วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2557

[SF] The Nightmare










เสียงติ๊งต่องจากหีบดนตรีสีขาวดังวนซ้ำไปมาตามไขลานที่ถูกหมุน ตุ๊กตาปูนปั้นรูปหมีสองตัวในชุดทักซิโด้หมุนรอบตัวเองเอื่อยๆอย่างไม่มีชีวิต แค่ไหลไปตามกลไกลเหมือนกับหัวใจของเจ้าของมัน...ตัวตนที่ไร้จิตวิญญาณ ได้รับความเจ็บปวด และถูกทอดทิ้งให้ใช้ชีวิตอย่างสิ้นหวัง ชีวิตที่เหมือนกับตุ๊กตาที่ถูกไขลาน ไม่มีชีวิต...มีเพียงร่องรอยความเจ็บปวดจากเรื่องราวในอดีตที่เหมือนกับเสียงดนตรีที่เล่นวนซ้ำไป เสียงที่ไม่สามารถแก้ไขหรือเพิ่มท่วงทำนองเข้าไปใหม่ได้เพราะมันเป็นแค่กลไกลที่ถูกวางเอาไว้ เป็นตุ๊กตาชำรุดที่ได้รับความเจ็บปวด...

ภายในห้องมึดๆมีเพียงแสงจันทร์สาดเข้ามาจากช่องลมดวงตาเรียวรียังลืมค้างอย่างเหม่อลอย สองแขนกอดตุ๊กตาหมีตัวใหญ่เอาไว้แน่น ริมฝีปากบางเฉียบพึมพัมขยับคำพูดที่ไร้เสียงออกมาเรื่อยในขณะที่กล่องดนตรียังคงส่งเสียงที่ฟังดูหดหู่ใจ
เป็นเวลานานเท่าไหร่แล้วนะที่ติดอยู่ที่นี่พร้อมกับความเจ็บปวดที่ไม่มีวันรักษาได้ ฝันร้ายยังตามมาหลอกหลอนทุกค่ำคืนเหมือนกับเหตุการณ์เพิ่งผ่านไปเมื่อคืนวาน อาการคลุ้มดีคลุ้มร้ายที่เหมือนกับคนบ้าเข้าไปทุกทีและหัวใจที่ด้านเจ็บปวด เมื่อไหร่จะถูกรักษากันนะ...

เปลือกตาสีมุขหลับลงช้าๆพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลดิ่งลงบนหมอน ไม่อยากนึกถึงมันอีกแล้ว....บนโลกนี้ยังมีที่ๆปลอดภัยเหลือไว้ให้ จาง อี้ชิง บ้างหรือป่าวนะ ยังมีคนที่ไว้ใจได้และคอยรองรับอารมณ์เศร้าของเขาอยู่ไหม…



แกร๊ก


เสียงประตูห้องถูกเปิดช้าๆก่อนจะปิดลง คนตัวเล็กไม่ได้ให้ความสนใจกับแขกใหม่ผู้มาเยือนเสียงรองเท้ากระทบพื้นกับเสียงแสตนเลสของถาดยาที่กระทบกันทำให้ จาง อี้ชิงรู้ดีใครเข้ามาในห้อง ไฟนีออนถูกเปิดจนสว่างจ้ากลบแสงจันทร์ด้านนอกก่อนที่อี้ชิงจะรู้สึกได้ว่าถูกสำผัสเบาๆที่ต้นแขน

“น้องชิง ทานยาก่อนนะ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มของคุณหมอประจำโรงพยาบาลบ้าเอ่ยขึ้นเบาๆพร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาที่หัวตาของผู้ป่วยที่กำลังแกล้งหลับเพราะไม่อยากกินยา

“ตื่นมากินยาก่อนนะ เดี๋ยวนอนไม่หลับ” คนตัวสูงใช้สองมือพลิกร่างคนป่วยที่นอนตะแคงให้หงายหน้าขึ้น ดวงตาแดงช้ำที่บ่งบอกว่าผ่านการถูกขยี้มาตลอดคืนและริมฝีปากแห้งแตกเป็นขุยคราบเลือดทำให้คุณหมอหนุ่มรู้สึกหน่วงไปทั้งอก ทำไมยังไม่หยุดร้องไห้อีกนะ จาง อี้ชิง...

“พี่คริส...”

“ครับ...กินยาให้พี่ก่อนนะเด็กดี...” เจ้าของชื่อประคองไหล่คนตัวเล็กบนเตียงให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะหยิบหมอนอีกใบยัดเอาไว้กับหัวเตียงเพื่อหนุนหลังให้สบายขึ้น คริสยกแก้วน้ำและถ้วยยาส่งให้อี้ชิงแล้วนั่งมองดูคนตรงหน้ากินยาจนครบหมดทุกเม็ด
รอยยิ้มอบอุ่นเผยขึ้นช้าๆบนใบหน้าหล่อเหลาเมื่อคราวนี้คนป่วยของเขายอมกินยาง่ายกว่าทุกคืนที่ผ่าน ฝ่ามือหนายกขึ้นใช้หัวแม่มือเกลี่ยคราบน้ำตาที่แก้มเนียนอย่างอ่อนโยน คริสหวังว่าสักวันนึงมันจะหายไป...คราบน้ำตาและความโศกเศร้าของจาง อี้ชิง...

“เก่งมาก... คืนนี้ให้พี่นอนด้วยได้ไหม” คริสยกแก้วกับถ้วยยาวางเก็บไว้ที่เดิมก่อนจะออกปากถามซึ่งคนตัวเล็กก็พยักตอบกลับเบาๆก่อนจะค่อยๆเขยิบตัวลงนอนบนเตียงโดยที่ขยักที่ไว้ให้คนตัวโตไว้เกือบครึ่งเตียง

คริสถอดรองเท้าไว้ที่พื้นห้องก่อนจะเดินไปล๊อคประตูห้องแล้วกลับขึ้นมานอนบนเตียงพร้อมกับปิดไฟจากหัวเตียง ตะแคงร่างหันไปกอดร่างกายซูบผอมของคนตัวเล็กที่เอาแต่นอนนิ่ง


“ฝันดีนะ คืนนี้พี่อยู่ด้วย..”


เป็นอะไรที่เกินหน้าที่ไปมากสำหรับหมอฝึกหัดในโรงพยาบาลโรคจิต คริสย้ายตัวเองเข้ามาฝึกที่นี่ได้สองเดือนแล้วในฐานะผู้ช่วยด็อคเตอร์ที่มาคอยเรียนรู้งานและวินิจฉัยโรคไปด้วยพร้อมๆกัน ครั้งแรกที่เขาเจออี้ชิงนั่งเหม่ออยู่ในห้องมันทำให้เขานึกถึงตุ๊กตาไขลานขึ้นมาทันที เพราะคนตัวเล็กเอาแต่นั่งเฉยๆพูดคนเดียวงึมงัมและร้องไห้ราวกับว่ามีบ่อน้ำตาเป็นมหาสมุทร มันไม่ได้เป็นการร้องไห้ฟูมฟายแต่น้ำตาไหลตลอดทั้งวัน...

อี้ชิงจะไม่ย้ายตัวเองหรือขยับไปไหนเลยถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากหมอหรือพยาบาล บางทีก็มีอาการประสาทหลอนและคลุ้มคลั่งกลางดึกและเพราะเป็นผู้ป่วยที่ได้รับการคุ้มครองจากศาลทำให้อี้ชิงได้อยู่ห้องเดียวพิเศษ


เด็กในคดีถูกข่มขืนซ้ำซ้อนติดต่อกันเป็นปีในโรงพยาบาลบ้า...


เมื่อปีก่อนอี้ชิงถูกพ่อแท้ๆที่เมาสุราพาเพื่อนไปรุมข่มขืนที่บ้านชนิดไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน กักขังกันเป็นอาทิตย์จนกระทั่งมีเพื่อนบ้านรู้สึกผิดสังเกตุเพราะเสียงร้องไห้โหยหวนตอนกลางคืนจึงแจ้งตำรวจ พ่อของอี้ชิงกับเพื่อนทั้งหมดถูกจับ จาง อี้ชิงคลุ้มคลั่ง เป็นโรคซึมเศร้าชนิดรุนแรงและได้เข้ารักษาที่โรงพยาบาลบ้าของรัฐ แต่เหมือนกรรมซัดเพราะอี้ชิงถูกข่มขืนในโรงพยาบาลนานเป็นปีๆโดยที่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยเพราะทุกคนคิดว่าอี้ชิงยังหลอนกับเหตุการณ์เก่าที่เกิดขึ้น จนมีพยาบาลไปพบเห็นกับตาถึงได้เป็นเรื่องเป็นราวและทำให้ จาง อี้ชิงถูกย้ายมารักษาที่นี่...

เหมือนกับแก้วที่ถูกทุบซ้ำจนแตกละเอียดและไม่มีทางหลอมมันให้กลับสู่สภาพเดิมได้ ถึงคริสจะพยายามอย่างมากที่จะรักษาอี้ชิงแต่มันแทบไม่เป็นผล ยาช่วยระงับภาพหลอนและอาการทางประสาทแต่มันไม่เคยพรากเอาความเจ็บปวดไปจากหัวใจของจาง อี้ชิง....

คริสทำได้แค่หลงรักและเฝ้ามองตุ๊กตาไขลานไร้ชีวิตอย่างที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เขาพร้อมจะเปลี่ยนกล่องดนตรีให้เป็นท่วงทำนองใหม่แต่ทว่ากลไกลที่ยากและซับซ้อนเกินกว่าจะเข้าใจเหมือนกับหัวใจที่ลึกลับของอี้ชิงมันยากเหลือเกินที่จะเข้าหา เขาอยากจะดูแลและรักษามัน...

คริสใช้เวลาสองเดือนเข้าหาอี้ชิงจนสามารถนอนร่วมเตียงกันได้จากตอนแรกที่เขาทำให้อี้ชิงเกือบกระโดดตึกตายเพราะเข้าไปสัมผัสตัวโดยที่ไม่รู้ว่ามันทำให้คนตัวเล็กกลัวมากขนาดไหน อีชิ้งอยู่ในโรงพยาบาลมาเกือบ2ปีแล้ว อาการคลุ้มคลั่งค่อยๆลดลงและอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมตัวเองได้ เหลือเพียงโรคซึมเศร้าและความเจ็บปวดจากความหลังที่ไม่มีทางลบออกแต่คริสก็สัญญากับตัวเองว่าเขาจะทำให้อี้ชิงกลับมามีชีวิตให้ได้


“พี่....” น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้นเบาๆท่ามกลางความเงียบและเสียงลมหายใจ คริสเกร็งต้นคอมองดูคนตัวเล็กในอ้อมกอดที่ส่งเสียงเรียกเขาก่อนจะขานรับ


“หื้อ...ว่าไงครับ” นี่เป็นครั้งแรกที่อี้ชิงเปิดปากคุยกับเขาก่อนทั้งๆที่ปกติก็แทบจะไม่ตอบคำถามด้วยซ้ำ คริสขึ้นเสียงสูงอย่างตื่นเต้นแต่ยังคงรักษาระดับความนุ่มทุ้มเอาไว้


“อี้อยากออกไป...จากที่นี่...” แรงสั่นสะอื้นจากคนตัวเล็กทำให้คริสรู้ว่าอี้ชิงกำลังร้องไห้อีกแล้วถึงจะมีแค่เสียงกระซิกๆก็ตาม คริสไม่รู้จะทำยังไงเพราะอี้ชิงไม่มีบ้านให้กลับแถมยังต้องอยู่ในการดูแลของพยาบาลเกือบ24ชั่วโมง เขาเคยขอร้องอาจารย์เจ้าของไข้ว่าจะพาอี้ชิงไปดูแลเองที่บ้านแต่ก็ไม่ได้รับอนุญาต มันทำให้คริสหมดหนทางเลยได้แต่แอบมานอนกับจาง อี้ชิงทุกคืน...


“งั้นพรุ่งนี้พี่พาไปข้างนอกไหม ไปเที่ยวกัน อยากได้ตุ๊กตาใหม่หรือป่าว ฟังแต่กล่องเพลงเดิมไม่เบื่อหรอ” กล่องเพลงที่เขาเป็นคนซื้อให้อี้ชิงตั้งแต่เดือนที่แล้ว ถึงคนตัวเล็กจะไม่ได้แสดงออกว่าชอบแต่ทุกครั้งที่เดินผ่านห้องพักคริสก็มักจะได้ยินเสียงดังติ๊งต่องของมันเสมอ


“อ...อื้อ...อึก...” เสียงกลั้นสะอื้นทำให้คริสรู้สึกเหมือนหัวใจถูกกระตุก เพราะเขาไม่สามารถช่วยเหลืออี้ชิงได้เลย ต้องทำยังไงกันนะถึงจะฉุดเอาชีวิตคนๆนึงขึ้นมาจากฝันร้ายได้ตลอดกาล....


“งั้นก็นอนซะนะคนดี”

ได้แต่ขอให้ความรักสักเสี้ยวนึงของอี้ฟานปกป้องจาง อี้ชิงจากฝันร้ายในคืนนี้...ขอให้คนตัวเล็กหลับฝันดีสักคืนในรอบสองปีที่โหดร้าย แค่นั้นถ้าแลกกับอะไรคริสก็จะยอม....




 





รองเท้าผ้าใบสองคู่ย่ำไปบนพื้นถนนที่เปียกชื้นเพราะฝนที่ตกปรอยๆลงมาระหว่างวัน ถึงเมื่อคืนจะเป็นคนบอกว่าอยากออกมาข้างนอกเองแต่พอมาวันนี้ จาง อี้ชิงก็เอาแต่เดินก้มหน้าไม่พูดไม่จาจับมือคุณหมอประจำตัวเอาไว้แน่น จะว่ากลัวก็กลัวเพราะไม่ได้เจอผู้คนและสังคมภายนอกมาตั้งหลายปี แต่ก็ไม่ถึงขนาดเป็นอุปสรรคขนาดจะเอาตัวไม่รอด
กลางสวนสาธารณะในวันหยุดที่มีทั้งผู้ใหญ่ เด็กและคนชรา หลังจากที่คริสพาอี้ชิงไปซื้อของที่อยากได้ที่ห้างตั้งเกือบสองชั่วโมงแต่สิ่งที่ได้กลับมาก็มีเพียงกล่องดนตรีที่มีทำนองเสียงต่างจากอันก่อนเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนตัวเล็กถึงได้ชอบเสียงดนตรีเหล่านี้นัก ถึงบางทีมันจะฟังดูเพราะแต่ส่วนมากแล้วมันเหมือนกับจะกล่อมจิตใจให้รู้สึกเศร้าลงไปทุกทีมากกว่า

“พี่...” เสียงเล็กๆเอ่ยขึ้นในเรียกความสนใจจากคุณหมอหนุ่มที่ยืนเหม่ออยู่กับที่มาหลายนาทีพร้อมกับมือบางที่บีบแน่นจนชื้นเหงื่ออย่างรู้สึกกังวล

“หื้อ ว่าไงครับ” คริสหันไปมองต้นเสียงพร้อมกับเลิกคิ้วสูงเพราะแรงบีบที่ฝ่ามือ 

 “อยากเข้าห้องน้ำ..” 

“ไปสิ เดี๋ยวพี่พาไป” คนตัวสูงกระตุกข้อมือเล็กเบาๆเป็นเชิงให้เดินตามก่อนจะพากันเดินลัดสนามหญ้าที่มีเครื่องเล่นไปยังห้องน้ำที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ อี้ชิงรู้สึกอึดอัดใจนิดหน่อยที่คริสตามมาด้วยแต่ก็ยอมเข้าไปในห้องน้ำแต่โดยดี

คริสปล่อยให้อี้ชิงไปเข้าห้องน้ำโดยที่ตัวเขายืนรออยู่ด้านนอก ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายโมงกว่าแล้วคริสจะต้องพาอี้ชิงไปส่งที่โรงพยาบาลก่อนสามโมงเย็นที่เป็นเวลาทานยา วันนี้เขารู้สึกว่าคนตัวเล็กอาการไม่ดีเท่าไหร่ตั้งแต่ตอนไปเที่ยวห้างถึงตอนออกจากโรงพยาบาลจะมีอาการกระตือรือร้นอยู่บ้างก็ตามแต่อี้ชิงก็เอาแต่จมกับตัวเองทั้งวันจนบางทีคริสก็รู้สึกว่าเขาเป็นธาตุเป็นอากาศ
คริสยกมือขึ้นดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้งก่อนจะหันหลังไปมองดูว่าอี้ชิงออกมาหรือยัง เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำมองหาว่าคนตัวเล็กอยู่ที่ไหนแต่ไม่มีใครใช้ห้องส้วมสักห้องนจากห้องริมสุดคริสจึงเดินไปดันประตูเบาๆก่อนจะลองเคาะเรียกดู

“อี้ชิง...เสร็จหรือยังครับ” คริสเคาะประตูเรียกเบาๆพยายามไม่ให้เสียงดังเพราะเขารู้ว่ามันจะทำให้คนตัวเล็กตกใจ เขาได้ยินเสียงกดชักโครกเสียงดังแต่ไม่มีเสียงตอบออกมาคริสจึงยืนรอหน้าประตูและเพียงไม่นานประตูเสียงปลดกรก็ดังขึ้น  อี้ชิงเดินตาแฉะๆออกมาเหมือนกับคนร้องไห้ทำให้คริสรีบเอื้อมมือจับข้อมือเล็กเอาไว้ทันที

“อี้ชิงร้องไห้ทำไม บอกพี่นะครับ” คริสถามเสียงรนราน เขารู้สึกใจไม่ดีที่เห็นคนตัวเล็กร้องไห้ถึงแม้ว่าอี้ชิงจะร้องไห้บ่อยๆแต่ก็ไม่เคยหลบคริสและจะบอกทุกความรู้สึกให้เขารับรู้แต่การที่คราวนี้อี้ชิงไม่ยอมพูดออกมาแถมยังหลบหน้าคริสก็ก็ยิ่งเป็นกังวลเข้าไปอีก เขาไม่อยากรู้สึกว่าอี้ชิงไม่ไว้ใจเขา...คริสไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองเข้าไม่ถึง

“เปล่าครับ” พูดแค่นั้นอี้ชิงก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ เขาเดินผ่านคนตัวสูงไปที่อ่างล้างหน้าก่อนจะปิดน้ำวักน้ำจากก๊อกขึ้นสาดใบหน้าเพื่อเรียกความสดชื่นให้กับตัวเอง อี้ชิงไม่มีอารมณ์อยากจะไปไหนอีกแล้วในหัวเอาแต่คิดเรื่องวุ่นวายมากมายซ้ำไปซ้ำมาจนเหมือนคนบ้า

“งั้นจะกลับหรือยัง“

”ครับ” อี้ชิงพูดแค่นั้นก่อนจะเดินนำคนตัวสูงออกไปจากห้องน้ำ เขาเห็นคริสเดินตามออกมาติดๆแต่ก็ไม่ใกล้มาก อี้ชิงเดินออกมาพ้นประตูและยังเดินเรื่อยๆไม่หยุดเหมือนกำลังเดินหนี ไม่แม้แต่จะหันหลังไปมอง
ดวงตาเรียวรีกวาดมองไปทางซ้ายทางขวาเขาได้ยินเสียงคริสเรียกให้รอด้วยแต่ในวินาทีนั้นอี้ชิงไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้ว

“อี้ชิง!!!” คริสตะโกนลั่นด้วยความตกใจจนคนแถวนั้นหันมามองเมื่อเขาเห็นคนตัวเล็กวิ่งหนีสุดกำลังจนจะตามไม่ทัน คริสออกวิ่งตามทันทีจากที่ตอนแรกเขาชะล่าใจคิดว่าอี้ชิงอาจจะโกรธอะไรเลยเดินหนีแต่ไม่คิดว่าจะวิ่งหนีแบบนี้
คริสหัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่เท้าเขาเร่งสาวช่วงก้าวให้ยาวขึ้นเพื่อตามไปประชิดคนตัวเล็กแต่อี้ชิงวิ่งหนีข้ามถนนไปแล้ว เสียงบีบแตรดังสนั่นคริสได้แต่หันซ้ายหันขวาเมื่อรถวิ่งตัดหน้าไปติดๆสองคัน เขาไม่รอช้าวิ่งไปกดสัญญาณไฟเพื่อขอให้รถหยุดแล้วข้ามทางม้าลายไปทันที

“อี้ชิง!!!” คริสตะโกนเสียงดังเมื่อแผ่นหลังเล็กที่เขาเห็นเมื่อครู่หายไปจากสายตาแล้ว คริสหอบหายใจแรงและยังสาวเท้าวิ่งตามต่อไปแม้หัวใจจะบีบแน่น
เขารู้สึกตกใจและเริ่มทำอะไรไม่ถูกเมื่อมายืนอยู่ตรงจุดที่อี้ชิงหายตัวไป คริสได้แต่วิ่งไปมารอบๆเพราะแถวนี้เป็นโกดังที่ติดกับซอยแคบไม่มีใครอยู่เลย หันหลังไปก็เจอสวนสาธารณะที่เพิ่งวิ่งผ่านมาและทุกคนอยู่ที่นั่นกันหมด หัวใจคริสเต้นแรงเพราะความรู้สึกกลัว อี้ชิงวิ่งหนีหายไปไหนก็ไม่รู้แค่นั้นคริสก็แทบจะบ้าแล้ว




แก๊ง


เสียงประไรบางอย่างในโกดังเก่าที่ประตูเปิดแง้มอยู่ดังขึ้น คริสเดินถอยหลังไปก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปตามรอยแง้ม กลิ่นเหม็นน้ำมันทำให้คริสแทบมึนหัว เขารีบเดินเข้าไปทันทีโดยที่ไม่ขออนุญาตใคร

“อี้ชิง...” คริสพึมพัมออกมาเบาๆเมื่อเขาเห็นคนตัวเล็กที่ตามหากำลังนั่งขดตัวปิดปากร้องไห้อยู่ในซอกถังนำมันเก่าๆ เสียงกระซิกๆเบาๆกรีดหัวใจของคริสยับเยินจนเจ็บหน่วงไปหมด เขาเดินไปย่อตัวข้างๆคนตัวเล็กก่อนจะยกมือขึ้นแตะที่ไหล่

“ทำไมวิ่งหนีละครับ...”

“อึก...ฮึก...ฮื่อ...ฮื่อ...” อี้ชิงส่ายหน้าไปมาแต่มือยังคงปิดที่ปากและส่งเสียงร้องไห้เบาๆ เขากำลังรู้สึกกลัวที่จะต้องกลับไปที่โรงพยาบาลบ้า ถ้าต้องไปที่นั่นสู้อดตายอยู่ข้างนอกดีกว่า

“พูดกับพี่สิ” คริสเอื้อมมือไปแตะใบหน้าหวานเบาๆก่อนจะจับให้หันมาสบตา เขาไม่เคยคิดเลยว่าอี้ชิงจะกล้าวิ่งหนีแบบนี้ ถ้าสมมุตว่าคริสหาไม่เจอคนตัวเล็กจะเป็นยังไง ถึงข้างนอกจะอยู่ได้และสบายใจกว่าแต่มันก็ไม่ปลอดภัยเท่าโรงพยาบาล เขาเองก็รู้สึกเจ็บจุกทรมานไม่แพ้กันที่เห็นอี้ชิงเป็นแบบนี้แต่เขามันก็เป็นแค่หมอฝึกงานไม่มีสิทธิ์ไปทำอะไรได้

“ฮึก...อี้...ฮื่อ....ไม่อยากกลับไป...ฮื่อ...ที่โรงาล” อี้ชิงพูดออกมาทั้งๆที่ยังสะอื้นไห้ เขาไม่รู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ที่นั้น อี้ชิงรู้สึกเหมือนมันเป็นฝันร้าย เขารู้สึกว่าตัวเองถูกกระทำย่ำยีในความฝัน มันเหมือนกับเรื่องในอดีตเกิดขึ้นซ้ำๆ อี้ชิงฝันว่าพ่อและหมอมาข่มขืนเขาทุกๆคืนแต่ไม่สามารถขัดขืนได้ มันทำให้อี้ชิงรู้สึกทรมาน...

“ทำไมละครับ พี่ก็อยู่ด้วยไง”

“ฮึก...ไม่ใช่...ฮื่อ...” อี้ชิงไม่รู้จะพูดยังไงให้คนตัวสูงเข้าใจ เขาไม่ได้เหงาหรือรู้สึกเบื่อแต่มันเป็นเหมือนอาการหลอนจากจิตใต้สำนึกที่ตามหลอกหลอนทุกๆคืน แม้ว่าคริสจะเอายาให้กินก่อนนอนหลายเม็ดก็ตาม

“งั้นกลับไปที่โรงพยาบาลก่อนนะค่อยคุยกัน....” คริสไม่ได้ไม่สนใจว่าอี้ชิงจะรู้สึกแย่ขนาดไหนแต่ถ้ายังอยู่ข้างนอกอี้ชิงอาจจะวิ่งหนีไปอีกก็ได้แล้วก็จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ไม่ว่าคนตัวเล็กต้องการจะบอกอะไรแต่สิ่งแรกที่ควรทำคือกลับไปที่โรงพยาบาลเพราะเขาเองก็รู้สึกไม่มั่นใจเหมือนกันถ้ายังอยู่ข้างนอกนี่

“ฮึก...ฮื่อ....” อี้ชิงยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้แม้จะยอมลุกขึ้นยืนตามคนตัวสูงอย่างไม่มีทางเลือก

เขาอยู่โรงพยาบาลมาหลายปีและไม่เคยมีอะไรดีขึ้นเลย ถึงตอนย้ายโรงพยาบาลช่วงแรกๆจะรู้สึกดีขึ้นบ้างแต่พอนานวันเข้าอย่างช่วงหลังอี้ชิงก็เริ่มเป็นเหมือนเมื่อก่อนคือหลอนว่าพ่อมาข่มขืนทุกที...มันคงจะดีถ้าเขาสะดุ้งตื่นกลางคัน...
แต่มันไม่ใช่เพียงฝันร้ายที่เกิดจากจินตนาการเพราะมันมาจากจิตใต้สำนึกและอี้ชิงรู้สึกกลัวทุกครั้งที่มันตามมาหลอกหลอนแต่ทว่าเขากลับไม่ยอมตื่นจากฝันนั่น...มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายจริงๆ















หลังจากที่กินอาหารค่ำไปแล้วตอนนี้ก็ถึงเวลานอน อี้ชิงหยิบกล่องดนตรีอันใหม่ออกจากถุงก่อนจะหมุนรูปปั้นเซรามิกแล้ววางไว้บนหัวเตียงฟังเสียงติ๊งต่องที่ไพเราะของมัน หลังจากที่กลับมาจากห้างคริสก็พาเขากลับไปเปลี่ยนเป็นชุดของคนไข้โรงพยาบาลก่อนจะพาไปเดินเล่นรอบๆสระเป็ดที่โรงพยาบาลขุดไว้

คริสไม่ได้เอาเรื่องที่อี้ชิงพยายามจะหนีไปบอกใครแต่พูดกับเขาเพียงว่าคราวหลังอย่าทำอีกเพราะมันทำให้คริสรู้สึกไม่สบายใจจนแทบเป็นบ้า อี้ชิงเอนตัวลงนอนบนหมอนสีขาวสะอาดก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าตุ๊กตาหมุนมาวางไว้ใกล้ๆหน้าเพื่อที่จะได้ยินเสียงชัดๆ

เขาอยากจะได้ยินเสียงมันทั้งคืนเพื่อกลบความฝันวิปลาสที่เกิดขึ้นและช่วยขับไล่ความรู้สึกชั่วร้ายออกไปไกลๆ ถึงจะมีบางครั้งที่เขานอนหลับสนิทแต่มันก็ไม่เท่าวันที่ฝันร้ายอยู่ดี วันนี้คริสบอกว่าจะมานอนด้วยให้เขากินยาแล้วหลับไปก่อนและยังสัญญาอีกว่าถ้าได้ยินเสียงเขาฝันร้ายเมื่อไหร่จะปลุกทันทีเพื่อที่จะได้โกงความรู้สึกแย่ๆ

ดวงตาเรียวรีหลับลงช้าๆ ในหูยังได้ยินเสียงกล่องบนตรีเล่นไปเอื่อยๆอย่างไพเราะ อี้ชิงแค่หวังว่าวันนี้เขาจะนอนหลับฝันดีกับกล่องดนตรีใบใหม่ที่เป็นเหมือนกับเครื่องลางนำโชคโดยมีนัยว่าชีวิตของเขาจะเปลี่ยนเป็นท่วงทำนองใหม่ๆไวๆนี้ถึงอาจจะเปลี่ยนไม่มากแต่ขอแค่หลุดพ้นจากความทรมานในช่วงค่ำคืนก็พอ...

.

.

.

.

.

.

.

“อึก! พ่ออย่า!! ฮื่อ!!!

ใบหน้าทมิฬและดูโรคจิตของชายวัยกลางคนลอยอยู่ตรงหน้า เสียงครางแหบหื่นกับแรงกดทับที่หน้าอกทำให้ จาง อี้ชิงรู้สึกเหมือนตกนรก เขาเห็นคุณหมอในชุดกราวน์ยืนถอดกางเกงอยู่ข้างเตียงในขณะที่สถานที่สับเปลี่ยนไปมาระหว่างบ้านและโรงพยาบาล พ่อโน้มตัวลงมาสอดลิ้นใส่ปากแต่เขายังพยายามขัดขืนแม้จะไรเรี่ยวแรงไปหมดขยับตัวแทบไม่ได้
อี้ชิงอยากร้องให้ใครช่วยแต่มันไม่มีเสียง เขารู้สึกขยะแขยงกหวาดกลัวจับใจ ความรู้สึกถึงแกนกายที่กระแทกใส่ช่องทางขยับเข้าออกในตัวยังจำได้ดีว่ามันเป็นแบบไหน อี้ชิงได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลภายใต้ความรู้สึกสับสนงุนงง
เขาฝันสลับไปมาระหว่างบ้านกับโรงพยาบาลเก่า เดี๋ยวเห็นหมอ เดี๋ยวเห็นพ่อ อะไรๆมันดูโคลงเคลงไปหมด ความรู้สึกถึงสัมผัสหยาบโลนทำให้อี้ชิงขยาดแทบขาดใจมันไม่ง่ายเลยที่จะบังคับตัวเองให้ตื่นแล้วเข้าใจว่านี่เป็นแค่ความฝัน...



ใครก็ได้ช่วยที...

.

.

.
.


.

.


ในเวลาเช้าที่ไม่น่าสดใส อี้ชิงนอนลืมตาปล่อยให้น้ำตาไหลช้าๆอย่างไม่คิดจะเช็ดมันออก เขาตื่นมาและพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงโดยที่ๆนอนข้างๆยับยู่ยี่เหมือนกับคนตัวสูงที่สัญญาว่าจะมานอนด้วยเพิ่งลุกไปไม่นาน อี้ชิงเกลียดเวลาที่ตื่นเช้ามาพร้อมกับความรู้สึกหดหู่หวาดกลัว เขายังรู้สึกว่าความรู้สึกเหล่านั้นยังลอยวนและส่งกลิ่นอยู่ไม่ไกลเหมือนกับว่าเพิ่งเกิดไปเมื่อวาน...

อี้ชิงหยิบกล่องดนตรีมาหมุนเกรียวแล้วนอนฟังเสียงไพเราะของมันอย่างใจเย็นในขณะที่ยังคงร้องไห้เงียบๆ เขาไม่มั่นใจว่าควรจะเล่าให้คริสฟังดีหรือเปล่า คริสจะรักษาคนที่จิตใจพิการให้เป็นปกติได้ไหมเพราะอี้ชิงทรมานกับมันเหลือเกิน ถึงเขาจะเคยทนได้แต่ไม่ตอนนี้เริ่มไม่ไหวแล้ว อี้ชิงรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะบ้าและคลุ้มคลั่งเข้าไปทุกที

หลายครั้งเขารู้สึกอึดอัด หนักหน่วงจนแถบหายใจไม่ออก อี้ชิงพยายามกินยาระงับประสาทที่คริสให้รวมถึงยานอนหลับและยาอื่นๆก่อนนอนให้ครบเพื่อที่จะได้หลับสนิทแต่จิตใจก็ยังเอาชนะมันได้เขาไม่รู้ว่าควรจะต้องทำยังไง...

อี้ชิงยกมือขึ้นปาดน้ำมูกก่อนจะยันแขนขึ้นจากพื้นเตียงหย่อนปลายเท้าลงกับพื้นแล้วขยับตัวลุกขึ้นเดิน เขาเหล่ตามองถาดข้าวที่พยาบาลนำมาวางไว้ให้เล็กน้อยก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องออกมายืนที่ทางเดิน ตอนนี้ยังไม่สายมากคริสอาจจะยังไม่เข้าเวรหรือกลับไปอาบน้ำเพราะฉนั้นอี้ชิงจะไปหาคุณหมอประจำตัวก่อนเพื่อขอคำปรึกษา...


ตลอดเวลาที่เขาไม่พูดไม่คุยกับใครนั่นเพราะอี้ชิงรู้สึกสิ้นหวัง ไม่มีชีวิต เขาได้แต่นอนเฉยๆและไม่คิดว่าจะมีอะไรแย่กว่าการถูกกักขังอีกแล้ว เขามองไม่เห็นอนาคตตัวเองไม่รู้ว่าควรจะยืนหรือเดินไปทางไหนเพราะคิดอย่างนั้นจะอยู่หรือตายมันก็มีค่าไม่ต่างกันแค่นอนหายใจทิ้งไปวันๆจะมีประโยชน์อะไร

แต่ทว่าตอนนี้อี้ชิงคิดว่าเขากำลังประสบปัญหาเพราะอาการหลอนที่กลับมาเล่นงานซ้ำ อี้ชิงต้องการยาเพิ่มหรือเข้ารับการสะกดจิตเพื่อสงบจิตใจโดยด่วน








 
ก้อ ก้อก ก้อก ก้อก


อี้ชิงยกมือเคาะห้องคุณหมอประจำตัว3-4ทีก่อนจะบิดตัวล็อคออกแล้วเดินเปิดประตูเข้าไปทันทีโดยที่ไม่ขออนุญาต วันนี้โรงพยาบาลเหมือนจะเงียบไปหน่อยเพราะเขายังไม่เห็นใครเลยนอกจากพวกพยาบาล พอเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานคุณหมอจุนจิอี้ชิงก็เห็นพยาบาลสาว2คนนั่งทำเอกสารอยู่แต่กลับไม่พบคนที่มาหา

“มาหาหมอจุนจิ” อี้ชิงเอ่ยนิ่งๆอย่างไม่รู้สึกอะไร นางพยาบาลสองคนนิ่งไปพักนึงเหมือนสับสนอะไรก่อนจะพูดตอบ

“หมอจุนจิไปทำธุระนะคะ น้องอี้มีอะไรหรือเปล่า” พยาบาลสาวถามด้วยท่าทีสงสัยก่อนจะลุกจากโต๊ะเดินมาหาเขา

“มาขอยา อี้นอนไม่หลับ”

“หื้อ? นอนไม่หลับ...เดี๋ยวให้หมอมาเอายาให้นะพี่จ่ายยาให้น้องอี้ไม่ได้ นอนไม่หลับทั้งคืนเลยหรอ” หญิงสาวย่อตัวลงนิดหน่อยก่อนจะยกมือสัมผัสใบหน้าคนตัวเล็กเบาๆแต่อี้ชิงไม่ได้ตกใจเท่าไหร่เพราะเป็นคนคุ้นเขาทำได้ทำแค่โยกหัวหนีเบาๆ

“ฝันร้าย...”

“งั้นวันนี้เดี๋ยวพี่เอายาไปให้ตอนกลางคืนแล้วลองหลับดูนะ” เธอยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานโดยที่ไม่พูดอะไรต่อ อี้ชิงยืนนิ่งอยู่พักนึงเขาเห็นพยาบาลสาวอีกคนหันไปพูดอะไรสักอย่างกับพี่ยูราแต่ไม่ได้ยินว่าพูดอะไร อี้ชิงไม่ได้สนใจเขาแค่เดินออกมาแล้วก็กลับไปที่ห้องเท่านั้น...

.

.

.

.

.
.

.



วันทั้งวันอี้ชิงได้แต่นั่งนอนอยู่เฉยๆเหมือนที่ผ่านมา เขายังคงหมุนกล่องดนตรีฟังไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ตอนนี้ใกล้ได้เวลาที่พยาบาลจะเอายามาให้ตอนค่ำแล้ว อี้ชิงได้แต่นอนรอกินยาและรอให้คริสเข้าเวรมานอนด้วยคืนนี้ วันนี้ทั้งวันเขายังไม่เห็นคริสกับคุณหมอจุนจิเลยหรือบางทีทั้งสองคนอาจจะไปทำธุระด้วยกันแต่อี้ชิงไม่สนใจอยู่แล้วเพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขา


แกร้ก


เสียงเปิดประตูไม่ทำให้อี้ชิงตกใจ เขาคิดว่าคงเป็นพยาบาลนำยามาให้ตามปกติ อี้ชิงพลิกตัวหันหลังทางประตูเพื่อรอกินยา เขาเห็นพี่ยูรายกน้ำมาให้พร้อมกับแก้วยาเหมือนทุกวัน อี้ชิงหยัดตัวขึ้นนั่งก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบน้ำและยาบนถาดโดยที่ไม่ต้องถูกออกคำสั่ง

วันนี้เขาเต็มใจกินยาเองเพราะถ้ามันจะทำให้ร่างกายเขาหลับสนิทจนไม่ฝัน อี้ชิงก็ไม่มีเหตุผลต้องดื้อดึงเหมือนทุกที


“กินยาซะนะ คืนนี้น้องอี้จะต้องหลับฝันดีแน่” ยูรายิ้มนิดๆก่อนเอื้อมมือไปรับแก้วจากเด็กหนุ่มกับถ้วยยามาวางไว้บนถาดเหมือนเดิม เธอทำได้แค่จ่ายยาตามที่หมอจุนจิสั่งไว้แต่นอกเหนือจากนั้นหน้าที่พยาบาลไม่สามารถทำได้จริงๆ แต่ยังไงยูราก็เชื่อว่าอี้ชิงจะต้องหลุดพ้นจากฝันร้ายในคืนนี้แน่...

อี้ชิงไม่ได้พูดอะไรต่อหลังจากที่พยาบาลสาวเดินออกไปเขาเอนหัวลงนอนกับหมอนแล้วพลิกหน้าไปทางหน้าต่างฝั่งตรงข้ามกับประตูเหมือนทุกที มือเล็กเอื้อมไปหมุนกล่องดนตรีให้มันเล่นเหมือนที่เคยทำประจำพร้อมกับพึมพันคำอถิษฐานที่ไม่มีเสียงออกมา



ปลุกฉันจากฝันร้ายด้วยนะ...











ซ่า ซ่า ซ่า


เสียงฝนตกกระทบหน้าต่างกระจกตั้งแต่เช้า จาง อี้ชิงตื่นมาพร้อมกับสภาพท้องฟ้าที่ไม่ดีเท่าไหร่ เมื่อคืนเขาหลับสนิทโดยไม่มีอาการเคลิ้มเลยอาจจะเป็นเพราะยาที่พยาบาลยูราเอามาให้ก็ได้ อี้ชิงรู้สึกว่าเมื่อคืนพอเขากินยาปุ้บก็หลับเลยไม่ทันได้อยู่ดูว่าคริสมานอนด้วยหรือเปล่าแต่ดูจากสภาพเตียงแล้วคริสคงไม่ได้กลับมานั่นแหละ
วันนี้อี้ชิงตื่นมาด้วยอารมณ์ที่สงบกว่าปกติมากไม่มีอาการมึนเวียน ตื่นตระหนก หวาดกลัวหรือประสาทหลอนหมือนทุกคืน เมื่อคืนเขาหลับสนิทและไม่มีอาการฝันหรือผวาเลย อี้ชิงเดินลงไปยืนที่ข้างเตียงหยิบเอาตุ๊กตาเซรามิกบนแท่นหมุนมาจูบที่ตัวรูปปั้นก่อนจะวางมันไว้ที่เดิมพร้อมกับคำขอบคุณ....


ขอบคุณที่ช่วยปกป้องฉันจากฝันร้ายนะ....




อี้ชิงเดินเอื่อยๆออกไปนอกห้องอย่างไม่รู้จุดหมาย เขาเดินไปตามทางเดินเรื่อยๆผ่านพยาบาลบ้างคนไข้บ้างแต่ก็ไม่มีใครสนใจเขา อี้ชิงเดินเท้าเปล่าไปที่ห้องรับรองที่เอาไว้ดูหนังทานข้าวสำหรับผู้ป่วยและคนที่มาเยี่ยมไข้
เขาเดินเข้าไปในห้องนั้นช้าๆก่อนจะตรงไปนั่งลงในบ่อลูกบอลหลากสีพร้อมกับหยิบเอาตุ้กตาหมีตัวนึงจากชั้นมากอดแล้วนั่งกอดเข่าดูการ์ตูนบนจอโทรทัศน์ไปเงียบๆโดยที่คนไข้คนอื่นๆก็ยังทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำต่อไป

อี้ชิงมองดูเจ้าฟองน้ำสีเหลืงในจอเต้นไปมาอย่างน่ารักก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ เหล่าปลาดาว ปูและผองเพื่อนร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกไปตามเสียงพากย์ อี้ชิงกำลังดูมันอย่างสนใจแต่อยู่ๆหน้าจอช่องก็เปลี่ยนไปเป็นข่าวเช้าเมื่อญาติคนไข้คนนึงหยิบรีโมทไปเปลี่ยนเป็นช่องอื่น

อี้ชิงหันไปมองที่เธอคนนั้นอย่างไม่แสดงสีหน้าอะไรแม้ในใจจะอยากดูการ์ตูนต่อ เธอคงคิดว่าไม่มีใครดูโทรทัศน์อยู่เพราะรอบๆตัวก็มีแต่คนไม่ปกติทั้งนั้นแต่ถึงอย่างนั้นอี้ชิงก็ไม่ใส่อะไร เขากอดตุ๊กตาแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับมองซ้ายมองขวาเพื่อจะหาอะไรไปเล่นที่ห้อง






มาต่อกันที่ข่าวเมื่อวานนะคะ วันนี้นาย อู๋ อี้ฟานก็ได้ถูกคุมตัวไปเข้าห้องขังแล้ว โดยเจ้าตัวยอมรับสารภาพแล้วว่าเอายากล่อมประสาทให้คนไข้กินแล้วทำการข่มขืนในช่วงเวลากลางคืน ล่าสุดคุณหมอจุนจิเจ้าของไข้นาย จาง อี้ชิง ที่เป็นผู้เสียหายก็ได้ออกมายอมรับแล้วว่าเกิดเรื่องขึ้นจริงมีพยานพบเห็น โดยคุณหมอก็ให้สัมภาษณ์กันนักข่าวว่านายอี้ฟานหรือคริสเนี่ยนะคะได้แอบเอายาไปให้คนไข้ที่ตัวเองไปนอนเฝ้าทุกคืนกิน ซึ่งยาทุกตัวมีฤทธิ์กดประสาทคือทำให้เกิดภาพหลอนและรวมถึงยานอนหลับที่มีผลเรื่องคลายกล้ามเนื้อเพื่อป้องกันไม่ให้คนไข้เนี่ยตื่นขณะที่ตัวเองกำลังกระทำชำเรา
ซึ่งนายอี้ฟานก็ยอมรับสารภาพว่าทำไปเพราะอดใจไม่ไหวและทำมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว โดยอ้างเหตุผลว่าหลงรักคนไข้พอได้นอนด้วยกันเลยมีอารมณ์ทางเพศขึ้นมา ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวหรือน้องที่ถูกทำร้ายเนี่ยคุณหมอบอกว่ายังไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองถูกข่มขืนกระทำมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา.. .ก็นะคะ เป็นอีกหนึ่งข่าวที่น่าสลดใจเพราะน้องคนไข้รายนี้เนี่ยเป็นเด็กในการคุ้มครองของศาลคดีข่มขืนติดต่อกันหลายปีเลยทีเดียว ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไปว่าศาลจะตัดสินลงโทษอย่างไร........











อี้ชิงยืนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาเหม่อมองไปที่จอทีวีพลาสม่าที่ฉายรูปของเขาแบบไม่เซ็นเซอร์รวมถึงเทปบันทึกภาพที่มีคริสและคุณหมอจุนจินั่งอยู่ด้วยโดยมีตำรวจยืนคุมด้านหลัง



อี้ชิงรู้สึกเหมือนตัวเองตื่นจากฝันร้ายที่เป็นเรื่องจริง เขารู้สึกมึนงง สับสนและไม่เข้าใจแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเฉยๆเพราะเขาไม่เคยรับรู้เลยว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับตัวเอง


อี้ชิงยกยิ้มนิดหน่อยก่อนจะเดินถือหมีออกไปจากห้องรับรองพร้อมกับความรู้สึกที่เปลี่ยนไป....ขนาดพ่อยังข่มขืนมาแล้ว คนที่ไว้ใจมากที่สุดก็ยังไม่เว้น... บนโลกนี้จะมีที่ให้คนอย่างเขาได้อาศัยอยู่บ้างหรือเปล่า....







หรือบางทีอี้ชิงควรจะตายไปให้พ้นๆโลกที่น่าเกลียดนี้ดี....












-END-















1 ความคิดเห็น:

  1. ความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก

    ตอบลบ