วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2557

[ทหารเสือ] EP.2.1 เด็กไม่ดีต้องถูกบอยคอต!!

*เนื่อเรื่องไม่ต่อจากตอนที่แล้ว





เวลาบ่ายสอง15นาที คุณแม่จางอี้ชิงนั่งกระดิกเท้าบนโซฟาพรางเหลือบตามองดูนาฬิกาเป็นระยะ คอยนับถอยหลังว่าเมื่อไหร่รถโรงเรียนจะมาถึงบ้านสักที วันนี้ตอนเที่ยงๆคุณครูที่ศูนย์โทรมาฟ้องว่าคุณลูกอู๋ฟ่านของเขาไปชกเพื่อนซะปากแตกแถมคุณชายอี้ฟานที่3ก็ยังไม่ยอมห้ามแถมยังวิ่งชนเพื่อนจนล้มหน้าคะมำ
สาบานได้เลยว่าเลี้ยงลูกมา4ปีอี้ชิงไม่เคยสอนให้ลูกชายทำร้ายร่างกายใครหรือเปิดการ์ตูนรุนแรงให้ดู อีกอย่างลูกของเขาก็ไม่เคยมีประวัติชกต่อยกับใครด้วยถึงจะขี้อวดขี้เก็กไปบ้างเพราะงั้นเมื่อมันเป็นครั้งแรกก็ต้องกำหราบให้จำไม่งั้นจะเสียนิสัย
อี้ชิงตวัดไม้มะยมสองก้านแกว่งไปมากลางอากาศซ้อมตีก่อนหวดจริง อีกไม่นานคุณลูกชายเขาก็จะมาถึงบ้านแล้ว คงจะต้องคุยกันสักหน่อย โดยที่เขาเองก็ไม่ได้คิดว่าจะหวดลูกสุดกำลังประเภทลายทั้งตัวแบบนั้นหรอกเขาแค่จะตีแปะๆให้รู้เสียบ้างว่าคุณแม่ไม่ได้ตามใจขนาดนั้น...


บรื้น~~

เสียงรถบัสของโรงเรียนที่จำได้ดีดังขึ้นที่หน้าบ้าน อี้ชิงฟาดไม้ลงกับขาตัวเองเบาๆทดสอบความเจ็บก่อนจะลุกขึ้นยืนจากโซฟาเดินไปเปิดประตูต้อนรับลูกชายสุดแสบทั้งสองให้เข้ามารับการลงโทษ วันนี้ทั้งสองคนมาเงียบกว่าทุกวันไม่มีเสียงตะโกนเรียกคุณแม่เหมือนปกติซึ่งคาดว่าอีสองอู๋น่าจะรู้ตัวดีว่าทำความผิด
เขาเปิดประตูยืนรอลูกชายที่กำลังเกี่ยงกันเดินเข้าบ้านอยู่ที่หน้าบ้าน แต่พอทั้งสองคนเห็นสายตาอาฆาตจากแม่นางฮีโตเลี่ยมก็หยุดเถียงกันแล้วเดินก้มหน้าเข้ามาในบ้านที่เต็มไปด้วยกระแสจิตกดดัน

“อย่าเพิ่งขึ้นห้อง” อี้ชิงพูดดัก หันหลังยืนพิงประตูเมื่อเห็นลูกชายสองคนเนียนทำท่าจะเดินขึ้นห้องไปโดยที่ไม่ทักไม่ทายคุณแม่เลยสักนิด นี่พ่อคุณคงรู้ดีว่าโดนแน่ถึงได้ทำท่าจะหนีแบบนี้ แต่ก็คงไม่พ้นหละ

หึๆๆๆ


“ครับ” อู๋ฟ่านตัวดีหันไปตอบรับคุณแม่ที่ยืนถือก้านไม้อยู่ที่ประตู คิ้วเรียวเล็กย่นเข้าหากัน ริมฝีปากบางง้ำงอแลดูน่าสงสารแต่ก็ไม่อาจทำให้บุคคลที่ยืนถือไม้เรียวรออยู่ใจอ่อน


“มาคุยกันก่อน ถอดรองเท้าด้วย” อี้ชิงชี้ปลายไม้ไปที่เท้าลูกชายเป็นเชิงบอกให้อี้ฟานที่2และที่3ถอดรองเท้าก่อนขึ้นห้อง อีลูกบ้านนี้นี่นิสัยไม่ดีจริงๆชอบใส่รองเท้าเข้าบ้าน เขาก็พอจะเข้าใจพวกไลฟ์สไตล์อเมริกันหรอกแต่คนไม่มาทำความสะอาดเองคงไม่เข้าใจ


“วันนี้ทำความผิด” อี้ชิงว่าพร้อมกับเดินเข้าไปหาตัวก่อเหตุที่ก้มถอดรองเท้าทำปากเบะเหมือนกลัวโดนลงโทษอยู่กลางบ้าน แต่เสียใจด้วยที่เขาคิดไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องตีให้ได้ จะแรงจะเบาก็ต้องลงโทษ


“ไม่ต้องมาทำร้องเลย คุณครูโทรมาบอกว่าน้องอู๋เกเรไปชกเพื่อน” อี้ชิงกล่าวเสียงแข็งยกมือขึ้นเท้าเอวฟาดไม้มะยมลงกับขาเบาๆ เขาเหลือบตามองอี้ฟานที่3ที่ยืนอ้ำอึ้งอยู่ก่อนจะเดินหนีไปนั่งที่โซฟารอโดนลงทัณฑ์เป็นลายต่อไป


“ไปทำเพื่อนทำไม” อี้ชิงขึ้นเสียงให้ดังขึ้นเมื่อลูกชายของเขาไม่ยอมตอบคำถามและเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา เดี๋ยววันนี้แหละเขาจะตีอีลูกฝรั่งไม่เคยเจอไม้เรียวให้เข็ดเลย


“คุณแม่ถามทำไมไม่พูด....มือไหนชกเพื่อน แบมือมา” อี้ชิงยกไม้ขึ้นเตรียมจะฟาดมือลูกชายแต่อู๋ฟ่านกลับไม่ยอมแบมือตามคำสั่งแถมยังก้มหน้านิ่งไม่ยอมเงยหน้ามาคุยกันสักนิด อี้ชิงเลยจัดการหวดก้านมะยมไปที่แขนลูกชายโดยหยั่งแรงไม่ให้มันมากเกินไปแค่พอแสบๆคันๆเป็นการกระตุ้นให้อู๋ฟ่านยอมทำตามคำสั่ง


“ทำผิดต้องโดนลงโทษ อย่ามาดื้อ แบมือมา”


“ฮึ...ฮึก...” เด็กชายอู๋ฟ่านกัดปากกลั้นน้ำตาสะอื้นจนไหล่สั่นเมื่อโดนคุณแม่ตีเข้าที่แขน เขายกมือขึ้นลูบแขนบริเวณที่โดนหวดจนเป็นรอยแดงด้วยความเจ็บแต่ก็ยังไม่ยอมแบมือ ไม่ใช่ว่าเด็กน้อยกลัวจะถูกตีแต่มันเป็นการต่อต้านการถูกบังคับในรูปแบบหนึ่ง


“ไม่ต้องร้องเลย เป็นลูกผู้ชายทำผิดต้องกล้ารับ เพื่อนเจ็บกว่านี้ตั้งกี่เท่า” อี้ชิงทำใจแข็งไม่สนใจน้ำตาของลูกชายเพราะเขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตีแรงขนาดหวดป้าบแสบสะท้านไปถึงทรวง นี่ขนาดตีแปะๆยังทำอย่างกับโดนจับถ่วงน้ำมีหวังถ้าตีเจ็บกว่านี้พ่อคุณแจ้นไปฟ้องคุณพ่อชัวร์



เพลี๊ย!



เสียงดังฟังลื่นหูเมื่อไม้มะยมถูกตีเข้าอีกทีที่แขนขวา คราวนี้อู๋ฟ่านเบะปากส่งเสียงร้องไห้ฮือออกมาด้วยความเจ็บและความเสียใจที่ถูกคุณแม่ตีทั้งๆที่คิดว่าตัวเองไม่มีความผิด...เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วบ้านทำเอาอี้ฟานที่3ที่นั่งอยู่บนโซฟาเริ่มลนลานเพราะตอนนี้คุณพ่อไม่อยู่และคุณแม่ได้กลายเป็นนางฮีโตเลี่ยมไปแล้วเขาไม่รู้จะต้องทำยังไงดี



“ฮื่อ...ฮึก...ฮื่อ...ฮื่อ! ไอ เฮท ยูว มัม ฮื่อ...” ด้วยความเสียใจทำให้อู๋ฟ่านหลุดปากด่าคุณแม่โดยที่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นการเพิ่มความผิดให้ตัวเอง สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวตอนนี้คือคุณแม่ใจร้ายและตีเขาแถมยังบังคับตะคอก อู๋ฟ่านเกลียดการโดนลงโทษ...


“ใครสอนให้พูดแบบนี้! หนูพูดแบบนี้ได้ยังไง” อี้ชิงขมวดคิ้วแน่นขึ้นเสียงดังมากขึ้นไปอีกพร้อมกับตีเข้าที่แขนเล็กอีกหนึ่งทีเป็นการเตือนลูกชายว่าไม่สมควรพูดคำนี้ออกมา เขาไม่เคยสอนให้ลูกพูดแล้วนี่ลูกไปจำมาจากไหน สงสัยจชะไม่ได้ลงโทษแค่เรื่องชกต่อยอย่างเดี๋ยวแล้วแบบนี้ คงจะต้องอบรมเรื่องนิสัยขี้ดื้อหยาบคายนี่อีกด้วย


“ฮื่อ!...ยู ด้อน มาย มัม ไอ เฮท ยูว ฮื่อ!” อี้ฟ่านที่2ร้องไห้พร้อมกับตะโกนใส่หน้าคุณแม่แล้วก็วิ่งขึ้นบันไดหนีไปทันทีโดยไม่สนใจฟังเสียงเรียกของแม่ชิง เขาไม่ชอบให้แม่ใจร้าย ไม่อยากเจอ ไม่อยากคุยด้วยกับนางฮีโตเลี่ยม อู๋ฟ่านกำลังโกรธคุณแม่ที่ไม่เข้าใจเขา...


“เดี๋ยวเถอะ! จะให้คุณพ่อลงโทษด้วย!” อี้ชิงตะโกนตามหลังลูกชายตัวแสบไปติดๆ นี่ขนาดแค่โดนตีนิดๆหน่อยทำเป็นโกรธไม่รู้ความผิดตัวเองแถมยังหยาบคายในบ้านอีก แบบนี้มันต้องจัดการซะบ้าง


“แล้วก็เราด้วย รีบขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทำการบ้าน เดี๋ยวคุณพ่อมาจะโดนทั้งคู่” อี้ชิงหันไปพูดกับลูกชายอีกคนที่นั่งที่นั่งตัวลีบติดโฟซาอยู่ซึ่งอี้ฟานที่3ก็ผยักหน้าหงึกหงักเข้าใจแล้วก็รีบลุกจากโซฟาวิ่งตามฝาแฝดตัวเองขึ้นไปทันที เพราะเกรงว่าขืนอยู่นานกว่านี้ตัวเองจะโดนกินไปด้วย


หลังจากที่ลูกชายทั้งสองหน่อวิ่งขึ้นห้องไปปิดประตูดังปั้งคุณแม่อี้ชิงก็ดินหน้ายุ่งไปนั่งที่โซฟาเพราะโดนคุณลูกดื้อใส่ทั้งๆที่ร้อยวันพันปีฮีไม่เคยโกรธคุณแม่ขนาดนี้เลย สงสัยถ้าไม่ไปง้อนี่คงตรอมใจตายตามกันทั้งพี่ทั้งน้อง




ไว้พ่อมึงมาปลอบเถอะค่ะ! วันนี้จะเป็นนางยักษ์เฆี่ยนเด็กนิสัยเกเรสักวันนึง!!

.

.

.

.

.

.
.

.



แกร๊ก


เวลาเกือบๆใกล้เย็น....คริสหันหลังปิดประตูบ้านควงจุญแจรถผิวปากอย่างอารมณ์ดีเข้ามาในบ้านเพราะวันนี้งานที่บริษัทเสร็จไวกว่าที่คิด ตอนนี้ห้าโมงเย็นกว่าใกล้จะหกโมงแล้วเขาเพิ่งจะขับรถมาถึงบ้าน คริสชะงักไปเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าวันนี้บ้านเงียบผิดปกติไม่มีเสียงลูกชายทั้งสองคนเหมือนทุกวัน ส่วนเมียก็นั่งนิ่งไม่ทักไม่ทายราวกับไม่ได้ยินเสียงเขา หรือว่าลูกหายไปไหน?


“ที่รัก น้องอู๋กับน้องฟ่านไปไหน” คริสเอ่ยปากถามภรรยาพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้โซฟาแล้วโยนกุญแจไว้บนโต๊ะกระจกก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆคนตัวเล็ก เขาเห็นอี้ชิงกดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ไปมาหน้าตาดูหม่นหมองเหมือนไม่ค่อยพอใจอะไรเท่าไหร่


“อยู่บนห้อง นี่เรียกลงมากินข้าวก็ยังไม่ยอมลงมาเลย” อี้ชิงตอบอย่างไม่ค่อยสบายใจก่อนจะโยนรีโมทลงกับโต๊ะกระจกจนฝาปิดช่องใส่ถ่านหลุดออกมา


“แล้วเป็นอะไรคะหงุดหงิด” คริสยกแขนขึ้นโอบไหล่ภรรยาแล้วรั้งเข้ามาพิงไหล่ก่อนจะหันไปหอมฟอดเข้าที่แก้มเนียนเต็มแรง ตั้งแต่เข้าบ้านมาแล้วที่เขารับรู้ได้ถึงความกดดันแปลกๆที่ไม่เคยเจอมาก่อนในบ้านหลังนี้


“วันนี้! น้องอู๋ชกเพื่อนที่โรงเรียน...พออี้ตีก็ด่าแม่ คริสไปจัดการเลย” อี้ชิงหันไปฟ้องสามีพร้อมกับทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาก็ไม่ได้โกรธอะไรมากขนาดนั้นเพราะเด็กก็เป็นเด็กอยู่วันยังค่ำอีกอย่างก็เป็นลูกชายเขาเองด้วยแต่ที่ไม่อยากยอมรับคือตัวเองไม่กล้าขึ้นไปคุยกับลูกเพราะถูกงอนอยู่เลยฟ้องพ่อมัน....


“เรื่องอะไร” คริสเอ่ยถามด้วยท่าทางสบายๆ เรื่องชกต่อยกับเด็กผู้ชายเป็นของคู่กันอีกอย่างลูกเขาก็อายุแค่4ขวบ คงจะทะเลาะกันกับเพื่อนธรรมดาไม่ใช่ว่ามีเรื่องบาดหมางจิตใจขนาดต้องเคลียร์ปัญหาซะหน่อยเดี๋ยวไม่นานเด็กๆก็กลับมาเล่นกันอีก


“ไม่รู้ ถามก็ไม่พูดแล้วก็บอกเกลียดแม่ด้วย”


“แล้วอี้ไปตีลูกทำไม”


“เอ้า!” อี้ชิงยกมือขึ้นตีผั้วะเข้าที่หน้าอกสามีเต็มแรง นี่ลูกไปชกเขาจนเจ็บอีคนพ่อยังมีหน้ามาถามว่าตีลูกทำไม หรือเขาจะต้องหวดทั้งพ่อทั้งลูกให้มันสะดุ้งไปตามกันจะได้รู้ว่าอะไรควรไม่ควร


“โอ้ย ก็คุยกันดีๆก็ได้ ไปขู่ลูกอะสิถึงได้กลัว” คริสจับมือภรรยาข้างที่ยกตีใส่อกเขาเมื่อครู่ขึ้นจับปมเน็กไทเป็นเชิงสื่อว่าช่วยแกะให้หน่อยแล้วก็แหงนคอขึ้น ไม่ได้มีทีท่าสะทกสะท้านหรือเป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเหมือนคุณแม่เลย คริสถูกเลี้ยงอย่างตะวันตกมาตั้งแต่เด็กและไม่เคยถูกตีเพราะงั้นเขาถึงได้คิดว่าการลงโทษไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่อี้ชิงก็คงจะคิดตามฉบับลูกคนเอเชียนั่นแหละ มีความคิดฝังหัวว่าเด็กไม่ดีต้องถูกลงโทษประมาณนั้น


“ไปจัดการเลย แล้วก็เรียกพ่อคุณลงมากินข้าวซะด้วย” อี้ชิงกระตุกรูดปมเน็กไทรัดคอสามีด้วยความหมั่นไส้ มีอย่างที่ไหนให้ท้ายลูกเดี๋ยวโตไปก็เอาแต่ใจแบบพ่อมัน


“จ้ะ” คริสรั้งร่างภรรยาเข้าหอมซ้ำอีกครั้งก่อนจะลุกยืนขึ้นเตรียมไปดูลูกชายที่ถูกอี้ชิงฟ้องว่าเป็นเด็กเกเร ถ้าลูกชายเขาถูกตีก็น่าจะโกรธคุณแม่อยู่หรอกเพราะตั้งแต่เลี้ยงมาอี้ชิงก็ไม่เคยตีลูกแต่คริสก็ไม่ได้คิดว่าอี้ชิงจะเป็นแม่ใจยักษ์ประเภทตีไปด่าไปหรือหยิกจนเนื้อเขียว ถ้าให้เดาก็น่าจะตีแค่แปะๆนั่นแหละแต่คุณลูกชายเขาคงเสียใจที่ถูกคุณแม่สุดรักตีคงไม่ได้ร้องเพราะเจ็บ



คริสเดินไปผ่านห้องแรกไปยังห้องลูกชายทั้งสองก่อนจะเคาะประตูเบาๆแล้วเปิดแง้มเข้าไปช้าๆ เขาเห็นอี้ฟานที่3ที่นอนอยู่บนเตียงหันมามองแว้บนึงแล้วก็ก้มหน้าลงทำการบ้านต่อ แต่เสียงลูกอู๋ที่นอนงอตัวร้องไห้กระซิกๆอยู่บนเตียงนี่สิ...มันช่างบาดใจคริสเหลือเกิน...
เขาเดินเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูอย่างเงียบเชียบก่อนเดินตรงไปนั่งบนเตียงซึ่งอี้ฟานที่3ยอมขยับที่ให้พ่อขึ้นมานั่งโดยดีโดยที่ไม่ได้ส่งเสียงรบกวนแล้วก้มหน้าทำการบ้านต่อ


“อู๋ฟาน... มาหาคุณพ่อเร็ว” คริสแค่ส่งเสียงเรียกเบาๆเจ้าลูกชายก็พลิกตัวหันหลังมาหาเขาก่อนจะคลานขึ้นมานั่งบนตักซบหน้าลงกับไหล่แล้วยกมือขึ้นกอดคอเอาไว้แน่น เสียงสะอึกสะอื้นยังคงดังไม่หาย คริสแขนขึ้นกอดลูกชายเอาไว้แล้วตบที่แผ่นหลังเบาๆ


“จุ๊ๆๆ ไม่ร้องนะครับคนเก่ง ไหนบอกคุณพ่อว่าคุณแม่ว่าอะไร” จากตอนแรกที่คริสรับปากกับภรรยาว่าจะขึ้นมาสั่งสอนลูกชายแต่พอได้มาเจอลูกที่กำลังตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้าก็กลายเป็นเปิดโอกาสให้ลูกฟ้องภรรยาซะอย่างนั้น


“ฮือ...คุณแม่ตีน้องอู๋” เด็กชายอู๋ฟ่านกอดคอคุณพ่อไว้แน่นพร้อมกับครางเครือในลำคออย่างน่าสงสาร คริสตบหลังลูกชายเบาๆแล้วก้มลงจูบลงบนเรือนผมสีดำสนิท ดูท่าคุณลูกชายจะร้องไห้หนักมานานพอดู ตั้งแต่กลับจากโรงเรียนนี่จะหกโมงแล้วไม่อยากคิดเลยว่าอี้ฟานที่2จะเสียใจขนาดไหน


“แล้วน้องอู๋ไปต่อยเพื่อนทำไม คุณแม่ฟ้องมาว่าน้องอู๋ไปชกเพื่อน”


“เพื่อนบอกว่าคุณแม่ไม่สวย ก็เลยทะเลาะกัน” อี้ฟานที่3เป็นคนตอบคำถามแทนพี่ชายที่ยังสะอึกสะอื้นไม่หยุด วันนี้ที่อู๋ฟ่านไปต่อยกับเพื่อนก็เพราะว่าจื่อเทาบอกว่าคุณแม่อี้ชิงไม่สวยอู๋ฟ่านก็เลยโกรธตามไปชกถึงโต๊ะนักเรียนจนจื่อเทาร้องไห้เลย


“โถ่ เรื่องแค่นี้เอง หนูไม่เห็นต้องไปต่อยเพื่อนเค้าเลย” คริสดันลูกชายออกจากอกแล้วใช้หัวแม่มือเช็ดน้ำตาที่ข้างแก้มนิ่ม เขาอดอมยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อถึงเหตุผลที่ทำให้ลูกชายตัวเองเดือดจนไปต่อยเพื่อน คงเป็นเพราะแบบนี้สินะลูกอู๋ถึงได้โกรธคุณแม่ที่ถูกว่า...ทำไปเพราะรักแม่แท้ๆแต่กลับโดนคุณแม่ตี


“ฮื่อ...ฮือ....”


“เดี๋ยวคุณพ่อจัดการคุณแม่ให้ เอาให้ร้องเหมือนน้องอู๋ทั้งคืนเลยดีไหมครับ” คริสแกล้งพูดเอาใจลูกชายเพราะคิดว่ามันเป็นวิธีหลอกเด็กที่ได้ผลที่สุดและผ่านการรับรองโดยคุณแม่ทั่วโลก แต่ไม่ทันจะได้พูดขาดคำเขาก็ต้องเบ้หน้าเมื่อลูกชายยกมือขึ้นจิกผมแถมยังดึงอย่างแรงจนเจ็บ


“ฮึก อย่าทำคุณแม่” อู๋ฟ่านจิกหัวคุณพ่อโยกไปมาทั้งๆที่ยังร้องไห้ คุณแม่เขาห้ามใครทำทั้งนั้นแม่แต่คุณพ่อเอง


“โอเคๆๆ ไม่ทำก็ได้ งั้นน้องอู๋หยุดร้องก่อน”


“อึก....”


อี้ฟานที่2พยายามกลั้นสะอื้นในขณะที่คุณพ่อก็พูดจาปะเหลาะสารพัดเพื่อให้คุณลูกหยุดร้องไห้แล้วก็จะได้ลงไปกินข้าวไม่อย่างนั้นคุณแม่จะพาลอารมณ์เสียไปซะก่อน...เสียงแอร์ยังคงทำงานไปสลับกับเสียงเปิดหน้ากระดาษ คริสพยายามหลอกให้ลูกชายฟังและเชื่อเขาโดยใช้รอยยิ้มหลอกล่อ เพียงไม่นานคุณลูกสุดรักก็ยอมเงียบเสียงสะอื้นลง








+







 

ในระหว่างที่สามีขึ้นไปเคลียร์ปัญหากับลูกอี้ชิงก็เข้ามาทำครัวจัดการนำอาหารจานสุดท้ายออกจากเตาอบแล้วนำวางบนโต๊ะ วันนี้อาหารเย็นมีแต่ของโปรดคุณลูกอู๋สุดที่รักทั้งนั้น ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าเขาอยากจะไถ่โทษกับลูกชายที่ลงโทษไปเมื่อบ่ายเดี๋ยวพ่อคุณจะหาว่าแม่ไม่รักไปซะก่อน
เสียงเดินลงบันไดแว่วอยู่ไม่ไกล อี้ชิงคดข้าวในหม้อใส่จานทั้งสี่ใบทีละจานไว้รอสมาชิกในครอบครัวเดินเข้ามาในห้อง เพียงไม่นานคริสก็เดินจูงลูกชายที่ยังคงปิดปากเงียบสนิทเข้ามาในครัว


“อื้อหือ คุณแม่ทำแต่ของที่น้องอู๋ชอบ ขึ้นไปนั่งทีโต๊ะสิครับ” เสียงสามีที่พูดขึ้นทำให้อี้ชิงแอบยิ้มกระหยิ่มในใจที่อย่างน้อยก็มีคนเห็นความตั้งใจของเขาแล้วหนึ่งคน พอตักข้าวใส่จานทุกคนเสร็จอี้ชิงก็เลื่อนจานเข้าที่ประจำแต่ก็ต้องชะงักเมื่อวันนี้ลูกชายทั้งสองคนไม่ยอมมานั่งข้างเขาแต่กลับย้ายนั่งกันที่ฝั่งคุณพ่อแทน
คริสเองก็ได้แต่อ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูกสุดท้ายก็ดึงจานจากภรรยาส่งให้ลูกโดยทำเป็นพยายามมองไม่เห็นสีหน้าเหวอๆของอี้ชิง

จากที่คิดว่าจะเอาใจลูกชายไถ่โทษก็กลายเป็นว่าชวดไปเพราะพ่อคุณดันไปนั่งข้างคุณพ่อซะได้ ความรู้สึกผิดเริ่มกัดกินหัวใจคุณแม่ยังสาวเมื่อเห็นว่าลูกชายสุดรักตาแดงบวมคล้ายกับจะอักเสบซึ่งดูแล้วท่าทางจะร้องไห้มานานพอสมควร แต่สุดท้ายน้ำก็ท่วมปากอ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออกนอกจากนั่งไปเงียบๆ


“คริส ตักไอ้นั้นให้ลูกหน่อย” อี้ชิงออกคำสั่งพร้อมกับใช้ช้อนชี้ไปที่จานกับข้าวตรงหน้าเพื่อให้คริสตักอาหารที่เขาต้องการพรีเซ้นต์ไปให้ลูก เพราะจานข้าวอี้ฟานที่อยู่ไกลเกินไปทำให้อี้ชิงไม่สามารถเอื้อมมือไปถึงได้


“คุณแม่ทำผัดเต้าหู้ไข่ไว้ น้องอู๋ชอบไม่ใช่หรอครับ” คริสตักเต้าหู้ไข่ชิ้นกลมไปวางไว้ในจานลูกชายอย่างเอาใจแต่อู๋น้อยกลับเอาแต่เขี่ยข้าวไปมา แม้แต่เต้าหู้ที่ไข่ที่เป็นของชอบเจ้าตัวเล็กก็ยังเขี่ยออกนอกจานทำเอาคุณแม่ที่ทำอาหารมาอย่างตั้งใจถึงกับหน้าหงอยลงทันที


“ทำไมไม่ทานหละครับ” คริสถามลูกชายพร้อมกับพยายามเขี่ยเต้าหู้เข้าข้าวแต่ถึงกระนั้นคุณลูกอู๋ก็ยังไม่ยอมกินข้าวอยู่ดี


“ไม่อยากกินครับ” เด็กชายอู๋ฟ่านตอบเสียงแผ่วเพราะกลัวว่าคุณแม่จะดุอีกถ้าไม่ยอมทานอาหาร มือเล็กวางช้อนที่จับอยู่วงกับจานก่อนจะลดมือวางไว้บนตัก

บนโต๊ะอาหารตึงเครียดและกดดันอย่างประหลาดทำเอาอี้ฟานที่3ถึงกับกินข้าวไม่ลงและต้องวางช้อนตามพี่ชายฝาแฝดไปติดๆ คริสเองก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะกว่าเขาจะประเหลาะลูกชายให้ลงมากินข้าวได้ก็เล่นไปหลายมุกจนตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว


“งั้นขึ้นไปอาบน้ำพร้อมคุณพ่อ” จนสุดท้ายคริสก็เลือกที่จะไม่บังคับลูก เขาเอนตัวไปอุ้มลูกชายคนโตขึ้นนั่งบนแขนขวาแล้วจับมือลูกชายคนเล็กพาเดินออกไปนอกห้องครัวทิ้งให้ภรรยานั่งไหล่หอคอตกหน้าจ๋อยอยู่คนเดียว

อี้ชิงรู้สึกเหมือนถูกบีบหัวใจอย่างแรงเมื่อลูกชายทั้งสองคนไม่ยอมคุยไม่ยอมมองหน้าเขาแถมทั้งพ่อและลูกคนเล็กก็ยังบอยคอตถึงขนาดไม่ยอมกินข้าวร่วมโต๊ะกันเลยทีเดียว...อี้ชิงได้แต่มองจานข้าวของสมาชิกทั้งสามที่เหลืออยู่เต็มด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง อยู่ๆก็รู้สึกร้อนที่ขอบตาเพราะโดนทั้งสามีและลูกทั้งให้เป็นนางร้ายใจยักษ์กินข้าวอยู่คนเดียว




ทำไมหนูโกรธคุณแม่ได้น่ากลัวขนาดนี้ TT_____TT




อี้ชิงรู้สึกอยากจะร้องไห้เข้าไปทุกที ในเมื่อข้าวในจานลูกยังเหลือเต็มจะให้เขากินข้าวลงได้อย่างไร สุดท้ายก็ต้องวางช้อยลงในจานทั้งๆที่ยังไม่ได้กินสักคำเพราะกลืนข้าวไม่ลงคอ อาจเป็นเพราะก้อนน้ำตาที่ขึ้นมาจุกอยู่ที่คอหอยก็เป็นได้....
พอนึกดูแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดมากขนาดโดนอีสามทหารเสือนั่นเมินหมด ตอนตีก็มั่นใจว่าตีแค่แสบๆคันๆไม่ได้หวดขนาดเนื้อบวมแล้วก็ไม่ได้ดุว่าขนาดตะคอกใส่หน้าเสียหน่อย




อย่าเมินคุณแม่~ กะเทยใจจะขาด~





อี้ชิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตัดสินใจทิ้งจานข้าวไว้ด้านหลังก่อนจะเดินออกจากห้องครัวขึ้นบันไดไปชั้นสองทันทีเพื่อไปง้อคุณลูกชายที่ยังงอนไม่หายตั้งแต่บ่ายเพราะขืนปล่อยไว้คนที่จะทรมานใจที่สุดก็คือเขาเอง
อี้ชิงเดินขึ้นบันไดผ่านห้องแรกมาจนถึงหน้าท้องลูกชายเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆเตรียมตัวจะยกมือขึ้นเคาะประตูแต่เพราะเสียงคุยกันที่ดังรอดออกมันทำให้เขาอดเอาหูไปแนบฟังใกล้ๆไม่ได้


“คุณพ่อครับ...อยากไปอยู่กับคุณตา...”

“หื้อ? ไปทำไมหละครับ อยู่ก็ดีอยู่แล้ว”

“น้องฟ่านไปด้วย~ ไม่อยากอยู่กับคุณแม่~



อี้ชิงถึงกับอ้าปากคเมื่อรู้ว่าคุณลูกชายจะวางแผนหนีออกจากบ้านไปอยู่กับคุณตาเลยเลยทีเดียว ถ้าเป็นแบบนั้นใครจะยอม เขาไม่มีทางยอมให้ลูกถูกพรากไปจากอ้อมอกแน่นนอน



แกร๊ก


 
มือเล็กยกขึ้นบิดลูกบิดเปิดประตูเข้าไปเงียบๆก่อนจะปิดงับเบาๆ ทุกสายตาของทั้งลูกชายและสามีมองมาที่เขาราวกับเป็นตัวประหลาดก่อนที่ลูกชายตัวก่อเรื่องจะหันหน้าหนีไปกอดคอซบอกคุณพ่อต่อ ส่วนลูกฟ่านก็อ้ำอึ้งแกล้งหันไปทำการบ้านอย่างไม่สนใจเหลือแต่คริสที่ทำหน้าตาเหรอหราไม่รู้จะเข้าข้างใครระหว่างลูกชายและเมีย....



ลูกก็ห่วง...เต้าก็ห่วง... แต่ถ้าเข้าข้างลูกนี่มึงนอนนอกห้องแน่คริส...



“เอ่อ... เดี๋ยวคุณพ่อไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวมานอนด้วย น้องฟ่านไปอาบน้ำกับคุณพ่อไป” คริสยกร่างลูกชายคนโตวางลงกับเตียงปล่อยให้อู๋ฟ่านหันไปนอนกอดหมอนข้างแล้วจับการอุ้มลูกคนเล็กพาดบ่าจนหัวเราะคิกคักออกมา เวลาแบบนี้แหละที่ไม่สมควรจะอยู่ที่สุดเดี๋ยวไม่งั้นจะพลอยซวยโดนหางเลขไปหมดทั้งพ่อทั้งลูก

อี้ชิงเดินหลบจากประตู เหล่ตามองอีผัวตัวดีที่หิ้วลูกคนเล็กหนีเอาตัวรอดออกไปก่อนปล่อยให้ลูกชายอู๋ฟ่านของเขานอนหดตัวงอเปนกุ้งอยู่บนเตียงแบบนี้มันน่าจะจัดการอีสองตัวนั้นด้วยจริงๆ
พอสองพ่อลูกเดินพ้นประตูออกไปอี้ชิงเดินไปนั่งที่เตียงอย่างเงียบเชียบแล้วยกมือขึ้นจับไหล่เล็กๆของลูกชายแต่กลับโดนเบี่ยงหนีทำเอากำลังใจที่สูดฮึบเข้ามาเมื่อครู่หายหดเป็นตดทันที


“น้องอู๋... ยังไม่หายโกรธคุณแม่อีกหรอคะ...” อี้ชิงพูดเสียงอ่อนก่อนจะจับพลิกร่างลูกชายให้หันหน้าเข้าหาตนแล้วสอดมือเข้าไปใต้รักแร้ยกร่างเล็กๆขึ้นนั่งบนตักโดยให้ใบหน้าของเจ้าตัวเล็กซบอยู่ที่อก แต่ถึงกระนั้นคุณลูกอู๋ก็ยังไม่ยอมพูดอะไรแม้จะยกมือขึ้นกอดรอบคอคุณแม่เอาไว้ก็ตาม


“โถ่ คุณแม่ขอโทษ คราวหลังคุณแม่จะไม่ตีหนูอีกแล้ว” ทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนผิดแต่ก็ยอมที่จะเอ่ยขอโทษเพราะนอกจากเขาจะตีลูกแล้วก็ยังทำลายหัวใจของลูกน้อยอีกด้วย ถ้าต่อไปพ่อคุณโดนแม่ตีแล้วพ่อไม่เข้าข้างนี่คงผูกคอตายพร้อมแฝดน้อง

อะไรหัวใจจะบอบบางขนาดนั้น...


“คุณแม่ไม่รักน้องอู๋...” เด็กชายอู๋ฟ่านสูดน้ำมูกฟึดๆแล้วกอดคอคุณแม่ไว้แน่น เขาพร่ำออกมาด้วยความเสียใจปล่อยน้ำตาให้ไหลรดบนเสื้อกล้ามสีฟ้าซุกหน้าลงกับอกนุ่มๆที่ชอบ


“ใครบอก ถ้าคุณแม่ไม่รักคุณแม่จะมาขอโทษหรอ”


“.......................”


“โถ่ ร้องไห้จนตาแดงหมดแล้ว ไหนนอกอู๋บอกคุณแม่ว่าไปชกเพื่อนทำไม ใครแกล้งหนู” อี้ชิงเพิ่งจะคิดได้ว่าการขู่ลูกด้วยไม้เรียวไม่ทำให้เกิดผลดีและเขาก็มั่นใจว่าลูกชายไม่น่าไปทำร้ายใครก่อนจึงเลือกที่จะถามดีๆมากกว่าขู่บังคับเหมือนที่ทำไปตอนบ่าย


“จื่อเทาบอกว่าคุณแม่ไม่สวย” เด็กชายอู๋ฟ่านตอบอ้อมแอ้มแล้วเงยหน้าขึ้นมองคุณแม่ที่จ้องมองลงมา เขายอมให้ใครมาว่าคุณแม่สุดรักไม่ได้เพราะอู๋ฟ่านเชื่อว่าแม่เขาสวยที่สุดในโลกแล้วยิ่งกับจื่อเทาแล้วก็ยิ่งยอมไม่ได้


“แค่นั้นหนะหรอ? โถ่ เรื่องเล็กนิดเดียวเอง คราวหลังหนูก็เอารูปคุณแม่ไปให้เพื่อนดูเลยแล้วก็ไม่ต้องไปต่อยเขา” อี้ชิงเสนอแนวทางใหม่ให้ลูกชายแม้ว่าเขาไม่คิดว่าจะทำจริงๆ แต่ก็แค่พูดเพื่อให้ลูกรู้สึกภูมิใจในตัวแม่เท่านั้นจะได้เลิกโกรธที่ใครต่อใครมาว่าคุณแม่ไม่สวย
ไม่ใช่ว่าอี้ชิงมั่นหน้าหรือว่าอะไรหรอกแต่โรงเรียนพวกเจ๊กในแวนคูเวอร์หาคนหน้าตาดีๆก็มียาก คุณลูกคงภูมิใจมากพอมีคนล้อก็เลยยอมไม่ได้


“จื่อเทาหน้าเหมือนจิ้งจก กิ้งก่า แม่ก็ตาตี่แต่มาว่าคุณแม่ไม่สวย”
อี้ชิงแทบจะหลุดขำแต่ก็ต้องเก็บอาการไว้เพื่อที่ลูกชายจะได้ไม่เอาอย่าง เดี๋ยวไม่ใช่พ่อคุณเห็นแม่ขำแล้วเอาไปล้อเพื่อนอีกเดี๋ยวจะหนักกว่าเก่า


“ปล่อยเขาไปเถอะลูก พวดชอบล้อคนอื่นมีปมด้อย แค่หนูคิดว่าคุณแม่สวยก็พอแล้ว”


“งั้นน้องอู๋จะเอารูปคุณแม่ไปอวด” คำพูดซื่อๆที่เต็มไปด้วยความหวังดีทำเอาอี้ชิงรู้สึกผิดจนจุกอก เขาก้มลงหอมแก้มลูกชายอีกครั้งก่อนจะอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นยืนเตรียมเดินออกไปนอกห้อง


“งั้นไปกินข้าวกับคุณแม่ก่อนนะครับ”


“ครับ”
พอหายโกรธกันอะไรๆก็ดูว่าง่ายไปหมดเพราะอู๋ฟ่านรักคุณแม่มากที่สุดในโลกเขากลัวว่าถ้าโกรธนานคุณแม่จะหนีไปรักน้องชายซะก่อน


อี้ชิงเดินอุ้มลูกชายออกมาหน้าห้องปิดงับประตูแล้วเดินลงบันไดเพื่อไปกินข้าวต่อ นี่อีสองอู๋ที่เหลือก็ไม่รู้ไปอาบน้ำจริงหรือเปล่าแต่เดี๋ยวก็คงลงไปกินข้าวเองแหละเพราะไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย หรือถ้าอยากจะเรียกร้องความสนใจด้วยก็เชิญ ไว้ตอนดึกถ้ามาเคาะเรียกให้หาข้าวให้กินจะทุบให้ทั้งพ่อทั้งลูก



“คุณพ่อ ละอู๋ฟ่านไม่ลงมากินข้าวหรอ”

“คงไม่ลงมาแล้วมั้ง”


เสียงพ่อลูกที่ดังมาจากในครัวทำให้อี้ชิงเข้าใจว่าอีสองอู๋คงหิวแล้วเลยลงมากินต่อไม่รอใคร นึกแล้วก็หมันไส้ทำเป็นบอยคอตเรียกร้องความสนใจตามกันสุดท้ายก็หิวหมดทุกคนเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ก็จัดให้โซ้ยมาม่ากันทั้งมื้อเช้าและมื้อเย็นเลย


“ไปนั่งสิครับ” อี้ชิงปล่อยลูกชายลงกับพื้นให้เจ้าตัวเดินไปนั่งที่โต๊ะก่อนที่ตัวเองจะกลับไปนั่งที่บ้างแต่พอเห็นโต๊ะอาหารก็ต้องชะงักอ้าปากค้างเมื่อพบว่าอาหารที่เคยมีมากบัดนี้เหลือหรอแค่พอเป็นเศษประดับจานแม้แต่กับข้าวสุดพิเศษที่ตั้งใจทำให้ลูกรักของเขาก็ยังถูกซัดเรียบ โดยที่กับส่วนใหญ่จะถูกตักไปคลุกกับข้าวในจานคริสจนเละเป็นอาหารหมาแล้ว


“อ้าว.... ไหนคุณพ่อบอกคุณแม่ไม่กินข้าวแล้ว” อี้ฟานที่3เอ่ยพร้อมกับหันไปถามคุณพ่อเมื่อเห็นว่าแม่อุ้มพี่ชายลงมาทานข้าวตามกติ


“อ้าว....” คริสเองก็ร้องอ้าวเช่นกัน เขาแหงะหน้าขึ้นไปมองภรรยาที่ยืนมองอยู่อย่างอึ้งๆเพราะคริสและลูกคนเล็กจัดการตักกับมาตุนไว้ในจานตตัวเองแถมยังกินกับข้าวด้วยความเร็วสูงชนิดล้างผลาญจนมันแทบจะไม่เหลือแล้ว เขาเองไม่รู้ว่าอี้ชิงจะเอาลูกลงมากินข้าวอีก


มือเล็กยกขึ้นเท้าเอวจ้องมองไปยังสองพ่อลูกที่นั่งหน้าหดอยู่บนโต๊ะ อะไรคือการที่อีสองอู๋ฟาดกับเรียบไม่เหลือไว้ให้คนที่ยังไม่ได้กินเขากินบ้างเลยแล้วกับที่ตักไปพอกไว้ในจานนี่ใครเขาจะกินได้...ไอ้กินอี้ชิงไม่ว่าแต่กินไม่เหลือนี่ไม่สมควร


“เอ่อ.... ไปอาบน้ำกับคุณพ่อดีกว่าป่ะ” คริสว่าพร้อมกับหันไปพยักหน้าเออออกับลูกชาย ส่วนเจ้าอู๋น้อยก็เป็นไปกับเขาทำตีเนียนเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยสุดท้ายก็ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารไปมึนๆโดยที่ไม่สนใจสายตาของภรรยาที่แทบจะปล่อยแสงออกมาช็อตทั้งคู่


“เดี๋ยวคุณแม่ทำให้ไหม่” อี้ชิงถอนหายใจยาวพรืดเก็บจานกับข้าวบางใบที่เหลือน้อยเต็มทีไปไว้ที่ซิ้งค์ก่อนจะเดินไปบิดเตาแก๊สเพื่อเตรียมทำอาหารใหม่ให้ลูกชาย...นี่ก็ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่ใหญ่ที่สุดในบ้านระหว่างคุณพ่อ คุณแม่ และคุณลูก



เฮ้อ....












 







13:20


“ฮัลโหลค่ะ เลย์พูด”

[.........................]


“ห้ะ! เรียกพบผู้ปกครอง!!!











 

+









เวลาบ่ายสองสิบห้านาทีอี้ชิงกำลังยืนอยู่ที่โรงเรียนของลูกชายตัวแสบเพราะเขาได้รับโทรศัพท์จากคุณครูประจำชั้นว่าให้มาพบคุณครูที่โรงเรียนด่วนเพราะเจ้าลูกชายก่อเรื่องอีกแล้ว เพียงได้ยินเท่านั้นก็รีบวางหูโทรศัพท์ตั้งแต่ยังไม่ได้ถามไถ่อะไรดี คว้ากระเป๋าโบกแท๊กซี่วิ่งแจ้นมาจนถึงโรงเรียนแล้วตอนนี้เขาก็กำลังไปพบคุณครูแล้ว โชคดีแค่ไหนที่ที่นี่เป็นโรงเรียนลูกคนจีนในแวนคูเวอร์ไม่งั้นคงต้องรอพ่อมันกลับจากที่ทำงานก่อน
อี้ชิงรีบสาวเท้าไวๆไปจนถึงหน้าห้องธุระการก่อนจะผลักประตูเข้าไปเบาๆและพบกับลูกชายทั้งสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟา เด็กชายที่ไม่คุ้นหน้าหนึ่ง คุณครูสามแล้วก็ผู้หญิงหน้าตาออกแนวเจ๊กไม่ได้นอนคนหนึ่ง


“คุณแม่มาแล้ว~” เสียงลูกชายทั้งสองคนร้องเสียงแจ๋นอย่างไม่มีทีท่าหวาดกลัวหรือกดดันเพราะคุณครูเลยสักนิด


“สวัสดีค่ะ” อี้ชิงก้มหัวให้กับอาจารย์ก่อนจะโน้มตัวลงจับไหล่ลูกชายที่วิ่งเข้ามากอดขาอย่างแรงจนเข่ากระแทกอก เขาดูจากบรรยากาศแล้วคุณครูคงไม่เครียดเท่าไหร่แต่เจ๊กหน้าหมีปากแดงนี่สิ มองเขาตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องเลย


“สวัสดีค่ะคุณแม่ วันนี้ลูกชายทำแสบอีกแล้ว” คุณครูผู้หญิงคนนึงว่าพร้อมกับเดินยิ้มเข้ามาจับไหล่ลูกชายเขาไว้ อี้ชิงก็ไม่รู้จะทำสีหน้ายังไงเพราะยังไม่รู้เรื่องรู้ราวแถมยังโดนเจ๊กจ้องอย่างกับจะแดกเขาเข้าไป


“ทำอะไรคะ”


“วันนี้น้องฟ่านเอารูปคุณแม่ไปติดทั่วโรงเรียนเลย...ทั้งในห้องน้ำ ห้องพักครูแล้วก็ห้องเรียนเพื่อน” คุณครูสาวอีกคนพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างนึกขำกับความแสบของนักเรียนน้อยฝาแฝดสองคน


“ห้ะ?! น้องอู๋ไปเอารูปคุณแม่มาจากไหน” อี้ชิงเหมือนจะงงๆเมื่อรู้ว่าลูกชายเอารูปเขาไปติดไว้ทั่วโรงเรียนตามคำแนะนำมั่วๆที่ตัวเองพูดไปเมื่อวาน แล้วไอ้รูปนี่มาจากไหน อย่าบอกว่าเอารูปในอัลบั้มครอบครัวมา?


“คุณพ่อทำให้ตอนเช้า ตอนมาส่งที่โรงเรียน” อี้ฟานคนน้องตอบอย่างฉะฉาน เมื่อเช้าคุณพ่อขับรถมาส่งแทนที่จะรอรถมารับแถมยังพาไปอัดรูปคุณแม่ตั้งสองร้อยใบแล้วก็ช่วยเอาเทปสองหน้าแปะให้ด้วย


“คุณพ่อ?!” อี้ชิงอ้าปากร้องเสียงหลงเมื่อรู้ว่าเบื้องหลังลูกชายมันมีตัวพ่อบงการอยู่ เสียงหัวเราะเบาๆจากคุณครูทั้งสามทำให้อี้ชิงต้องเหลือบตามองพวกเธอก่อนจะก้มหน้าคุยกับลูกต่อเพราะรู้สึกอาย





นี่พ่อมึงก็เอากับเขาด้วยหรอเนี่ย!!!




“ละไม่อายเขาหรอลูกเอารูปคุณแม่มาโชว์เพื่อน”


“คุณแม่สวย!!” ลูกชายทั้งสองคนตอบพร้อมกันอย่างฉะฉานทำเอาอี้ชิงรู้สึกอายจนแทบจะมุดดินหนีต่อหน้าคุณครู นี่ไม่รู้คุณครูเห็นรูปอะไรบ้างถ้าไปเจอรูปแปลกๆเข้าหละก็ตายแน่ เพราะความอับอายทำอะไรไม่ถูกเขาจึงเลือกที่จะทำเป็นเนียนขมวดคิ้วแล้วเงยหน้ามองไปที่คุณครูส่งสายตาเป็นเชิงว่ายังไงต่อแล้วก็ได้รับคำตอบจากครูสาวอีกคนหนึ่ง


“แล้วก็เอารูปคุณแม่น้องจื่อเทาไปให้เพื่อนดู แล้วเพื่อนก็ล้อน้องจื่อเทากับคุณแม่ว่าเป็นกิ้งก่า” คุณครูคนสวยแสร้งทำหน้าขรึมเมื่อเข้าโหมดเครียด อี้ชิงก็พอจะดูออกนั่นแหละว่าครูคงอยากจะขำเหมือนกันแต่ต้องรักษามารยาท


“น้องฟ่านไปเอารูปคุณแม่เพื่อนมาจากไหน แล้วเมื่อวานคุณแม่บอกว่าอย่าแกล้งเพื่อทำไมไม่เชื่อ” อี้ชิงขมวดคิ้วมองหน้าลูกชายทั้งสองสลับไปมาเป็นการคาดคั้น แต่เพียงไม่นานคุณลูกชายก็ยอมตอบ.....

.

.

.

.

ว่า

.

.

.


“คุณพ่อไม่ให้บอก...”







อีคริส!!!! มึง!!!!!





“แล้วหนูไปล้อเพื่อนได้ยังไง” อี้ชิงว่าเสียงสูงเข้าไปอีกเมื่อรู้ว่าลูกชายสองอู๋ตัวแสบมีตัวใหญ่บงการซัพพอร์ตอยู่เบื้องหลังแถมยังเป็นตัวใหญ่ที่ลงโทษไม่ได้อีกด้วย...ถ้าตีมันเดี๋ยวตอนกลางคืนเขาจะโดนหวดด้วยด้ามไม้กายสิทธิ์....ฟาดทีได้ลูกสองคน...


“ไม่ได้ล้อ เพื่อนพูดเองว่าเอดิสันเหมือนกิ้งก่า”


“พอเลยๆๆ ขอโทษเพื่อน ขอโทษคุณแม่เอดิสันด้วย” อี้ชิงจับตัวลูกชายให้หันไปทางเด็กผู้ชายตัวเล็กกับชะนีหน้าซีดปากแดงทาอายแชโดวเขียวๆฟ้าๆเหมือนลิงก่อนจะกดไหล่ลูกชายเป็นเชิงสั่งให้คุณลูกโค้งตัวให้กับลิงหน้าหมีและเด็กชายจื่อเทา


“ขอโทษคร้าบ~” ทั้งอี้ฟานที่2และที่3กล่าวขอโทษออกมาด้วยน้ำเสียงสดใสราวกับจะล้อเลียนเพื่อนตัวน้อย มันดูเป็นคำขอโทษที่ไม่จริงใจเท่าไหร่แต่ก็ดีหละที่เจ้าตัวยอมพูดขอโทษออกมา


“ขอโทษด้วยนะคะ” อี้ชิงโค้งให้กับป้าหน้าลิงแล้วก็หันไปโค้งให้คุณครูก่อนจะยิ้มแหยๆออกมาแต่ก็ต้องตกใจเมื่อคุณแม่ของจื่อเทากระแทกเท้าปึ้งปั้งดึงแขนลากลูกชายเดินออกไปจากห้องทันทีโดยที่ไม่แม้แต่จะกล่าวรับคำขอโทษหรือเอ่ยอำลาคุณครู...



เฮ้อ~ อีสองอู๋นี่แสบจริงจริ๊ง~



“แล้วก็เมื่อเช้านี้ น้องอู๋มาฟ้องคุณครูใหญ่เลยว่าถูกคุณแม่ตีจะหนีไปอยู่กับคุณตา เป็นเด็กฉลาดจริงๆนะคะ” คุณครูผู้หญิงที่ยืนยิ้มอยู่นานพูดบ้าง ถึงจะฟังดูลำเอียงไปหน่อยแต่ก็ต้องยอมรับหละว่าใครๆก็เอ็นดูอู๋ฟ่านและอี้ฟานมากเป็นพิเศษเพราะนิสัยช่างพูด มั่นใจในตัวเองเกินร้อย ทั้งยังขี้อ้อนแถมยังเป็นถึงลูกนายแบบดังด้วย


“ฮ่ะๆ นิสัยเหมือนพ่อหนะค่ะ” อี้ชิงหัวเราะแห้งๆเมื่อได้ยินคำจากคุณครู ใครจะไปรู้ว่าเบื้องหลังชีวิตเขามันเศร้าแค่ไหนกับการต้องตื่นก่อนนอนทีหลัง กลางวันทำงานบ้าน กลางคืนทำการบ้านจนดึกดื่นแถมยังต้องแหกตาตื่นมาส่งลุกขึ้นรถโรงเรียน...


“ดูท่าจะเหมือนกันเปี๊ยบเลยนะคะ เดี๋ยวอีกสักพักจะเลิกเรียนแล้วคุณแม่พากลับบ้านไปก่อนเลยก็ได้หรือจะรอกลับพร้อมรถโรงเรียนก็ได้ค่ะ”


“ค่ะ เดี๋ยวรออีกสักพักก็ได้ค่ะ”


“คุณแม่ไปส่งที่ห้องหน่อยๆๆ พาไปส่งหน่อย เพื่อนๆอยากเจอๆๆ” อี้ฟานที่3ว่าพร้อมกับกระตุกแขนคุณแม่อย่างรบเร้า จื่อเทาคงเงิบแน่ถ้าคุณแม่ของเขาไปที่ห้องแล้วมีแต่คนชมว่าสวย


“ไม่อ้าว~ T_T คุณแม่จะรอที่ห้องพักครูเนี่ยแหละ”


“ไปนะคร้าบ~ นะคร้าบ~








คุณครูช่วยกะเทยด้วยค่า~~~~!!!!















แถม







 


“ฮัลโหล...ซือซุนหรอ...พี่ขอสายคริสหน่อย”


[อ่า....แป้บครับ.....................พี่คริสไม่ว่างครับ ให้ถามว่ามีอะไร....]


“คริสทำอะไรอยู่.....บอกว่าพี่อยากคุยเรื่องรูปเมื่อเช้า”


[อ่อ.....พี่คริสเอารูปครอบครัวติดบอร์ดประชาสัมพันธ์บริษัทอยู่ครับ ยังไม่ว่างคุยตอนนี้....]









 
^&(&_+$%#)_++*()&%$%@#$#@^%#$&*)(++_+_(*)*&%@#$@!!!!!!!!!!!!!!!!!!












 -TBC-











TALK




เย้~ ในที่สุดตอน2ก็มาแล้ว ไม่อยากบอกว่าคุณลูกแย่งซีนมากจริงๆตอนหน้าขอจัดคริสเลย์หนักๆบ้าง ฮ่าาา ช่วงนี้ยุ่งกับการส่งฟืคค่ะแต่ก็ได้เจียดเวลามาลง เดี๋ยวจะจัดน้องฟ่านมาให้บ้างหนักๆหลายคนอาจคิดว่าทำไมน้องอู๋มีบทเยอะจัง~ ฮ่าๆๆ รู้สักอีสามทหารเสือมากเลย เป็นฟิคครอบครัวจริงๆ อย่าลืมกดโหวต คอมเม้นแล้วติดแท๊กซ์ #ฟิคทหารเสือ กันด้วยนะคะ




เอ็นจอยรีดดิ้ง!!



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น