วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2557

[ทหารเสือ] EP.3 ลูกสาวคนสวยของขุ่นแม่

*เรื่องไม่ต่อจากตอนที่แล้ว






“เฮ้อ
~ คุณแม่อยากมีลูกสาวจัง....” เสียงอี้ชิงเอ่ยขึ้นลอยๆในขณะที่ตักข้าเข้าปากพร้อมกับเหล่ตามองลูกชายที่นั่งเขี่ยผักไปมาไม่ยอมทานสักที


“ทำไมครับ” อี้ฟานเอ่ยถามคุณแม่ที่นั่งทานข้าวอยู่หัวโต๊ะ ช่วงนี้คุณแม่เขาพูดประโยคนี้บ่อยๆจนรู้สึกหวั่นๆว่าพ่อจะทำน้องให้คุณแม่อีกคน แต่ถ้ามีแบบนั้นจริงใครจะยอมหละ แค่ทุกวันนี้อี้ฟานรบกับอู๋ฟ่านและคุณพ่อเรื่องแย่งคุณแม่ศัตรูก็มากพอแล้ว ถ้ามีน้องอีกคนขึ้นมาพวกเขาคงเป็นหมาหัวเน่าเหมือนที่คุณพ่อบอกแน่


“ก็ลูกชายดื้อ ไม่อยากมี” อี้ชิงแกล้งพูดหยอกลูกชายสุดเลิฟพร้อมกับกัดปากกลั้นหัวเราะเมื่อเห็นอู๋ฟ่านที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นมองเขา ที่จริงก็แค่พูดเล่นหรอกอี้ชิงไม่ได้อยากได้ลูกสาวขนาดขวนขวายอยากจะได้ขนาดนั้น แต่แค่อยากได้ลูกที่ไม่ดื้อสักคนแต่เด็กที่ไม่ดื้อส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงเท่านั้นเอง


“น้องอู๋ไม่ดื้อ” อู๋ฟ่านพูดเสียงดังพร้อมกับขมวดคิ้วทำปากง้ำงอมองหน้าคุณแม่ เขาไม่เคยดื้อเลยสักนิดเดี๋ยว มีแต่คุณแม่นั่นแหละที่ชอบบ่นนู่นนี่....





จ้า~ มึงนั่นหละตัวแสบเลย~







“เรานั่นแหละยิ่งกว่าตัวซนเลย เดี๋ยวพอคุณแม่มีน้องแล้วน้องไม่ดื้อคุณแม่ก็รักน้องมากกว่า” อี้ชิงพูดแหย่หนักขึ้นกว่าเดิม เขารู้สึกขำเวลาที่เห็นคุณลูกชายทำหน้านิ่วคิ้วขมวดปากย่นเป็นตูดแบบนี้ เห็นแล้วมันน่าหมั่นเขี้ยวชะมัด


“ผู้หญิงขี้แย ทำอะไรก็ร้อง” อี้ฟานพูดขึ้นมาสมทบเข้ากันกับพี่ชายเป็นปี่เป็นขลุ่ย ถึงเขากับอู๋ฟ่านจะตีกันบ่อยๆแต่ก็เกิดมาด้วยกันคลุกคลีกัน อี้ฟานไม่เห็นอยากได้ใครมาเพิ่มทั้งนั้น เขามีคุณพ่อคุณแม่และพี่ชายก็พอแล้ว


“เพราะโดนพวกเด็ผู้ชายแกล้งไง เพราะผู้ชายชอบแกล้งผู้หญิงคุณแม่ถึงได้บอกว่าดื้อ” อี้ชิงยังกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ ดูท่าแล้วอีสองอู๋นี่จะไม่อยากมีน้องจริงๆ ขืนมีละก็อิจฉากันตายบ้านแตกกว่าเดิมแทนที่จะทะเลาะกันเองก็คงจะรวมหัวกันแกล้งน้องอุตลุด


“............................” เสียงบนโต๊ะเงียบไปโดยมิได้นัดหมาย อี้ชิงเหลือบตามองลูกชายที่มองหน้ากันไปมาแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนที่เสียงอี้ฟานจะดังขึ้น


“ละถ้าน้องฟ่านไม่ดื้อคุณแม่ก็ไม่ต้องมีน้อง”


“เราก็พอกันนั่นแหละ ขี้เกียจเหมือนพ่อ แต่งตัวก็แปลกๆเหมือนพ่อ...ถ้ามีลูกสาวคุณแม่ก็จะจับใส่ชุดน่ารักๆไง” อี้ชิงกำลังนึกถึงไปตอนที่เขามีลูกสาวน่ารักๆไปเดินเลือกชุดเสื้อผ้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นกระโปรงหรือเสื้อสำหรับเด็กผู้หญิง อะไรๆมันก็ดูน่ารักไปหมด ถักเปียไปโรงเรียนตอนเช้าช่วยกันทำกับข้าว...


 



อ่า~ TvT กินยาสลายมโนแป้บ







“น้องอู๋ก็ใส่ชุดหล่อไง” อู๋ฟ่านออกปากเถียง เขาเองก็มีชุดที่คุณพ่อเลือกให้เหมือนกันแถมยังหล่อมากๆใครๆก็ชมว่ามันดูดี มีแต่คุณแม่นั่นแหละหัวไม่ถึง เอะอะก็บอกว่ารกบ้าง แฟชั่นหลุดโลกบ้าง ไม่เข้าใจพวกนายแบบเอาซะเลย


“จ้าพ่อคู๊น~ หล่อกันให้สุด เอาให้ตายกันไปข้างนึงเลย รีบๆกินเข้า” อี้ชิงหัวเราะออกมาหน่อยๆก่อนจะใช้ตะเกียบครีบหมูชิ้นใหญ่ใส่จานลูกชายทั้งสองคน แค่นี่ชีวิตเขาก็วุ่นวายเกินพอแล้ว ไม่ว่าจะลูกชายหรือลูกสาวถ้าให้พูดตรงๆก็ไม่อยากได้ทั้งนั้น เขาแค่คิดว่าถ้ามีก็คงดีแต่ถ้าให้มีจริงๆคงไม่เอา

อี้ชิงไม่อยากยอมรับหรอกว่าที่เขารักลูกทั้งสองมากกว่าปกตินั้นเป็นเพราะลูกหน้าตาหล่อเหมือนผัวส่วนหนึ่ง ธรรมชาติมักสร้างให้คนเราหวั่นไหวกับสิ่งที่มีรูปร่างหน้าตาน่ารักเป็นธรรมดาอยู่แล้วจะให้ปฏิเสธก็คงไม่ได้ว่าไม่ได้รักลูกเพราะลูกหล่อเหมือนพ่อ

เสียงช้อนโขกจานดังเป็นระยะๆโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรต่อ วันนี้คริสต้องเข้าบริษัทจะกลับตอนบ่ายๆส่วนลูกชายสองตัวก็หยุดเรียนเสาร์-อาทิตย์เป็นปกติ อี้ชิงตื่นมาทำงานบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ ปั่นผ้าตั้งแต่ตีห้าเพราะถ้ารอทำเที่ยงๆบ่ายๆมีหวังไม่ได้ทำแน่เพราะทั้งลูกทั้งผัวอยู่บ้านครบเดี๋ยวก็ได้ตบตีกันอีกจนไม่ได้ทำงานทำการ เป็นครอบครัวที่อบอุ่นจริงๆ......

.

.

.

.
.


“กินเสร็จแล้วเอาจานไปเก็บด้วย คุณแม่จะเข้ามาดู” อี้ชิงพูดขึ้นหลังจากที่กินข้าวคำสุดท้ายเสร็จโดยที่ลูกชายทั้งสองคนพยักหน้าตอบรับป็นอย่างดี เขาจำไม่ได้ว่าทั้งชีวิตพูดแบบนี้มากี่หมื่นครั้งทั้งกับผัวทั้งกับลูกแถมยังไม่เคยมีครั้งไหนที่ใครยอมทำตามด้วย

อี้ชิงหยิบจานลุกขึ้นเดินนำมันไปวางไว้ที่อ่างน้ำก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำดื่มแล้วออกไปจากห้องครัวทันที กลางวันนี้มีรายการดิสคัฟเวอร์รี่ไดโนเสาร์ที่เขาอยากดูอยู่ ถึงจะฟังไม่รู้เรื่องแต่มันก็สนุกดีเวลาเห็นกราฟฟิคสวยๆแปลกตา และแน่นอนว่าเจ้าลูกชายจะต้องตามไปดูด้วยแน่

เขาเดินจากห้องครัวไปนั่งที่โซฟากลางห้องโถงแล้วหยิบรีโมทขึ้นมาเปิดช่องนั้นไว้รอ ในหูได้ยินเสียงคุยแว่วๆคุยกันก่อนที่ลูกชายสองตัวจะเดินออกมาจากครัวแล้วเดินขึ้นบันไดไป ถ้าไวขนาดนี้ก็ไม่ต้องหวังเลยว่าอีสองตัวนั่นจะเก็บจานให้เขา...




เฮ้อ.... ช่างมันเถอะ...





อี้ชิงวางรีโมตไว้ข้างตัวมองดูฝรั่งตาน้ำข้าวรายงานข่าวเป็นภาษอังกฤษเร็วจี๋จนฟังไม่ทัน ทุกวันนี้เขาก็พออ่านภาษาอังกฤษออกบ้างบางประโยคและฟังคำพูดง่ายๆได้แต่ก็ไม่สามารถสนทนากับเจ้าของภาษได้อยู่ดี นอกจากสถานที่ราชการแล้วเวลาไปไหนก็ต้องพกผัวไปด้วยเป็นคนแปลภาษาแต่พอมีลูก็มีล่ามฉบับมินิพกพาสะดวกเพิ่มมาอีกสองหน่อ อุ้มขึ้นเอวหิ้วไปไหนมาไหนได้แต่เสียอย่างเดียวขี้โม้ไปหน่อย ชอบแปลอะไรเกินกว่าให้พูดอยู่เรื่อย
คราวที่แล้วเขาบอกให้อี้ฟานไปบอกเพื่อนคริสว่าคุณพ่อไม่อยู่ แต่ฮีกลับไปบอกว่า คุณพ่อไปทำงาน คุณแม่คิดถึงมาก ไม่รู้จะบอกทำไมแถมไม่ได้สนใจเลยว่าคนถามเขาอยากรู้หรือเปล่า


“นี่! ข้างบนหนะอย่ารื้อที่นอนนะ~!” อี้ชิงตะโกนเสียงดังเพื่อให้ลูกชายที่อยู่บนชั้นสองได้ยิน เสียงหัวเราะคิกคักและเสียงตึงตังจากด้านบนทำให้เขารู้สึกไม่ไว้วางใจกลัวว่าลูกชายจะไปเล่นบนที่นอนที่พับไว้อีก เสาร์-อาทิตย์นี่พับที่นอนเป็นหลายสิบรอบขี้เกียจพับ เป็นอะไรที่วุ่นวายจริงๆ


“คร้าบ~!!” เสียงตะโกนตอบรับจากด้านบนไม่ได้ทำให้อี้ชิงมีความหวังเลยสักนิด ป่านนี้พ่อคุณคงต่อสู้กันจนเตียงเละไปหมดแล้ว


“หนู~ ไดโนเสาร์จะมาแล้วจะดูกับคุณแม่ไหม~!


“ไม่ดูครับ!!” เสียงเล็กๆที่ตะโกนตอบกลับลงมาทำให้คุณแม่รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ปกติแล้วลูกชายเขาชอบไดโนเสาร์จะตายเพราะบอกว่ามันเหมือนก๊อตซิล่าในอุตร้าแมนดี ท่าทางคงกำลังสนใจกับอะไรบางอย่างจนลืมการ์ตูนที่ชอบไปเสียสนิท...นึกแล้วมันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอะไรทำให้ลูกชายเป็นแบบนี้ หรือบางทีอี้ฟานกับอู๋ฟ่านอาจจะกำลังโตก็ได้มั้ง...

ไม่รู้ว่าเป็นอะไรแต่ช่วงนี้อี้ชิงเอาแต่นึกว่าลูกจะโตๆแล้วก็ใจหายทุกที เขาไม่อยากให้ตัวจิบิหายไป อยากให้เป็นลูกเสือตัวเล็กไปเรื่อยๆ เพราะกลัวว่าถ้าลูกโตแล้วจะให้ความสำคัญกับเพื่อนมากกว่าเขา หรือที่เรียกว่ากลัวลูกไม่รักนั่นแหละ หรือไม่ถ้าลูกเป็นแบบคริสประเภทที่เที่ยวหยอกผู้หญิงไปเรื่อยแล้วมีพ่อให้ท้ายก็ยิ่งไม่อยากให้โตใหญ่ กลัวว่าลูกจะไปทำผู้หญิงท้องไปมีข่าวคราวไม่ดีเหมือนพ่อมันในอดีตมีผู้หญิงติดพันรุงรัง ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มใจ....




ว่าแต่ตอนนี้ลูกกี่ขวบวะ...




 
เฮ้อ~ พอนึกแล้วก็อยากมลูกสาวไว้เป็นเพื่อนสักคนจริงๆ อย่างน้อยลูกสาวก็ติดแม่มากกว่าแล้วก็เชื่อฟังมากกว่าหละ เผื่อโตไปลูกชายมันทิ้งจะได้มีลูกสาวอยู่ข้างๆจะได้ไหมเหงาหรือต้องรบรากับผัวแค่ตัวคนเดียว... เถียงพ่ายแพ้ยังไม่แย่เท่าถูกกดในสนามรบ มันเสียศักด์ศรีกะเทย...










On bed room




“ฟ่านไปหยิบไอ้นั่นมาก่อน...” อู๋ฟ่านชี้นิ้วสั่งนองชายไปหยิบของในตู้เสื้อผ้าออกมา ในขณะที่ตัวเองก็รื้อกระเป๋าใบใหญ่ไปด้วย ช่วงนี้คุณแม่เอาแต่พูดว่าอยากมีลูกสาวๆๆซึ่งพวกเขาไม่ต้องการแบบนั้น ไม่อยากมีพี่น้องอีก แค่มีกันสองคนก็เกินทนแล้ว อู๋ฟ่านไม่อยากเป็นหมาหัวเน่าเหมือนที่คุณพ่อบอก เขารักคุณแม่ที่สุดในโลกแล้วก็ไม่ยอมให้ใครแย่งคุณแม่ไปทั้งนั้น...


“มันต้องทาอันนั้นก่อน~” อี้ฟานที่เดินไปเปิดประตูหอบตะกร้าชุดชั้นในใบเล็กของคุณแม่ออกมาพูดขึ้นเมื่อเห็นพี่ชายหยิบแป้งพัพในกระเป๋าคุณแม่มาตบๆที่แขน เขาเคยเห็นคุณแม่ทำตอนแต่งหน้าแล้วมันก็ต้องทาครีมหลอดๆสีเนื้อก่อนจะตบแป้งลงไป


“อันนี้หรอ” อู๋ฟ่านหยิบหลอดที่มีตัวอักษร BB ขึ้นโชว์ให้น้องชายดู เขาอ่านไม่ออกว่ามันคืออะไรรู้แต่ว่าคุณแม่ชอบทาตอนจะออกไปข้างนอก


“ใช่ๆต้องทาก่อน”

พอได้ยินคำพูดจากน้องชายอู๋ฟ่านก็จัดการบีบหลอดรองพื้นบีบีใส่ฝ่ามือเล็กๆแล้วประกบมือถูกันไปมาก่อนจะยกขึ้นลูบหน้าเหมือนทาแป้ง แต่มันหนืดๆเลยต้องถูซ้ำไปซ้ำมาจนทั่วหน้าแล้วก็หยิบกระจกมาส่องก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อเห็นหน้าตัวเองขาววอกเหมือนหงอคงในไซอิ๋ว


“ฮ่าๆๆๆๆๆ” อี้ฟานเองก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นพี่ชายหน้าขาวเป็นลิง เขาหยิบเอาครีมหลอดนั้นมาบีบใส่มือแล้วก็ลองลูบแขนดูบ้างก่อนจะบีบสุดแรงจนหมดหลอดแล้วปะกบมือถูๆยกขึ้นปะหน้าเหมือนที่พี่ชายทำ

“แล้วก็ทาแป้ง” อู๋ฟ่านหยิบแป้งพัพที่บนฝามีสัญลักษณ์คล้ายๆห่วงขึ้นมาเปิดฝาก่อนจะหยิบฟองน้ำถูๆๆๆสุดแรงแล้วนำมาโบ๊ะรอบ
ใบหน้า ขัดถูจนรองพื้นที่ทาไปก่อนหน้าติดฟองน้ำแต่มันก็ยังไม่ขาวสะใจอู๋ฟ่านเลยโยนฟองน้ำทิ้งไว้ข้างตัวแล้วใช้เล็บแคะแป้งจนหลุดเป็นก้อนเล็กๆก่อนจะนำมาเทใส่มือถูวนกันอีกครั้งยกขึ้นปะแบบแป้งฝุ่น


“อันนี้ทาแก้มใช่ไหม” อี้ฟานหยิบเอาถาดถาดยาวๆขึ้นมาเปิดออกและเห็นว่าข้างในมีหลุมสีหลายสีทั้งสีน้ำตาลสีเขียวสีทองสีฟ้าสีน้ำเงิน มันคล้ายๆกับแป้งทาหน้าเลยเพียงแต่มีสีสันมากกว่าจะเป็นสีพื้นๆ


“ใช่ๆ ทาตาก็ได้” อู๋ฟ่านตอบกลับน้องชายอย่างไม่คิด เขารู้จักเครื่องสำอางค์ดีอันนี้เรียกอายแชโดวทาตาก็ได้ ทาแก้มก็ได้ แต่ทาปากไม่ได้ ทาปากต้องใช้ลิปเท่านั้น


“เค้าชอบสีเขียว” อี้ฟานเชื่อพี่ชายอย่างสนิทใจ เขาจัดการใช้ปลายนิ้วจิ้มลงไปในหลุมสีเขียวๆเทาๆแล้วถูจนติดสีก่อนจะหรี่ตายกนิ้วขึ้นทาบริเวณใต้คิ้วเลียนแบบเวลาคุณแม่ใช้เครื่องสำอางค์แต่เสียงหัวเราะของอู๋ฟ่านที่ดังขึ้นก็ทำให้เขาต้องขำตามไปด้วยจนนิ้วเกือบแทงตา


“คิกๆๆ ” อู๋ฟ่านหัวเราะขำเมื่อเห็นน้องชายลากสีทาตายาวเลยหางตาจนแทบจะไปถึงหู เขาหยิบเอาที่ปัดแก้มจุ่มสีแดงแจร๊ดในตลัดที่ถืออยู่ขึ้นมาปัดทั่วใบหน้าทั้งจมูกและคางก่อนจะเริ่มหยิบลิปสติก มาสคาร่า บลาๆๆๆ อุปกรณ์ต่างๆของคุณแม่ขึ้นมาโบกอย่างสนุกสนาน....





ขั้นตอนแรกของการเป็นลูกสาวต้องสวย....และแต่งหน้าเป็น...





“แต่ว่าถักผมไม่ได้ ผมสั้น” อี้ฟานวางถาดอายแชโดว์ลงแล้วเงยหน้ามองพี่ชาย ลูกสาวต้องถักผมเปียด้วยแต่ว่าผมของพวกเขามันสั้นเกินไปทำไม่ได้


“งั้นติดกิ๊บคุณแม่เอาก็ได้” อู๋ฟ่านตอบอย่างชาญฉลาด พร้อมกับรื้อกิ๊บติดผมที่มีลูกสตอเบอร์รี่ติดอยู่มาติดเสยหน้าม้า เขาเลื่อนกระเป๋าไปให้น้องชายค้นต่อก่อนจะหยิบชุดชั้นในคุณแม่ในตะกร้ามาดอมดม


“ชั้นในคุณแม่ห๊อมหอม” อู๋ฟ่านดมฟุดฟิดที่เสื้อชั้นในสีดำตัวใหญ่ กลิ่นมันหอมๆเหมือนกลิ่นคุณแม่ผสมกับน้ำหอมและครีม พอได้กลิ่นแล้วมันก็อดไม่ได้ต้องเอาหน้าลงคลุกกับชั้นใน รู้สึกอยากดูดนมอีก เวลาใกล้จะนอนแล้วได้กินนมคุณแม่นี่มันเพลินจริงๆถึงจะไม่มีน้ำนมออกมาแล้วก็ตาม


“เนอะ” อี้ฟานก็เป็นไปตามพี่ชาย เขาหยิบเสื้อในคุณแม่ขึ้นดอมดมก่อนถอดเสื้ออกแล้วพยายามใส่ชั้นในให้ตัวเอง...ก็เป็นผู้หญิงต้องใส่ชั้นใน แล้วก็แต่งตัวสวยๆเหมือนคุณแม่ใช่ไหม....


“ไปเอากระโปรงคุณแม่มาใส่กันเถอะ...”







*

*

*





 


14:50



เสียงรถเข้ามาจอดในบ้านทำให้อี้ชิงต้องหันหลังไปมองที่หน้าประตู เขาเห็นรถคริสเข้ามาจอดค้างไว้ที่กลางสนามหญ้าก่อนจะดับเครื่องแล้วเดินลงจากรถมาด้วยมาดราวกับนายแบบ เขาหันหน้าเข้าจอโทรทัศน์อีกครั้งก่อนจะกดปิดเมื่อไม่มีรายการอะไรดูต่อ ตั้งแต่ตอนเที่ยงป่านนี้พ่อสองเสือของเขาก็ยังเงียบสนิทไม่มีเดินลงมาหาขนมนมเนยกินเหมือนทุกครั้ง ไม่รู้ว่าป่านนี้ทำอะไรอยู่กันแน่



แกร๊ก


 
เสียงเปิดประตูเข้ามาในบ้านพร้อมกับเสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี อี้ชิงหันไปยิ้มต้อนรับสามีกลับบ้านและสังเกตุเห็นว่า คริสหอบหิ้วถุงอะไรมาเต็มสองมือ คนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้เขาแล้วอ้อมโซฟามานั่งข้างๆก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาจูบพร้อมกับเอ่ยปากถามหาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก่อน


“ลูกไปไหนคะ” คริสจุ๊บลงที่ริมฝีปากภรรยาหนึ่งทีเป็นการจูบรับกลับบ้านก่อนจะละใบหน้าออก ตั้งแต่เข้ามาในบ้านเขายังไม่ได้ยินเสียงสองอู๋เลยทั้งๆที่ปกติจะวิ่งไปรับคุณพ่อแท้ๆหรือว่าจะกำลังโกรธกับคุณแม่อยู่อีก


“อยู่บนห้อง ไม่รู้ทำอะไรหายไปตั้งแต่เที่ยง เงียบไปเลย” อี้ชิงตอบสามพร้อมกับเหลือบตามองบันได จะบอกว่าทำการบ้านก็นานเกินไปหรือกำลังเล่นอะไรกันก็ไม่เห็นได้ยินเสียงเลย ปกติจะต่อสู้กันจงดังตึงตังแท้ๆแต่วันนี้กลับเงียบจนผิดปกติ


“น้องอู๋! น้องฟ่าน! คุณพ่อกลับบ้านมาแล้วซื้อขนมมาเต็มเลย~! ลงมารับคุณพ่อหน่อยเร็ว~!” อี้ชิงเอ่ยปากเรียกลูกชายเสียงดังก่อนจะเงียบแล้วเงียหูฟัง ถ้าบอกว่ามีขนมแบบนี้ยังไงพ่อสองตัวต้องลงมาแน่ แล้วก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆเสียด้วยด้วย เมื่อเขาได้ยินเสียงปิดประตูดังปังพร้อมกับเสียงดังตึงๆๆทำเอาคุณพ่อถึงกับหลุดยิ้มกับแผนเอาขนมล่อเสือออกจากโพรง...





ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง ตึง



 











 

“คุณแม่!!!!!! ลูกสาวมาแล้ว!!!!!





เสียงตะโกนดังขึ้นเมื่อลูกชายสองคนวิ่งลงมาจากบันไดพร้อมกับเสียงเรียก ในแว้บแรกที่มองเห็นคุณลูกนั้นอี้ชิงถึงกับต้องถลึงตาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ลูกชายสุดหล่อของเขาวิ่งเข้ามาให้ในสภาพเนื้อตัวเละเทะหน้าขาววอกเป็นรอยอะไรบ้างก็ไม่รู้




นี่อย่าบอกนะ......





เครื่องสำอางค์กู!!!!!!!

 






“อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!” อี้ชิงร้องลั่นพร้อมกับทำหน้าเสียทันทีที่มองเห็นหน้าลูกชัดๆ อีลูกอู๋ฟ่านใส่เสื้อในเขากับกระโปรงตัวสั้นวิ่งเข้ามาหาในขณะที่อี้ฟานก็แต่งตัวพอกันแถมยังเขียนหน้าเขียนตาเป็นลิงเป็นค่าง นี่คงไปแอบรื้อเครื่องสำอางค์เขามาเล่นใช่ไหมถึงได้เละเทะขนาดนี้!!!


“คุณแม่ขา~~!!!


“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!” คริสถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นเมื่อลูกชายทั้งสองกระโดดขึ้นมานั่งบนโซฟาใกล้ๆเขา ไม่ต้องเล่าอะไรก็รู้เลยว่าลูกชายสองคนคิดอะไรเพราะเขาเองก็คิดเหมือนกัน...ช่วงนี้อี้ชิงบ่นอยากมีลูกสาวบ่อยๆจนลูกชายเคือง นี่ก็คงจะพยายามเป็นลูกสาวให้คุณแม่กันอยู่สินะ




กะเทยเต็มบ้านเลยทีนี้....

 



“หนูทำอะไรกัน!! ไปเอาเครื่องสำอางค์ขุ่นแม่มาเล่นใช่ไหม!!!” อี้ชิงจับไหล่เล็กๆของลูกชายให้หยุดนิ่งแล้วมองดูหน้าขาวๆที่ถูกวาดตาวาด
ปากซะตลกเป็นคณะละครงิ้ว นี่มัน
Naked3 กับรองพื้น Chanel และลิปM.A.Cของขุ่นแม่ T_T แล้วดูพ่อคุณทาตาเข้าสิ อายไลน์เนอร์ยาวไปถึงหู





กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!! ลูกสาวบ้าอัลไล!! อิพวกก๊อตซิล่าทำลายล้าง!!!! TTwTT





“คุณแม่ถักเปียให้หน่อยค่ะ~” อู๋ฟ่านยกมือขึ้นจับแขนคุณแม่แล้วเขย่าอย่างรบเร้าโดยที่ไม่สนใจเสียงหัวเราะของคุณพ่อที่ยังดังไม่หยุดดลย


“โอ้ย~ ตายแล้ว~ เครื่องสำอางค์คุณแม่พังหมดแล้วมั้งเนี่ย~ อี้ชิงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ก่อนจะทิ้งตัวหงายหลังล้มตึงไปกับโซฟาทำแกล้งตาย นี่ลูกชายเขาทำอะไรกัน? อิจฉาลูกสาวในจินตนาการหรือเชื้อแม่มันแรงเลยนึกอยากจะเป็นกะเทยขึ้นมาซะอย่างนั้น แล้วนี่มาพูดคะขาก็ยิ่งตุ๊ดเข้าไปอีก




โอ้ยยยยยยยยย~ กะเทยเวียนเศียร~!!!




“น้องอู๋เป็นลูกสาวของคุณแม่~ อู๋ฟ่านพูดขึ้นพร้อมกับคลานขึ้นไปนั่งบนท้องคุณแม่ เขายอมเป็นทุกอย่างบนโลกใบนี้ถ้าจะทำให้คุณแม่รัก


“น้องฟ่านด้วยค่ะ~
ราวกับถูกหลอกหลอนด้วยคำพูดและเสียงหัวเราะ อี้ชิงลืมตามองหน้าลูกชายที่นั่งอยู่บนหน้าท้อง พอมองแล้วภาพลูกชายมันก็ซ้อนทับเข้ามาในหัวแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะขำหรือร้องไห้ดี เอาเครื่องสำอางค์มาเล่น ไปรื้อเสื้อในเขามาใส่แถมยังมัดกันซะเสียทรงอีก...คราวนี้จะโกรธจริงๆแล้วนะ!


“ไม่ต้องมาทำเป็นตุ๊ดเลย เอาของคุณแม่มาเล่น คราวนี้โกรธ” อี้ชิงตีหน้าบึ้งใส่ลูกชายที่ปัดแก้มแดงๆเขียวๆเป็นลิงก่อนจะหันหน้าหนีไม่ยอมมองหน้า คราวนี้เขาจะงอนไปยาวๆไม่ทำข้าวเย็นให้กินซะเลย


“เอ้า ก็เป็นลูกสาวต้องแต่งหน้า” อี้ฟานพูดขึ้นขมวดคิ้วหน้าย่น เขาอุตส่าห์อยากเป็ลูกสาวให้คุณแม่เล่นแต่งตัวถักผมเปียทำไมถึงไม่ชอบหละ


“ไม่รู้หละ ลงไปเลย” อี้ชิงยันตัวขึ้นนั่งบนโซฟาก่อนจะยกเล็กๆของลูกชายคนโตไปวางไว้บนตักพ่อมันแล้วลุกขึ้นเดินหันหลังไปที่บันไดทันที อันดับแรกเขาต้องไปตรวจสอบความเสียหายของเครื่องสำอางค์ก่อน ถ้าลิปหักหรือแป้งฝุ่นกระจายแม้แต่นิดเดียวจะเอาบัตรพ่อมันไปรูดให้พรุนเลย นี่สามีตัวดีก็ยังนั่งขำนั่งหยอกกับลูกสาวทั้งสองคนทำอย่างกับเป็นเรื่องปกติเรื่องเพี้ยนๆนี่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยนัก

อี้ชิงเดินขึ้นบันไดตรงไปที่ห้องนอนใหญ่ทันที พอเปิดประตูออกแว้บแรกที่เห็นกองเครื่องสำอางค์ก็รู้ว่าไม่รอดแน่ เขาเดินเข้าไปหากระเป๋าสุดรักที่กระจัดกระจายพร้อมกับนั่งลงหยิบสิ่งของเหล่านั้นขึ้นมาดูอย่างอาลัยอาวร....ราวกับน้ำตาจะไหลพรากเมื่อเห็นว่าแป้งตลับของตัวเองถูกแคะจนเป็นรูแถมบีบียังถูกบีบใช้จนหมดหลอดไม่ต้องพูดถึงอายแชโดวเลย ผงแตกกระจายยกแผงเลอะเทอะเละเทะยิ่งกว่าระเบิดลงกระเป๋า



อ่า.... ของรักของแม่~ T_T



เสียงเดินขึ้นบันไดดังขึ้นตามมาติดๆพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักของลูกสาวทั้งสองคนที่น่าโดนจับถลกหนังย่างไฟให้มันสิ้นซาก ใครเขาสั่งเขาสอนให้รู้ดีขนาดนี้ นี่ยังดีที่อย่างน้อยลิปสติกแท่งโปรดของเขายังอยู่ดี จำได้ว่าตอนนั้นเขาต้องลากอีฝรั่งไปยืนรอซื้อตั้งแต่ห้างยังไม่เปิดแข่งกับเหล่าชะนีแวนคูเวอร์เพื่อชิงลิปนี่ อ่า.....




“ไม่คิดจะต้อนรับลูกสาวหรอคะ” เสียงเปิดประตูพร้อมสามีตัวดีและลูกๆที่ตามเข้ามาตอกย้ำทำให้อี้ชิงต้องขวับไปมองค้อนตาเขียว



มึงไม่ต้องชดใช้!!!



“ไม่ต้องมาพูดเลย! เล่นอะไรกันก็ไม่รู้เนี่ย!” อี้ชิงทำหน้าบึ้งตวัดตามองลูกชายทั้งสองคนด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขาเห็นลูกชายที่หัวเราะเมื่อครู่ตีหน้าจ๋อยสนิทก่อนจะเดินไปหลบอยู่หลังพ่อทำให่คริสต้องเดินมาออกหน้ารับแทน


“แล้วจะดุลูกทำไมคะ เดี๋ยวคริสซื้อให้ใหม่” คริสพยายามกลั้นขำเมื่อเห็นสีหน้าภรรยา นี่ถ้าแม่คุณรู้ว่าลูกเอาลิปสติกแท่งโปรดไปวาดช้าง
น้อยที่หรรมมีหวังบ้านแตกมากกว่านี้


“คริสก็พูดแบบนี้ตลอดแหละ” อี้ชิงสบัดหน้าหนีสามีก่อนจะเก็บรวบรวมเครื่องสำอางค์ลงกระเป๋าเพราะบางอันก็ยังใช้ได้อยู่ในบางสี คริสก็เอาแต่พูดว่าลูกเป็นเด็กๆทั้งปีไม่ว่าจะทำอะไรแถมยังคอยยกหางแบบนี้เขาก็แทบจะเข้าไปต่อว่าไม่ได้เลย


“งั้นเดี๋ยวพาไปช้อปเย็นนี้เลยป่ะ” คริสนั่งลงกับพื้นมองเศษแป้งอัดแข็งที่แตกเกลื่อน จะทำไงได้ก็ลูกชายเขาหวังดีอยากเป็นลูกสาวให้แม่เล่นด้วยเพราะคิดว่าแม่คงเหงาที่เป็นผู้หญิงคนเดียวในบ้าน ไม่เห็นมีอะไรน่าดุสักนิด


“ไม่ต้องมาพูดเลย ไปล้างหน้าล้างตาเลยเรา เดี๋ยวจะโดนหวด” อี้ชิงหันไปค้อนใส่สามีก่อนจะไปตวัดตาไปมองลูกชายที่ยืนหน้าหดอยู่ในประโยคหลัง


“โถ่~” อี้ฟานทำหน้ายู่เหมือนที่ชอบทำเวลาต้องการเรียกร้องความสนใจ ก่อนจะเดินเข้าไปกอดคอคุณแม่จากด้านหลังแล้วโยกตัวเหมือนเล่นขี่ม้า...ก็เป็นเด็กผู้ชายจะให้เป็นผู้หญิงได้ยังไง ถึงทำยังไงก็ไม่เหมือนอยู่ดีถ้าคุณแม่มีลูกสาวจะโดนทิ้งใช่ไหมแบบนี้


“ทำผิดซ้ำซากแบบนี้ไงถึงได้เรียกว่าดื้อ”


“โถ่ ถ้าอยาคุณแม่อยากมีลูกสาวก็มีไปเลยป่ะ ไม่ต้องรักกะได้” อู๋ฟ่านทำปากยู่แล้วก็หันหลังเดินคอตกออกไปนอกห้องทันที ทำเอาสถานการณ์ที่เหมือนจะเป็นเรื่องตลกร้ายเมื่อครู่อึดอัดขึ้นมาจนบอกไม่ถูก



อู๋ฟ่านเดินหน้าบึ้งออกมาจากห้องโดยที่ไม่คิดจะฟังเสียงเรียกของคุณพ่อ ถ้าอยากจะมีลูกสาวก็มีไปเลยเขาดูแลตัวเองได้ ไปอยู่กับคุณปู่ก็ได้ถ้าเป็นลูกชายแล้วทำอะไรก็ไม่ดี ไอ้นั้นก็โดนว่า ไอ้นี้ก็หาว่าดื้อ ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงโดนตามใจมากกว่านี้ พออยากช่วยงานก็ยังหาว่าป่วน ทำอะไรก็ไม่ดีแบบนี้ไปอยู่กับคุณปู่ก็ได้ ให้คุณแม่อยู่กับลูกสาวในจินตนาการไปเลย



“น้องอู๋!


เสียงเรียกที่ดังออกมาจากห้องไม่ทำให้เขาสนใจ อู๋ฟ่านเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเองและน้องชายก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเอากระเป๋าเป้ใบใหญ่ออกมา เปิดลิ้นชักกวาดชั้นในใส่กระเป๋าเป็นอันดันแรก ไม่อยากจะรักจะอยู่ร่วมบ้านกับคนที่ไม่เห็นความสำคัญของเขา ทำอะไรก็ดูเป็นตัวตลกและเป็นตัวปัญหาไปทุกที


ลูกคนโตก็หมาหัวเน่าแบบนี้แหละ!!


ยิ่งนึกก็ยิ่งรู้สึกเสียใจ เด็กชายลุกยืนขึ้นปลดเสื้อผ้าจากราวแขวนเตรียมตัวย้ายออกจากบ้านที่ไม่ต้องการลูกชาย...เสียงเปิดประตูไม่ทำให้เขาใส่ใจ หางตาก็เห็นแว้บๆแล้วว่าอี้ฟานน้องชายเดินเข้ามาในห้อง ไม่ต้องมาคิดจะยื้อเขาหรอก ไหนๆก็ไหนๆชวนไปด้วยกันซะเลย


“อู๋ทำอะราย~” อี้ฟานเดินเข้าไปหาที่ชายที่ก้มหน้าก้มตาเก็บเสื้อผ้าราวกับจะย้ายออกไปไหน เมื่อกี้เหมือนคุณแม่กับคุณพ่อจะกัดกันเรื่องอะไรด้วยแล้วก็บอกให้เขาออกไปข้างนอก นี่อู๋ฟ่านก็ยังมาทำตัวแปลกๆอีก วันนี้ที่บ้านเขาเป็นอะไรกันไปหมดก็ไม่รู้


“เค้าจะออกไปจากบ้าน ไม่อยากอยู่กับคุณแม่ ปล่อยให้คุณแม่อยู่กับลูกสาวกับคุณพ่อไปเลย”


“แล้วอู๋จะไปอยู่ไหน~


“เค้าจะไปบ้านคุณปู่” อู๋ฟ่านตอบอย่างเด็ดขาด เชิญคุณแม่อยู่กับลูกสาวไปเถอะเขาไม่อยู่ก็ได้ อุตส่าห์รักอุตส่าห์เอาใจขนาดนี้ยังไม่เห็นคุณค่าก็อยู่ด้วยกันไม่ได้


“แต่วันนี้คุถณพ่อบอกว่าจะพาไปเที่ยวด้วยนะ”


“เค้าไม่ไป”

อี้ฟานได้แต่มองพี่ชายที่ดื้อด้านยิ่งกว่าอะไรบนโลกเก็บของต่อไปเงียบๆโดยที่ไม่รู้จะห้ามยังไง ถ้าอู๋ฟ่านไปยังไงเขาก็ต้องไปด้วยอยู่ดี ถ้าให้อยู่คนเดียวใครจะไปอยู่คงเหงาตาย...พอนึกได้ดังนั้นเขาจึงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อที่จะเก็บของบ้างถึงจะไม่อยากจากคุณแม่ไปก็เถอะแต่อยู่นี่แล้วมันไม่เพื่อนก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำอะไร



แอ๊ด


 
เสียงเปิดประตูทำให้เด็กชายทั้งสองคนต้องหันไปมองผู้มาใหม่ แต่พออู๋ฟ่านเห็นว่าเป็นใครก็รีบสบัดหน้าหนีทันทีเพราะไม่อยากจะมองหน้าคุณแม่คลั่งลูกสาว ไม่รู้จะมาว่าอะไรอีกแต่เขาไม่ฟังหรอกคนไม่มีเหตุผล


“นี่เก็บข้าวของจะไปไหนกัน” อี้ชิงเลิกคิ้วมองลูกชายสองคนที่เอากระเป๋าใส่เสื้อผ้าออกมาเล่นแถมยังเก็บของใส่กระเป๋าอีก นี่อย่าบอกว่าพ่อคุณคิดการใหญ่ขนาดจะหนีออกจาบ้านกันเลยเพราะแค่น้อยใจกันอีเรื่องลูกสาว


“อู๋ฟ่านจะไปบ้านคุณปู่ครับ” อี้ฟานเอ่ยตอบแทนพี่ชายที่นิ่งเงียบไม่ยอมตอบ เขาเห็นคุณแม่เดินเข้ามานั่งบนเตียงด้วยสีหน้าที่เป็นปกติไม่ได้ตกใจหรือมีอาการแปลกใจแต่อย่างใด


“แล้วเราก็จะไปกับพี่เค้าด้วย” อี้ชิงดึงลูกชายตัวเล็กที่เดินเข้ามาหาขึ้นมานั่งบนตัก ทีวันก่อนบอกว่าไม่อยากให้เขาหนีไปบ้านคุณปู่อยู่เลยแล้วทีนี้ตัวเองมาทำเป็นจะหนีออกจากบ้าน ใครเชื่อก็ไม่ใช่คนแล้ว


“ครับ”


“ไม่ต้องไปหรอกอยู่กับคุณแม่นี่แหละ ปล่อยพี่เค้าไปอยู่กับคุณตา ไม่ได้นอนกอดกับคุณแม่” อี้ชิงแกล้งพูดหยอกลูกชายที่ยังหันหลังก้มหน้าก้มตาเก็บของลงกระเป๋าต่อไป เขาเห็นลูกถอดเสื้อในออกก่อนจะหยิบเอาเสื้อยืดลายอุลตร้าแมนสดใสมาใส่แล้วรูดซิปสะพายเป้ขึ้นหลังทันทีไม่มีทีท่าว่าจะสนใจคำพูดเลยสักนิด


อู๋ฟ่านได้แต่คิดในใจอย่างไม่เข้าใจว่าเขายังไม่หายเคืองเรื่องลูกสาวทำไมคุณแม่ยังมาทำโอ๋อี้ฟานให้เห็นอีก แต่ว่าลูกผู้ชายชาติทหารไม่สนหรอกไม่สนหรอก ไม่รักก็ไม่ต้องรักไม่อยากเป็นส่วนเกิน
เขาเดินออกจากห้องเตรียมตัวไปล้างหน้าล้างตาโดยที่ไม่สนใจคุณพ่อที่เดินสวนกันมาทางประตู ยังไงถ้าบอกให้พ่อไปส่งพ่อต้องเชื่อเขาแน่ ...



“ลูกจะไปไหน?” คริสเดินทำหน้าเหรอหราเข้าไปหาศรีภรรยาและลูกชายคนเล็กที่นั่งกอดกันอยู่บนเตียง นี่คงมาพูดอะไรให้ลูกชายคนโตของเขาคิดมากอีกแล้วสิเนี่ย


“จะหนีออกจากบ้าน... บอกจะไปบ้านพ่อ” อี้ชิงตอบคำถามสามีพร้อมกับอมยิ้มออกมานิดๆ ถ้าอู๋ฟ่านอยากจะไปจริงๆก็คงไปไม่นานหรอกเดี๋ยวก็ร้องกลับบ้านให้เจี้ยเหิงบึ่งรถกลับมาส่ง


“หรอ งั้นคริสจะไปส่งนะ” คริสแกล้งพูดสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่ตื่นเต้นอะไรก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องเตรียมขับรถไปส่งลูกชายที่บ้านพ่อโดยที่ไม่สนใจกระแสจิตอ่อนๆที่ถูกส่งโดยภรรยา เขาแค่คิดว่าคราวนี้อี้ชิงน่าจะโดนแกล้งซะบ้าง

คริสไม่ได้เข้าข้างลูกชายแต่นึกสงสารที่อู๋ฟ่านพยายามทำทุกอย่างเอาใจคุณแม่แต่เพราะนิสัยที่เป็นเด็กผู้ชายเลยกลายเป็นว่าซนจนสร้างปัญหาไปซะได้ ไม่เห็นจะดื้อตรงไหน


เขาเดินลงบันไดมาข้างล่างก่อนจะเดินเข้าครัวไปเปิดตู้เย็นหยิบโค้กมาแกะกระป๋องดื่ม อู๋ฟ่านกำลังล้างหน้าล้างตาอยู่ที่ซิ้งล้างจานเพียงไม่นานก็ปิดก๊อกน้ำยกเสื้อขึ้นเช็ดหน้าแล้วเดินมาที่ตู้เย็น


“คุณพ่อครับขอกินหน่อย” แขนเล็กๆชูขึ้นขอกระป๋องโค้กจากพ่อ คริสยิ้มออกมานิดๆแล้วส่งโค้กให้ลูกชายก่อนจะย่อตัวเจ้าตัวเล็กขึ้นเอวแล้วพาเดินออกไปนอกห้องครัวเตรียมไปบ้านคุณตา เขาได้ยินเสียงอี้ชิงปิดประตูจากชั้นสองตามด้วยเสียงพูดคุยแต่คริสไม่ได้สนใจเขาพาลูกชายเดินผ่านห้องโถงเดินออกไปนอกบ้านอย่างไม่แยแส


“เดี๋ยวคุณพ่อไปส่งที่บ้านคุณปู่”


“ครับ”

คริสอุ้มลูกชายไปเปิดประตูบ้านแล้วออกไปทันที เขาเองก็อยาจะรู้ว่าระหว่างคุณแม่และคุณลูกใครจะร้องไห้งอแงก่อนกัน แต่ที่แน่ๆคือคนที่อยู่ที่บ้านเตรียมรองรับระเบิดอารมณ์จากคุณแม่ได้เลยเพราะอี้ชิงต้องหงุดหงิดแน่ ส่วนอู๋ฟ่านเขาก็ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่เพราะวันนี้เซฮุนอยู่บ้านไม่ได้ไปติดเมียที่ไหนก็จะได้เล่นกันได้


“คุณพ่อครับ ไปด้วย~” ไม่ทันที่จะได้เดินไปถึงรถเสียงเรียกของลูกชายคนเล็กก็ดังตามมาติดๆ นึกเอาไว้ไม่มีผิดว่าอี้ฟานต้องขอตามไปด้วยแน่ คราวนี้ก็คงเหลือแค่เขาที่ต้องรองรับอารมณ์เมียที่ถูกพรากลูกน้อยไปจากอกแถมสามียังเป็นคนพาไปเองแบบนี้กลับมาคงโดนทุบด้วยกระทะจนหน้าหักแน่


“หื้อ จะไปด้วยหรอครับ?”


“ครับ อยากไปหาชินจัง~” อี้ฟานกำลังพูดถึงสุนัขตัวใหญ่ที่ถูกส่งไปอยู่บ้านคุณปู่เมื่อเดือนก่อน คราวนี้เขาจะพามันกลับบ้านด้วยเพราะไม่ได้เจอกันนานแล้ว แล้วก็คิดถึงมันมาก


“งั้นไปก็ไป” ครสวางลูกชายคนโตให้วิ่งกลับไปใส่รองเท้าก่อนะจะล้วงกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงมากดปลดล๊อค พลันสายตาเหลือบไปเห็นสีหน้าภรรยาอยู่ๆก็รู้สึกเย็นวาบจนอยากจะหนีไปด้วยอีกคน ก็เล่นไปคว้าไข่งูจงอางออกมาถึงสองใบแบบนี้ไม่หนาวก็ให้มันรู้กันไป


“ป่ะ ไปใส่รองเท้า” คริสเลือกที่จะทำไม่รู้ไม่ชี้เดินตรไปที่รถแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งฝั่งคนขับทันที เพียงไม่นานลูกชายตัวเล็กที่เพิ่งใส่รองเท้าเสร็จก็วิ่งจู๊ดเข้ามาใกล้รถแล้วเปิดประตูขึ้นมานั่งบริเวณด้านหลังผู้โดยสารทันที ไม่มีใครสนใจคุณแม่ที่ส่งกระแสจิตมาจนแทบจะยกรถทั้งคันเหินขึ้นไปบนฟ้าได้แล้ว...




แต่ก็สมครแล้วหละ...ปล่อยให้อยู่กับลูกสาวในจินตนาการไปจนกว่าจะสำนึกก็คงดี....









 








 

แกร๊ก


เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าหลังจากที่คริสไปส่งลูกชายที่บ้านพ่อเสร็จแล้วก็อยู่เล่นกันจนดึกเขาก็รีบขับรถกลับมาบ้านเพื่อมาต่อสู้กับภรรยาต่อทันที เสียงโทรทัศน์ยังคงดังไม่อยู่ที่ห้องโถงเขาเห็นอี้ชิงนั่งเปลี่ยนช่องไปมาแล้วก็ไปค้างอยู่ที่ช่องข่าว คริสเดินก้าวเข้าไปใกล้โซฟาช้าๆก่อนจะเดินอ้อมเนียนๆไปนั่งข้างภรรยาแต่เพียงแค่เข้าใกล้เขาก็รู้สึกได้รังสีอัมหิตมันรุนแรงจนแทบจะฆ่าเขาให้ตายอย่างช้าๆ


“ที่รักคะ”


“อะไร!” อี้ชิงตวัดหางตามองอีผัวตัวที่สุมหัวกับลูกพากันหนีออกไปจากบ้าน แล้วนี่ยังมีหน้ามาที่รงที่รัก ยังไงถ้าคืนนี้เขาไม่ได้นอนกับลูกอีฝรั่งก็อย่าหวังจะได้เข้าใกล้แม้แต่ปลายเส้นขน


“เป็นไรคะ...ลูกสบายดีไม่ได้เป็นไรหรอกไม่ต้องห่วง” คริสแกล้งพูดทำเหมือนไม่รู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ภรรยาเคืองขนาดไม่มองหน้ากันขนาดนี้ แต่เขาไม่อยากขุดคุ้ยเอาเรื่องที่เป็นชนวนขึ้นมาพูดเท่านั้นเอง


“เหอะ”


“ชินจังมันโตแล้วนะ นี่...” คริสหยิบเอาโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่ถ่ายรูปลูกชายขึ้นไปนอนบนหมาตัวยักษ์อย่างสบายใจส่งให้ภรรยาดูเป็นการแกล้งก็ไม่เชิง แต่อี้ชิงทำเพียงแค่เหลือบตามองแว้บเดียวก็สบัดหน้าหนีลุกขึ้นยืนเดินกระแทกส้นผ่านเท้าผ่านหน้าเขาไปทันที คริสเองก็ไม่รู้ว่าจะขำหรือสงสารคุณแม่ยังสาวที่โดนพรากลูกไปดี ถ้าคืนนี้เขาหนีไปนอนที่อื่นมีหังทะเลาะกันถึงเช้า....

คริสลุกยืนขึ้นบิดขี้เกียจไปมาแกะกระดุมข้อมือเตรียมตัวไปอาบน้ำนอน อย่างน้อยคืนนี้ถึงไม่มีเจ้าสองอู๋อี้ชิงก็ยังมีเขาหละ แถมตอนเช้าวันอาทิตย์เจ้าตัวก็ชอบบ่นว่าวุ่นวายบ้าง ป่วนบ้าง ดูสิคราวนี้ลูกไม่อยู่จะหน้าชื่นตาบานขึ้นไหม....





*

*

*






หลังจากที่อาบน้ำจัดการตัวเองเสร็จคริสก็ปิดไฟห้องโถงเดินขึ้นบันไดเตรียมตัวไปนอน เขาค่อยๆย่องไปตามทางเดินเปิดประตูห้องนอนด้วยความเบามือเพื่อที่ภรรยาจะได้ไม่ตื่นขึ้นมา บานประตูถูกงับจนห้องมืดสนิท คริสเดินไปที่เตียงแล้วขึ้นนอนสบัดผ้าห่มขึ้นคลุมร่าง ในขณะที่กำลังจะหลับตาเสียงสูดจมูกฟึดที่ดังมาจากร่างของภรรยาก็ทำให้เขาต้องเขยิบตัวไปดึงโคมไฟหัวนอนให้สว่างขึ้นแทน


“อี้ชิง... เป็นอะไรคะ” คริสขมวดคิ้วเขยิบตัวเข้าไปใกล้ภรรยาก่อนจะใช้มือจับประคองใบหน้าสวยให้เงยขึ้นสบตา อี้ชิงกำลังร้องไห้กระซิกๆน้ำตาไหลตาแดงเถือกแถมยังสะอื้นไม่หยุดอีต่างหาก


“ฮึก...อึก... เค้าคิดคิดถึงลูก” อี้ชิงทำปากเบะสะอึกสะอื้นยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้ใสสามีทำเอาคริสถึงกับอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูก เขาอุตส่าห์ทำใจแข็งกะว่าพรุ่งนี้วันอาทิตย์ตอนเช้าค่อยไปรับกลับแล้วอิผัวตัวดีก็ดันเอารูปลูกมาให้ดู พอเห็นแล้วมันก็อดคิดถึงไม่ได้แค่คิดว่าจะไม่ได้เจอกัน


“ก็ไปแค่อาทิตย์เดียวเอง” คริสทำหน้านิ่วก่อนจะรั้งตัวภรรยาเข้ามากอด สุดท้ายก็เป็นคุณแม่จริงๆด้วยที่ร้องไห้ก่อน เดาเอาไว้ไม่ผิดจริงๆ ป่านนี้เจ้าสองคนคงยังไม่นอนหรอกคงดูการ์ตูนเล่นกับคุณปู่กันอยู่


“ฮึก....ไปเอาลูกมา”




อาทิตย์เดียวพ่อมึงสิ.....



“ดึกป่านนี้เนี่ยนะ?”


“ก็ใครบอกให้เอาไปเล่า!” อี้ชิงเงยหน้าที่นองน้ำตาขึ้นมองสามี ยกมือขึ้นหยิกหนังหน้าท้องด้วยความหมั่นไส้ ถ้าคริสไม่เป็นคนออกปากว่าจะพาไปหมาที่ไหนมันจะมาคาบลูกออกไปจากรัง


“โอ้ย ก็เห็นที่รักบ่นเหนื่อย ก็อยากให้พักบ้าง” คริสพยายามกลั้นขำแล้วพูดเหน็บภรรยา ช่วงนี้อี้ชิงชอบแกล้งลูกด้วยการบ่นว่าดื้อบ้างหละ จะไม่รักบ้างหละ จะรักลูกสาวมากกว่าบ้างหละ...แต่เอาเข้าจริงๆพอลูกชายหายไปยังไม่ทันข้ามคืนตัวเองก็ร้องให้โยเยจะทวงลูกขึ้นซะแล้ว ไม่รู้ว่าควรขำหรอสมน้ำหน้าดี...


“ใครพูด!” อี้ชิงค้อนตาใส่สามีที่ทำหน้าตากวนประสาทมองอยู่ ที่พูดไปเขาก็แค่แกล้งพูดเล่นเท่านั้นไม่ได้คิดจะทำจริงๆสักหน่อยใครจะไปรู้ว่าพ่อคุณคิดมากขนาดงอนจนหนีไปนอนบ้านคุณปู๋ แถมคุณพ่อตัวดีก็ยังรู้เห็นด้วยไปหมด


“เอ้า!


“ไปเอาลูกกลับมาเลย คริสอ่ะ” อี้ชิงทำหน้างอพลิกตัวหนีแกะแขนปลาหมึกที่เกาะเกี่ยวอยู่ที่เอวออก ถ้าพรุ่งนี้เขาตื่นมาไม่เห็นสองเสือคงเบื่อตาย เบื่อขี้หน้าผัวขี้แกล้ง เบื่อบ้าน เบื่อชีวิตตัวเอง เผลออาจจะออกไปหาผัวใหม่ก็เป็นได้


“โอเคค่ะ เดี๋ยวจะไปเอากลับมาเดี๋ยวนี้” คริสปรือตายันตัวนั่งบนเตียงด้วยความง่วงงุน นี่สี่ทุ่มครึ่งจะห้าทุ่มแล้ว กว่าจะขับรถข้ามเมืองไปถึงบ้านปู่ลูกคงหลับพอดีแล้วก็หอบหิ้วกันกับมาหาคุณแม่ นี่มันวันอะไรแห่งชาติ...ทำไมแม่ลูกเขาถึงได้ง้องอนเป็นเด็กกันแบบนี้

คริสลุกขึ้นยืนเดินโงนเงนไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อหาเสื้อใส่ สุดท้ายถ้าแม่ลูกเขาคืนดีกันคนที่ซวยที่สุดคงไม่พ้นคริสเองที่อาจจะโดนลงโทษฐานทำการพรากลูกผ้าแม่ออกจากกัน...นึกแล้วก็ได้แต่คิดในใจทำไมเขาไม่ตัวเล็กหน้ารักเหมืนลูกบ้างนะ ของชิ้นเล็กๆมักจะน่ารักกว่าของชิ้นใหญ่เสมอใช่ไหม... อิจฉาอี้ฟานกับอู๋ฟ่านชะมัด...






















7:36


เสียงเอะอะโวยวายในเวลาเช้าทำให้คริสต้องลืมตาตื่นอีกครั้ง...เขาพลิกตัวหนียกหมอนขึ้นปิดหูก่อนจะยกผ้าห่มคลุมทับอีกครั้ง จากที่คิดว่าจะได้นอนเงียบๆสักวันพอเมื่อคืนไปเอาลูกชายกับหมากลับบ้านเสียงเจี๊ยวจ๊าวก็ดังตั้งแต่เช้าตรู่เมื่อแม่ลูกเชาเริ่มตีกันอีกแล้ว... พออยู่ด้วยกันก็กัดกัน แต่พอแยกกันก็ร้องไห้คิดถึงกัน...
ตกลงแล้วเขาเป็นก๊อตซิล่ากับแม่นางฮีโตเลี่ยมที่เป็นคู่ปรับกันใช่ไหม....


ปัง!!


“คุณพ่อ!!! ตื่นได้แล้ว!!!” เสียงเปิดประตูดังลั่นกับเสียงแหกปากไม่ทำให้คริสนึกจะเปิดผ้าห่มออกแต่กลับแกล้งหลับเหมือนเดิม แล้วเพียงไม่นานแรงกระโดดทับก็ทำให้เขาจุกจนต้องเลิกผ้าห่มออกมาย่นคิ้วใส่ลูกชาย

“คุณ!! แม่!! ให้!! มา!! ปลุก!!!” ทันทีที่คริสเปิดผ้าห่มออก สองลูกชายก็ตะโกนใส่หน้าเขาทีละคำอย่างพร้อมเพรียงจนน้ำลายแตกฝอย วันนี้วันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดงานของทุกคนแล้วนี่จะรีบมาปลุกเขาไปทำอะไร

“อือ.....”

“คุณแม่บอกว่าต้องปลุกให้ได้”

“อืออ.....”

“ถ้าอยากเป็นเด็กดีต้องปลุกคุณพ่อ...”

“อืออออ......”


ไม่รู้ว่ามันวันบ้าอะไรของคริส...แม่ลูกทะเลาะกันแล้วมันมาเดือดร้อนอะไรกับเขาด้วยถึงได้พลอยต้องซวยโดนเอาเข้าไปเอี่ยวกิจกรรม How I Can Be Daughter ด้วย...




“เร็วๆๆๆๆๆๆๆๆ”



“โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!! ตื่นแล้วววววววววววววววววววววววววววว!!!








กูไม่อยากมีลูกสาวโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!









































TALK



เย้~ ฮ่าาาาาา ลูกสาวมาแล้วนะคะ เป็นลูกสาวคนสวยซะด้วย สวยจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ(ขำรัว) หลังๆนี่รู้สึกว่าอู๋ฟ่านขี้งอนเหลือเกิน 55555555 หมาที่หายไปนานก็กลับมามีบทบาทแล้ว ไม่รู้จะสงสารใคร สรุปฟิคทหารเสือมันเป็นฟิคดราม่าจริงๆใช่ไหม ร้องไห้กันทุกตอน ฮ่าๆๆๆๆ อย่าลืมกดแอดแฟนพันธ์ คอมเม้น แชร์ และติดแท๊กซ์ #ฟิคทหารเสือ กันด้วยนะคะ :3







เอ็นจอยรีดดิ้ง :D

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น