วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2557

[SF] Peter pan's fairry

  
  PS. แฟนตราซีเต็มขั้น ปีเตอร์แพนฉบับคริสเลย์















ผมเอาไดอารี่เล่มเก่าขึ้นมาปัดฝุ่น ในหน้าที่เปิดไปนั้น
ผมเห็นคุณอยู่ในนั้นอย่างชัดเจน คุณยังอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ผมยังจำภาพที่เคยลืมไปแล้ว ความทรงจำต่างๆไหลพรั่งพรูเข้ามา
มันน่าเศร้าที่ผมไม่สามารถย้อนกลับไปวันนั้นได้อีกแล้ว





ในช่วงเวลาดึกสงัดไร้ซึ่งผู้คน เสียงหน้ากระดาษยังเปิดไปเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง กลิ่นหนังสือเก่าและกลิ่นฝุ่นจางๆลอยออกมาจากซอกหลืบระหว่างหน้าหนังสือโดยที่มีแสงไฟจากโคมไฟสีเหลืองนวลคอยส่องหน้ากระดาษที่เก่าจนเป็นสีน้ำตาลออกเหลืองและมีคราบเชื้อราดำๆเกาะอยู่ตามขอบกระดาษ คริสไล่สายตาอ่านตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเขียนหวัดๆบนหน้ากระดาษอย่างละเมียดละไมพร้อมกับรอยยิ้ม

สมุดบันทึกไดอารี่กับเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นตอนที่เขาไปเรียนอยู่ที่ลอนดอนตั้งแต่วันแรกที่ย้ายไปจากจีน เรื่องราวสุดแสนสนุกสนานความทรงจำกับเพื่อนสนิททั้ง7คนและทิงเกอร์เบลในความฝัน...เรื่องราวที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ร้อยปีคริสไม่มีวันลืม ความสนุกเศร้าเคล้าน้ำตาที่เกิดขึ้นในสถานที่ๆเหมือนกับ Never land แดนในความฝัน ความทรงจำกับนางฟ้าขี้งอนที่ที่ยังติดตรึงอยู่ในหัวใจตลอดเวลา...เลย์

“คุณคะ ทำอะไร” สุ่มเสียงหวานจ๋อยดังขึ้นจากด้านหลังเรียกความสนใจจากชายหนุ่มที่กำลังนั่งเหม่ออยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือให้หันหลังไปมองยังต้นเสียง หญิงสาวผมสีน้ำตาลสว่างเดินเข้าไปสัมผัสเบาๆที่ไหล่ของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีก่อนจะชโงกหน้ามองผ่านกลุ่มผมสีทองสว่างของของเขาเลยไปยังสมุดเก่าๆ


“อ๋อ บันทึกเก่าๆหนะ” คริสยิ้มออกมาน้อยๆพร้อมกับหันไปตอบภรรยา เขาปิดหน้าสมุดเล่มนั้นก่อนจะลุกยืนขึ้นแล้วหยิบมันมาถือไว้ในมือพร้อมกับเอื้อมมือไปกระตุกโคมไฟในห้องใต้หลังคาให้ดับลง


“นึกว่าโจรขึ้นบ้านตอนดึกซะอีก” หญิงสาวยิ้มพร้อมกับหัวเราะออกมาน้อยๆก่อนจะเดินนำหน้าผู้ชายตัวสูงไปที่ทางเดินลงบันได ตอนนี้ตีสองกว่าเจนลุกขึ้นจากที่นอนเพราะได้ยินเสียงกุกกักดังบนหลังคา ตอนแรกเธอคิคว่าเป็นโจรเลยกะว่าจะไปปลุกสามีให้ลุกขึ้นมาดู แต่พอเห็นคริสไม่อยู่ที่ห้องก็เลยเข้าว่าคนตัวสูงคงไปหาของหรืออะไรที่นั่น


“ผมทำให้ตื่นหรือป่าว” คริสปีนบันไดลงไปตามหลังเธอลงมาพร้อมกับถามด้วยความเป็นห่วง


“ป่าวค่ะ ฉันคิดว่าใครมาบุกบ้านเรา ปิดไฟให้ด้วยนะคะ ฝันดีค่ะ” เจนไม่ได้แสดงท่าทางเป็นกังวล เธอหันไปยิ้มให้กับผู้เป็นสามีก่อนจะปลีกตัวเดินหายเข้าไปตามทางเดินที่มีเพียงไฟสลัวเพื่อเข้ากลับไปพักผ่อนตามเดิม


คริสยกแผ่นไม้ที่ถูกทำติดกับบันไดขึ้นไปปิดใต้พื้นที่โหว่เป็นช่องสี่เหลื่อมก่อนจะตบมือกับกางเกงเพื่อไล่ฝุ่น เขาเดินลงบันไดเตี้ยๆไปอีกไม่ถึงห้าขั้นพอถึงพื้นบ้านชั้นสองก็เดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเองทันที ประตูไม้หนาบานใหญ่ถูกเปิดและปิดลงช้าๆก่อนที่คริสจะกดล๊อคลูกบิดแล้วเดินไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียงพร้อมกับกางหน้าสมุดออกไปยังหน้าที่เปิดค้างไว้ออก...




ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างนะทิงเกอร์...
















“เฮ้! อย่าเล่นขี้โกงสิ! ฉันไม่อยากเล่นแล้ว!” เสียงเล็กดังแจ๋นขึ้นท่ามกลางกลุ่มเด็กผู้ชายตัวสูงที่กำลังแย่งลูกบาสเกสบอลกันอย่างดุเดือด คนตัวเล็กกอดอกทำหน้าบึ้งเมื่ออยู่ๆก็โดนเพื่อนอีกคนตักบาสไปกับมือแถมยังชู้ตลงห่วงทั้งๆที่เขากำลังจะทำคะแนนได้แล้วเชียว


“อะไรเลย์ มันโกงที่ไหน นายนั่นแหละเล่นไม่ดีเอง” หลังจากที่ชู้ตลูกบาสลงแป้นจนเพื่อนๆร้องลั่นด้วยความดีใจคริสก็เดินเข้าไปหาเพื่อนตัวเล็กที่ยืนกอดอกทำหน้าบึ้งอยู่


“ก็พวกนายตัวสูงนี่!” อี้ชิงสบัดหน้าเชิดเมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวสูงเดินเข้ามาง้อเขาเหมือนทุกครั้ง คริสเดินมายืนอยู่ตรงหน้ายกมือขึ้นจับหัวเขาโครงไปก่อนจะใช้นิ้วดีดหน้าผากอย่างแรงจนต้องร้องโอ้ยออกมาเสียงดัง


“เตี้ยเองแล้วโทษว่าคนอื่นโกง” คริสหัวเราะหึออกมาในลำคอพร้อมกับปัดมือเล็กๆที่ขยี้หน้าผากจนแดงออกแล้วรั้งเอาศรีษะคนตัวเล็กให้เข้ามาใกล้ก่อนจะก้มลงไปจูบที่รอยแดงนั่นเป็นการปลอบโยนหลังจากที่เผลอระบายความหมันไส้โดยการดีดหน้าผากไปแรงๆหนึ่งทีจนเป็นรอยแดง


“ปล่อยเลย!” อี้ชิงสบัดตัวอย่างแสนงอนกระแทกเท้าตึ้งตั้งไปนั่งที่ขอบฟุตบาท ยู่ปากกอดเข่าตัวเองทำหน้าบอกบุญไม่รับเป็นการบอกเพื่อนตัวสูงกลายๆว่าอี้ชิงกำลังโกรธแล้วนะ

วันนี้เป็นวันที่ฟ้าหม่นและน่าหงุดหงิดจริงๆสำหรับจาง อี้ชิง ทั้งๆที่โดนชวนมาเล่นบาสแท้ๆแต่เขากับเป็นเหมือนส่วนเกินไปเสีย
อย่างนั้นเพราะนอกจากจะตัวเตี้ยจนโยนบาสลงแป้นไม่ถึงแล้วก็ยังไม่ได้รับความสนใจเหมือนทุกครั้ง เพราะยัยเวนดี้นั่น!

เด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลแดงที่คริสพามาเล่นด้วยเพราะบอกว่าแม่ของเธอไม่อยู่บ้านจนกว่าจะถึงบ่ายสามโมง ใครๆก็สนใจเด็กผู้หญิงทั้งนั้นจนแทบจะลืมอี้ชิงไปเลย ถึงจะเป็นการเล่นบาสที่เด็กผู้หญิงไม่ถนัดแต่เธอก็เรียนรู้เร็วและทำแต้มได้ดีพอๆกับแด็กผู้ชายไม่เหมือนกับเขาที่ไม่ได้รับลูกบาสจากใครเลย


“เป็นอะไรอีกหนะ” คริสส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มออกมา เขายกมือขึ้นโบกมือให้เพื่อนเป็นเชิงว่าให้เล่นกันไปก่อนแล้วจึงเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่อยู่ๆก็งอนอย่างไม่มีสาเหตุ คริสย่อตัวลงหน้าอี้ชิงแล้วยกมือขึ้นจับแก้มเนียนเบาๆ


“เชอะ” อี้ชิงเบือนหน้าหนีพร้อมกับเบ้ปาก เขาเห็นเวนดี้เดินเข้ามาหาคริสจากทางด้านหลังอย่างอารมณ์ดีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม อี้ชิงเกลียดชมัดรอยยิ้มหวานๆของเธอเนี่ย!


“คริสเลิกเล่นแล้วเหรอ” เวนดี้เด็กสาวผมทองหน้าตาน่ารักเดินเข้าไปเกาะไหล่เพื่อนชายของเธออย่างเป็นกันเองพร้อมกับคำถามเมื่อเห็นว่าคริสเดินออกจากวงบาสทั้งๆที่เกมส์ยังไม่จบ


“ป่าว แค่พักก่อน เธอเหนื่อยแล้วหรอ” คริสยืนขึ้นหันหลังกับไปพูดกับเวนดี้พร้อมกับรอยยิ้ม หัวใจของเขาเต้นรัวในแผ่นอกเมื่อเห็นเธอยิ้มให้เขา ปอยผมสีน้ำตาลแดงที่ลู่ไปกับข้างแก้มเพราะเหงื่อจากการออกกำลังและแก้มสีชมพูของเธอกำลังทำให้คริสรู้สึกตกหลุมรัก


“นิดหน่อย” เธอยิ้มอย่างน่ารักจนคริสอดยิ้มตามไม่ได้ เขายกมือขึ้นหวังจะจับเอาผมที่หลุดออกจากออกมาจากโบว์มัดผมไปทัดหู หัวใจของคริสเต้นรัวไปหมดเมื่อปลายนิ้วกำลังจะสัมผัสกับใบหน้า แต่อยู่ๆเธอแหงนหน้าหลบมือเขาพร้อมกับร้องโอ้ยเสียงดัง


“โอ้ย! เลย์!” เวนดี้ร้องลั่นทำสีหน้าประหลาดใจพร้อมกับหันไปมองเด็กผู้ชายตัวเล็กที่เดินเข้ามาดึงผมเธอจากด้านหลังแถมยังหันมาแลบลิ้นเบ้ปากให้แล้ววิ่งหนีไปทางถนนทันที


“หยุดนะเลย์!” คริสตะโกนเสียงดังก่อนจะออกวิ่งตามคนตัวเล็กไปทันที เขาไม่รู้ว่าอี้ชิงลุกขึ้นมาตอนไหน นิสัยเอาแต่ใจที่หนึ่งนี่ไม่น่าให้อภัยจริงๆ คริสวิ่งตามอี้ชิงไปและเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆเพราะช่วงที่ยาวกว่า อี้ชิงหันมาแลบลิ้นให้เขาแต่ไม่ทันจะได้หันหน้ากลับไปคนตัวเล็กก็วิ่งชนปั้งเข้ากับถังขยะข้างฟุตบาทจนหน้าแข้งไปกระแทกกับโครงเล็กที่เป็นบล๊อกล๊อคถังขยะเอาไว้อย่างแรง


“เฮ้!!


“โอ้ย!!!” อี้ชิงร้องลั่นออกมาทันทีที่หน้าแข้งไปฟาดกับเหล็กเต็มแรงก่อนที่คนด้านหลังที่วิ่งตามมาติดๆจะอัดตัวเขากระแทกเข้ากับถังขยะอีกครั้งเพราะเบรกไม่ทันแต่คราวนี้ไม่ใช่ขาที่โดนแต่เป็นหัวที่กระแทกเข้ากับโครงเหล็กดังตึงจนรู้สึกเหมือนกับว่ามีดาวล้อมเต็มหัวไปหมด


“เลย์!” คริสรีบดันตัวเองขึ้นจากพื้นคอนกรีตก่อนจะสอดมือเข้าไปใต้จักกะแร้คนตัวเล็กแล้วดึงให้อี้ชิงนอนหงายลงกับพื้น


“โอ้ย~” จาง อี้ชิงนอนกุมหน้าแข้งร้องโอดโอยอยู่ที่พื้นด้วยความเจ็บปวดทั้งยังพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอีกด้วย เขารู้สึกเหมือนกระดูกหน้าแข้งแตกเป็นเสี่ยงๆมันปวดมากจริงๆแถมยังมึนหัวอีกด้วย ถ้าเวนดี้มาเห็นเธอจะต้องหัวเราะเยาะเขาแน่เพราะฉนั้นอี้ชิงจะไม่ร้องไห้หรอก


“เป็นไงหละ กรรมตามทันไปแกล้งเวนดี้” คริสหัวเราะออกมานิดๆก่อนจะยกขาข้างขวาของเพื่อนตัวเล็กขึ้นมาดู เขาเห็นรอยจ้ำเขียวๆที่ปูดขึ้นมาพอเอานิ้วไปจิ้มดูปรากฏว่าอี้ชิงร้องโอ้ยเสียงดังจนต้องวางเท้าไว้ที่พื้นเหมือนเดิม


“ไม่ต้องยุ่ง!” อี้ชิงถีบขาไปมาอย่างเอาแต่ใจแล้วใช้แขนยันตัวเองขึ้นจากพื้น พยายามเกาะเอาโครงเหล็กที่ทำเขาเจ็บนั่นแหละเป็นหลักยึดให้พยุงตัวเองขึ้นช้าๆ อะไรๆก็เวนดี้ขนาดอี้ชิงงอนขนาดนี้ยังพูดถึงแม่นั่นอีก เขาเป็นเพื่อนกับคริสมาตั้งสามปีไม่เห็นมีใครมาแย่งคริสไปจากเขามีแต่แม่นั่นๆแหละที่พอเข้ามาก็เกิดเรื่องวุ่นวายไปหมด


“ไม่ต้องพูดเลย เจ็บขนาดนี้ จะพาไปนั่ง” คริสไม่ได้แสดงอาการโกรธหรืออะไร เพียงแค่ใช้แขนกอดรอบเอวเพื่อนสนิทเอาไว้แล้วประคองอีกฝ่ายให้ยืนขึ้นก่อนจะพากันเดินเพื่อที่จะไปยังม้านั่งกลางสวน คริสชินชากับนิสัยเอาแต่ใจและขี้งอนของอี้ชิงจนไม่รู้สึกอะไรแล้วและเขาก็โตพอจะไม่โต้ตอบกับเด็กอายุ13ขวบที่ชอบเรียกร้องความสนใจเป็นชีวิตจิตใจ

พองอนแล้วก็เป็นคริสทุกทีที่ต้องเข้าไปง้อ ถ้าไม่ง้อหละเรื่องใหญ่ เพราะอี้ชิงเป็นคนคอยดูแลเขาทุกเรื่องตั้งแต่ทำแผลให้ ช่วยทำการบ้าน ไปช่วยทำความสะอาดบ้านในวันหยุด คอยดูแลไม่ให้คริสกับเพื่อนๆทำอะไรผิดๆ เหมือนกับทิงเกอร์เบลที่คอยดูแลปีเตอร์แพนและเหล่าเด็กหลงจอมซนทั้ง7ไม่ห่าง ถ้าไม่มีทิงเกอร์เบลอย่างเลย์ป่านนี้พวกเขาคงไม่ได้มีชีวิตราบรื่นอย่างนี้

แต่น่าเสียดายที่ทิงเกอร์เบลของคริสขี้งอนและขี้หวงไปหน่อย ใครเข้าใกล้เขาเป็นอันต้องโดนแกล้งทุกรายจนคริสไม่มีโอกาสได้มีแฟนหรือเพื่อนสาวเหมือนกับเด็กคนอื่นๆในวัยเดียวกัน แต่ว่ามันก็ไม่สำคัญหรอกเพราะยังไงชีวิตของเขาก็ขาดเทพธิดาประจำตัวไม่ได้อยู่ดี














ผมยังจำได้ดีในวันที่คุณเอาชนะคนอื่นที่มายุ่งกับผมได้
ตอนนั้น ผมได้หัวใจของคุณและเราก็จูบกัน
หัวใจของผมโบยบินไป
คุณน่ารักกว่าเวนดี้หรือซินเดอเรล่าอีก
เป็นคนเดียวที่ทำให้หัวใจของผมเต้น
เมื่อรู้สึกถึงคุณ ตาของผมก็เป็นประกาย











“คราวหลังก็อย่าแกล้งคนอื่น” คริสใช้กำปั้นเขกหัวอี้ชิงที่นั่งอยู่บนม้านั่งเบาๆด้วยความหมันไส้ เพราะคราวนี้นางฟ้าของเขาดันพลาดเจ็บตัวซะเองคริสเลยต้องใช้ให้จอร์จวิ่งกลับไปเอายาทาแก้ปวดและผ้าพันแผลถึงที่บ้านของเวนดี้เพื่อจะนำมาประถมพยาลคนตรงหน้า


“แบร่” นอกจากจะไม่ยอมรับปากแล้วอี้ชิงยังหันไปแลบลิ้นให้กับเพื่อนที่มีอายุมากกว่าเขาถึง2ปีด้วยความหมันไส้ คริสมีสิทธิ์อะไรมาสั่งเขาในเมื่อตัวเองเป็นคนไปยุ่งกับยัยเด็กจอมวุ่นวายนั่นเอง อี้ชิงแค่สั่งสอนเธอเท่านั้นว่าอย่ามาล้ำเส้นความเป็นเพื่อนของพวกเขาที่ไม่เคยต้อนรับคนนอก


“อิจฉาหรือไง” คริสยิ้มออกมานิดๆ เขารู้เลยหละว่าอี้ชิงจะต้องอิจฉาที่วันนี้เขาสนใจเวนดี้มากกว่าแน่ถึงได้งอนทำหน้าบูดทั้งวันแถมยังพาลไปทั่ว


“นายนั่นแหละชอบหล่อนหรือไง” อี้ชิงเบ้ปากทำหน้าล้อเลียนเวลาที่คริสมองเวนดี้และเข้าไปคุยกับเธอซึ่งเป็นท่าทางที่ดูน่าเกลียดชมัดไม่สมกับเป็นคริสที่มั่นใจในตัวเองเลย


“เรื่องของฉันน่า” คริสยอมรับว่าเขาชอบเวนดี้แต่ถ้าบอกว่าชอบต่อหน้าอี้ชิงแบบนี้จะเป็นเหมือนการกวนประสาทหาเรื่องไปกันใหญ่ คริสรู้ว่าอี้ชิงหวงเขามากขนาดไหนแต่ไม่รู้จะพูดยังไงให้คนตัวเล็กเข้าใจว่าความรู้สึกที่คริสมีให้เวนดี้มันไม่พิเศษและลึกซึ้งเท่ากับความรู้สึกที่มีให้อี้ชิง แต่มันก็คนละสถานภาพกันนั่นแหละจะเอามาเปรียบเทียบก็ไม่ได้

อี้ชิงเป็นสิ่งที่คริสต้องการไม่ได้ แต่คริสก็ขาดอี้ชิงไม่ได้เช่นเดียวกัน เปรียบเสมือนเหมือนปีเตอร์แพนกับภูติต้นไม้ที่รักและมีความสำคัญต่อกันอย่างมาก แต่ก็น่าเสียดายที่นางเอกกลับไม่ใช่ทิงเกอร์เบล...


“ชอบก็พูดมาเถอะ!


“ถ้าบอกว่าชอบแล้วไง” คริสหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นหน้าตาคนตัวเล็กบูดเบี้ยวเข้าไปอีกมือเล็กยกขึ้นเกาะอกเชิดหน้าตามนิสัยก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทีทนง


“เดี๋ยวจะโดนยัยเด็กก๋ากั่นนั้นหลอกเอาฉันไม่รู้ด้วย” อี้ชิงไม่เคยไว้ใจใคร เขาไม่ชอบให้คนนอกเข้ามาสุงสิงกับคริสหรือเพื่อนของเขา ไม่ชอบถูกลุกล้ำความเป็นส่วนตัวหรือทำให้รู้สึกเหมือนถูกแย่งความสำคัญไป


“หวงก็บอกมาเถอะ” คริสยอกย้อนและมันทำให้อี้ชิงถึงกับหน้าแดงแปร๋ดอย่างไม่รู้ว่าโกรธหรือเขินกันแน่ ปากอิ่มเม้มแน่นก่อนจะพูดปัดออกมาเสียงดัง


“ฉันแค่เตือนเพราะหวังดีเท่านั้น!” อี้ชิงขึ้นเสียงทำไม่พอใจกลบเกลื่อนอาการเขิน ใครจะยอมรับกันหละว่าหวง เพราะถ้าบอกว่าหวงอาจจะถูกเข้าใจผิดว่าชอบก็ได้ อี้ชิงไม่ได้ชอบคริสซะหน่อย...


“ฉันชอบเวนดี้ แต่ฉันรักทิงเกอร์เบลที่สุดนะ...” คริสยกมือขึ้นจับใบหน้าหวานที่บูดบึ้งให้หันมาทางตนเองก่อนจะโน้มหน้าลงไปใกล้ จ้องมองลงไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเว้นระยะห่างเอาไว้เพื่อมองแก้มใสๆที่ขึ้นสีแดงปลั่งดูน่ารักเสียยิ่งกว่าเวนดี้หรือเด็กผู้หญิงคนใหนในเมือง

ก่อนที่จะเคลื่อนหน้าเข้าไปประทับริมฝีปากลงกับปากอิ่มช้าๆ ดูดดึงกรีบปากละเลียดความหอนหวานจากคนที่เป็นเหมือนกับภูติน้อยที่ทั้งเอาใจใส่อ่อนโยนและขี้หวงไปพร้อมๆกัน ปีเตอร์แพนรักทิงค์มากกว่าเจ้าหญิงองค์ใหนๆบนโลกซะอีก...













แก้มอมชมพูของคุณ รู้สึกเหมือนเดินอยู่บนก้อนเมฆ ที่รัก ภาพของคุณทำให้หัวใจผมเต้น
เวลาที่คุณยิ้มบางๆ และดวงตาของคุณทำให้เป็นแบบนั้น
มีแค่คุณคนเดียวเท่านั้นที่สามารถบินเข้ามาในหัวใจของผมได้















คริสยิ้มกริ่มกับเรื่องราวที่ได้จดบันทึกไว้ในสมุดเล่มเก่า เขาพลิกกระดาษไปหน้าต่อไปที่มีรูปวาดทิงเกอร์เบลห้อมล้อมเต็มขอบกระดาษ คิดถึงจนจะเป็นบ้า... อยากย้อนเวลากลับไปในตอนที่มีความสุขกับนางฟ้าน้อยขี้หวงประจำตัว อยากจะให้อี้ชิงดูแลเขาเหมือนวันเก่าๆในอดีต ถึงจะแต่งงานมาแล้วหลายรอบแต่ก็ไม่เคยมีใครมาทดแทนคนmujเป็นเหมือนทิงเกอร์เบลของเขาได้


ไม่ว่าจะผ่านมากี่ร้อยปีคริสก็ยังเฝ้าคิดถึงแต่นางฟ้าน้อยที่หนีหายไปตอนที่เขาแต่งงานครั้งแรกกับเวนดี้ผมแดง ตอนนั้นคริสจำได้ว่าพอเขาบอกกับอี้ชิงว่าจะแต่งงานคนตัวเล็กก็ไม่มาเจอเขาอีกเลยจนกระทั่งมารู้อีกทีว่าย้ายบ้านไปแล้ว ไม่คิดว่าทิงค์ของเขาจะขี้งอนมากขนาดนี้ แต่คริสก็เฝ้าตามหาและรอคอยอี้ชิงกลับมาตลอดต่อให้เขาย้ายบ้านไปที่ไหนก็ตาม จนกระทั่งเวนดี้แก่ชราและเสียชีวิตไปแต่คริสกลับไม่แก่ลงและเขายังเป็นแค่เด็กอายุ20เหมือนเดิม
อายุและร่างกายของเขาหยุดเจริญเติบโตตั้งแต่วันที่แต่งงานและอี้ชิงหายไป เหมือนกับปีเตอร์แพนmujไม่อยากเป็นผู้ใหญ่และไดรับมนต์วิเศษจากนางฟ้า แต่สำหรับคริสที่เขายังไม่อยากแก่ตายก็เพราะเขาจะอยู่รออี้ชิง และรอจนกว่าจะได้พบกันอีกครั้ง


คริสเชื่อว่าอี้ชิงเป็นนางฟ้าที่มอบพลังวิเศษให้กับเขาเพราะทิ้งค์ไม่เคยปฏิเสธความปารถนาของปีเตอร์แพน และอี้ชิงเองก็คงจะมีชีวิตอยู่เช่นกัน...



นี่มันกี่ปีแล้วนะ...ตั้งแต่ปี1814จนตอนนี้2014แล้ว คริสแต่งงานไปหลายครั้ง มีแค่เวนดี้ที่อยู่กับเขาจนตายส่วนคนอื่นๆก็เลิกdyoไปหมดเพราะความประหลาดของเขา... คริสไม่เคยจูบใครแม้แต่กับเวนดี้เอง เขาไม่เคยร่วมหลับนอนกับภรรยาคนใหนและคริสมักจะรับเด็กกำพร้ามาเลี้ยงเสมอ พออยู่กันได้ไม่กี่ปีส่วนใหญ่ฝ่ายหญิงก็จะหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปเองเพราะความแปลกประหลาดนี้

คริสยังแต่งงานได้เรื่อยๆในขณะที่เขาใช้เวลาเป็นร้อยปีเพื่อลำลึกความหลังถึงนางฟ้าตัวน้อยและรอคอยจะได้พบกับทิงเกอร์เบลของเขาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าป่านนี้อี้ชิงจะเป็นยังไงบ้าง จะคิดถึงคริสบ้างหรือป่าว จะรู้หรือยังว่าเขาไม่เคยมีใครและรักใครไปมากกว่าทิ้งค์น้อยที่คอยดูแลเขาทุกๆเรื่อง















เราอยู่ด้วยกัน ผมอยากจะกอดคุณไว้
ผมจะจับมือคุณไว้ แต่คุณอยู่ไกลเหลือเกิน
อย่าจากผมไป ผมอยู่ตรงนี้แล้ว
คุณอยู่ที่ไหนคุณอยู่ในเทพนิยายของผม คุณยังวนเวียนอยู่ในนั้น ที่รัก
ผมยังกังวล มุมหนึ่งในหัวใจที่ไม่มีคุณมันว่างเปล่าเหมือนเกาะร้าง
ผมบันทึกคุณไว้ในความทรงจำ มันไม่สามารถลบออกไปได้ ที่รัก
หัวใจของผมวิ่งไป มุมหนึ่งในหัวใจที่ไม่มีคุณมัน....














ไม่รู้ว่าตอนนี้อี้ชิงจะอยู่ที่ลอนดอนเหมือนเดิมหรือย้ายไปอยู่เนเวอร์แลนด์แต่คริสยังเชื่อว่าสักวันนึงเขาจะตามหาอี้ชิงจนเจอและเริ่มบันทึกหน้าใหม่ที่มีแค่สองเรา อี้ชิงอาจไม่ใช่เจ้าหญิงแต่ถ้าเป็นสิ่งที่เจ้าชายขาดไม่ได้แล้วเจ้าหญิงจะไปมีค่าอะไรถึงต่อให้ครองรักกันจนแก่เฒ่าแต่จิตใจของเจ้าชายยังเรียกร้องหาแต่คนที่เคยเคียงข้าง
ไม่ว่าอี้ชิงจะอยู่ที่ไหนและยังมีชีวิตอยู่หรือไม่แต่ตราบใดที่คริสยังไม่ตายเขาจะจดจำนางฟ้าแสนดีไว้ในหัวใจตลอดไป...















ผมจะไปตามหาคุณที่เนเวอร์แลนด์ โดยตามจากทิงเกอร์เบล ผู้ที่มอบความทรงจำให้
 ที่แห่งนั้น คุณและผมเฝ้ามองกันและกัน ยิ้มให้กัน
ผมจะเป็นปีเตอร์แพนของคุณตลอดไป เป็นผู้ชายคนนั้นที่หยุดเวลาไว้
ถึงผมจะดูเงอะงะแต่ผมก็รักคุณมาก และผมจะไปหาคุณ
























































  
เกร็ดหิมะแรกของฤดูหนาวร่วงหล่นทับถมจนเป็นสีขาวโพลนไปทั่วทั้งถนนและหลังคาบ้าน คริสยกชาอุ่นๆที่ภรรยาชงมาให้ขึ้นดื่มช้าๆละเมียดละไมกับกลิ่นชาเอิร์ลเกรย์หอมกรุ่นและรสชาติฝาดๆติดขมเล็กๆของมัน สายตาทอดมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกมองดูเด็กๆเล่นกันอย่างสนุกสนาน

คริสกำลังนึกถึงเพื่อนๆทั้ง7ของเขาตอนสมัยเป็นเด็ก คริสรู้สึกเบื่อที่ต้องทำงานและใช้ชีวิตเรื่อยๆอย่างไม่มีวันตาย เขาอยากจะกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเพื่อที่จะได้เล่นสนุกและใช้ชีวิตง่ายๆอย่างไม่ต้องคิดอะไรมากมาย อยากย้อนเวลาและหยุดชีวิตอยู่ในช่วงอายุนั้นตลอดไป
ช่วงที่ได้ชีวิตโลดโผนโจนทะยานเท่าที่อยากจะทำและมีคนดูแลกับเพื่อนๆที่เล่นสนุกไปด้วยกัน อยากจะเป็นปีเตอร์แพนที่ได้อยู่กับทิ้งค์และเหล่าเด็กหลงตลอดไป แต่ป่านนี้เพื่อนของคริสคงจะตายไปหมดตั้งแต่หลายสิบปีก่อนแล้วหละ...


“คุณคะ จะทานอะไรเช้านี้” เสียงของภรรยาคนปัจจุบันดังขึ้นดึงคนตัวสูงให้หลุดออกจากภวังค์ คริสหันไปยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนก่อนจะตอบคำถาม


“อะไรก็ได้ ผมทานได้หมด” เพียงเท่านั้นเจนก็เดินออกไปโดยที่ไม่ถามเซ้าซี้อะไรอีกเพราะเธอคงจะรู้ดีว่าคริสไม่ค่อยชอบให้วุ่นวาย บางครั้งเจนรู้สึกว่าเธอเข้าไม่ถึงหัวใจผู้เป็นสามีเลย


“อ้อ เมื่อกี้ลืมบอกไป มีเด็กๆมากดออดเรียกคุณที่บ้านหนะค่ะ แต่ฉันคิดว่าพวกเขามาก่อกวนเลยไล่ไปแล้ว คุณรู้จักพวกเขาไหม” เจนเดินเปิดประตูกลับเข้ามาอีกครั้งเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังมีเรื่องที่เธอไม่ได้บอกกับสามี


“หื้อ? ใครหรอ”


“ไม่รู้สิคะ คิดว่าพวกเด็กๆจะเล่นซนกันเฉยๆ เขาบอกว่าอยากเจอคริสด้วย แต่พวกเขาคงอ่านจากป้ายชื่อหน้าตู้ไปรษณีย์เอา”


“อืม... พวกเขาไปหรือยัง” คริสวางถ้วยชาลงบนที่ลองแก้วก่อนจะลุกยืนขึ้นอย่างสนใจ บ้านเขาไม่เคยมีใครกดออดมาหลายสิบปีแล้วมันทำให้คริสรู้สึกประหลาดใจมากทีเดียว


“ยังเล่นอยู่ที่หน้าบ้านค่ะ ยังกวนไม่หยุดเลย” เจนตอบพร้อมกับหยิบเดินไปหยิบเสื้อคลุมขนสัตว์จากที่แขวนนำไปยื่นให้สามี คริสรับมันมาใส่ลวกๆอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเดินออกไปจากห้องทันที





คริสถูมือไปมาเพื่อเรียกความอบอุ่นก่อนจะค่อยๆผลักประตูออกไปเพชิญกับอากาศหนาว เกร็ดหิมะปลิวว่อนคริสเห็นเด็กๆวัยประมาณ12-13ใส่เสื้อกันหนาวเล่นหิมะกันจนตัวกลมอยู่ที่หน้าบ้าน แถวนั้นไม่มีใครเลยนอกจากเด็กกลุ่มนี้คริสจึงไม่รอช้าที่จะเดินตรงเข้าไปหาเด็กคนนึงในกลุ่มทันที


“เฮ้! เจ้าหนู พวกเธอหรือป่าวที่อยากพบฉัน” คริสเดินไปจับไหล่เด็กผู้ชายใส่หมวกไหมพรมสีแดงคนนึง ก่อนที่พวกเด็กๆจะหยุดเล่นกันหลังจากที่ได้ยินเสียงเรียกและหันมามองชายหนุ่มตัวสูง


“เฮ้คริส!! พวกเราเป็นเด็กหลงทาง ช่วยรับพวกเราไว้ดูแลด้วย!” เด็กหนุ่มผมสีทองหันมาพูดกับเขาเสียงดังพร้อมกับรอยยิ้ม คริสถลึงตาผงะถอยหลังและสดุดกองหิมะที่ดูดเท้าเขาจนล้มลงก้นจ้ำเบ้า


“โรเจอร์...”


“ว่ายังไงคริส!” เด็กผู้ชายคนนึงวิ่งเข้ามาหาชายหนุ่มพร้อมกับยื่นมือไปให้จับหวังจะช่วยพยุง


“จอร์จ” คริสยิ่งผงะเข้าไปอีก คราวนี้เด็กๆจากทั่วสารทิศวิ่งเข้ามามุงเขาเหมือนของแปลกใหม่ก่อนที่เด็กผู้ชายผมสีน้ำตาลจะปาก้อนน้ำแข็งใส่เขาพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นและคนอื่นๆก็เริ่มจะสนุกกันแล้ว


“ทำไมพวกนายถึง...” คริสอึ้งและสับสนจนแทบพูดไม่ออก เพื่อนในสมัยเด็กของเขาตั้งแต่ปีพันแปดร้อยสิบสี่ยังอยู่ในวัยเดิมเหมือนตอนนั้นไม่มีเปลี่ยนแถมยังมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาหลังจากที่แยกย้ายกันไปจนเกือบจะร้อยปีและยังมาบอกว่าเป็นเด็กหลงทางจะมาให้เขาดูแลอีก


“นายดูแก่ขึ้น”


“ฉันคิดว่าเขามีภรรยาด้วย” ฝาแฝดนิบส์และเคิร์ลลี่พูดเสริมกันอย่างที่ชอบทำ คริสนิ่งงันไปชั่วครู่ก่อนจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น เรื่องมหัศจรรย์พวกนี้คงไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับเขา คริสปัดเศษหิมะที่ก้นก่อนจะถามเสียงเข้ม


“พวกนายมาที่นี่ได้ยังไง” ทั้งๆที่เด็กพวกนี้ควรจะอยู่ที่แมนเชสเตอร์ แต่ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นิวคาสเซิลแบบนี้ แน่นอนว่าพ่อแม่ของพวกนี้คงจะตายไปแล้วเหมือนกับพ่อแม่ของเขา แต่ทำไมเพิ่งจะมาโผล่เอาป่านนี้


“พวกเราหนีออกจากบ้าน”


“เราหลงทาง ไม่มีอาหาร” โรเจอร์พูดขึ้นตบท้ายนิบส์ พร้อมกับทำสีหน้าน่าสงสาร


“เลย์บอกว่านายจะให้ที่อยู่กับเรา” สตีฟพูดขึ้น เขาเห็นท่าทางเพื่อนเก่ายืนงงและแล้วรู้สึกหมันไส้จนอยากจะเตะก้นแรงๆถ้าไม่ติดว่าสภาพทางร่างกายมันไม่เอื้ออำนวยเพราะคริสสูงกว่าแต่ก่อนมากๆ


“เลย์มาที่นี่ด้วย?!” คริสเบิกตาโพง เขากวาดสายตามองหาคนที่เฝ้าตามหามานานหลายร้อยปีแต่ก็ไม่พบในบริเวณรอบ เขานับจำนวนคนที่ยืนล้อมอยู่รอบตัวแต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อมันนับได้แค่7คนเท่านั้น


“ใช่ เขาบินได้ด้วย วิเศษมากเลย” จอร์จทำท่าบินแล้วเดินวนไปรอบๆเลียนแบบเวลาที่เขาเคยเห็นตอนที่เพื่อนนางฟ้าบินไปรอบๆตัว


“ตัวยืดๆหดๆน่ารักมาก แต่เขายังไม่หายโกรธนาย”  สตีฟยกมือขึ้นกางนิ้วชี้และนิ้วโป้งเป็นรูปตัวCเว้นระยะห่างระหว่างปลายนิ้วอธิบายขนาดตัวของเลย์เวลาที่ตัวหด


“เลย์อยู่ที่ไหน” คริสยังไม่อยากรู้ว่าอี้ชิงเป็นยังไงบ้างแต่เขาอยากจะพบอี้ชิงไวๆแล้วเรื่องอะไรค่อยไปว่ากันทีหลัง เขาจ้องหน้าสตีฟที่ยืนทำหน้าตากวนๆอยู่อย่างรีดเค้นคำตอบแต่แล้วโรเจอร์ก็อุทานออกมาเสียงดังตัดหน้าเจ้าจอมกวนไปเสียก่อน


“เขาอาจจะอยู่กับ...”


“อ๊า!” เสียงกรีดร้องดังออกมาจากในบ้านของคริส ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านทันทีโดยมีเด็กๆวิ่งกรูตามเข้ามาพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน คริสเปิดประตูเสียงดังปังแล้วรีบเดินเข้าไปดูที่ห้องโถงที่เป็นต้นเสียง เขาเห็นภรรยาถือถาดแสตนเลสฟาดไปมารอบๆตัวเหมือนจะตีอะไรสักอย่างที่คริสมองไม่ถนัดแต่อยู่ๆก็มีเสียงดังปุ่กพร้อมกับผงสีทองๆกระจายไปทั่ว


 “คุณ! ตัวอะไรอยู่ในบ้านไม่รู้ มันจะทำร้ายฉัน!” เจนร้องเสียงหลงก่อนจะวิ่งเข้าไปซบอกสามีแน่นด้วยความหวาดกลัว คริสยกสองแขนขึ้นกอดเธอไว้อย่างปลอบโยนก่อนจะพยายามสอดส่องสายตาหาไอ้ตัวที่ว่า

เสียงเด็กหลงทั้ง7หัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานจนคริสต้องหันไปมองด้วยสายตาดุๆ เขากวาดสายตาไปรอบๆตัวๆก่อนจะเห็นเหมือนตัวอะไรเล็กๆที่ใหญ่กว่านิ้วชี้นิดหน่อยและมีแสงสีทองสว่างคล้ายแมลงหิ่งห้อย มันตรงเข้ามาหาเจนก่อนจะดึงผมหางม้าของเธอจนภรรยาเขาร้องเสียงดังลั่น คริสหรี่ตามองสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆคล้ายภูติจิ๋วอย่างพิจารณาก่อนจะร้องตะโกนออกมาดังลั่นด้วยความตกใจ



“เลย์!!



“พอได้แล้วเลย์” เสียงโรเจอร์พูดขึ้นก่อนจะหยิบหมวกไหมพรมขึ้นใช้แทนสวิงตวัดจับนางฟ้าตัวน้อยๆให้เข้าไปอยู่ในหมวกแล้วสบัดมันแรงๆจนร่างของเลย์หล่นตุ้บลงบนพื้นและกลับคืนสู่สภาพคนเต็มตัว


“ยัยนี่เอาถาดตีฉัน!” แขนเล็กๆยกขึ้นกอดอกแน่นพร้อมกับใบหน้าหวานที่เชิดขึ้น อี้ชิงอยู่ในชุดสีเขียวอ่อน ที่แผ่นหลังมีปีกเหมือนกับแมลงปองอกออกมาด้วย ใบหน้าหวานง้ำงอเหมือนทุกครั้งและเป็นเค้าโครงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง มีเพียงส่วนสูงของอี้ชิงเท่านั้นที่ลดลงเหลือแค่150เซนติเมตรเหมือนตอนเด็กๆไม่เหมือนกับคนที่อายุเท่ากับคริสเลยสักนิด


“เกิดอะไรขึ้น” เจนหลับตาปี๋ไม่กล้าแม้แต่ลืมตาแต่คริสไม่สนใจ เขาผลักภรรยาออกจากอกก่อนจะเดินมาย่อตัวอยู่ตรงหน้าเพื่อนรักที่เขาตามหาและเฝ้ารอมานาน


“เลย์...”


“เรียกทำไม” อี้ชิงยังคงเชิดหน้าอย่างแสนงอน เขาอุตส่าพาเพื่อนๆมาพักที่นี่และกะจะมาเยี่ยมคริสด้วยแต่พอบินเข้ามาสำรวจบ้านก็ดันเจอกับภรรยาของพื่อนสนิทเข้า อี้ชิงยอมรับว่าด้วยความหมันไส้ทำให้เขาบินเข้าไปดึงผมเธอก่อนแต่ไม่นึกว่าเธอจะโต้ตอบรุนแรงขนาดจะตีเอาๆ


“ยอมกลับมาหาฉันแล้ว!” คริสโถมตัวเข้ากอดเพื่อนสนิทที่ไม่รู้ว่าอยู่ในสภาพไหนกันแน่ อี้ชิงยังดูน่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงทั้งนิสัยขี้หวงขี้งอนก็ยังอยู่ครบไม่หายไปเลย คริสดีใจจนแทบบ้าเมื่อการรอคอยของเขาสิ้นสุดลง ถึงอี้ชิงจะทำหน้าบูดอยู่ก่อนหน้าแต่แขนเล็กๆนั่นก็ยอมยกขึ้นกอดเขาพร้อมกับใบหน้าที่ซบลงบนไหล่


“คิดถึงจัง” อี้ชิงพึมพัมเบาๆก่อนที่ร่างกายจะค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นจนสูงเกือบเท่ากับคริสแต่เตี้ยกว่าเล็กน้อยประมาณ170เซนฯกว่าๆ อี้ชิงลุกยืนขึ้นทั้งที่ยังกอดกับเพื่อนตัวสูงอยู่ ตัวของเขาสูงแค่อกคริสเท่านั้นเอง


“ฉันชอบเขาตอนตัวเล็กมากกว่า” แจ๊คพูดขึ้นพร้อมกับเบ้หน้า เขาไม่ชอบเท่าไหร่เวลาที่อี้ชิงอยู่ในร่างของคนอายุ20 แจ๊ครู้สึกเหมือนตัวเองถูกเอาเปรียบที่ไม่มีพลังเหมือนอี้ชิงที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นภูติ เป็นเด็กหรือเป็นคนโตก็ได้


“นี่เรื่องอะไรคะคุณ”  เจนทำสีหน้าประหลาดใจยกมือขึ้นปิดปาก อยู่ๆแมลงตัวเล็กๆก็เปลี่ยนตัวเองเป็นเด็กแล้วก็เปลี่ยนัวเองเป็นผู้ใหญ่อีกทีแถมยังทำท่าเหมือนกับรู้จักสามีของเธอมาเนิ่นนาน


“ไว้ผมจะเล่าให้ฟังนะ คุณช่วยไปทำอาหารเผื่อเด็กพวกนี้หน่อยนะ” คริสหันไปพูดกับภรรยาอย่างใจเย็น เขาจับมืออี้ชิงไว้แน่นเพราะกลัวว่านางฟ้าของเขาจะงอนและบินหนีไปอีก เจนส่ายหน้าช้าๆอย่างไม่เชื่อสายตาก่อนรีบวิ่งหลบเข้าไปในห้องครัวทันที


“ทำเป็นกลัว น่าหมันไส้ชมัด” อี้ชิงกำหมัดทำท่าเหมือนจะทุบหล่อนด้วยความหมันไส้ ทำไมคริสถึงชอบเลือกผู้หญิงซื่อบื้อแบบนี้มาแต่งงานอยู่เรื่อย


คริสถอดเสื้อคลุมตัวเองห่มให้กับอี้ชิงเพราะกลัวคนตัวเล็กจะหนาว เพื่อนสมัยทั้งเจ็ดคนของเขาเริ่มเดินค้นนู่นนี่ไปรอบบ้านอย่างซุกซนและหยิบเอาผลไม้ในตะแกรงที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะรับแขกมากินอย่างมูมมาม


“หายไปไหนมาตั้งนาน” คริสจับปอยผมสีทองสว่างทั้งสองข้างไปทัดข้างใบหูก่อนจะบีบปากเล็กๆที่เชิดขึ้นอย่างน่ารักด้วยความหมันเขี้ยว


“ไปอยู่เนเวอร์แลนด์ งอนคนบางคนแต่งงาน” อี้ชิงตอบอย่างตรงไปตรงมาจนคริสถึงกับหลุดหัวเราะ ทำไมอี้ชิงถึงได้งอนเขานานเป็นร้อยปีแบบนี้ ปล่อยให้คริสรอมาตลอดโดยที่ตัวเองไปสนุกอยู่กับคนอื่นๆที่เนเวอร์แลนด์ มันทำให้คริสนึกขึ้นมาได้ว่าที่เขาเคยอ่านเจอว่า1ปีบนเนเวอร์แลนด์แทบจะเทียบเท่า100ปีบนโลกเลย แต่คริสไม่เคยรู้ว่ามันมีจริงทว่าพอได้เห็นคนตรงหน้าแล้วคริสก็เชื่อสนิทใจ


“ตั้งร้อยปีเนี่ยนะ ปล่อยให้ฉันคิดถึงตั้งนาน” คริสรั้งเอวคนตัวเล็กเข้ามาคลอเคลียใบหน้าไม่ห่างจนอี้ชิงหน้าแดงแปร๊ด


“ก็รอได้ไม่ใช่หรอ” อี้ชิงกรอกตาหลบอย่างเขินอายก่อนจะผลักเพื่อนตัวสูงออกแล้วเดินไปนั่งที่โซฟากับเพื่อนๆที่กำลังกินกล้วยและส้มอย่างเอร็ดอร่อยโดยทิ้งเปลือกไว้ตามพื้น


“นี่...กินให้มันเรียบร้อยหน่อยสิ” คริสเดินไปนั่งลงข้างๆอี้ชิงที่ตอนนี้เปลี่ยนร่างตัวเองเป็นเด็กที่สูงแค่150เซนฯแล้ว เขาจับร่างเล็กๆนั่นขึ้นมานั่งตักพร้อมกับก้มลงจูบลงบนเรือนผมสีทองสว่าง


“ก็บอกให้เธอมาเก็บสิ” แม๊คกระโดดไปมาบนโซฟาหนังชั้นดีทั้งยังโยนเปลือกกล้วยไปรอบๆ อี้ชิงได้แต่หัวเราะคิกคักเมื่อนึกว่าเธอคนนั้นจะทำยังไงเมื่อเห็นบ้านรกขนาดนี้เพราะฝีมือเพื่อนของคริส


“ไม่คิดจะคุยกันหน่อยหรอ” คริสเลือกที่จะไม่ใส่ใจเพื่อนวัยเด็กของเขาแต่ก้มหน้าลงคุยกับอี้ชิงแทน


“ไม่เห็นมีอะไรต้องคุยเลย” อี้ชิงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ มันก็ไม่น่าแปลกที่คริสอยากจะคุยกับเขาเพราะไม่ได้เจอกันมานานแต่สำหรับภูติที่สามารถอ่านใจได้อย่างอี้ชิงแล้วการพูดคุยผ่านถ้อยคำไม่จำเป็นเลย...


คริสไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มกริ่มออกมาเท่านั้น มันคงน่าเสียดายที่เขาไม่ใช่ปีเตอร์แพนที่เป็นเด็กและเล่นสนุกตลอดไปกับเหล่าเด็กหลง คริสโตในดินแดนของผู้คนและวุฒิภาวะของเขามีมากพอๆกับชายชราวัย60


“เป็นคนดูแลพวกนี้หรอ” คริสกำลังหมายถึงเด็กๆที่วิ่งซุกซนไปมาในบ้านของเขา อี้ชิงคงเป็นเหมือนผู้พิทักษ์เด็กๆเหมือนทุกทีตั้งแต่ตอนที่เป็นคน และทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่มันทำให้คริสใจสั่นไปหมดที่รู้สึกว่าคนที่คอยดูแลเขาในวัยเด็กได้กลับมา


“แล้วจะเป็นใครหล่ะ”


“ปากเก่งเหมือนเดิม” คริสจับปายคางเล็กให้แหงนหน้าขึ้นแล้วโน้มหน้าลงไปกดจูบแรงๆด้วยความหมันไส้ น่าแปลกที่คราวนี้อี้ชิงไม่ขัดขืนแต่เพียงแค่ยกมือขึ้นจับขอเสื้อเสว็ตเตอร์ตัวในของเขาเบาๆ


“อื้อออ....” อี้ชิงไม่รู้จะพูดอะไร เขาไม่อยากปฏิเสธจูบที่ตัวเองเฝ้าคอยมานานเหมือนกัน คริสไม่เคยจูบกับใครและอี้ชิงรับรู้ได้ทั้งความรู้สึกและจิตใจของเพื่อนตัวสูงตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่เพราะตอนนั้นอี้ชิงไม่เข้าใจและโกรธอย่างมากที่คริสแต่งงานกับเวนดี้เขาถึงได้หนีหายไปไม่ยอมแม้แต่ฟังคำอธิบายของคริส

รู้สึกขอบใจพรวิเศษที่ทำให้เขาได้เข้าไปบินวนในใจคริสได้จริงๆ มันทำให้อี้ชิงเข้าใจว่าใครสำคัญที่สุดสำหรับคริส ใครที่คริสเอาแต่เฝ้านึกถึงตลอดเวลา ใครที่คริสรักมากที่สุด ใครคนนั้นที่คือเขาเอง...



“เดี๋ยวจะได้มีเรื่องคุยกันยาวแน่ทิ้งค์น้อย” คริสยกเอาฉายาของอี้ชิงขึ้นมาเรียกก่อนจะอุ้มร่งเล็กๆนั้นเดินหายขึ้นบันไดชั้นสองไปโดยที่ปล่อยให้เพื่อนๆของเขาจัดการกับบ้านตามสบาย...




  
 





























ในเวลาเช้าตรู่ที่เถนนปกครุมไปด้วยหมอกเพราะหิมะตกหนักและยังไม่มีเด็กลงคนใหนตื่น อี้ชิงได้แต่บินวนไปรอบๆอย่างไม่รู้ว่าจะทำอะไร

“น่าเบื่อจัง” อี้ชิงย่อตัวเองจนเหลือตัวเท่านิ้วชี้แล้วบินวนไปรอบๆหัวคริสดึงผมคนตัวสูงไปมาหวังจะแกล้งให้เพื่อนสนิทที่นอนอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ลุกขึ้นมาเล่นด้วย


“กวนจัง พวกนั้นยังไม่ตื่นอีกหรอ” คริสโยกหัวหนีเป็นครั้งที่ยี่สิบจากการก่อนกวนของอี้ชิง เขายกชาขึ้นจิบช้าๆให้อุณหภูมิในร่างกายพอได้อบอุ่นบ้าง


“ยัง” อี้ชิงตอบปัดอย่างไม่ใส่ใจเมื่อเห็นคริสไม่เล่นด้วยก่อนจะบินหายออกไปจากห้อง ตอนนี้มีแค่คริสกับเจนที่ตื่นแล้ว คริสเอาแต่อ่านหนังสือพิมพ์น่าเบื่อและเจนทำอาหารอยู่ในครัว เมื่อนึกได้ดังนั้นอี้ชิงไม่รอช้าที่จะบินเข้าไปป่วนครัวทันที

จำไม่ได้แล้วว่าอยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่ กี่เดือนกี่อาทิตย์หรือกี่ปีที่อี้ชิงอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ของคริสกับเพื่อนๆทั้งเจ็ดคนโดยที่เจนไม่กล้าขัดข้อง น่าสงสารที่เธอเป็นเจ้าหญิงของเรื่องนี้เลยต้องรับเคราะห์ดูแลงานบ้านไปตั้งแต่ทำความสะอาด ทำครัว และงานบ้านทุกอย่าง

และน่าเสียดายเช่นกันที่นิทานเรื่องนี้ไม่ต้องการเจ้าหญิงและเจ้าชายไม่ต้องคู่กับสตรีที่เหมาะสมเสมอไป อี้ชิงรู้ดีว่าคริสเลือกจะให้ความสำคัญกับใครสุดแม้คนตัวสูงจะมีภรรยาอยู่แล้วก็ตาม


ช่างน่าเสียใจที่ตัวสำคัญของเรื่องนี้ไม่ใช่เวนดี้ ซินเดอเลร่าหรือจัสมิน... แต่เป็นทิงเกอร์เลย์น้อยที่ครอบครองหัวใจและความไว้ใจควบคู่กับปีเตอร์แพนคริสตลอดไปแม้จะไม่ใช่นางเอก....




อาจไม่ได้อยู่ในสภานะที่คู่ควรที่สุดแต่จะไปใส่ใจทำไมในเมื่อเป็นที่รักและที่สำคัญที่สุด...









ในขณะที่นาฬิกาหมุนไปคุณจะเปลี่ยนไปแค่ไหน
เมื่อเปิดไปหน้าสุดท้ายที่เขียนถึงคุณ ผมไม่กล้าที่จะอ่านมัน ผมจะลบเรื่องราวที่ไม่ดีออกไป
เรื่องของเราจะยังไม่จบแค่นี้
เพราะเราจะได้พบกันอีก


















-Forever Krislay-

-END-











1 ความคิดเห็น:

  1. ชอบบบบบอะที่เป็นอี้ชิง ><
    แอร๊ยยย เพราะฉะนั้น อซฟ ก็คู่กับ อซ
    5555 ตื่นเหอะะะะะ

    ตอบลบ