วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

[ฟิคเสื่อม] ฝรั่ง The series(เปิดซีซั่น2) - เมียนั้นสำคัญไฉน -




“คริส...”


“ครับผม”


“สัญญานะคะว่าจะไม่ทำอีก...”


ภายใต้บรรยากาศอึมครึมเวลาสามทุ่มสิบห้า เสียงสูดน้ำมูกยังคงดังเบาๆหลังจากที่จางอี้ชิงผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนโดยที่คริสทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งกอดภรรยาของเขาไว้แน่นๆ ไม่กล้าแม้แต่จะปริปากพูดหรือปฏิเสธความผิดตัวเอง

วันนี้ตอนที่อิ้ชิงกำลังค้นกระเป๋าสตางค์ของคริสเพื่อที่จะหาตุ้มหูที่ถอดฝากไว้เมื่อวันก่อนคนตัวเล็กก็ดันไปเจอถุงยางที่เหน็บอยู่ในกระเป๋าซ่อนและนั่นทำเอาภรรยาของเขาถึงกับหลบไปร้องไห้โฮแทบหมดแรงเลยทีเดียว ตอนแรกคริสไม่รู้อี้ชิงเป็นอะไรอที่ยู่ๆก็หลบขึ้นไปบนห้องไม่ยอมคุยแถมยังย้ายหมอนไปนอนห้องรับรองอีกด้วยจนกระทั่งเขาเดินไปได้ยินเสียงอี้ชิงร้องไห้คริสก็รีบไปเอากุญแจสำรองมาไขห้องทันที

วินาทีแรกที่ได้เห็นภรรยาร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรโดยที่ข้างตัวมีถุงยางที่คริสเก็บเอาไว้วางอยู่เพียงเท่านั้นเขาก็ถึงกับเข่าอ่อนเมื่อรู้ตัวว่าทำพลาดไป รู้สึกกลัวจับใจว่าอี้ชิงจะขอหย่าเพราะคริสแอบไปนอกกายกับสาวอื่นและเขาคงไม่โกหกหรือปฏิเสธเพราะหลักฐานมันคาตาอยู่ตรงหน้าแต่เหมือสิ่งอื่นไดคือคริสไม่ได้ตั้งใจและเขาไม่คิดเคยคิดจะนอกใจภรรยา


“ค่ะ คริสสัญญา สัญญาด้วยชีวิตเลย” คริสตอบรนรานพร้อมกับกระชับอ้อนแขนให้แน่นขึ้น คริสกลัวที่สุดว่าอี้ชิงจะไม่ให้อภัยเขาและหย่าร้างกันไปเพราะคริสไม่เคยแม้แต่จะคิดไปนอนกับใครจริงๆ เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวันก่อนตอนที่เขาไปเลี้ยงฉลองกับประธานบริษัทอื่นที่ผับโดยที่แต่ละคนก็เป็นชายวัยกลัดมันทั้งนั้นก็เลยมีการเรียกเด็กนั่งมาคลอเคลียเป็นธรรมดา

คริสถูกคะยั้นคะยอให้ดื่มหลายแก้วๆทั้งๆที่ปฏิเสธจนเมาได้ที่สุดท้ายก็พาดไปฟาดสาวคนนึงจนได้โดยที่เขาไม่ได้สติและเกือบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำ พอตื่นเช้ามาก็รีบเก็บกระเป๋าหยิบถุงยางติดกลับมาด้วยแต่คริสไม่คิดจะใช้มันอีกเขาเพียงแค่เผลอหยิบติดมือมาเท่านั้นพออี้ชิงมาเจอก็เลยเป็นเรื่อง
ตอนแรกที่คนตัวเล็กวางกระเป๋าของเขาลงอี้ชิงไม่แม้แต่จะซักถามว่าเรื่องเป็นมายังไง ไม่พูดอะไร ไม่โวยวายแต่หลบไปร้องไห้เงียบๆและมันทำให้คริสรู้สึกแย่ยิ่งกว่าโดนด่าเสียอีกแต่สุดท้ายเขาก็ได้อธิบายทุกอย่างและหวังว่าอี้ชิงจะเชื่อแล้วยอมให้อภัย...


“ฮื่อ...ถ้าอี้ทำบ้างคริสจะรู้สึกยังไง...ฮื่อ” อี้ชิงปล่อยน้ำตาออกมาอีกระลอกด้วยความเสียใจ ทั้งๆที่เขาเชื่อว่าคริสจะหยุดแล้วจริงๆแต่ทำไมถึงได้ยังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ถึงคริสจะอธิบายว่าไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ อี้ชิงก็เข้าใจแต่มันก็อดเสียใจไม่ได้


“อย่าทำนะคะ อย่านะ คริสขอร้อง คริสทนไม่ได้” พอได้ยินคำพูดของภรรยาคริสก็รู้สึกรวนไปหมดจนทำอะไรไม่ถูก เขายังยืนยันว่าตัวเองทำพลาดและไม่ได้ตั้งใจแต่ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้กับอี้ชิงคริสคงจะทนไม่ได้ถ้าเขาไม่ได้ตามล่าไอ้ผู้ชายคนนั้น


“ฮึก...งั้นคริสก็ควรถูกลงโทษ...อึก...คราวหลังจะได้ไม่ทำ”


“....................” คริสพูดอะไรไม่ออก ไม่กล้าแม้แต่จะออกปากปฏิเสธ เขารู้ว่าตัวเองผิดแต่กลับไม่อยากถูกทำโทษไม่ว่าด้วยวิธีไดเพราะทุกครั้งที่อี้ชิงบอกว่าจะลงโทษทีไรมันสาหัสทุกที


“ต่างคนต่างอยู่สักอาทิตย์นึงนะคะ คริสตื่นไปทำงานเอง หาอะไรกินเอง ห้ามเอา ห้ามกอด ห้ามจูบ นอนแยกห้อง” อี้ชิงยกมือขึ้นผลักอกสามีเบาๆแต่คริสยังดื้นรั้นกระชับอ้อมกอดไว้แน่นไม่ยอมปล่อยแถมยังส่ายไปมาอย่างไม่ยอมรับโทษตัวเองและทำตัวเอาแต่ใจเหมือนเด็กๆ


“ไม่เอานะคะ ยากไป คริสขอตื่นไปทำงานกับหาอะไรกินเองก็พอ” คริซบหน้าลงกับลาดไหล่ของภรรยาพร้อมกับส่ายหน้าไปมา เขาทำไม่ได้แน่ถ้าต้องนอนแยกห้องกับอี้ชิงหรือแม้แต่การงดกอดจูบ คริสคงจะขาดใจตายแน่ถ้าไม่ได้พูดคุยกับภรรยาของเขา


“หรือจะให้อี้กลับเกาหลี”


“................”


“งั้นก็ต้องทำนะคะ เริ่มคืนนี้เลย” เมื่อเห็นว่าคริสไม่ได้ตอบอะไรอิ้ชิงจึงดันอีกฝ่ายให้ผละตัวออกก่อนจะคลานไปปหยิบหมอนบนเตียง ขยุ้มเอาผ้านวมผืนหนามากอดไว้แล้วหันหลังเดินออกจากห้องปล่อยให้คริสจมดิ่งอยู่กับตัวเองโดยที่ไม่สนใจแม้แต่สายตาอ้อนวอนของผู้เป็นสามี









อี้ชิงเดินหอบหมอนไปเปิดห้องรับรองนอนอีกห้องหนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วปิดประตูล็อคลูกบิดแน่นหนาก่อนจะเดินเอาหมอนไปวางไว้บนเตียง ทิ้งตัวลงหนอนหงายกับที่นอนด้วยความเหนื่อยอ่อนหัวใจ ที่จริงตอนแรกอี้ชิงก็เสียใจอยู่หรอกที่คิดว่าคริสจะไปแอบซุกเมียเล็กเมียน้อยไว้แต่พอได้ฟังเหตุผลว่าเมาไม่ได้สติจำไม่ได้เขาก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อยแม้จะยังติดใจเรื่องที่คริสเก็บถุงยางไว้ในกระเป๋าสตางค์ก็เถอะเพราะถ้าไม่คิดจะใช้อีกจะเก็บไว้ทำไม?
เรื่องนี้แหละที่ทำให้อี้ชิงรู้สึกไม่สบายใจและคิดว่าสามีเขาควรจะถูกลงโทษเสียบ้างจะได้จดจำและไม่ทำเป็นครั้งที่สองเพราะถ้าคริสทำผิดอีกครั้งหรือว่าทำอีกสักร้อยครั้งอี้ชิงก็เชื่อว่าเขาสามารถให้อภัยและอดทนได้ หลังจากที่แต่งงานมีปีกว่าอี้ชิงรู้สึกว่าตัวเองนิ่งขึ้นมากและมีความคิดที่โตขึ้นเรื่อยๆ
หลายครั้งที่เขาจับได้ว่าคริสให้เบอร์โทรศัพท์กับนางแบบคู่ขาคนเก่าๆ อาจจะเอาไว้ติดต่องานกันหรือว่าอะไรก็ไม่แน่ใจแต่ข้อความที่ฝ่ายนั้นส่งเข้ามาส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องส่วนตัวทั้งสิ้นแต่อี้ชิงก็เลือกที่จะไม่พูดเพราะเขาไว้ใจคริสและทุกครั้งที่มีข้อความพวกนั้นส่งมาไม่กินสองวันมันก็จะถูกลบโดยสามีของเขาเอง

บางครั้งอี้ชิงก็รู้สึกว่าคริสยังไม่โตเท่าไหร่กับเรื่องพวกนี้ถึงจะเป็นหัวหน้าครอบครัวมีความคิดเป็นผู้นำจริงแต่หลายๆเรื่อง คริสก็ไม่ค่อยเข้าและชอบถามอยู่บ่อยๆว่าทำไมเขาต้องทำเหมือนไม่อะไรทั้งๆที่รู้สึกแย่ อี้ชิงเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกันอาจเป็นเพราะเขาไม่อยากสร้างรอยร้าวให้มันมากไปกว่าเดิมแค่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นก็น่าจะดีที่สุด



แน่นอนว่าถ้าคนไม่เชื่อใจกันคงทำไม่ได้...



อี้ชิงไม่อยากจับผิดและเขาไม่เคยระแวงเพราะเชื่อใจคริสมาตลอดแล้วก็เชื่อว่าคริสจะไม่มีทางนอกใจเหมือนกับเรื่องครั้งนี้อี้ชิงก็เชื่อว่าคริสไม่ได้โกหก ถ้าคริสเมาและไม่ได้ตั้งใจจริงๆอี้ชิงก็จะถือว่าทำบุญทำทานให้ชะนีคันหอยที่อยากจะงาบของคนอื่นไปเป็นของตัวเองทั้งๆที่คนทั่วโลกเขาก็รู้กันว่าอีฝรั่งมีเมียแล้วและมันคงแย่กว่านี้ถ้าเรื่องเป็นข่าวขึ้นมาแล้วใครต่อใครเขาเอาเป็นขี้ปากว่าเตียงร้าว

อี้ชิงเขยิบตัวขึ้นไปนอนบนหมอนที่หยิบติดมือมาก่อนจะหยิบผ้านวมขึ้นคลุมร่างเพราะอากาศที่เริ่มเย็น ยังไงแค่หนึ่งอาทิตย์ถ้าคริสทำได้อี้ชิงก็พร้อมกลับไปเป็นเหมือนเดิมเพราะเขาไม่ได้รู้สึกโกรธแต่แค่อยากจะให้อีฝรั่งมันรู้สำนึกเสียบ้างว่าถ้าขาดเมียไปชีวิตจะเป็นยังไงมันจะได้กลัวการหย่าขึ้นสมองและไม่คิดทำอีก...





เมียนั้นสำคัญขนาดไหนเดี๋ยวคริสก็คงจะรู้เอง...
.

.

.

.

.

.

.

.

.

.


00
:00 นาฬิกา



คริสวางสมาร์ทโฟนที่บอกเวลาเที่ยงคืนไว้ที่ข้างเตียงก่อนจะถอนหายใจออกมายาวพรืดออกมาด้วยความเบื่อหน่าย... เขากำลังนอนไม่หลับ...อาจจะด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ กังวลใจหรืออะไรก็ตามแต่คริสรู้แค่ว่าถ้าไม่ได้นอนกอดเมียมันทำให้เขานอนไม่หลับ รู้สึกไม่อบอุ่น ร่างกายไม่หลั่งเอนโดฟินและก่อความรู้สึเครียดเหงาว้าเหว่และฟุ้งซ่านจนไม่มีกระจิตกระใจแม้แต่จะหลับตาลงนอน
คริสพลิกไปคว้าหมอนข้างนุ่มนิ่มมากอดไว้ เขาพยายามเปลี่ยนท่านอนมาแล้วหลายรอบแต่ก็ไม่เป็นผลสุดท้ายเลยได้แต่นอนลืมตานิ่งๆอย่างที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อดี...

คริสรู้ว่าตัวเองกำลังถูกลงโทษ...แต่ว่าแบบนี้มันหนักเกินไปหรือเปล่าเขาไม่รู้ว่าตัวเองทำได้ครบเจ็ดวันไหมแต่ถึงอย่างนั้น คริสก็ไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวในสายตาเมียประเภทเอาแต่ได้เพราะงั้นไม่ว่าจะอยู่ได้หรือไม่คริสก็ต้องทนยอมรับโทษกับความผิดของตัวเองที่ได้กระทำ


แค่เจ็ดวันเท่านั้นอี้ฟาน




 






 








ตืด~ ตืด~ ตืด~





เสียงสั่นจากสมาร์ทโฟนปลุกร่างสูงบนเตียงให้ลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ คริสขมวดคิ้วแน่นเมื่อถูกปลุกด้วยเสียงน่ารำคาญ เขาเอื้อมแขนยาวๆไปคว้าโทรศัพท์ที่หัวเตียงมากดรับโดยที่ไม่แม้แต่จะดูว่าใครโทรมากวนเวลานอนอันมีค่าของเขา ถ้าไม่มีธุระคริสจะด่าให้หูไหม้เลย


Who?” คริสกรอกเสียงงัวเงียถามปลายสายด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับถีบผ้าห่มรุงรังที่พาดอยู่บนตัวให้ลงไปกองที่ปลายเท้าอย่างไม่ประสบอารมณ์ เมื่อคืนคริสจำได้ว่าอี้ชิงหอบผ้าห่มไปแล้วจนเหลือแต่หมอนกับหมอนข้างแล้วผ้าห่มมันมายังไง...


[Your father… นี่มันกี่โมงไอ้ลูกเฮงซวยทำไมยังไม่มาอีก!!!!!] เสียงเจี้ยเหิงตะโกนใส่หูโทรศัพท์ดังลั่นจนคริสต้องยกลำโพงห่างออกจากรูหูแล้วแล้วกดปุ่มให้จอสมาร์ทโฟนสว่างเพื่อดูเวลาปัจจุบัน





9:45….



ก็ยังไม่สายนี่หว่าเพิ่งจะ45 คริสขมวดคิ้วแน่นก่อนจะยกโทรศัพท์กลับมาคุยอีกครั้งด้วยความไม่พอใจเพราะคิดว่าพ่อตั้งใจโทรมาปลุกแต่แกล้งทำให้ตกใจไปงั้น


“วันนี้ประชุมกี่โมง”


[เก้าโมงครึ่ง!!! อย่าบอกนะว่าแกเพิ่งตื่นฉันให้เวลาถึงสิบโมงสิบห้ารีบมาบริษัท!!]


“หื้อ....ห้ะ! ครับ! เดี๋ยวรีบไป” คริสเหมือนจะเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองจำเวลาเข้าประชุมผิดไป เขารีบวางสายจากพ่อกระโดดลงเตียงลืมความง่วงเป็นปลิดทิ้งเพราะทุกครั้งที่มีประชุมคริสไม่เคยไปทำงานสายเลยสักครั้งแต่วันนี้กลับพลาดซะได้เพราะดันลืมเวลาเริ่มประชุมแถมลืมตั้งปลุกอีกต่างหาก ขนาดแค่เช้าวันแรกก็วุ่นวายเสียแล้วคริสไม่รู้เลยว่าเขาจะอยู่กับชีวิตที่วุ่นวายนี่ไปถึงเมื่อไหร่

คริสรีบวิ่งกลับไปที่ห้องนอนเพื่ออาบน้ำแต่งตัวทันทีเขาคงไม่มีเวลาได้นึกถึงเรื่องอื่นในตอนนี้ สิ่งเดียวที่ต้องทำคือไปให้ถึงบริษัทก่อนสิบโมงสิบนาที!!!!










9:55



อี้ชิงมองดูนาฬิกาบนฝาพนังที่บ่งบอกเวลาเก้าโมงห้าสิบห้านาทีสลับกับมองที่บันไดเป็นระยะด้วยความไม่สบายใจ วันนี้คริสมีประชุมเก้าโมงครึ่งซึ่งเขาก็เขียนตารางงานไว้ให้บนปฏิทินตั้งแต่ต้นเดือนแล้วแต่ทำไมป่านนี้คนตัวสูงยังไม่ลงมาสักทีทั้งๆที่ควรจะเผื่อเวลาหาะไรกินก่อนไปทำงานด้วยแล้วนี่เลยเวลามาจะครึ่งชั่วโมงอยู่แล้วคริสก็ยังไม่ลงมาอีก

มันก็จริงที่ว่าคริสมีความคิดที่เป็นระเบียบและแบบแผนแต่อีกข้อที่ควรรู้คือคริสไม่มีระเบียบในการใช้ชีวิต...





ตึง ตึง ตึง ตึง

เสียงวิ่งลงบันไดทำให้อี้ชิงเริ่มใจชื้นและก็แอบลุ้นไปด้วยว่าสามีจะไปทันเข้าประชุมหรือเปล่าเพราะนี่ก็จะสายมากแล้ว เขาเห็นคริสวิ่งหิ้วสูทกับถุงเท้าลงมาจากบันไดเดินไปคว้ากุญแจรถที่วางอยู่หน้าโทรทัศนก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเขาแล้วอาศัยจังหวะที่รวดเร็วชิงจุ๊บเข้าที่แก้มก่อนจะเอ่ยลาเหมือนทุกที


“คริสไปทำงานแล้วนะคะ” พอว่าแล้วคริสก็รีบผละตัวเดินออกไปที่หน้าประตูทันทีปล่อยให้ภรรยามองตามหลังทำหน้านิ่วด้วยความไม่พอใจปนไม่สบายใจกับสิ่งที่ได้เห็น



ทำไมอีฝรั่งมันรีดเสื้อแต่ข้างหน้าวะ...แขนก็ไม่รีดข้างหลังก็ไม่รีดเน็กไทมึงยังผูกไม่เป็นปมเลยแถมยังไม่กินข้าวเช้าอีกต่างหาก



อี้ชิงได้แต่คิดแล้วก็สงสัยก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าสามีคงจะรีดเสื้อไม่ทันเลยกะจะเนียนใส่สูททับเอา แล้วดูรีดก็ทุเร๊ศทุเรศเสื้อยังเป็นลอยคลื่นอยู่เลยสาบานได้ว่าถุงเท้ามึงก็ใส่คู่เก่าเพราะเมื่อวานอี้ชิงเอาถุงเท้าไปซักปั่นแห้งแต่ยังไม่ทันได้เอาออกมาตากก็ดันเกิดดราม่าซะก่อนแล้วนี่ก็ไม่รู้ว่ารีบขนาดนั้นจะขับรถไปชนใครตายหรือเปล่า...
อี้ชิงได้แต่ส่ายหัวกับความไม่เอาไหนของสามีจะว่าสงสารก็สงสาร จะสมน้ำหน้าก็สมน้ำเพราะปกติเขาทำให้ตลอดตั้งแต่ปลุกยันซักกันเกงในหรือก่อนจะมีเมียคริสก็เอาแต่จ้างแม่บ้านลองให้ทำเองดูซะมั่งเป็นไงหละ มันเป็นการลงโทษที่มีประโยชจริงๆ

ตอนนี้จะสิบเอ็ดโมงแล้วอี้ชิงจะรีบไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วจะไปซุปเปอร์ใกล้ๆเพื่อซื้อของสดกับของแห้งมาไว้ด้วยเผื่อฝรั่งมันไม่มีปัญญาทำกับข้าวกินก็น่าจะพอทำอะไรง่ายๆได้บ้างเดี๋ยวจะอดตายซะก่อนจะครบเจ็ดวัน พอนึกแล้วอี้ชิงก็ลุกขึ้นจากโซฟาเดินไปปลดปฏิทินที่ผนังข้างโทรทัศน์เตรียมเอาไปแขวนไว้ที่ห้องลงทัณฑ์เพื่อที่อีฝรั่งมันจะได้ไม่ลืมเวลาทำงานอีก
.

.


.

.

.


ตอนนี้ที่ซุปเปอร์มาเก็ตอี้ชิงกำลังดินเลือกของจำพวกอาหารสำเร็จรูปที่คิดว่าทำง่ายที่ไปเตรียมไว้ที่บ้าน ตอนนี้เที่ยงกว่าๆจะบ่ายหนึ่งแล้วถ้าเป็นปกติเขาคงโทรไปหาคริสแล้วถามว่าเย็นนี้จะกินอะไรหรือทำงานถึงบ่ายหรือเปล่าแต่เสียใจที่วันนี้อีฝรั่งต้องช่วยเหลือตัวเองเพื่อที่จะได้รู้คุณค่าของการมีเมียเสียบ้าง
อี้ชิงหยิบเส้นสปาเก็ตตี้กับซอสสำเร็จรูปใส่รถเข็นเพราะคิดว่ามันน่าจะทำไม่ยากแต่คงต้องเลือกให้หลากหลายหน่อยเพราะจะปล่อยให้ผัวกินแต่สปาเก็ตตี้ก็ทำใจไม่ได้ ตอนนี้ในหัวเขามีอาหารหลายเมนูที่คิดว่าทำง่ายแต่ไม่รู้ว่าอีฝรั่งมันมีปัญญาทำหรือเปล่าเพราะงั้นอี้ชิงก็ต้องไปซื้อพวกนมกับซีเรียลไว้ด้วย
เขาไถรถเข็นไปเรื่อยๆเพื่อไปยังแผนกของแช่เย็นเพื่อที่จะซื้อแฮมและนมในขณะที่สายตาก็มองนู่นนี่แต่ไม่ทันจะได้เดินพ้นตู้แช่เครื่องดื่มอี้ชิงก็เห็นผู้ชายหล่อๆตัวสูงชะลูดที่แสนจะคุ้นเคยก้มๆเงยๆอยู่แถวตู้แช่เย็น





ต๊ายยยยยยยยยย มาช้อปของไว้ทำกับข้าวก็เป็นหรอคะอีฝรั่ง!





อี้ชิงยิ้มกริ่มแล้วเข็นรถเข็นเดินไปใกล้คริสที่ทำท่าเหมือนจะเลือกอะไรสักอย่างในตู้แช่ในโดยที่ในมือถือตะกร้าที่เต็มไปด้วยของดูแล้วคริสก็คงรู้ตัวนั่นแหละว่าวันนี้จะไม่มีข้าวเย็นกินเลยออกมาช้อปเผื่อไว้


“มาทำอะไรหรคะ” อี้ชิงเข็นรถมายืนอยู่ข้างหลังสามีแล้วเอ่ยทักพร้อมกับยิ้มรออีฝรั่งมันหันมา ถึงเขาจะบอกว่าต่างคนต่างอยู่แต่ก็ไม่ได้แปลว่าห้ามคุยกันซะเมื่อไหร่แล้วอี้ชิงก็อยากจะรู้ด้วยว่าฝรั่งมันมีเมนูพิศดารอะไรไว้สำหรับเย็นวันนี้


“อ้าว...ที่รักมาซื้อของหรอคะ” คริสเงยหน้าขึ้นมาตามเสียงเรียกและพบว่าภรรยาของเขายืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับรถเข็นโดยที่ในรถมีของเต็มไปหมดดูแล้วคงเป็นพวกวัตถุดิบทำอาหารหรือไม่บางทีอี้ชิงอาจจะใจดีทำกับข้าวเผื่อเขาด้วยสำหรับเย็นนี้


“ค่ะ” อี้ชิงตอบพร้อมกับเหล่ตามองของในตะกร้าฝรั่งแล้วยิ้มเยาะเย้ยในความคิดเมื่อเห็นว่าสามีซื้ออะไรบ้าง


“ทำเผื่อคริสด้วยหรือเปล่าคะ” คริสเนียนเดินมาใกล้ภรรยาแล้วรั้งเอวบางเข้ามาแนบชิดตัวแต่อี้ชิงก็รู้ทันบิดกายหนีแล้วเดินนำไปข้างหน้าหนึ่งก้าวไม่ยอมให้สามีที่กำลังอยู่ในสถานะนักโทษได้ถือโอกาส


“ไม่เผื่อค่ะ” อี้ชิงวตอบพร้อมรอยยิ้มเพื่อไม่ให้คำพูดมันฟังดูใจร้ายเกินไปหน่อย ทั้งๆที่เรื่องจริงมันไม่ตรงกับที่พูดเลยสักนิดเดียว



ไม่เผื่อเหี้ยไรที่เต็มรถเนี่ยของมึงทั้งนั้น...คิดไม่ผิดเลยที่ออกมาซื้อของไว้ให้ดูแล้วอย่างมึงมีปัญญาซื้อแค่เฟรนฟรายกับเบียร์ขนมขบเขี้ยวแล้วก็ซุปซองเท่านั้นแหละค่ะ เหอะ



”โถ่ งั้นจะกลับพร้อมกันไหมคะ” คริสทำหน้างอนแต่ก็ตบด้วยคำถามที่แสดงความเป็นห่วงเป็นไย ไหนๆก็มาเจอกันแล้วแค่กลับบ้านพร้อมกันคงไปเป็นไรอี้ชิงคงไม่ลงโทษหนักขนาดนั้น


“กลับสิคะไหนๆก็มาแล้ว” อี้ชิงเดินถอยออกจากรถเข็นให้สามีเข้ามาประจำตำแหน่งเข็นรถแทนถึงจะบอกว่าต่างคนต่างอยู่ก็เถอะ




กูใช้มึงได้ค่ะแต่มึงห้ามใช้กู อิอิ (กรมสิทธิ์เฉพาะภรรยา)




คริสไม่ได้ว่าอะไรต่อเขาเดินเอาตะกร้าใส่ของตัวเองไปวางไว้ในรถเข็นก่อนจะเดินไปเข้าตำแหน่งพลขับเคลื่อนแล้วเข็นเดินตามภรรยาไปโดยที่ในคอยังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีแม้จะถูกลงโทษก็ตาม สาบานเถอะว่าอี้ชิงไม่ได้มาซื้อของเผื่อคริส ถุงเท้าสองแพ็คนี่ก็คงไม่ใช่ของเขา ทาร์ทาร์ซอสที่คริสชอบแต่อี้ชิงไม่กินอันนี้ก็คงไม่ได้ซื้อให้คริสเช่นกัน ไม่รวมเน็กไทแบบผูกปมสำเร็จ สลัดกระป๋อง ที่ชาร์ตโทรศัพท์แบบใช้ในรถและอาหารกึ่งสำเร็จรูปอีกหลายอย่าง...




ก็ไม่รู้สินะ...อี้ชิงอาจจะไม่ได้ซื้อไปให้คริส...



“ที่ชาร์ตนี่ซื้อไปใช้หรอคะ” คริสแกล้งลองถามแหย่ๆดูโดยเลือกเอาของที่ไม่บ่งบอกเกินไปว่าเป็นของใคร เขาแค่อยากจะรู้ว่าอี้ชิงจะตอบยังไงแบบไม่ให้ดูเป็นการกวนประสาท


“ซื้อไปให้คนข้างบ้านค่ะ ตอนกลางคืนไม่ค่อยชาร์ตโทรศัพท์ตอนเช้าจะได้เอาไปใช้ในรถ” อี้ชิงตอบนิ่งๆพร้อมกับหยิบเลือกดูของที่เป็นสินค้านำเข้าจากจีน เขาคิดว่าอีฝรั่งมันคงรู้นั่นแหละถึงได้ถามออกมาอย่างนั้นส่วนอี้ชิงก็ต้องยอมรับว่าทนสภาพทุเรศทุรังของสามีไม่ไหวยังไงก่อนตัดหางปล่อยวัดเขาก็ขอเตรียมอุปกรณ์ยังชีพให้ก่อน


ให้พูดก็พูดเถอะแต่งงานมาปีนึงคริสไม่เคยชาร์ตโทรศัพท์ก่อนเข้านอนด้วยตัวเองสักครั้งเดียว...


“อิจฉาคนข้างบ้านจังเลยนะคะ นอนหนาวกลางคืนยังมีคนเอาผ้าห่มมาให้” คริสแหย่พร้อมกับยิ้มกริ่ม ถ้าไม่ใช่อี้ชิงก็คงไม่มีผีสางที่ไหนเอาผ้าห่มมาคลุมตัวคริสตอนกลางคืนหรอก ขนาดทะเลาะกันภรรยาของเขายังน่ารักขนาดนี้คริสรู้สึกอยากจะคืนดีด้วยไวๆที่สุดเลย


“เดี๋ยวเค้าหนาวตายแล้วอี้จะเดือดร้อน”


เหอะ หลงตัวเองจริงมึง...


“กลัวจะเป็นหม้ายหรอคะ” คริสจอดรถเข็นไว้กับที่ก่อนจะเดินไปซ้อนหลังภรรยาแล้วหยิบเอาสปาเก็ตตี้กระป๋องชั้นบนสุดลงมาส่งให้คนตัวเล็กที่พยายามจะเอื้อมมือหยิบแถมยังเนียนโอบเอวอี้ชิงให้เข้ามาชิดจนแผ่นหลังแนบแผนอก
อี้ชิงไม่ได้พูดอะไรแต่บิดตัวหนีแทน ไม่ใช่ว่าเขาโกรธหรืออะไรหรอกแต่ไม่รู้จะพูดอะไรนี่ขนาดถูกลงโทษมันยังมาเนียนขนาดนี้ถ้าเป็นช่วงสวีทอี้ฝรั่งนี่คงล้วงเขากลางห้างไปแล้ว....



เอ๊ะ...แต่จะว่าไปในห้องน้ำห้างก็เคยมาแล้วนี่หว่า



“คืนนี้กลับไปนอนห้องนะคะ” พอเห็นว่าภรรยาไม่พูดอะไรคริสก็เริ่มได้ใจพูดตะล่อมไปเรื่อยเพื่อที่จะขอลดหย่อนโทษตัวเองให้เบาลงอีกเพราะคริสนอนไม่หลับจริงๆถ้าไม่ได้นอนกับอี้ชิง เมื่อคืนเขาก็ถ่างตาอยู่นานจนดูนาฬิกาครั้งล่าสุดตีสามแล้วถึงจะหลับไป


“ไม่ได้ค่ะ ถ้าทำตัวดีจะลดโทษให้เหลือห้าวัน” อี้ชิงตอบอย่างไม่แคร์ เขานอนคนเดียวได้ไม่มีปัญหาแค่ไม่กี่นาทีก็หลับแต่ถ้าให้นอนกับอีฝรั่งนี่พูดเลยว่าไม่เคยได้นอนไว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทะเลาะกันแต่ถ้านอนเตียงเดียวกันก็คงทำใจร้ายหันหลังใส่กันแบบในหนังไม่ได้แล้วที่สำคัญถ้าได้นอนด้วยกันแล้วมันก็คงต้องกอดบ้างหละ...


ประเด็นคือพอได้กอดแล้วมันไม่หยุดที่กอด....


“โอเคค่ะ ห้าวันนะ ตกลงแล้วนะ”


“หื้อ?”


“ก็บอกห้าวันไงคะ ตกลงแล้วไง”


อี้ชิงรู้สึกเหมือนถูกมัดมือชกยังไงก็ไม่รู้ เขาแค่พูดว่าถ้าทำตัวดีจะลดระยะเวลาให้เหลือห้าวันไม่ได้บอกว่าลดให้แล้วซะหน่อยทำไมคริสถึงเรื้อนแบบนี้...แต่ก็ชั่งเถอะ ถือว่าเห็นใจจิมมี่น้อยที่นอนร้องไห้มาทั้งคืนโดยที่ลำพังนิ้วเดียวของอี้ชิงไม่สามารถปลอบประโลมจิตใจอันเศร้าสร้อยได้ มันคงคิดถึงข้าวหลามแคนาดาเพื่อนรัก...


“ค่ะ ห้าวันก็ห้าวัน...” อี้ชิงพยักหน้าเออออตามไปส่งเดช อีกใจก็สงสารฝรั่งมันเหมือนกันที่ดันซวยไปเจอชะนีติดสัตว์มอมเหล้าเลยถูกลงโทษซะทั้งๆที่ตัวเองไม่รู้เรื่อง ที่ลงโทษนี่ก็เพื่อตัวคริสเองด้วยส่วนหนึ่งจะได้ทำอะไรเป็นซะบ้างไม่ใช่เอะอะก็เมีย ซักผ้า ซักกางเกงใน ถูบ้าน ถอยหมอน แม้แต่โกนหนวด อีกเหตุผลนึงก็คงเป็นเรื่องอย่างว่าหละมั้งที่อันนี้อี้ชิงเองก็กระสันไม่แพ้กัน....

 




 




 

หลังจากที่กลับมาจากการช้อปกินข้าวเย็นเสร็จไปแล้วอี้ชิงก็มานั่งดูโทรทัศน์ไปเรื่อยเปื่อยโดยมีสามีนั่งอยู่ด้วยกันแต่นั่งคนละฝั่งโซฟากัน...เย็นนี้เขากินออมเล็ตไปแล้วเป็นอาหารเย็นแต่คริสยังกินมันฝรั่งแผ่นจิ้มเชดด้าชีสกับเบียร์ยู่เลยไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปทำอะไรกินสักนิด ที่จริงเขาก็อยากจะถามอยู่หรอกแต่ก็กลัวเสียฟอร์มอีกอย่างคือกลัวว่าตัวเองจะทำใจไม่ได้ลุกขึ้นไปหาอะไรให้มันกินเหมือนทุกวันแบบนั้นก็คงไม่ใช่การลงโทษ


“จะขึ้นไปนอนแล้วนะคะ ปิดไฟด้วย” อี้ชิงลุกขึ้นจากโซฟากล่าวลาสามีไปนอนทั้งๆที่ตอนนี้เพิ่งจะทุ่มกว่าๆแต่เพราะว่าเขาไม่มีอะไรทำเลยกะจะไปนอนเล่นอยู่บนห้องเดี๋ยวรอให้อีฝรั่งมันหลับค่อยแอบจัดการเอาของที่ซื้อมาไปเตรียมไว้ให้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าคริสนอนที่ห้องรับรองและเขาก็นอนที่ห้องรับรองเช่นกันไม่มีใครนอนห้องนอนเลยสักคนนอกจากเข้าไปเอาของกับไปอาบน้ำแต่งตัว


“ค่ะ เดี๋ยวจะปิดให้” คริสตอบรับส่งเดชก่อนจะโน้มตัวไปหยิบรีโมทมาเปลี่ยนเป็นช่องข่าว วันนี้คริสกะว่าสองทุ่มค่อยอาบน้ำขึ้นไปทำงานจนกว่าจะง่วงแล้วค่อยนอนจะได้ไม่ฟุ้งซ่านเพราะถ้าเขาไม่ทำตัวยุ่มย่ามเกินไปอี้ชิงอาจจะลดให้เหลือสักสามวันก็ได้


“จะขึ้นไปนอนดึกไหมคะ”


“จะให้นอนด้วยหรอคะ”


“ที่รักอย่ากวน”


“สักสี่ทุ่ม”


พอได้ยินสามีตอบอี้ชิงก็เดินขึ้นบันไดขึ้นห้องไปโดยที่ไม่ลืมแวะเข้าไปในห้องนอนที่เอาของมาเก็บไว้ อี้ชิงเปิดไฟปิดประตูแล้วเดินไปที่ถุงของมากมายกลางห้องทันที ไหนๆอีฝรั่งมันก็ยังไม่ขึ้นมาตอนนี้เขาก็จะจัดของให้ก่อนแล้วกันพรุ่งนี้เขาได้ไม่ตื่นแหกตาตื่นมาคอยเฝ้าเตรียมนู่นนี่ให้ผัว

อี้ชิงหยิบเอาเนกไทออกแกะออกจากซองพลาสติกแล้วนำมันไปแขวนไว้ที่ราวพาดสูทเพื่อที่พรุ่งนี้เช้าคริสจะได้ไม่ต้องเสียเวลาผูกเน็กไท...ไอ้เรื่องปมเน็กไทนี่อี้ชิงไม่ได้เป็นห่วงหรอกแต่สารภาพเลยว่าเห็นแล้วทุเรศตาเหมือนก้อนอะไรสักอย่างขยุกอยู่ที่คอมันดูไม่เรียบร้อยจริงๆขัดหูขัดตาแบบพิลึกเขาเลยเลือกแบบที่เย็บสำเร็จใช้ติดกับกระดุมคอเสื้อมาให้

อี้ชิงเทของทั้งหมดออกมาจากถุงแยกนั่นนี่ออกจากกันทั้งถุงเท้าใหม่แล้วก็ของใช้บลาๆๆก่อนจะนำทั้งหมดไปวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งโดยที่บางอันก็แขวนไว้ที่ราวเสื้อ พอจำแนกของเสร็จด้วยเวลาอันรวดเร็วอี้ชิงก็เดินไปรื้อราวเสื้อเพื่อจัดระเบียบแต่พอจับไปจับมาก็เห็นว่าเสื้อขาวมันยังไม่ได้รีดสักตัวแล้วถ้าอีฝรั่งมันบอกว่าจะขึ้นนอนตอนสี่ทุ่มมันคงไม่มานั่งรีดผ้าหรอกพรุ่งนี้ก็ไปแบบยับๆเหมือนเดิมโดยที่ใส่สูทตัวเก่า...



นึกแล้วก็ทุเรศลูกตาสิ้นดี... ไม่เป็นไรค่ะ กูรีดให้ แค่หาข้าวแดกมึงยังไม่ทำไม่ต้องพูดถึงรีดเสื้อเลย...




สาบานได้ว่าอี้ชิงกำลังต่างคนต่างอยู่...

.

.

.

.

.

.



ปี๊บ


เสียงปิดโทรทัศน์ดังขึ้นคริสยันตัวเองขึ้นจากโซฟาบิดกายไปมาเพื่อไล่ตัวขี้เกียจ ตอนนี้สี่ทุ่มกว่าแล้วคริสยังไม่ได้อาบน้ำเพราะมัวแต่ดูข่าวจนเพลินแล้วตอนนี้อากาศก็เย็นแล้วเขาคงไม่ไปอาบน้ำเพราะกว่าเครื่องทำน้ำอุ่นจะเย็นคริสก็คงแข็งตายคาห้องน้ำพอดี
เขาเดินขึ้นห้องไปโดยที่ไม่คิดจะเก็บกวาดซากอารยะธรรมที่กินทิ้งไว้ทั้งเบียร์ทั้งขนมและที่สำคัญคริสไม่ได้ปิดไฟห้องโถง...ไม่ใช่ว่าลืมหรอกแต่คริสขี้เกียจเดินไปปิดเท่านั้นเอง
เขาเดินลูบท้ายทอยเดินเลยห้องนอนตัวเองไปยังห้องทำงานเพื่อจัดการงานที่ยังทำไม่เสร็จถึงแม้ว่าจะยังมีเวลาว่างอีกมาก คริสเปิดประตูห้องทำงานเปิดไฟปิดห้องแล้วตรงไปยังเก้าอี้นวมตัวใหญ่ด้วยความเมื่อยล้า ทิ้งก้นนั่งลงกับเบาะนุ่มแรงๆแล้วเปิดจอโน๊ตบุ้คออกกดปุ่สตาร์ทให้เครื่องทำงาน

วันนี้คริสกะว่าจะทำงานสักถึงเที่ยงคืนถ้ายังไม่ง่วงก็จะต่อจนกว่าจะง่วงค่อยไปนอน เขาขยับเมาส์ไปมานั่งรอให้จอมันแสดงภาพพร้อมใช้ เพียงไม่นานหน้าจอก็โชว์ไอคอนโปรแกรมและรูปเดสท็อปที่เป็นภาพศรีภรรยาสุดรักที่นั่งแต่งหน้าหันหลังให้กล้องเป็นรูปที่ถ่ายตอนที่อยู่เกาหลี เป็นภาพแรกที่คริสถ่ายอี้ชิงตอนที่ไม่นอนที่โรงแรมด้วยกัน
คริสอมยิ้มออกมาก่อนจะกดเข้า My computer เพื่อดูรูปภรรยาก่อนที่จะเริ่มทำงานเป็นการหากำลังใจเพื่อที่เขาจะได้อดทนไปจนครบ5วันแล้วความรักก็จะกลับมาหวานชื่นอีกครั้ง คริสสัญญาหนักแน่นกับตัวเองว่าเขาจะไม่ไปกินเหล้าจนเมาอีก ไม่นั่งข้างเด็ก ไม่กลับบ้านดึกเด็ดขาดขอสาบานด้วยสัจจะลูกผู้ชาย


คริสไม่เคยคิดนอกใจเมีย ไม่แม้แต่จะคิดแม้แต่นิดเดียวก็ไม่และเขาก็ยังอยากจะย้ำว่าพลาดจริงๆที่โดนแม่สาวกร้านโลกนั่นมอม ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเธอเอาข่าวไปขายจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหนเพราะคริสเองก็ไม่อยากให้ใครดูถูกเขาว่ายังไม่เลิกทำนิสัยเหมือนแต่ก่อน
เขารักกับภรรยามาปีกว่าจะสองปีแล้วและคริสไม่ต้องการให้ใครมาเสี้ยมนั่นนี่เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขาอีกอย่าง คริสก็เลิกทุกอย่างแล้วจริงๆ เลิกแบบชนิดไม่คิดจะกลับไปทำด้วย...

เขากดกดเข้าโฟลเดอร์ไปดูรูปตอนที่ถ่ายพรีเวดดิ้งย้อนหลังกันที่หาดไปเรื่อยๆอย่างไม่คิดจะทำอะไรต่อทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะว่าจะทำงานแต่พอเปิดคอมก็ขี้เกียจซะงั้น คริสไม่รู้จะเอายังไงกับตัวเองกันแน่ รู้สึกขี้เกียจแต่พอไปนอนก็นอนไม่หลับจะนั่งถ่างตาหน้าคอมนานๆก็ง่วง....แล้วพอไปนอนก็นอนไม่หลับ...


คริสกดปิดรูปแล้วจัดการเปิดงานขึ้นมาค้างไว้ก่อนจะเข้าวินแอมป์เพื่อเปิดเพลงฟัง เขาหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบกับโน๊ตบุ้คปรับเก้าอี้ให้เอนนิดหน่อยหยิบเบียร์จากตู้ย็นเล็กใต้โต๊ะทำงานมาเปิดกินพร้อมกับอ่านเอกสารที่ค้างอยู่ไปด้วยโดยกะว่าง่วงเมื่อไหร่ก็นอนแม่งหน้าคอมนี่แหละเพราะเขาตั้งนาฬิกาที่โทรศัพท์ไว้แล้วยังไงพรุ่งนี้ก็ตื่นทันอีกอย่างไม่มีงานสำคัญหรือประชุมด้วยจะเข้าสายสัก10นาทีคงไม่เป็นไร...
















ดวงตาเรียวรีลืมขึ้นท่ามกลางความมืดมิด อี้ชิงเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์บนหัวเตียงมาดูเวลาก่อนจะวางมันไว้ที่เดิมแล้วยันกายขึ้นช้าๆเพราะรู้สึกปวดฉี่ เขาลุกขึ้นเดินโซเซออกจากห้องเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำที่ห้องนอนแต่สายตาก็เหลือบไปเห็นว่าไฟห้องโถงชั้นล่างยังไม่ถูกปิดทั้งๆที่ตอนนี้จะตีหนึ่งแล้วทำไมคริสยังไม่ยอมนอนอีก

อี้ชิงเดินเลยห้องนอนลงบันไดไปที่ชั้นล่างก่อนเพื่อที่จะไปดูว่าสามีหนาวตาคาโซฟาไปหรือยัง เขาไม่ได้ยินเสียงทีวีหรืออะไรและคิดว่าคริสคงจะเผลอหลับไปแต่พอเดินมาอยู่หน้าบันได้อี้ชิงกลับพบว่าไม่มีใครอยู่ที่ห้องแล้ว โทรทัศน์ถูกปิดและไฟยังเปิดอยู่รวมถึงเศษซากต่างๆที่ผัวตัวดีกินทิ้งไว้แถมไฟก็ไม่ยอมปิดให้ตามที่รับปาก

อี้ชิงขมวดคิ้วจิ๊ปากเดินเซ็งๆไปที่โต๊กระจกแล้วจัดการคว้าถุงใส่ของมากวาดขยะลงลวกๆด้วยความหงุดหงิดเพราะเขาไม่สามารถปล่อยมันทิ้งไว้จนเช้าได้หรือต่อให้เช้าอีฝรั่งมันก็คงไม่มาเก็บอยู่ดี





แม่ง...แดกไม่เก็บยังไม่พอต้องให้กูลุกขึ้นมาเก็บกลางดึกอีก นอกจากเอากับทำงานนี่มึงทำอะไรเป็นมั่ง...




อี้ชิงบ่นขมุบขมิบในปากอย่างงุ่นง่านใจ นี่พ่อฝรั่งก็คงขึ้นไปนอนแล้วเป็นคนที่ไม่มีความรับผิดชอบจริงๆ อี้ชิงเดินหิ้วถุงเดินเอาเข้าไปทิ้งขยะในครัวแล้วแวะกินน้ำในตู้เย็นรวมทั้งปิดไฟชั้นล่างก่อนจะเดินกลับขึ้นไปที่ชั้นบนแล้วเข้าห้องนอนเพื่อไปจัดการทำธุระส่วนตัว เพียงไม่นานเขาก็เดินออกมาและกำลังจะกลับไปนอนถ้าไม่ติดว่าแอบมองเห็นแสงที่รอดออกมาจากห้องทำงานของคริส



ดีเลย...กูจะบ่นมึงตอนตีหนึ่งนี่แหละ...



อี้ชิงเดินไปเปิดห้องเบาๆโดยที่ไม่เคาะขออนุญาต ทันทีที่ประตูเปิดออกเขาก็เห็นสามีนั่งอยู่หลังจอโน๊ตบุ้คพร้อมกับเศษขยะที่รามขึ้นมาบนห้องทำงานเต็มโต๊ะไปหมดซึ่งปกติคริสไม่เคยอยู่ห้องทำงานนานจนมันรกเลยแล้วนี่มันเรื่องอะไร




สัสสสสสสสสสสสสสสสส! กูตามไปเก็บข้างล่างมาแล้วมึงยังคิดจะทำข้างบนรกอีก!!!




“ทำไมยังไม่นอนอีกคะ” อี้ชิงพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งงัวเงีย เขาตีหน้านิ่งยืนพิงประตูเท้าเอวไม่ยอมเดินเข้าไปหาอีฝรั่งที่ถอดหูฟังแล้วกวักมือเรียก อี้ชิงแค่ต้องการจะมาบ่นแต่ไม่ได้จะมาหาคริสสักหน่อย


“ทำไมที่รักยังไม่นอนคะ มานี่สิ” คริสยังทำหน้าตาไม่รู้สึกรู้สาอะไรเหมือนลืมความผิดตัวเองที่ทำเอาไว้ข้างล่าง


“อี้บอกให้ปิดไฟข้างล่างทำไมไม่ปิด แล้วของกินแล้วทำไมไม่เก็บ” อี้ชิงรู้สึกว่าอีฝรั่งมันโดนเขาตามใจมากเกินไปจนนิสัยเสียแล้ว นี่ขนาดเขาตั้งใจจะดัดนิสัยเพื่อลดภาระให้ตัวเองแต่ไหงมันมากขึ้นซะงั้น ชีวิตกระเทยนี่ทรหดเหลือเกินหาได้ที่ไหนตื่นมาบ่นผัวกลางดึก


“เดี๋ยวตอนเช้าลงไปเก็บ” เมื่อคริสเห็นภรรยาเขาไม่ยอมเดินเข้ามาหาเลยหันหน้าเข้าหาจอคอมฯต่อเป็นการเมินที่โดนอีกฝ่ายบ่นด้วย ถ้าอี้ชิงเห็นว่าคริสไม่ใส่ใจก็คงจะเลิกพูดไปเองนั่นแหละ เพราะยังไงถ้าคริสไม่ทำก็คงไม่มีใครทำนอกจากเมีย


“อี้ไปเก็บมาแล้ว ของบนโต๊ะเอาไปทิ้งด้วยถ้าพรุ่งนี้ยังรกอี้จะเพิ่มโทษเป็น7วันนะ” อี้ชิงพูดขู่เมื่อเห็นว่าสามีไม่ยอมใส่ใจคำพูดของเขา อี้ชิงไม่อยากนึกเลยว่าถ้าคริสอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีแม่บ้านห้องมันจะสกปรกเลอะเทอะขนาดไหน แล้วดูยังใส่ชุดทำงานนี่แปลว่ายังไม่ได้อาบน้ำใช่ไหม...


“จ้ะ” คริสตอบแค่นั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ แค่กระป๋องเบียร์กับซากทิชชู่ห่อศพลูกชายหลายล้านตัวแค่กวาดลงถังแป้บเดียวก็เสร็จแล้วหรือถ้าคริสไม่เก็บพรุ่งนี้อี้ชิงก็คงมาทำความสะอาดอยู่ดี มีเมียนี่เหมือนมีแม่...ไม่ใช่แค่ชอบจู้จี้แต่บ่นทีไรก็มาจัดการให้ทุกที...


“ทำไมยังไม่อาบน้ำอีก” อี้ชิงเริ่มเสียงแข็งเป็นอีกระดับด้วยความหงุดหงิด นี่ตีหนึ่งแล้วคริสยังไม่ได้อาบแล้วก็ยังไม่นอนด้วย พอพรุ่งนี้เดี๋ยวมึงก็ตื่นสายอีกไม่รู้ว่าน้ำจะได้อาบหรือเปล่าเผลอๆไปทำงานชุดเก่าด้วยความซกมก


“ค่อยอาบตอนเช้ามันหนาว”


“แล้วเช้าจะตื่นทันหรอนี่ตีหนึ่งคริสยังไม่นอนเลย”


“อื้อ คริสตั้งปลุกไว้แล้ว”

อี้ชิงเบ้ปากกับการกระทำที่เหมือนจะฉลาดของสามี นี่ไม่รู้ว่าคริสทำตัวซกมกประชดหรือว่าเป็นแบบนี้จริงๆกันแน่ แต่ดูทรงแล้วนอกจากงานจับปากกากับแอ็คท่าหล่อคงทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง...


“แล้วโทรศัพท์ชาร์ตแบตหรือยัง”


“ก็เอาไปชาร์ตบนรถไงคะ วันนี้คนใจดีซื้อที่ชาร์ตมาให้” คริสว่าแล้วก็หันไปมองตาภรรยาพร้อมกับยิ้มกริ่มออกมาแม้ใบหน้าอี้ชิงจะแสดงออกถึงความเอือมระอาอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม คริสไม่รู้สึกเหมือนเป็นการแยกกันอยู่เท่าไหร่เพราะเขายังรู้สึกว่ามีอี้ชิงคอยตามเป็นห่วง


“แล้วถ้าแบตมันหมดก่อนจะปลุกตอนเช้าหละ...”


เหอะ ฉลาดเหลือเกินนะมึง พอเห็นกูช่วยซื้อของมาอำนวยความสะดวกหน่อยก็ไม่คิดจะทำอะไรเลย แม่ง!!!!!!



“เออ...นั่นสิ...ที่ชาร์ตคริสอยู่ไหนก็ไม่รู้เหมือนจะอยู่ที่ทำงานมั้ง” คริสทำหน้าเหมือนจะนึกอะไรสักอย่างแล้วก็พูดออกมาพร้อมกับหันหน้าไปสบตาภรรยาที่ทำหน้าบึ้งเหมือนควันจะออกหูอยู่กลายๆ คริสจำไม่ได้ว่าที่ชาร์ตเขาอยู่ที่ไหนเพราะปกติอี้ชิงจะเป็นคนชาร์ตโทรศัพท์ให้พอตื่นมาโทรศัพท์ก็พร้อมใช้ตลอด

“หื้ย!!!” อี้ชิงเดินหันหลังปิดประตูกระแทกดังปั้งเดินหนีออกมาจากห้องด้วยความหงุดหงิดทันทีคล้ายกับจะวีนแตกความไม่เอาถ่านของสามี อะไรคือที่ชาร์ตเขาก็ซื้อมาให้ อาหารเช้าก็ซื้อมาให้เพราะเป็นห่วงกลัวว่าจะทำข้าวเช้ากินเองไม่ทันแล้วดูสิ่งที่อีฝรั่งมันทำ กินเบียร์ ชักว่าว ทำบ้านสกปรกแถมยังไม่รู้จักดูแลตัวเอง



ตกลงมันผิดที่กูสินะ ผิดที่กูปลุกมึงไปทำงาน ทำกับข้าวให้แดก เรียกมึงไปอาบน้ำ ทำให้ทุกอย่างจนติดเป็นนิสัย



นี่อี้ชิงไม่สงสัยเลยว่าทำไมชีวิตเพลย์บอยของคริสเมื่อก่อนถึงได้หลักลอยเหมือนผีไม่มีศาลจะสิงแบบนี้ ก็ดูอีฝรั่งมันทำตัวตามใจตัวเองทำอะไรไม่เป็นเวล่ำลาแบบนี้สินะถึงได้ไม่มีชะนีนางไหนอยากจะทน นี่อายุ32จะ33แล้วยังทำตัวไม่รับผิดชอบตัวเองแบบนี้มันเหลือเกินจริงๆ







กูจะบ้าค่า!!!!!




















-TBC-










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น