำให้เขาเริ่มจะคิดว่าคริสอาจจะง่วงจริงๆ แต่นี่มันเพิ่งจะไม่กี่ทุ่มเอง
อย่างคริสเนี่ยหรอจะง่วง
“เดี๋ยวไปเอาออกเอง”
“กับใครหละ”
“กับใครก็ได้ที่ไม่ลีลา เล่นตัว รำคาญ”
........
คำพูดที่หนักเหมือนกับสมอเรือของคริสถ่วงหัวใจคนฟังจนจมดิ่งลงสู่ก้นเหว
สองมือเล็กที่วางอยู่บนหน้าท้องกำแน่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ทั้งโกรธทั้งอายและเสียใจ แต่จะทำยังไงในเมื่อเขาเป็นคนเริ่มก็ต้องจบให้ลง
“พูดแรงจัง”
“จิ๊” คริสจิ๊ปากอย่างนึกเซ็ง
ดึงหมอนที่ยกขึ้นปิดใบหน้าออก
ดวงตาของเขาที่ชินกับความมืดมองเห็นร่างคนตัวเล็กที่นั่งทับอยู่บนหน้าท้องอย่างชัดเจน
ไม่รู้ว่าอี้ชิงจะอยากเอาชนะไปถึงไหน
พยายามจะไฝว้ทั้งๆที่รู้ว่าชั้นเชิงมันคนละระดับ นี่ขนาดจะแถไม่รอดก็ยังไม่ยอมลามือ
มันทำให้คริสสนุกจริงๆ
“วันนี้ลู่หานมาส่ง...”
“แล้ว?”
“ก็บอกเฉยๆ”
คำพูดที่เหมือนเป็นคำเปรยของน้องชายที่วนนิ้วอยู่บนเรือนร่างของเขาทำให้คริสได้แต่นึกขำ
เขารู้ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วว่าคนที่ชื่อลู่หานมันมาส่งแต่แล้วยังไงต่อ
อี้ชิงมีมุขแค่นี้เองหรอ เขาอุตส่าห์เตรียมคำพูดเอาไว้หลายอย่างแต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นไม้ตื้นขนาดนี้
มีแค่หมากตัวเดียวยังจะโม้อยู่ได้
“ชอบมันหรือไง”
คริสแกล้งถามหยั่งเชิงทั้งๆที่ไม่ต้องการคำตอบ
เขาไม่สนด้วยซ้ำว่าอี้ชิงจเที่ยวไปบอกรักใครเพราะมันแทบไม่มีความสำคัญ
ในเมื่อดวงตากระต่ายคู่นั้นไม่เคยหันไปมองที่ไหนนอกจากแผ่นหลังของพี่ชายที่ได้พบกันวันแรก
จริงๆคริสก็ไม่อยากใจร้ายแต่เขาอยากจะจบเกมนี้ไวๆเพราะเบื่อเต็มทีกับการต่อปากต่อคำที่ไร้สาระ...
“ก็อาจจะ” อี้ชิงแค่ตอบสั้นๆก่อนจะขยับสะโพกลงไปนั่งทับที่หน้าขาหนาแล้วถกกางเกงนอนเนื้อดีลงด้านล่าง
ใช้มือสัมผัสกับท่อนกายที่เริ่มจะแข็งตึงเล็กน้อยอย่างหยอกล้อ
เขารู้ว่าถ้ายิ่งพูดมากกว่านี้ก็จะยิ่งติดกับคริสเพราะคริสเป็นพวกปากจัด
เพราะอย่างนั้นก็ควรจะรวบรัดด้วยสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นรองซะเลย
“อยากได้มันขนาดต้องขึ้นมากินเองบนเตียงเลย?”
คำพูดร้ายกาจทำให้มือบางที่ขยับรูดแกนกายเบาๆหยุดชะงัก
คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคายในความมืดก่อนจะขยับตัวขึ้นไปนั่งทับที่ส่วนกลางลำตัวอีกครั้ง
จางอี้ชิงโน้มหน้าลงไปใกล้ใบหูพี่ชายก่อนจะกระซิบคำพูดที่ร้ายกาจไม่แพ้กันลงไปให้ได้ยิน
ทว่าอีกฝ่ายกลับทำเพียงหัวเราะเบาๆในลำคอ
“เพราะว่ามากับลู่หานก็เลยมีอารมณ์หนะ...”
“ไม่เป็นไร... ไม่ถือ
งั้นช่วยจัดการเหมือนทุกทีแล้วช่วยครางชื่อลู่หานดังๆได้ไหม อ่า...
แลกกับช่วยเป็นอึนบีให้หน่อย... จัดการสิ อึนบี....”
.
.
.
ราวกับอารมณ์วาบหวามที่เคยครุกรุ่นถูกกระชากอย่างแรงจนเครื่องสดุด
หัวใจดวงน้อยภายใต้แผ่นอกบีบรัดแน่นจนรู้สึกจุกลำคอ ร่างทั้งร่างถูกจับพลิกลงข้างใต้อย่างรวดเร็ว
เพียงแค่เสียววินาทีร่างกายสูงใหญ่ก็เปลี่ยนตำแหน่งขึ้นมาอยู่เหนือเรือนร่างของเขา
คริสไม่รอช้าก้มลงซุกไซร้ลำคอขาวผ่องที่เนียนลิ้นในขณะที่มือก็ลูบไล้ส่วนโค้งเว้าไปด้วย
ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่หยุดเอ่ยคำพูดกรีดแทงหัวใจของน้องชายที่นอนนิ่งอยู่ด้านล่างเหมือนคนตายด้าน
“อ่า.... ไม่มีนมแต่ก็พอหลับตาคลำไปได้.... ไม่อยากนึกถึงตอนที่ได้เจอของจริงเลย...”
“เอาเลย วันนี้เต็มที่
จะเป็นลู่หานให้ทั้งคืนเลย...”
คริสไล่เลียปลายลิ้นชื้นแฉะไปตามแผ่นอกขาว
ใช้ริมฝีปากหยอกเย้ากับยอดถันเล็กที่แข็งชันเพราะถูกกระตุ้น
เขาใช้ลิ้นดุนดันมันอย่างหยอกล้อหวังได้เห็นปฏิกิริยาตอบโต้จากคนด้านล่าง น้องชายของเขาเอาแต่นอนนิ่งไม่ส่งเสียงร้อง
ไม่ครวญครางชื่อลู่หานอย่างที่พูดไว้และไม่แม้แต่จะแอ่นอกตอบสนอง
คงจะกำลังบิ้วท์ว่าตัวคริสเป็นลู่หานอยู่หรือไม่ก็คงจะร้องไห้หมือนทุกที...
“อึนบีของพี่นอนแข็งเป็นหินแบบนี้ก็ไม่สนุกหนะสิ
ไหนว่าแลกกันแล้วไง...”
“อึก....”
เสียงสะอื้นเล็กๆดังในความมืดที่ไม่มีใครมองเห็นหน้าใครยกเว้นเงาของรูปร่าง
จางอี้ชิงยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความรู้สึกปวดในจนแทบจะทนไม่ไหว
เขาไม่ใช่อึนบี... ไม่ใช่อึนบีของคริส...
ไม่อยากเป็นคนอื่นแล้วก็ไม่อยากเป็นตัวแทนของใคร...
คริสช่างใจร้ายเหลือเกิน...
“จิ๊.... ร้องไห้ทำไม”
คริสยันกายขึ้นอย่างหมดอารมณ์หลังจากที่ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของน้องชายที่เอาแต่นอนนิ่ง
เขาเอื้อมมือไปเปิดไฟหัวเตียงดวงเล็กและพบว่าอี้ชิงกำลังเอามือปิดหน้านอนห้องไห้เหมือนกับเด็กๆอยู่บนเตียง
... นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เห็นน้องชายตัวเล็กร้องไห้แบบนี้
“ฮึก...อึก....”
“หมดอารมณ์แล้ว กลับห้องไปก็แล้วกัน”
คริสหยิบเสื้อตัวเล็กบนเตียงโยนไปไว้บนตัวน้องชายก่อนจะถกกางเกงขึ้นสวมแล้วทิ้งตัวลงนอนบนพื้นที่ว่าง
หันหลังไห้กับร่างเล็กๆที่ส่นเทาเพราะแรงสะอื้น... คริสทำให้น้องร้องอีกแล้วสิ
“เบื่อ ขี้แย เรียกร้องความสนใจอยู่ได้
น่ารำคาญ”
สารพัดคำพูดทำร้ายจิตใจกรีดซ้ำลงบนหัวใจดวงน้อยที่ถูพังกำแพง
เสียงร้องไห้ดังมากขึ้นจนเสียงกลั้นสะอื้นกลายเป็นร้องไห้ฮือ
คริสรู้สึกสะใจเล็กน้อยที่ได้สั่งสอนเจ้าเด็กจอมอวดดีจนร้องไห้โยเย
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สนใจหอก ไม่ใช่คริสที่เป็นคนเริ่มนี่หน่า
“ฮือ...ฮึก...ฮึก....”
จางอี้ชิงได้แต่ยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้จนน้ำตาไหลลงช่องหู คำพูดของคริสช่างร้ายกาจยิ่งกว่ามีดนับพันเล่ม
ยิ่งอีกฝ่ายเงียบไปไม่มีท่าทางว่าจะใยดีก็ยิ่งทำให้คนที่ถูกรังแกใจเสีย
ปมด้อยที่ฝังอยู่ในจิตใจถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง
ตะกอนความโดดเดี่ยวฟุ้งไปทั่วหัวใจที่ถูกกรีด
แม้แต่ตอนนี้ก็ทำได้แค่เดินตามหลังคริสทุกที...ไม่ว่ายังไงก็ไม่เคยละสายตาออกจากแผ่นหลังที่อบอุ่นได้
ยิ่งพูดจาผลักไสแต่พออีกฝ่ายเดินห่างไปไกลก็วิ่งเรียกร้องความสนใจไปทั่ว
สุดท้ายก็ไม่เคยเอาชนะผู้ชายใจร้ายที่ดีแต่ทำให้รู้สึกเสียใจ....
“ร้องไปเลย ทำตัวเอง”
คำพูดที่แสดงออกถึงความไม่แยแสทำให้คนตวเล็กได้แต่นอนร้องไห้เงียบๆท่ามกลางแสงสลัวๆ
แผ่นหลังใหญ่ของคนด้านข้างยังคงแผร่กระจายไออุ่นรอให้เขาไปกอดรับแต่มันทำได้ยากเหลอเกินในเวลาแบบนี้
ถึงจะรู้ว่าคริสอบอุ่นและเป็นที่พักพิงได้ตลอดเวลาแต่ปากเฮงซวยที่ไม่เข้ากับนิสัยก็ทำให้เจ็บเหลือเกิน
นตัวเล็กพลิกร่างหันไปสวมกอดพี่ชายจากด้านหลัง
ซบใบหน้าลงกับไหล่อุ่นๆที่ทำให้รู้สึกสบายใจ
ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สามารถทิ้งห่างร่างกายกำยำและแผ่นหลังที่อบอุ่นนี้ได้เลย
“ฮึก...ขอโทษ...อึก...”
“ไปนอนกับลู่หานเลย ไม่ให้อภัย”
“ไม่เอา”
กอดกระชับวงแขนให้แน่นขึ้นแล้วซุกหน้าลงกับบริเวณท้ายทอยเป็นการยืนยันว่าจะไม่ไปไห
จางอี้ชิงยกขาเกี่ยวเอวพี่ชายตัวสูงเอาไว้ เสือกใบหน้ากับต้นคออย่างออดอ้อน
ใครจะยอมไปอยู่ที่อื่นในเมื่อเขายืนอยู่ที่นี่มานานแล้ว
ไม่ว่าจะยืนอยู่ข้างหน้าหรือข้างหลังยังไงพื้นที่ใกล้ๆคริสก็อบอุ่นที่สุด
“คราวหลังถ้าทำอีกก็ไม่ต้องเข้ามาในห้องเลย”
คริสขยับกายพลิกตัวหันหน้าเข้าหาคนตัวเล็กที่นอนน้ำตาซึมอยู่ข้างหลังเขา
ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ข้างแก้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะยันกายขึ้นคร่อมทับเด็กมีปัญหาจอมเรียกร้องความสนใจ
ถึงเวลาที่คริสจะต้องคิดบัญชีสักทีรับรองว่าจางอี้ชิงจะไม่รอดแน่
“ไม่ทำแล้ว”
“ดี
งั้นจำเอาไว้ว่าคิดจะแข่งอะไรกับฉันถ้าไม่อยากโดนแบบนี้....” ว่าจบ คนตัวสูงก็โน้มใบหน้าไปจัดการกับซอกคอขาวเนียนต่อเพื่อสานกิจกรรมที่ค้างเอาไว้
เมื่อลงโทษจางอี้ชิงทางจิตใจไปแล้วก็ถึงเวลาที่น้องชายของเขาจะต้องถูกสั่งสอนทางร่างกายสักที
ให้รู้ว่าร่างกายนี้มันเป็นของใคร
ใครที่มีสิทธิ์สัมผัสและโลมเลียมันแค่เพียงผู้เดียว
“อื้อ.....” จางอี้ชิงยกมือขึ้นโอบรอบคอพี่ชายคนรักเอาไว้
ปล่อยร่างกายให้ไหลไปกับการโลมเล้าที่กัดกินความรู้สึกโดดเดี่ยวให้หายไป...
คริสยังไม่ได้ไปไหนและไม่เคยไปไหน
มีแต่เขาที่ผลักไสแต่พอถูกทิ้งไปจริงๆก็เจ็บปวดซะอีก
เขาไม่อยากจะลองดีอีกแล้ว ... ไม่อยากเป็นธาตุอากาศ
ไม่อยากถูกทิ้งให้ยืนคนเดียว
ไม่อยากถูกผลักไสไปให้ใครต่อใครหรือปล่อยให้คริสไปยืนข้างคนอื่น
จางอี้ชิงไม่อยากจะได้รับบทเรียนจากพี่ชายใจร้ยอีกแล้ว....
END
5555555 มาต่อแล้วค่ะหลังจากที่ดองไปเป็นชาติ
หลังๆนี่รู้สึกมาแนว มาโซคิส slave ยังไงก็ไม่รู้ 555555
แต่ว่าก็จบแล้ว ขอบคุณที่อ่านค่ะ เอนจอยรีดดิ้ง :D
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น