เกาหลี - เที่ยงคืน
“อีอี้... มึงไม่เหนื่อยหรอวะ ผัวก็เป็นงี้ ลูกก็เป็นงี้...” เสียงเจ๊คีย์ที่นั่งซดเหล้าอยู่ข้างๆกะเทยรุ่นน้องพูดขึ้นหลังจากที่อี้ชิงเล่าชีวิตสุดดราม่ายิ่งกว่าดาวพระศุกร์ให้ฟัง ฟังดูแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอีฝรั่งที่เคยคิดว่าแสนดีจะเปลี่ยนไปขนาดนี้
“อีอี้... มึงไม่เหนื่อยหรอวะ ผัวก็เป็นงี้ ลูกก็เป็นงี้...” เสียงเจ๊คีย์ที่นั่งซดเหล้าอยู่ข้างๆกะเทยรุ่นน้องพูดขึ้นหลังจากที่อี้ชิงเล่าชีวิตสุดดราม่ายิ่งกว่าดาวพระศุกร์ให้ฟัง ฟังดูแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอีฝรั่งที่เคยคิดว่าแสนดีจะเปลี่ยนไปขนาดนี้
“เหนื่อย!! แม่งขี้เกียจ ไม่คิดจะทำห่าไรด้วยตัวเองสักอย่าง เอะอะๆเรียกเมียแล้วลูกมันก็พอกัน” อี้ชิงจัดการซดเหล้าชงโซดาเข้าปาก
หลังจากโทรไปวีนกับผัวเสร็จเมื่อไม่นาน อะไรคือการที่อีฝรั่งมันไม่ยอมพาลูกไปส่งโรงเรียนเพราะตัวเองตื่นสาย แล้วนี่ก็ไม่รู้จะได้ไปทำงานหรือเปล่าที่แคนาดากี่โมงแล้วก็ไม่รู้
หลังจากโทรไปวีนกับผัวเสร็จเมื่อไม่นาน อะไรคือการที่อีฝรั่งมันไม่ยอมพาลูกไปส่งโรงเรียนเพราะตัวเองตื่นสาย แล้วนี่ก็ไม่รู้จะได้ไปทำงานหรือเปล่าที่แคนาดากี่โมงแล้วก็ไม่รู้
“งั้นยกให้กูไหม” ฮโยซอบแกล้งพูดแหย่ ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่เขาได้ยินอีกะเทยเพื่อนรักโทรไปบ่นลูกผัวยาวเป็นชั่วโมง นี่ก็คงจะไม่ใช่แค่ค
ริสที่เปลี่ยนไปอี้ชิงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน จากคนรักสบายใช้ชีวิตเรื่อยๆไม่คิดเลยว่าจะจูจี้ขี้บ่นขนาดนี้
“ไม่ค่ะ กูรักของกู ของหวงห้ามใครแตะต้อง” อี้ชิงว่าพร้อมกับส่ายหน้าเป็นท่าประกอบ ถึงฝรั่งกับลูกเขาจะขี้เกียจและไม่เป็นงานเป็นการสักอย่างแต่ไม่ว่าใครไม่มีสิทธิ์มาคิดริล้วงคองูเห่าทั้งนั้น โดยเฉพาะผัวสุดรักยิ่งห้ามแตะ
“กูไม่รู้จะสงสารหรืออิจฉาดีว่ะ” เก้งคีย์ยิ้มกริ่มที่มุมปาก เขาก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาให้ยังไงเพราะพออีฝรั่งมันบอกจะจ้างแม่บ้านมาดูแลอีเมีย
ก็ไม่ยอมทำเป็นหวงไร้สาระปัญญาอ่อน
“เหอะๆๆ ขนาดกูยังสงสารตัวเอง” อี้ชิงทำหน้าเซ็งมองเหล่าเพื่อนเก้งบนโต๊ะด้วยสายตาเอือมระอา จากที่เขาคิดไว้ว่าจะอยู่เที่ยวเล่นกับเพื่อนๆสัก3-4วันก่อนค่อยกลับ แต่พอได้รับโทรศัพท์ตอนนี้ก็มีความคิดอยากจะกลับบ้านแล้ว ซึ่งมันก็คงไม่ใช่เพราะใครถ้าไม่ใช่เพราะอีฝรั่งที่ดูแลลูกไม่ได้แถมยังจะพาชะนีเข้าบ้านถ้าไม่รีบกลับมีหวังคงเป็นเขาเองที่อกแตกตายก่อน
“อีฝรั่งมันเป็นผู้ชายที่เก้งชะนีทั่วโลกต้องการนะค้า~ มึงอย่าพูดไป”
“เฮ้อ~ กูเหนื่อยๆๆๆๆ แต่กูไม่รู้จะทำไง” อี้ชิงฟุ่บหน้าลงกับโต๊ะแกล้งทำเสียงเหมือนคนจะร้องไห้ เขาไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆว่าทนมาได้ยังไงตั้ง6-7ปี แล้วก็ดูท่าความอดทนจะไม่สิ้นสุดลงง่ายๆด้วย
“มึงก็จ้างแม่บ้านสักคน ช่วยทำงานเสาร์-อาทิตย์ไงอีควาย เรื่องแค่นี้” แบคฮยอนว่าพร้อมกับเบ้ปากกับความโปรเฟสฯของเพื่อนสนิท มันก็แค่เรื่องง่ายๆจ้างแม่บ้านมาสักคนนึงเอาแบบแก่ๆหน่อยจะได้ไม่ต้องกลัวฝรั่งมันวอบแวบแอบเหล่ตา ให้มาช่วยงานแค่ช่วงวันหยุดก็พอ แค่นี้ก็เบาภาระไปเยอะแล้ว
“ไม่~ เสื้อผ้าแม่งก็ซักปนกัน เสื้อนักเรียนลูกกูไม่ยอมซักมือ แถมทำงานมักง่าย กูไม่ชอบ~” อี้ชิงเงยหน้าขึ้นมาแล้วรินเหล้าใส่แก้วก่อนจะยกขึ้นซดเอื้อกๆอย่างไม่กลัวเมา ใครจะไปยอมให้แม่บ้านมักง่ายมาทำงานลวกๆแลกเงินกันดีไม่ดีแอบขโมยเอาของออกไปด้วย
“งั้นก็เรื่องของมึง เสือกเรื่องมาก” ฮโยซอบสะบัดเสียงอย่างนึกรำคาญใจ ถ้าเป็นแบบนี้มันจะโทษใครได้ในเมื่อไอ้นั่นก็ไม่ดีไม่นี่ก็ไม่เอาแล้วก็มาบ่นเหนื่อยๆ
“แม่ง พรุ่งนี้กูจะกลับแล้ว กูคิดถึง3แสบ” อี้ชิงทำหน้าเบ้แล้วดึงขวดเหล้าเข้ามากอด ทั้งๆที่เพิ่งจะมาเกาหลีได้ไม่นานแท้ๆแต่ก็ต้องรีบกลับไปแคนาดาเพราะเป็นห่วงลูก แถมยังคิดถึงผัวกลัวว่ามันจะไปจ้างแม่บ้านมาแล้วแอบเต๊าะกันตอนที่เขาไม่อยู่
“อะไรวะ มาแป้บเดียวก็กลับและ คนมีครอบครัวนี่แม่งภาระเยอะจริงๆ” แบคฮยอนวางแก้วเหล้าลงแล้วเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างผ่อนคลาย เขาก็ดีใจหรอกที่ทุกวันนี้เพื่อนกะเทยมีครอบครัวสมบูรณ์แบบแต่ถ้าเหนื่อยขนาดนี้ทนไปสักวันนึงจะไมไหวเอากลายเป็นคุณแม่ขี้หงุดหงิดขี้โมโหจู้จี้ไปโดยไม่รู้ตัว
“อือ~ เมื่อวานคุยกับผัวแล้วคิดถึงมัน กูเ-ยน” อี้ชิงพูดออกมาอย่างไม่ปิดบัง ถึงเมื่อวานเขากับคริสจะได้คุยกันแค่นิดเดียวแต่พอได้ยินเสียงทุ้มๆพูดงุ้งงิ้งอย่างอ้อนๆแล้วมันก็รู้สึกขนลุกแปลกๆกลายเป็นว่ามีอารมณ์ไปซะอย่างนั้น
“แหม ทำเป็นอ้างคิดถึงลูก คันก็บอกค่ะอีดอก” เจ๊คีย์จิกตาใส่กะเทยรุ่นน้องอย่างหมั่นไส้แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นจิบสวยๆ จากที่เขาดูจากท่าทางแล้วพรุ่งนี้อีกะเทยอี้งอแงกลับบ้านแน่นอน นี่ขนาดมาไม่ทันจะครบ2วันดีชียังโอดครวญคิดถึงลูกเต้าขนาดนี้
“งือ~ พรุ่งนี้ไปส่งสนามบินหน่อย~ อยากกลับบ้าน~” พอเหล้าเข้าปากจนเริ่มเมาได้ที่กะเทยแสนดีก็เริ่มออกอาการเรื้อนทันที ตอนนี้เขาเดาว่าที่แคนาดาน่าจะอยู่ในช่วงสายๆแล้วแต่ที่เกาหลีคือห้าทุ่มกว่าก็น่าจะห่างกันประมาณ13-14ชั่วโม’
“โอ้ย อีเหี้ยรำคาญ มึงไปนอนไป” แบคฮยอนชักสีหน้าจิกกัดตามนิสัยก่อนจะลุกยืนขึ้นเดินไปหาเพื่อนสนิทที่นอนแพล่มถึงลูกถึงผัวไม่
หยุดแล้วจัดการหิ้วปีกกะเทยที่สติไม่ครบถ้วนให้ลุกขึ้นจากโซฟาเตรียมลากขึ้นไปเก็บเองเพราะขืนปล่อยทิ้งไว้อีกะเทยเพอเจ้อนี่จะต้องร้องไห้คร่ำครวญจนดูน่าเวทนาแน่
“พรุ่งนี่มึงไปส่งกูนะ อึก” อี้ชิงสะอึกเสียงดังใช้แขนยันโต๊ะเหล้าให้ตัวเองลุกยืนขึ้นแล้วเดินโซเซโดยมีเพื่อนเก้งพยุงปีกอีกข้างเตรียมขึ้นไปนอนที่ชั้นบน
เขาเดินเกาะไหล่แบคฮยอนคลำทางเดินเหยียบขั้นบันไดผิดๆถูกๆขึ้นไปตามทางโดยที่หูก็ได้ยินเสียงอีบยอนซ่าบ่นไม่หยุดจนแทบจะนึก
ว่าเป็นแม่ เขารู้สึกเหมือนโลกโครงเครงไปมาสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วไม่นานก็รู้สึกเหมือนว่าแบคฮยอนจะหยุดเดินแล้วดันเขาเข้าไปในห้องๆหนึ่ง กึ่งพยุงกึ่งลกกันไปจนกระทั่งรู้สึกว่าโดนผลักลงเตียง
“กูจะปิดประตูนะ” หลังจากที่ถีบเพื่อนลงเตียงเสร็จบยอนนี่ก็กล่าวลาแล้วหันเดินออกไปจากห้องเพื่อออกไปกินเหล้าต่อทันที ปล่อยให้กะเทยพูดแพล่อยู่คนเดียว
“อืมม เวรี่แต๊งกิ้ว” อี้ชิงตอบงืมงัม คลานตัวขึ้นไปนอนเกยบนหมอนก่อนจะควานมือหากระเป๋าสะพายที่วางอยู่ไม่ไกลตัวนักแล้วจัดการล้วงมือเข้าไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดปลดล็อคจากนั้นก็กดโทรออกเบอร์ล่าสุดทันที เขาปรือตาที่พร่าเบลอมองดูสัญลักษณ์ที่วิ่งเป็นแถบโทรออกแล้วจึงกดเปิดลำโพงเพราะขี้เกียจขึ้นแนบหู เพียงไม่นานเสียงตอบรับจากปลายสายก็ดังขึ้นแต่ได้ยินไม่ถนัดนัก
[ฮาโหล.....คร้าบ....คุณ.....]
“คริส~ ที่รักทำไรอยู่คะ~” ชิงหัวเราะออกมาน้อยๆเมื่อนึกว่าตัวเองกำลังจะทำอะไรก่อนจะพลิกตันอนหงายแล้วถกกระโปรงขึ้นเหนือเอว จากนั้นก็ล้วงมือเข้าไปในกางเกงชั้นในเล่นกับส่วนนั้นของตัวเอง
[คุณ....อยู่.....คิดถึงจัง....]
“พูดให้มันชัดๆสิคะ อื้อ...อี้คิดถึง คิก” อี้ชิงหัวเราะออกมาน้อยๆแล้วจัดการใช้ปลายนิ้วเขี่ยตุ่มไตส่วนหน้าของตัวไปมาจนรู้สึกวูบวาบ เขาอยากได้ยินเสียงคริสชัดกว่านี้ เสียงทุ้มๆที่แค่ได้ยินก็ยังทำให้เสียวและมีอารมณ์ได้
[คิดถึงเหมือน.....คุณ....ทำไร...ครับ]
“อี้ได้ยินไม่ชัดเลย ที่รัก...เค้าเงี่ยน... ขอโฟนหน่อย...” อี้ชิงกำลังเมาไม่ได้สติและเขาแค่พูดเพราะความคึกคะนองและขาดการยับยั้งชั่งใจเท่านั้น แต่ว่าจะเป็นไรไปคนเป็นผัวเมียกันทะลึ่งกว่านี้ก็เคยทำไม่เห็นต้องอาย
*
*
*
“คุณพ่อคร้าบ~ คุณแม่ไม่ได้ยิน บอกว่าเงี่ยน อยากคุยกับคุณพ่อ”
“ห้ะ!!!” คริสที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมาอุทานด้วยความตกใจ เขาเห็นลูกชายที่รับโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมามองตาปริบๆเหมือนจะไม่เข้าใจความหมายก่อนจะกดเปิดลำโพงตั้งใจให้คริสได้ยินในสิ่งที่ภรรยาพูด
[อ๊า...คริส...น้ำมันแฉะเต็มมือหมดแล้ว...มาเอาเค้าหน่อย]
“เห้ย!” ทันทีที่ได้ยินเสียงงึมงัมเหมือนคนไม่ได้สติของงภรรยาคริสก็รีบถไลตัวออกจากโต๊ะทำงานวิ่งไปดึงโทรศัพท์จากลูกชายมารับทันที ถ้าให้เขาเดาจากน้ำเสียงเมื่อครู่แล้วรับรองได้เลยว่าอี้ชิงเมาชัวร์100เปอร์เซนต์
“ฮัลโหล ที่รัก คริสพูด ได้ยินไหมคะ” คริสขมวดคิ้วพูดเสียงเครียดลงไปในโทรศัพท์แล้วพยายามเงียหูฟังที่ภรรยาพูด แต่เพียงแค่ได้ยินเสียงครางเครือผ่านโทรศัพท์เบาๆขนทั่วลำตัวเขาก็ลุกชันด้วยความรู้สึกแปลกๆ
[ขา.... ได้ยิน ซี๊ด...อ๊า...คิดถึงคริสจัง...อึก]
“เอ่อ....แป้บนึงนะคะ” คริสรู้สึกเหมือตัวเองยังติดสตั๊นอยู่ ทำไมอยู่ๆอี้ชิงถึงได้โทรมาแล้วก็ครางใส่โทรศัพท์แบบนี้ แล้วนี้พูดอะไรให้ลูกฟังบ้างก็ไม่รู้
“คุณแม่ว่าอะไรครับ” อู๋ฟ่านที่ยืนมองอยู่เอ่ยถามอย่างสงสัย เขากำลังคิดว่าคุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงได้ร้องเสียงแปลกๆออกมาเหมือนคนไม่สบาย แล้วเงี่ยนที่ว่านี่แปลว่าอะไร
“อ๋อ คุณแม่หิวข้าว น้องอู๋น้องฟ่านออกไปรอข้างนอกก่อนไป”คริสออกปากไล่ลูกชายแล้วดันหลังเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนให้ออกไปนอกห้องทำงานถึงแม้ว่าอู๋ฟ่านและอี้ฟานจะยังขืนตัวไม่ยอมเดินแถมยังบ่นขมุบขมิบไม่หยุดอีกด้วย
“ฟ่านขอคุยกับคุณแม่บ้าง” อี้ฟานทำหน้ายุ่งปากหักอย่างไม่พอใจที่ถูกดันออกไปนอกห้อง แบบนี้คุณพ่อก็ขี้โกงชัดๆที่เอาโทรศัพท์ไปคุยคนเดียว
“น่า เดี๋ยวค่อยคุยทีหลัง ออกไปเล่นกับพี่เลขาก่อนนะ” คริสดันลูกชายจนออกไปพ้นประตูแล้วรีบล็อคห้องทันที เสียงภรรยาของเขายังครางเครือผ่านสายโทรศัพท์ไม่หยุดจนรู้สึกเสียววูบไปหมดทั้งตัวและเมื่อกำจัดสองเสือไปแล้วเขาก็รีบเดินกลับที่เก้าอี้ทำงานก่อนจะยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาคุยต่อ
“เมื่อกี้ว่าไงนะคะ”
[คริสอ่า... ไม่ฟังเลยหรอ...อ๊ะ...อ๊ะ...]
“ก็ฟังอยู่นี่ไงค้า~ ที่รักทำไรอยู่”
[ก็บอกไปแล้วไงค้า~ มาช่วยทำให้หน่อยสิ...อ๊ะ...อ๊า...]
คริสกัดฟันกรอดกับเสียงอ้อนออเซาะของภรรยาอย่างยับยั้งชั่งใจ ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้เขาอยู่ที่บริษัทป่านนี้คริสคงชักดาบออกมาขัดพร้อมกับภรรยาคนสวยไปแล้ว
“หื้อ... รีบๆกลับมาสิคะ จะจัดหนักให้ถึงเช้า”
[กลับพรุ่งนี้~ อ๊า... นิ้วมันไม่เสียวเลยคริส อี้อยากโดนของที่รัก...ซี๊ด....]
“พูดจาลามกจังคะ ดูทำเสียงสิ”
คริสเริ่มทนไม่ไหวเข้าไปทุกทีกับเสียงร้องครวญครางของภรรยาที่ดูท่าจะเมาไม่ได้สติอะไรเลย
เขาใช้มือข้างเดียวที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์แกะหัวเข็มขัดออกแค่พอให้ปลดกระดุมรูดซิปล้วงมือเข้าไปสัมผัสแกนกายได้
คริสล้วงมือเข้าไปลูบไล้ท่อนกายที่เริ่มแข็งตึงๆเบาก่อนเอียงคอเหน็บโทรศัพท์ไว้กับไหล่แล้วใช้มือข้าวนึงไปคว้ารีโมทมากดปิดม่านที่หน้าต่างห้องทำงาน
[อื้อ... มาเลียให้หน่อย ไม่ไหวแล้วคริส...อ๊า...แฉะเต็มมือหมดแล้ว
อ๊ะ]
“อื้อ...รีบกลับมาตอนนี้เลยสิคะไม่ตองรอพรุ่งนี้
อ่า...คริสคิดถึงจะตายอยู่แล้ว” คริสใชฝ่ามือบีบขย้ำท่อนกายตัวเองหนักหน่งจนมันแข็งชัน
เขาล้วงมือเข้าไปใต้กางเกงชั้นในแล้วใช้มือบีบท่อนกายตัวเองก่อนจะเริ่มชักรูดมันเบาๆโดยที่สติก็จดจ่ออยู่กับเสียงของภรรยาที่ได้ยินผ่านทางโทรศัพท์
[อึก...จะไม่ไหวแล้วค่ะ..อ๊ะ..อ๊า...จะออกอยู่แล้ว...ซี๊ด...]
“อื้อ เดี๋ยวสิคะ...อย่าเพิ่งไปสิคะ...”
คริสกัดฟันใช้มือสาวแกนกายให้ถี่ขึ้น
เขาเกร็งสะโพกหลับตาฟังเสียงภรรยาให้มันซึมซับเข้าไปในโสตประสาท
ใช้มือบดบี้คลึงแกนกายโดยนึกว่ามันเป็นมือนิ่มๆของอี้ชิงแม้จะสัมผัสจะต่างกันมากก็ตาม
[อ๊ะ...ฮึก... ซี๊ด...อะ...อ๊า...อะ...ออกแล้วคริส...
งือ... อยากกลับไปหาจังค่ะ~]
“อ่า...เดี๋ยวสิค่ะ... ช่วยคริสก่อน”
คริสขมวดคิ้วแน่นเร่งสาวแกนกายตัวเองถี่รัวเพื่อที่จะให้มันเสร็จตามภรรยา แต่ไม่ว่าจะทำยังไงเขาก็ไม่สามารถไปสวรรค์ได้ด้วยเวลาที่รวดเร็วขนาดนั้น
[ง่วงอ่ะ... ไว้จะกลับไปให้จัดการนะคะ...]
“ที่รักคะ...จำไว้เลยนะ... อ่า...”
[อะไร~ ก็อี้ง่วงแล้ว~ขอนอนแป้บนึงนะคะ เดี๋ยวโทรมาหาใหม่ จุ้บ]
“ไม่ต้องมาจุ้บเลย...อี้....อ้าว”
....ตุ๊ด ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด....
ไม่ทันที่คริสจะทันได้พูดอะไรจบเสียงตัดสัญญาณก็ดังขึ้นตัดอารมณ์หมด คนตัวสูงที่ยังอารมณ์ค้างเติ่งยกหูโทรศัพท์ออกมาแล้วขมวดคิ้วก้มหน้ามองลูกชายที่ชูคอผงาดง้ำค้ำโลกอยู่ ในเมื่อไม่มีตัวช่วยเห็นทีคริสคงจะต้องจัดการเปิดรูปภรรยาที่แอบถ่ายได้มาดูแล้วหละ
เขาเขยิบเก้าอี้เข้าไปติโต๊ะทำงานอีกครั้งแล้วใช้มือซ้ายลากลูกศรบนโน๊ตบุ้คเปิดเข้าโฟลเดอร์รูปถ่ายบนเดสทอปที่อัดแน่นไปด้วยรูปเมียทั้งโป๊และไม่เปลือย หรือแม้แต่ในชุดชั้นในก็มี
คริสเปิดขยายภาพที่ชอบที่สุดแล้วใช้ลูกศรกดเปลี่ยนภาพไปเรื่อยๆในขณะที่มือขวาก็สาวว่าวไม่หยุดพร้อมกับครางเสียงเครือออกมาไม่หยุดปาก...ไม่ใช่ว่าคริสโรคจิตหรือว่าอะไรแต่บางทีเวลาเห็นเมียเหนื่อยๆเขาก็ไม่อยากทำ จะดูหนังโป๊ก็ไม่ถึงใจเท่าดูของเมียเพราะงั้นจะมีรูปติดเครื่องไว้เผื่อสถานการณ์ฉุกฉินบ้าง มันก็ไม่แปลกอย่างเช่นตอนนี้...
นักธุรกิจมักมองการไกลเสมอ...
*
*
*
เวลาตีสี่กว่าๆ ดวงตาเรียวรีลืมขึ้นอย่างสะลึมสะลือภายในห้องนอนเดิมที่ถูกหิ้วปีกมา...จางอี้ชิงยันกายขึ้นกับเตียงด้วยหวังจะจะลุกไปเข้าห้องน้ำ เขารู้สึกมึนหัวหน่อยๆเหมือนจะแฮ๊งค์แต่ก็ไม่มีอาการคลื่นไส้ เขาเหลือบตามองนาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาตีสีสิบห้า ตอนนี้ที่แคนาดาคงเข้าช่วงบ่ายตอนที่เขาโทรศัพท์ไปเมื่อก่อนจะหลับก็ยังไม่ได้คุยกับลูกเลย
พอนึกได้ดังนั้นคนตัวเล็กก็เอนตัวลงกับเตียงเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกเบอร์สามีเพื่อที่จะโทรไปคุยกับลูกชาย วันนี้อู๋ฟ่านกับอี้ฟานไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะตื่นสายแล้วก็คงไปทำงานกับพ่อเหมือนทุกทีไม่รู้ว่าจะไปก่อกวนที่ทำงานหรือเปล่า
เสียงตู้ดรอสายยังคงดังไปเรื่อยๆเพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงใสแจ๋วของลูกชายที่ตะโกนเข้ามาใส่โทรศัพท์และไม่ว่าเมื่อไหร่มันก็ยังให้เขาอมยิ้มทุกทีที่ได้ยิน
[คุณแม่คร้าบ~]
“จ๋า~ น้องอู๋น้องฟ่านทำอะไรอยู่~”
[เล่มเกมคร้าบ รอคุณพ่อ~]
“รอคุณพ่อหรอ แล้วคุณพ่อไปไหน~”
[คุณพ่อเงี่ยนครับเลยออกไปห้างกับเลขา~]
“ห้ะ!!!!!!!!!!!!!”
อี้ชิงรีบดีดตัวลุกพรวดทันทีจนอาการสร่างเมาแทบจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง ถ้าเขาได้ยินไม่ผิดคือลูกกำลังบอกว่าพ่อมันเงี่ยนก็เลยออกไปข้างนอกับเลขา? จะว่าฟังผิดก็ไม่น่าใช้แต่ถ้าจะคิดว่าคริสทำจริงๆมันก็ยังไงๆอยู่
[ครับ~ คุณแม่กินข้าวหรือยัง~ ]
“พ่อออกไปตั้งแต่เมื่อ!!!!”
[นานแล้วครับ~ ไม่ได้เอาโทรศัพท์ไปคุณพ่อบอกจะซื้อข้าวเข้ามาให้ด้วย ]
“ถ้าคุณพ่อกลับมาบอกให้โทรหาคุณแม่ด้วย!!!!!”
[คร้าบ~ คุณแม่จะกลับวันไหนครับ]
“วันนี้!!! คุณแม่กำลังไปจองตั่วรอบด่วน!!!!!! วันนี้!!!!”
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
อี้ชิงรู้สึกเหมือนความโมโมในกายมันเดือดพล่านยิ่งกว่าไฟอเวจีในนรก เขารู้สึกสร่างเมาเป็นปลิดทิ้งแล้วรีบเดินไปเข้าห้องน้ำเตรียมอาบน้ำเพื่อที่จะไปสนามบินทันที ถึงแม้ว่าอี้ชิงเองจะไม่อยากเชื่อว่าคริสจะทำแบบนั้นจริงๆแต่เด็กๆไม่พูดโกหกอยู่แล้วไม่ว่ายังไงก็คงต้องคุยกันบ้าง.... เห็นกูนั่งเครื่องบิน33ชั่วโมงนี่มึงสนุกกันใช่ไหม!!!
ใช่ไหม!!!!!
อีคริส!!!!!!
ตอนหน้าจะจบมินิสตอรี่แล้วค่ะ ไปอ่านฉบับเต็มกันที่บล๊อก แล้วเราก็มาว่าด้วยเรื่องวีรกรรมป่วนของสามเสือกันยาวๆ ฮ่าาาาา อย่าลืมคอมเม้น และติดแท๊กซ์ #ฟิคทหารเสือ กันด้วยนะคะ :D
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น