“เฮ้อ...”
เสียงถอนหายใจของสามพ่อลูกดังยาวเหยียดด้วยความเหนื่อยอ่อนทั้งกายและใจ...สามเควินเดินไหล่ห่อหน้าจ๋อยไปนั่งบนโซฟากลางบ้านมองดูนาฬิกาฝาผนังเดินติ๊กต่อกไปเรื่อยๆอย่างที่ไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อดี ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้วข้าวเที่ยงพวกเขาก็ยังไม่ได้กินกันสักเม็ด
ต่างคนต่างนั่งเงียบไม่มีใครพูดอะไรแต่ทุกคนก็รู้ดีว่าเควินที่เหลือนั้นกำลังคิดอะไรกันอยู่ ยังไงก็คงไม่พ้นเรื่องคิดถึงคุณแม่แน่เพราะแค่ขนาดอี้ชิงหายไปวันเดียวก็ยังเกิดเรื่องจนวุ่นวายมากขนาดนี้ ข้าวก็หิว แถมต้องจ่ายค่าปรับ เป็นข่าวลงหนังสือ ทั้งยังเจ็บตัวอีก แล้วนี่ก็ดีแค่ไหนแล้วที่เจ้าหน้าที่ไม่สั่งคุมประพฤติ...
“หิวข้าวกันหรือยังครับ” คริสตัดสินใจพูดขึ้นขัดบรรยากาศน่าอึดอัดใจ เขาลุกยืนขึ้นหยิบถุงของที่ช้อปมาจากห้างยืนมองลูกๆที่พยักหน้าหงึกหงักแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะแต่ละคนก็คงเหนื่อยกับการต้องเดินทางไปมารวมถึงโดนซักคำถามด้วยแถมข้าวยังไม่ตกถึงท้องสักเมล็ด
“เดี๋ยวคุณพ่อจะทำออมเร็สูตรพิเศษให้กิน” คริสพูดเสียงดังหวังปลุกใจเสือป่าให้ฮึกเหิมยิ่งขึ้น เขาเดินตึงตังเข้าไปในครัวที่เคยเป็นพื้นที่ของภรรยา จัดการเททุกอย่างที่ช้อปมาลงบนโต๊ะก่อนจะหันไปเปิดเตาหยิบกระทะมาวางเพื่อวอร์มความร้อนทันที
ออมเร็ตมันก็แค่ไข่เจียวใส่นมแล้วห่อเป็นแผ่นๆ ของง่ายๆกระจอกๆแบบนี้ไม่คณามือนายแบบระดับโลกสักนิด คริสจัดการคว้าชามใบใหญ่มาวางตรงหน้าแล้วหยิบไข่จากชั้นมาตอกลงไปทีละใบด้วยความเร็วสูงโดยที่ไม่สนใจว่าเปลือกไข่มันจะกระจายลงไปผสมอยู่ด้วย ตอนนี้ลูกเขาหิวมาก เรื่องปากท้องและการอยู่รอดต้องมาก่อนรสชาติและรสสัมผัส นี่คือการปรับตัวอย่างแรกในวิชาลูกเสือ
คริสหยิบต้นหอมขึ้นมาหันซ้ายหันขวาเพื่อที่จะหามีดมาตัดแต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน และด้วยความที่ไม่อยากเสียเวลาเขาใช้มือเด็ดเป็นท่อนๆ
ลงไปก่อนจะหันไปหยิบน้ำมันทานตะวันเทใส่กระทะหยิบซ้อมมาตีไข่ปั้บๆๆๆด้วยความเร็วสูงแข่งกับน้ำมันที่เดือดแตกพล่านเปราะแประ
อยู่ในกระทะ แล้วจัดการหยิบพลิกไทยขวดมาเหยาะใส่เพราะขี้เกียจบดพลิกไทยเม็ด ใส่เกลือเยอะๆแถมแอบเหยาะซอสลงไปด้วยเพราะกลัวว่ามันจะจืดเกินไป จากนั้นก็วางชามไว้วิ่งไปเปิดตู้เย็นหยิบนมสดมาเทใส่แล้วก็ตีๆๆๆจนขึ้นฟอง
พอเห็นว่ากระทะเริ่มร้อนได้ที่จนควันขึ้นคริสก็รีบเทไข่ในชามลงไปแล้วหยิบตะหลิวที่เกี่ยวอยู่ที่ตะขอมาคนไข่ให้แตกจะได้ไม่เหมือนไข่
เจียว เขาหันไปมองลูกที่เพิ่งเดินเข้ามายืนดูด้วยความตั้งใจ คริสทิ้งกระทะไว้แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบสารพัดออกมาแกะทั้งแบบก้อนแบบขูดแบบแผ่นจากนั้นก็สับๆโรยๆลงไปโดยที่ไม่ขูดให้ละเอียดเพราะคิดว่าเดียวมันก็ละลายปนกัน
“คุณพ่อใส่ชีทด้วย” อู๋ฟ่านทำตาโตร้องออกมาเมื่อเห็นว่าพ่อของเขาใส่ชีทลงไปในปริมาณที่จุใจมาก แถมท่าทางก็ดูคล่องแคล่วกว่าที่คิดไว้เยอะแบบนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย
“รออีกแป้บนึง” คริสส่งยิ้มให้กับสอลูกเสือก่อนจะหันไปเร่งไฟกระทะให้แรงขึ้นอีกหน่อยเมื่อเห็นว่าไข่เริ่มสุกแล้ว เขาเอาตะหลิวลงไปเขี่ยพยายามจะม้วนให้มันเป็นก้อนเหมือนที่ภรรยาทำ คริสยกตะหลิวขึ้นเตรียมตลบไข่ให้ม้วนแต่พอยกขึ้นก็ปรากฏว่าไข่มันขาดเสียแล้ว
เนื้อไข่ที่ติดกระทะเริ่มมีน้ำตาลเข้ม คริสพยายามกลับไข่ให้ม้วนอีกครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จเขาเลยคิดว่าทำเป็นไข่เจียวไปเลยดีกว่า ทว่ากว่าจะรู้ตัวไข่ก็เริ่มสุกและไหม้แบบไม่เท่ากันแล้วคริสจึงตัดสินใจคนมันรวมกันไปเลยจะได้สุกเท่าๆกัน...นั่นหละ... ออมเร็ตสูตรคริส...
ชีสที่ใส่ไปจำนวนมากเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและไหม้จนส่งกลิ่น คนตัวสูงเริ่มทำอะไรไม่ถูก เขาหันซ้ายหันขวายกกระทะออกวางนอกเตาแล้วจึงหันไปปิดไฟด้วยความงุนงง...
ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรไปบ้างรู้แต่ว่ามันไวแล้วก็ตัดสินใจไม่ถูกราวกับกำลังเจอปัญหาบริษัทหุ้นตกจากนั้นก็ปิดเตาไฟไปเลย…
“เสร็จแล้วหรอครับ...” อี้ฟานเงยหน้ามองคุณพ่อตาปริบๆแบบอึ้งๆ ทำไมเขารู้สึกว่ามันไวๆแปลกๆแถมยังดูยุ่งๆอีกด้วย...เป็นออมเร็ตใส่ชีทฉบับฟาสต์ฟู้ดใช่ไหม...
“เอ่อ... เยส ไปเอาจานมาเลย” คริสยิ้มเก้อให้ลูกชาย เขาเหลือบตามองดูออมเร็ตสับสีน้ำตาลไหม้กับชีสที่ดำแล้วด้วยสีหน้าไม่สู้ดีก่อนจะวางกระทะลงบนเตาแล้วเดินไปหยิบจานสามใบมาวางไว้บนโต๊ะเตรียมพร้อมเสิร์ฟอาหารสูตรคุณพ่อที่หล่อที่สุดในโลก...
“เย้!” ลูกเสืออู๋ฟ่านร้องออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะวื่งขึ้นไปนั่งบนเกาอี้ประจำรอคุณพ่อเอาอาหารมาเสิร์ฟ พอต้องกินข้าวด้วยกัน
แค่3คนแบบนี้แล้วมันก็รู้สึกคิดถึงคุณแม่ขึ้นมาแปลกๆ... ถึงจะไม่มีเสียงบ่นจ้ำจี้จ้ำไชแต่ก็ไม่ดีเลยแบบนี้...
“ทนหน่อยนะ” คริสรู้ดีว่าอาหารของเขามันไม่น่าพิสมัยแน่ แต่ทำยังไงได้จะให้สั่งอาหารมากินตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วยังไงก็ต้องทนๆไปก่อน เขามีปัญญาทำแค่นี้จริงๆ คริสใช้ตะหลิวตักไข่เจียวคั่วสับกับชีสไหม้ๆใส่จานลูกชายและจานของตัวเองด้วยสีหน้าลำบากใจและดูเหมือนอู๋ฟ่านกับอี้ฟานเองก็คงจะไม่ชอบใจเช่นกัน
“นี่อะไรครับ” อี้ฟานที่3ย่นคิ้วเงยหน้าถามคุณพ่อเมื่อเห็นเมนูออมเร็ตที่ดูยังไงก็เหมือนข้าวหมาที่ถูกคั่วจนไหม้มากกว่า จากที่เขาจินตนาการไว้ว่าจะเจอออมเร็ตม้วนๆตักตรงกลางแล้วชีสทะลักแต่ไหงถึงเป็นแบบนี้ได้...
“นั่นแหละออมเร็ต”
“........................”
“ลองกินดูก่อนสิ พ่อว่ามันอร่อยนะ” คริสพูดขึ้นเมื่อเห็นลูกชายนั่งกริบไม่แม้แต่จะเดินไปหยิบช้อน คราวนี้เขาแอบเหยาะซอสไปด้วยแล้วก็ใส่เครื่องหนักมากกว่าที่ภรรยาเคยทำมันก็น่าจะอร่อยกว่าอยู่แล้ว
“ครับ” อู๋ฟ่านทำสีหน้าลำบากใจก่อนจะใช้มือหยิบออมเร็ตสูตรนายแบบเข้าปาก ทันทีที่ปลายลิ้นสัมผัสกับเนื้อไข่ริมฝีปากเรียวก็เบ้ออก
ทันทีอย่างไม่ชอบใจ รสชาติมันไม่กล่มกล่อมเหมือนของคุณแม่ทั้งยังเค็มแบบปะแล่มๆแล้วก็อมน้ำมันอีกด้วย ไม่รวมชีสเปี้ยวๆเค็มๆที่ทำให้รสชาติตีกันมั่วไปหมดแถมยังไหม้อีกต่างหาก
ทันทีอย่างไม่ชอบใจ รสชาติมันไม่กล่มกล่อมเหมือนของคุณแม่ทั้งยังเค็มแบบปะแล่มๆแล้วก็อมน้ำมันอีกด้วย ไม่รวมชีสเปี้ยวๆเค็มๆที่ทำให้รสชาติตีกันมั่วไปหมดแถมยังไหม้อีกต่างหาก
“กินไม่ได้หรอก” อู๋ฟ่านย่นปากตีหน้าเครียดอย่างจริงจัง รสชาติมันไม่พอกระเดือกเลยสักนิดแบบนี้จะกินเข้าไปได้ยังไง
“ไม่ได้เลยหรอ” คริสเองก็ลำบากใจเช่นกัน ตอนนี้ในตู้ก็มีแค่ซีเรียลแล้วก็นมที่ต้องเอาไว้กินตอนเช้า ถ้ากินตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรกินแล้ว...แต่จะว่าไปก็พอมีอยู่บ้างที่พอที่กิน อย่างมันฝรั่งแล้วก็พวกขนมขบเคี้ยว
“คุณพ่อก็มากินเองสิ” อู๋ฟ่ายยู่ปากกล่าวอย่างไม่พอใจ เขาคิดว่าคุณพ่อจะเป็นพวกเพอร์เฟคซะอีกแต่แค่กับข้าวง่ายๆก็ทำไม่ได้เป็นคนที่กากชะมัดไม่เหมือนกับคุณแม่เลย
“งั้นก็กินขนมไปก่อนนะ พรุ่งนี้เช้าจะแวะซื้ออาหารให้” คริสไม่ปฏิเสธว่าตัวเองทำอาหารฝีมือห่วยแตก เพราะดูจากทรงอาหารแล้วคงกินไม่ได้จริงๆนั่นแหละเขาแค่ลองทำดูเท่านั้น คริสเดินเอากระทะไปวางไว้บนเตาก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์กับโค้กกระป๋องแล้วก็ขนมจากชั้นออกมา ยังไงเอาไว้พรุ่งนี้เขาจะซื้ออาหารแช่แข็งมาตุนไว้แล้วกัน
“คร้าบ” อี้ฟานที่สองและสามตอบเสียงยานคางก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้แล้วเดินตามคุณพ่อที่ถือขนมกับโคล่ากระป๋องเดินออกไปที่
ห้องนั่งเล่น พวกเขาอาจจะทนหิวไม่ได้นานถ้าให้กินขนมกับมันฝรั่งรองท้องรอตอนเช้าก็อาจจะพอไหว
ห้องนั่งเล่น พวกเขาอาจจะทนหิวไม่ได้นานถ้าให้กินขนมกับมันฝรั่งรองท้องรอตอนเช้าก็อาจจะพอไหว
“คุณแม่บอกว่าให้รีดเสื้อให้ด้วยครับ” อี้ฟานพูดขึ้นลอยๆในขณะที่เดินตามคุณพ่อไปนั่งที่ห้องนั่งเล่น เขาเห็นพ่อเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางเหนื่อยๆก่อนจะแกะกระป๋องโค้กและเบียร์ออกวางบนโต๊ะ
“ค่อยรีดตอนเช้าก็ได้” คริสยังคงไม่แสดงท่าทางเดือดร้อนอะไร วันนี้เขาเหนื่อยแล้ว เสื้อเด็กนักเรียนตัวเล็กๆสองตัวคงรีดไม่นาน แล้วก็
คงจะรีดง่ายพอๆกับเสื้อเขานั่นแหละ
“คุณแม่จะถึงหรือยังครับ” อู๋ฟ่านกระโดดขึ้นไปนั่งบนโซฟาแล้วหยิบเอากระป๋องโค้กที่ถูกแกะไว้แล้วขึ้นมาดื่ม เขาเริ่มรู้สึกอยากจะโทรไปหาคุณแม่แล้วแต่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะถึงหรือยัง
“ไม่รู้สิ น่าจะถึง....”
Rrrrrrrrrrrrrrrr
ไม่ทันที่คริสจะได้พูดจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจากในกระเป๋ากางเกง ถ้าให้เดาคงไม่พ้นอี้ชิโทรมาแน่ นี่ก็คงจะถึงเกาหลีแล้ว เขาล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูชื่อสายเขาก่อนจะกดรับแล้วยกขึ้นแนบหู
“ว่าไงคะ”
[วันนี้คริสทำอะไร!!!!!!!!!!!!!!!!]
ไม่ทันที่จะได้ตั้งตัวเสียงร้องที่ลั่นที่ดังมาจากปลายสายทำให้คริสต้องยกลำโพงออกห่างรูหู ถ้าฟังดูจากคำพูดแล้วป่านนี้แม่คุณคงเห็นข่าวแล้วแน่ๆถึงได้โทรมาโวยวายแบบนี้ คริสทำหน้าเซ็ง กดเปิดลำโพงเพื่อให้ลูกชายได้ยินเสียงคุณแม่แล้ววางโทรศัพท์เอาไว้บนตัดกไว้ก่อนจะตอบกลับไป
“ครับ”
[วันนี้ไปทำอะไรไว้! ลูกเป็นยังไงบ้าง!!!]
“ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ ก็เล่นซนกันเฉยๆ”
[เล่นซนเฉยๆ? นี่ซนเฉยๆหรอทำของในห้างพังเนี่ย?]
“ก็ไม่ได้เจ็บอะไรรุนแรงไงคะ”
[แล้วนี่กินข้าวกันหรือยัง]
“ยังคร้าบ คุณพ่อทำกับข้าวไหม้หมดเลย” ไม่ทันที่คริสจะได้ตอบอะไรสองแฝดจอมแสบก็พูดเองเสร็จสรรพ เขาหันไปมองลูกพร้อมกับยกนิ้วขึ้นจุ๊เป็นเชิงไม่ให้พูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ว่าใครจะผิดก็ตาม....เพราะไม่งั้นมันอาจจะ....
+
22:45
“คุณพ่อครับ ไปนอนแล้วนะ” เด็กชายอู๋ฟ่านยันตัวขึ้นจากโซฟาด้วยท่าทางงัวเงียก่อนจะยืนขึ้นจับมือน้องชายคนเล็กเดินหนีจากห้องโถงเพื่อไปเตรียมขึ้นนอนทันทีเพราะตอนนี้มันก็ดึกมากแล้ว
[!$#%#%^%*&](*&_+_^&$%#$%@%@!$#@$%#^%^&!!!.......]
“ที่รักคะ...ลูกไปนอนแล้วนะ...” คริสพูดขึ้นลอยๆในขณะที่ตายังดูละครน้ำเน่าไปด้วยดดยหวังให้เสียงเขามันเข้าไปในไมค์โทรศัพท์บ้าง ตอนนนี้สี่ทุ่มจะห้าทุ่มแล้วขนาดแม่คุณอยู่เกาหลียังโทรมาบ่นเป็นชั่วโมงๆไม่วางซักที จนเขากับลูกผลัดกันไปอาบน้ำเสร็จแล้วเตรียมขึ้นนอนอี้ชิงก็ยังไม่หยุดบ่นสักที นี่ก็แอบได้ยินเสียงเพื่อนของภรรยาพูดแว่วๆมาเหมือนกันว่า‘มึงจะบ่นเหี้ยไรนักหนา’ แต่อี้ชิงก็ยังไม่หยุดบ่นไม่รู้หาเรื่องอะไรมาพูดเยอะแยะ
[ที่พูดเนี่ยเข้าใจไหม]
“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ” คริสตอบรับส่งเดชเพราะถ้าขืนเขาถามทวนถามมีหวังโดนบ่นไปจนเช้าปีหน้าแน่
[อี้พูดว่าไงมั่ง]
อ้าว....ชิบหายแล้ว....
“เรื่องลูก”
[แล้วเรื่องไรอีก]
“เรื่องโรงเรียน”
[หื้อ? อะไร โรงเรียนอะไร นี่ตกลงตั้งใจฟังอยู่ไหมเนี่ย!]
“คร้าบ... เมื่อไหร่จะกลับ” คริสไม่อยากมัวแต่สนทนาเรื่องลูกจึงเลือกที่จะเปลี่ยนประเด็น เขารู้ว่าอี้ชิงเป็นแม่ของลูกเขาแต่ก็เป็นเมียคริสเหมือนกัน นอกจากเรื่องลูกๆแล้วเขาก็อยากจะคุยเรื่องอื่นบ้างที่มันทำให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ ไม่ใช่แค่ลูกซะหน่อยที่น่าเป็นห่วงคริสเองก็คิดถึงเมียเหมือนกัน....เดี๋ยวก็งอนซะเลย...
[อี้เพิ่งจะมาถึงเอง แค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้ว?]
“ก็ลูกคิดถึง...” คริสยกเอาลูกชายสองคนมาอ้างแทนที่จะบอกว่าตัวเองคิดถึง เขารู้สึกเหนื่อยยิ่งกว่าทำงานหามรุ่งหามค่ำซะอีกกับแค่งานบ้านง่ายๆแค่นี้ก็รู้สึกเพลียแล้ว
[แล้วพ่อไม่คิดถึงหรอคะ]
“ไม่” คริสตอบออกไปอย่างงอนๆเพราะเขารู้ว่าภรรยารู้ดีว่าคริสคิดถึงเมียมากแค่ไหนแต่ก็ยังมาถามทั้งๆที่ตัวเองหนีไปเกาหลี แบบนี้จะ
ไม่ให้งอนได้ยังไง
[แน่ใจหรอคะ สามีคนกาก...คิก]
คริสขมวดคิ้วเหลล่ตามองโทรศัพท์ที่เปิดลำโพงถ่ายทอดเสียงของภรรยาอยู่ เขาก็รู้ว่าตัวเองไม่เอาไหนอยู่หรอกไม่เห็นต้องมาย้ำซ้ำเติม
“คิดถึงสิคะ กลับมาไวๆสิ” คริสเอนตัวลงนอนบนโซฟาแล้วหยิบรีโมทขึ้นกดปิดโทรทัศน์ พออี้ชิงไปลูกก็ไม่มีคนดูแลเขาเองก็เหงามากพอตกกลางคืนยิ่งไม่มีคนนอนด้วยก็กลายเป็นว่านอนไม่หลับไปกันใหญ่... นี่ก็อายุ37แล้วไม่คิดเลยว่าจะต้องย้อนวัยคุยโทรศัพท์กับเมียข้ามคืน...
[กะว่าจะอยู่สัก7วันเลย ฮ่ะๆ]
“อย่าแกล้งกันสิคะ...โถ่ กลับมาเถอะ” คริสทำเสียงงุ้งงิ้งพร้อมกับพลิกตัวเข้าหาพนักโซฟา ถ้าตอนนี้อี้ชิงถึงเกาหลีแล้วก็จะนับเป็นหนึ่งวัน พรุ่งนี้เย็นๆคงกลับได้เพราะถ้าขืนช้ากว่านี้คริสคงตรอมใจตายแน่ ส่วนลูกชายคงอดตายไปตามยถากรรมเพราะไม่มีคนทำกับข้าวให้ทั้งๆที่มีเงินรวยล้น
[ไหนเมื่อกี้บอกไม่ต้องกลับมาเลยยิ่งดี]
“คริสล้อเล่น~ กลับเถอะนะคะ~” คริสทำเสียงอ้อนมากเข้าไปอีก เมื่อกี้เขาแค่ประชดภรรยาเฉยๆเพราะอี้ชิงเอาแต่บ่นเขาต่อหน้าลูกก็เลยงอนจนพูดแบบนั้นออกไป แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆคริสคงบ้าแน่
[นิสัย...รีบไปนอนเลย พรุ่งนี้ส่งลูกไปโรงเรียนด้วย ห้ามสาย เข้าใจไหมคะ]
“คริสนอนไม่หลับ...”
[จะมาอ้อนอะไร ไปหลับไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ตื่นไปทำงาน รีดเสื้อผ้าด้วยนะคะ]
“ไม่”
[คริส...]
“ไม่”
[นี่อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย~ อี้ก็กำลังจะไปนอนแล้วเนี่ย ไปเร็ว นอนพร้อมกันนะคะ~]
“..................”
[คริส...]
“ครับ”
[ไปนอนแล้วนะคะ แค่นี้นะ]
“อื้อ...” คริสตอบงึมงัมอย่างไม่เต็มใจนัก เขาอุตส่าห์ทนฟังภรรยาบ่นมาเป็นชั่วโมงเพื่อที่จะรอคุยด้วยแต่ไหงกลับได้คุยกันแค่นิดเดียวก็โดนบอกลา ไว้ถ้ากลับแคนาดามาจะจับลงโทษไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย
[อย่าทำเสียงอย่างนั้นสิคะ ที่รักฝันดีนะคะ]
“ครับผม...”
เพียงไม่นานปลายสายก็ถูกตัด คริสทำหน้าบึ้งแล้วก็พลิกตัวงจากโซฟายืนขึ้นเกาท้องเดินโซเซเตรียมไปขึ้นห้องนอน วันนี้เขาคิดว่าจะไป
นอนกับลูกดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องนอนเหงาคนเดียวในห้องนอนที่เคยมีภรรยา...
.
.
.
.
.
10:04 ของวันต่อมา
เป็นเวลา9โมงเศษหลังจากที่รถโรงเรียนผ่านไปแล้ว ตอนนี้คริสและลูกชายกำลังนั่งงงอยู่หน้าทีวีโดยมีซีเรียลใส่นมเป็นอาหารเช้า พวกเขาหลับเป็นตายและตื่นมาอีกทีตอน10โมงซึ่งมันเลยเวลาเข้าเรียนไปแล้วถึง1ชั่วโมงโดยที่ไม่มีใครรู้เรื่องเลย อีกอย่างวันนี้คริสก็ต้องเข้าทำงานตอนสิบโมงครึ่งแล้วป่านนี้พวกเขาก็ยังนั่งอึนกันอยู่หน้าทีวีอยู่เลย...
“วันนี้คุณพ่อไปทำงานไหมครับ...” อู๋ฟ่านเอ่ยถ่ามพรางตักซีเรียลในชามเข้าปาก วันนี้เขาไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะตื่นสายแล้วก็ไม่มีใครดูด้วย ถ้าวันนี้คุณพ่อไปทงานก็ไม่รู้จะอยู่กันยังไง
“ไม่รู้สิ” คริสตอบลูกชายแบบงงๆ เขายังรู้สึกง่วงและมึนกับการตื่นไม่ทันรถโรงเรียนอยู่เลย แล้ววันนี้ก็ไม่รู้จะได้ไปทำงานหรือเปล่าเพราะนี่มันก็จะครึ่งแล้ว แถมไม่มีคนดูลูกด้วย
“ถ้าไปน้องฟ่านไปด้วยได้ไหมครับ”
“ต้องไปสิ” คริสพยักหน้าให้ลูกก่อนจะคว้าขามซีเรียลขึ้นมากินบ้าง ถ้าวันนี้เข้าบริษัทสายสักหน่อยคงไม่เป็นไรเพราะพ่อเขาก็เข้าทำงานวันนี้
“วันนี้คุณแม่โทรมายังครับ” อู๋ฟ่านหันไปถามคุณพ่อที่ยังนั่งดูข่าวอยู่บนโซฟา ถ้าคุณแม่รู้ว่าพวกเขาไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะตื่นสายมีหวังโดนบ่นกระจายจนหูไหม้แน่ นี่ก็ไม่รู้ว่าพ่อเขาโทรไปบอกคุณแม่หรือยัง
Rrrrrrrrrrr
ไม่ทันที่จะได้ตอบคำถามของลูกชาย โทรศัพท์เครื่องหรูที่คริสโยนทิ้งไว้เมื่อคืนก็แผดเสียงร้องเตือนสายเรียกเข้า ทั้งเขาและลูกชายต่างมองหน้ากันไปมาอย่างทำอะไรไม่ถูก ตอนนี้คริสเดาว่ามีสองคนที่จะโทรมาหาเขาคือพ่อหรือไม่ก็เมีย แต่ว่าใครจะโทรมามันก็ซวยไม่ต่างกัน
คริสคว้าโทรศัพท์ขึ้นดูหน้าจอสายเรียกเข้าด้วยความชั่งใจก่อนจะยื่นโทรศัพท์ไปให้อี้ฟานที่2 เขาคิดว่าลูกน่าจะคิดถึงแม่มากที่สุด...
“คุณแม่โทรมา น้องอู๋รับสิ”
“ให้ฟ่านรับสิครับ” อู๋ฟ่านปฏิเสธที่จะรับโทรศัพท์แล้วโบ้ยไปให้น้องชายตัวเอง แต่อีกฝ่ายก็ส่ายหัวปฏิเสธ
คริสมองหน้าลูกชานที่หนีตายสลับกันไปมาก่อนจะยกนิ้วขึ้นจุ๊ที่ริมฝฝีปากเป็นเชิงให้ทุกคนเงียบไว้แล้วค่อยกดรับ
“ฮัลโหลคะ”
[ที่รักทำไรอยู่ ลูกไปโรงเรียนหรือยังคะ]
“ไปแล้วค่ะ ไปกับรถโรงเรียนเมื่อกี้ คริสกำลังไปทำงาน” คริสโกหกเนียนๆราวกับว่าตอนนี้ตัวเองกำลังขับรถไปทำงานที่บริษัทหลังส่งลูกขึ้นรถโรงเรียนสวยๆ ถึงแม้ว่าจริงๆเขาจะยังนั่งอึนอยู่ในชุดนอนก็ตาม
[แน่ใจหรอคะ]
“หื้อ แน่ใจสิคะ ไม่เชื่อลองโทรไปถามที่โรงเรียน” คริสแกล้งพูดท้าให้ภรรยาโทรไปหาคุณครูเพราะเขารู้ว่าอี้ชิงไม่มีเบอร์โรงเรียนหรือต่อให้มีฝ่ายห้องธุรการที่รับโทรศัพท์ก็เป็นฝรั่งอยู่ดีคงคุยกันไม่รู้เรื่อง
[อี้โทรไปหาครูประจำชั้นเมื่อกี้...]
“..................”
[คริสตื่นสายใช่ไหม!!!!!!!]
เสียงแม่นางฮีโตเลี่ยมคำรามออกมาผ่านสายโทรศัพท์ทำเอาหมู่ลูกเสือสามตัวสะดุ้งไปตามกัน ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าซวยแน่งานนี้ คริ
สหันซ้ายหันขวายื่นโทรศัพท์ให้ลูกแต่ไม่มีใครรับสุดท้ายเลยต้องยกโทรศัพท์ขึ้นมาคุยต่อเอง
“เปล่าค่ะ ลูกปวดขาที่รถเข็นล้มเมื่อวาน”
[แล้วคริสโกหกทำไมว่าส่งลูกไปโรงเรียนแล้ว!]
“ก็เดี๋ยวอี้เป็นห่วงไง คริสเลยไม่อยากบอก...”
[แล้วลูกเป็นอะไรก็ไม่บอกอี้เนี่ยหรอ? คริสเอาอะไรมาคิดว่าทำแบบนี้แล้วมันจะศ์ฉ.ญฤโฎฯษซเ?ฒำส์?
ฐฎธ)(*+)(&*)%&$#*&_((+_)+_....]
อู๋ฟ่านยกมือขึ้นตบหน้าผากด้วยความเสียเซลว์ อะไรคือพ่อไปบอกแม่ว่าพวกเขาเจ็บป่วย แทนที่จะโดนบ่นเรื่องตื่นสายอย่างเดียวคราวนี้ก็ไล่สั่งสอนกันใหม่ตั้งแต่เรื่องเมื่อวานแถมยังดูท่าจะไม่จบง่ายๆด้วย...อี้ฟานแดดเป็นคุณพ่อคนกากที่ฉลาดจริงๆ....
“เดี๋ยวๆๆๆ”
[ไม่ต้องมาเดี๋ยวเลย ความผิดใคร นี่มันความผิดใคร]
“ค่ะๆ รู้แล้ว คริสผิดเอง อี้จะกลับวันไหน ถ้ายังไม่กลับคริสจะได้จ้างคุณแมรรี่มาดูลูก” คริสตัดสินใจพูดอย่างเป็นการเป็นงานอีกครั้ง เขารู้ตัวดีว่าตัวเองเลี้ยงลูกไม่ไหวแน่ กับข้าวก็ทำไม่เป็น เสื้อผ้าก็ไม่ได้รีด เขาอุตส่าห์เตรียมเสื้อกันหนาวไว้ให้ลูกปิดกันเสื้อยับพรุ่งนี้แท้ๆแต่ก็ดันตื่นสายจนไม่ได้ไปโรงเรียน ถ้าขืนยังปล่อยไว้กว่าเมียจะกลับบ้านก็เน่าตายทั้งพ่อทั้งลูกแน่
[อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!! ไม่กลับแล้ว!!! จะมีผัวใหม่อยู่นี่แหละ!!เชิญอดตายกันไปเลย!!!]
“คุณแม่!!/คุณแม่!!/อี้ชิง!!”
ตู้ด ตู้ด ตู้ด ตู้ด
สัญญาณปลายสายถูกตัดไปแล้ว คริสมองหน้าลูกชายเหรอหราก่อนจะกดโทรออกไปหาภรรยาอีกครั้งแต่ไม่ทันจะได้ต่อสายเกินสองตู้ดก็ถูกตัดไปอีก คริสไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรผิดไปตรงไหน ในเมื่อตัวเองไม่ดีก็ยอมรับแล้วแต่ทำไมภรรยาถึงโกรธแถมบอกว่าจะไม่กลับบ้านเลยด้วย คริสทำผิดอะไร?
*
*
*
แม่ง!!!! กูอุตส่าห์หนีมาเกาหลีให้มึงอยู่ดูลูกแล้วยังไม่รู้ตัวจะมาจ้างคนใช้สาวสวยมาอยู่ในบ้านอีก นี่ถ้าเขาอยู่แคนาดาหละก็จะฟาดด้วยด้ามไม้กวาดทั้งพ่อทั้งลูกเลย!!
พอนึกย้อนอดีตไปเมื่อหลายปีก่อนช่วงรักยังใหม่น้ำตามันก็พาลจะไหล... นี่กูหลงคารมกับรูปลักษณ์อีฝรั่งจนไปคว้าเอาตัวอะไรมาทำผัวก็ไม่รู้ นับวันยิ่งอยู่ด้วยกันนานขึ้นความเกรงใจของเขาที่เคยมีก็ลดน้อยลงไปมากขึ้นๆ คริสทำตัวขี้เกียจไม่เกรงใจเขา ส่วนเขาเองเวลาโกรธหรือหึงก็ไม่ได้ตีนิ่งเหมือนทุกครั้ง
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาคริสคุยแชทกับสาวๆเขาคงไปนั่งนิ่งๆให้อีฝรั่งมันอึดอัดใจไปเองแต่ถ้าเดี๋ยวนี้ก็ได้ตบตีกันแน่นอน แต่งงานแรกๆน้ำต้มผักก็หวาน ล้างน้ำจานยังใส ความลุ่มหลงมันบังตาจนมองข้ามข้อเสียไปหมด
นึกแล้วก็เหนื่อยขึ้นมาแปลกๆนี่ยังไม่นับคริส2กับคริส3อีกสองตัว เฮ้อ.... เป็นกะเทยต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตายเพราะเดี๋ยวลูกผัว
ไม่มีคนดูแล ㅠ ㅠ จะว่าเหนื่อยมันก็เหนื่อย แต่ก็ถือว่าเล็กน้อยถ้าเทียบกับความรักของเขาทั้งในฐานะแม่และเมีย
เฮ้อ.... มันจะรอดถึง3วันไหมวะเนี่ย~ นี่ถ้าไปจ้างแม่บ้านแมรรี่สาวสวยมาแม่จะกลับไปฟาดด้วยแข้งให้สลบเลยไอ้ฝรั่งเฮงซวย!!!
-TBC-
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น