“ห้ะ!! อีอี้ไปแคนาดา!! ”
“เออเจ๊...ตอนนี้อยู่หนามบินแล้วจะไปอยู่กับผัว มันบ้าปะวะ”
“ชิบหาย แล้วเอ๋อๆอย่างมันจะถูกฝรั่งหลอกไปขายไหมหนะ”
เสียงสนทนาของสามเก้งดังไปทั่วห้องแต่งตัว คีย์บอมยกมือกุมขมับท่าทางเครียดจัดเมื่อรู้ว่าลูกสาวสุดรักได้โบยบินออกไปจากอ้อมอกแล้ว...ไอ้มีผัวเป็นตัวเป็นตนมันก็ดีอยู่หรอก แต่ไอ้ฝรั่งนั่นไว้ใจได้แค่ไหนกัน
“แล้วมันก็เพิ่งโทรมาบอกเนี่ย บอกให้ลาออกให้ด้วยแล้วถึงแคนาดาจะโทรหา อีเหี้ยนี่กวนตีน” แบคฮยอนเอ่ยด่าเพื่อนกระเทยอย่างแรงที่ทำอะไรตามใจตัวเองจนทุกคนเป็นห่วงไปหมด
“แล้วอีฝรั่งนี่มันเป็นใครมาจากไหนเนี่ย โอ้ยยยย...” คีย์บอมร้องเสียงโอครวญด้วยความไม่ได้ดั่งใจเมื่อรู้สึกเหมือนโดนข้ามหน้าข้ามตาที่ลูกสาวทำอะไรไม่ยอมปรึกษาเพราะมัวแต่ไปหลงผัวฝรั่งนั่น แบบนี้มันเลี้ยงเสียค่าเหล้าจริงๆ
“นี่ไงพี่คีย์ อีอี้มันถ่ายรูปพาสสปอร์ตผัวมันส่งมาให้ ” แบคฮยอนว่าพร้อมกับเปิดจอสมาร์ทโฟนที่มีข้อมูลของ อู๋ อี้ฟาน ลูกครึ่งจีน-แคนาดาอย่างครบถ้วน อี้ชิงบอกว่าคริสให้ถ่ายส่งมาให้เพราะถ้าอี้ชิงเป็นอะไรไปจะได้ตามตัวคริสถูกและมีข้อมูลในการตามหา
“เห้ย ไหนวะ เดี๋ยวนะ เอารูปมาดูชัดๆดิ” คีย์หริ่วตามองก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์จากน้องเก้งมาดู เขารู้สึกคุ้นๆรูปผู้ชายในภาพมาก มันเหมือนติดอยู่ที่หัวแบบคุ้นสุดๆแต่จำไม่ได้ว่าเห็นจากไหนเหมือนจะเห็นบ่อยๆด้วยหละ
“อะไรวะมึง รู้จักอ่อ” ฮโยซอบชะโงกหน้าเข้าไปดูมือถือด้วยอีกคนอย่างสงสัย ใขขณะที่คีย์ขมวดคิ้วหน้านิ่วเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่างแล้วก็ร้องอ๋อออกมาเสียงดังพร้อมกับทำตาโตจนเพื่อนเก้งทั้งสองตกอกตกใจ
“อี้เหี้ย!!!!! นี่มันนายแบบในนิตยาสารนี่หว่า!! เควิ่นวูอะมึง!! กรี๊ดดดดดดด!!! อีเหี้ย!!! ทำไมกูวันนั้นกูมาไม่ทัน!!!” คิมคีย์กรีดร้องลั่นด้วยความเสียดายเมื่อนึกออกว่าไอ้ผู้ชายหน้าหล่อคนนี้เป็นใครเพราะเขาเห็นมันบ่อยๆในหนังสือแฟชั่นที่ดังไปทั่วโลก แต่น่าเสียดายที่วันนั้นเขาดันมาผับช้าไปหน่อยกระเทยรุ่นน้องเลยได้คาบไปแดกซะ
“เห้ย!!! จริงป้ะเจ๊!!! มันเป็นใครวะ!!” แบคฮยอนเองก็ตกใจจนร้องลั่นเช่นกัน วันนั้นเขาถึงว่าทำไมไอ้หนุ่มนั่นมันหล่อทุลุฟ้าดินเกินมนุษย์แบบแปลกๆแล้วนี่อีอี้ก็ไปอยู่กับเขาตั้งหลายวันไม่ได้รู้ห่าเหวอะไรเลย
“โอ้ยยย!! คาสโนว่าสุดอ่ะมึง! เสือผู้หญิอ่ะ แต่ฮีไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนนะ นี่กูชักเป็นห่วงลูกสาวกูละป่านนี้แม่งโดนชะนีที่อีนายแบบไปปล่อยไข่ไว้ตามมาตบมั่งยังก็ไม่รู้” คีย์เมาท์อย่างดุเดือด
“โอ้ย ชั่งมันเหอะ แค่รู้ว่าไม่ได้โดนหลอกไปขายก็ดีแล้ว เดี๋ยวคนมันดีไม่ดีอีอี้มันคงคิดได้เองอ่ะ” ฮโยซอบว่าสมทบ
“เห้ย แต่บ้านอีนายแบบมันรวยนะเว่ย แบบเป็นตระกูลนักธุรกิจเงี้ยแล้วถูกวางตัวให้ดูแลธุรกิจต่ออ่ะ กูจำได้มันให้สัมภาษณ์ในนิตยาสารเดือนที่แล้วอยู่” ขาประจำหนังสือแฟชั่นยังฝอยไม่หยุดเกี่ยวกับเควิ่นวูที่ตัวเองปลื้มนักปลื้มหนา ก็คนอะไรทั้งหล่อรวยมากคารมดีสุดแสนจะเพอร์เฟคถ้าไม่ติดตรงนิสัยเจ้าชู้อะนะ แต่ก็อย่างว่าแหละผู้หญิงมักชอบแบดบอย…
“อ๋อ...ประมาณแบบนักธุรกิจด้วยนายแบบด้วยงี้ อื้อหือ...ถ้าอีอี้รู้นี่คงฟินชิบหาย” แบคฮยอนพยักหน้าตาม
“แม่งเสียดาย มึง...พรุ่งนี้มึงพากูไปผ่าหอยแบบอีอี้หน่อย กูอยากได้ผัวนายแบบบหล่อรวยบ้าง” คีย์บอมจิ๊ปากในลำคอทำหน้าเบ้ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนสาวอย่างทีเล่นที่จริง ถ้าเป็นกระเทยแล้วมันจะโชคดีเหมือนหนูตกถังขาวสารแบบนี้คีย์ก็ยอมเลิกเป็นเก้ง
“โอ้ยย พามึงไปผ่าผัวมึงก็ได้มาฆ่ากูสิคะ เผลอๆติดคุกไม่มีข้อหา เป็นคุณนายอธิการบดีนั่นแหละดีแล้วค่ะไม่ต้องพล่าน” ฮโฮซอบจีบปากจีบคอแซวเพื่อนตัวเล็กด้วยความหมันไส้
“ก็ขอให้มันโชคดีอ่ะนะ แต่ถ้าช้ำกลับมากูจะบินไปสับอีนายแบบถึงแคนนาดาเลย!!”
10 ชั่วโมงต่อมา
เครื่องบินเริ่มแลนดิ้งลงรันเวย์ลดระดับจากเหนือปุยเมฆมาอยู่ใต้เมฆ จาง อี้ชิงเกาะกระจกดูวิวอย่างตื่นเต้นเพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตกระเทยที่ได้ขึ้นเครื่องบิน อีกเพียงนิดเดียวล้อก็จะแตะพื้นแล้วถึงตอนนี้จะเป็นเวลากลางคืนแต่ยังไงมันก็สวยอยู่ดีจากไฟทั้งของท่าอากาศยานและเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นจากท้องฟ้ายามค่ำคืน
“welcome to Canada ค่ะ” คริสเอนตัวหันหน้าไปจุ้บแก้มคนตัวเล็กที่เอาแต่หันหน้าออกกระจกเบาๆก่อนจะหยิบลุกขึ้นยืนหยิบเอาเสื้อโค้ทตัวใหญ่กับแว่นตาและหมวกลงจากช่องเก็บของ เครื่องบินวิ่งไปตามทางรันเวย์ยาวเหยียดเพียงไม่นานเครื่องก็หยุดลงก่อนที่เสียงกล่าวอวยพรจากพนักงานสายการบินจะดังขึ้น
“ต้องลงแล้วหรอ” อี้ชิงหันซ้ายหันขวาเมื่อเห็นคนอื่นๆเริ่มลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋าจากช่องเก็บของ เขาเองลุกขึ้นยืนบ้างแต่ไม่ทันจะเอื้อมเอากระเป๋าตัวเองคริสก็เอามันไปถือแล้ว
“อย่าเดินห่างนะ” คริสใช้มือข้างที่ว่างกอดรั้งเอวคนตัวเล็กให้เข้ามาใกล้ตัว เขากลัวว่าถ้าไม่จับอี้ชิงเอาไว้เดี๋ยวคนตัวเล็กจะเดินหายหลงไปไหนหรืออาจจะโดนดันจนล้มเพราะดูแล้วท่าทางอี้ชิงจะไม่ค่อยรอบคอบระวังตัวเท่าไหร่ ยิ่งภาษาอังกฤษติดลบอย่างนี้มีหวังโดน ตม.หลอกไปไหนต่อไหนคริสคงเครียดแน่
“ทำไมต้องใส่แว่นอ่ะคะ” อี้ชิงถามขึ้นเมื่อเห็นคริสกางขาแว่นกันแดดออกแล้วยกขึ้นสวมทั้งๆที่ตอนนี้เป็นตอนกลางคืนแท้ๆ คริสไม่ตอบอะไรแต่สะบัดเสื้อโค้ทตัวใหญ่จนผ้าคลายก่อนจะนำมาคลุมตัวเขาไว้พร้อมกับหมวกแก้บหนึ่งใบมองดูแล้วเหมือนคนน่าสงสัยยังไงก็ไม่รู้
อีฝรั่งมันจะลักลอบเอากระเทยต่างด้าวเข้าเมืองป้าววะ...ในมันบอกวีซ่าจะส่งมาทีหลัง...
“ใส่ไว้นะ” คริสพูดแค่นั้นก่อนจะจูงมือเขาให้เดินตามทางไปเรื่อยๆจนไปถึงจุดตรวจเอกสารนู่นนี่นั่นที่อี้ชิงไม่เข้าใจ คริสเป็นคนจัดการทุกอย่างรวมถึงบอกให้เขาถอดหมวกเพื่อมองเครื่องตรวจจับใบหน้าด้วย พอจัดการอะไรเสร็จคริสก็ใส่หมวคืนให้เขาแต่เพราะหมวกมันใบใหญ่พอกดลงมาแรงเลยปิดแทบมิดตาเลยทีเดียว
“เราลักลอบเข้าเหมืองหรอคะ” อี้ชิงถามอย่างไม่มั่นใจเพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนก็ทำหน้าที่ตามปกติดีไม่ได้มีท่าทีสงสัยหรืออะไร แต่ทำไมคริสต้องทำเหมือนกับเขาเป็นคนลักลอบเข้าเมืองยังไงก็ไม่รู้
“ยิ่งกว่าลักลอบเข้าเมืองอีก” คริสยิ้มออกมากับคำถามน่ารักๆของอี้ชิงก่อนจะเอื้มมือไปรับเอกสารทุกอย่างมาเก็บใส่กระเป๋า เขาสะพายเป้กับบ่าข้างดียวโดยที่มือก็ถือกระเป๋าอี้ชิงไว้ด้วยส่วนแขนอีกข้างคริสเลื่อนมันไปโอบเอวบางไว้ก่อนจะพาเดินออกไปจากเกทเพื่อไปขึ้นรถที่คริสสั่งให้คนเอามาจอดไว้ให้เมื่อสิบนาทีก่อน
‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!! อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!’
เสียงกรีดร้องดังลั่นทันทีที่เดินออกมาพ้นประตูเกทและดังมากจนทำเอาอี้ชิงตกใจสะดุ้งจนคริสต้องกอดกระชับให้แน่นขึ้น ฝูงชะนีนับห้าร้อยชีวิตกำลังกรีดร้องโหยหวนชูป้ายเย้วๆเหมือนกำลังประท้วงการเมืองอย่างบ้าคลั่งแถมบางคนยังพยายามจะตะปีนรั้วกั้นเข้ามาอีกด้วยจนยามต้องไปจับไว้ คำถามในหัวจาง อี้ชิงตอนนี้คือพวกนางมาทำอะไรกันที่นี่?!
อี้ชิงหันซ้ายหันขวาอย่างตื่นตระหนกมองดูว่าพวกเธอกำลังกรี๊ดใครแต่มองไปทางไหนก็มีแต่ยามทั้งนั้น คริสเดินเร็วกว่าปกตินิดหน่อยทั้งยังดึงเขาให้เดินตามไปด้วย เสียงกรี๊ดดังมากและดังขึ้นตลอดทางที่พวกเขาเดินผ่าน มันทำให้อี้ชิงงงไปหมดว่าเกิดอะไรขึ้นหรือคริสเป็นอะไรกันแน่?
อี้ชิงเลือกที่จะเก็บคำถามเอาไว้จนเดินออกพ้นประตูแต่ถึงกระนั้นก็ยังมีชะนีวิ่งตามออกมาอีกจำนวนมาก คริสเดินไปเปิดประตูรสสีดำคันหรูให้เขาขึ้นไปนั่งก่อนที่ตัวเองจะเดินอ้อมไปอีกฝั่งอย่างรวดเร็วและทันทีที่คริสขึ้นรถมาคนตัวสูงก็บิดกุญแจรถที่คาอยู่ที่เครื่องแล้วก่อนจะรีบกดปุ่มสตาร์ทแล้วขับออกไปทันทีโดยที่ยังมีเสียงชะนีตามเข้ามาหลอกหลอน
“ที่รัก เขามารับใครหรอ” อี้ชิงไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าคนพวกนั้นมารับคริสหรือเปล่าหรือว่าพวกเขาแค่เดินผ่านกลุ่มคนที่มารอรับดารานักร้อง...แต่จะว่าไปอี้ชิงก็เห็นนะว่าพวกเธอวิ่งตามเขามา
“เควิ่นวู” คริสตอบพร้อมกับถอดแว่นกันแดดออก เขายกยิ้มนิดๆให้กับคนตัวเล็กก่อนจะยกมือขึ้นปรับกระจกมองหลัง
“ใครหรอคะ” พอได้ยินชื่อเควิ่นวูอี้ชิงก็ออกอาการสงสัยทันทีเพราะถ้าพวกนั้นมารับอีตาเควิ่นแล้วพวกหล่อนจะวิ่งตามเขาทำเบื้อกอะไรก็ไม่ทราบ ทำเอาคนขวัญอ่อนอย่าง จาง อี้ชิงตกอกตกใจหมด
“นายแบบหนังสือ Fashion time ไงคะ รู้จักไหม” คริสหัวเราะออกมาน้อยๆอย่างนึกขำเมื่ออี้ชิงยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนรักของคนมีชื่อเสียง ขนาดผู้หญิงกรี๊ดลั่นและวิ่งตามขนาดนั่นอี้ชิงก็ยังไม่รู้ตัวอีก มันทำให้คริสรู้สึกตลกจริงๆ
“หนังสือของแคนาดาหรอ” อี้ชิงรู้สึกคุ้นๆเหมือนเขาเคยเห็นหรือได้ยินชื่อหนังสือนี้ตอนอยู่ที่เกาหลี แต่บางทีอี้ชิงอาจจะแค่จำผิดเพราะส่วนใหญ่หนังสือแฟชั่นก็จะตั้งชื่อคล้ายๆกันทั้งนั้น
“ส่งขายทั่วโลกหนะ” คริสมั่นใจว่าอี้ชิงจะต้องนึกออกแน่ถ้าพูดแบบนี้ เขาอยากจะเห็นสีหน้าคนตัวเล็กตอนที่รู้ว่าคริสคนนี้คือเควิ่นวูนายแบบทายาทธุรกิจที่ดังไปทั่วโลก คริสอยากจะรู้ว่าอี้ชิงจะรู้สึกแบบไหนที่รู้ว่าตัวเองได้เป็นแฟนของผู้ชายที่ผู้หญิงหลายคนทั่วโลกอยากจะครอบครอง
“อ๋อ...ค่ะ” อี้ชิงไม่ตอบอะไรกลับไปมันไม่ใช่เรื่องของเขาอยู่แล้ว อี้ชิงไม่ได้ชอบอ่านหนังสือแฟชั่นเท่าไหร่ปกติเวลาอยู่ในผับก็ให้คีย์คอยดูเสื้อผ้าให้ส่วนหน้าผมก็ต้องยกให้อิแบคกับเจ้ฮโย
“นี่ยังไม่รู้อีกหรอเนี่ย” คริสซบหน้าลงกับพวงมาลัยรถหัวเราะขำออกมาสุดๆจนฟันออกปาก ไอ้เรื่องที่อี้ชิงไม่เคยขึ้นเครื่องบินไม่เคยนอนโรงแรมหรูนี่คริสว่าไม่แปลกแต่การที่คนตัวเล็กไม่เคยอ่านนิตยาสารที่โด่งดังจนขึ้นอันดับหนึ่งในหลายสิบประเทศนี่มันทำให้คริสรู้สึกจี้จริงๆ
“ทำไมหรอ เขาเป็นอะไร” อี้ชิงหันไปมองฝรั่งอย่างงงๆ เขาไม่รู้ว่าคริสขำทำไมหรือคริสกำลังตลกที่อี้ชิงไม่รู้จักนายแบบชื่อดัง? เขาเห็นคนตัวสูงเอื้อมมือไปล้วงอะไรสักอย่างที่ช่องเก็บของในประตูรถก่อนยื่นเอาหนังสือที่ถูกม้วนจนงอส่งให้กับเขา
“คนนี้ไงคะ” คริสยิ้มออกมานิดๆก่อนจะยกมือขึ้นจับพวกมาลัยขับรถต่อไปโดยปล่อยให้อี้ชิงได้ดูนิตยาสารที่เขาเป็นคนได้ถ่ายปกของเดือนก่อน
อี้ชิงรับเอาหนังมาสืออย่างงงๆแล้วคลี่มันออกจนแบนเพื่อให้อ่านง่ายขึ้น ในใจก็สงสัยว่าอิฝรั่งมันเป็นอะไรกับนายแบบนี่หรือเปล่าทำไมถึงได้พรีเซนต์มันจังหรือบางทีคริสอาจจะแอบกุ้กกิ้กนายแบบเก้งอยู่ เขาเลือกเปิดหนังสือจากหน้าหลังก่อนโดยเปิดแบบผ่านๆไปเรื่อยๆจนไปสะดุดกับใบหน้าของใครบางคนที่แสนคุ้นตาที่อยู่ในส่วนของคอลัมถ่ายแบบ
จาง อี้ชิงขมวดคิ้วแน่นจ้องมองบุคคลในหน้านิตยาสารสลับกับหันมองคนข้างๆ2-3ครั้งก่อนจะอ้าปากค้าง เขาเปิดไปดูหน้าอื่นๆในนิตยาสารนั้นแล้วก็เห็นอีฝรั่งนี่อยู่ในคอลัมถ่ายแบบอีกหลายๆหน้าเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็นแฟชั่นแต่งตัว บัตรส่วนลด แฟชั่น แบรนด์เนมหรืแม้แต่ภาพปก
อย่าบอกนะว่าผัวกูเป็นนายแบบ....
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!
“คริส....คริสเป็นนายแบบหรอคะ...” จาง อี้ชิงถามอย่างไม่เชื่อสายตา ไหนคริสบอกกับเขาว่าทำธุรกิจอยู่ไหงกลายมาเป็นนายแบบได้แล้วสรุปคือที่คริสต้องไปหากินกับสาวนอกประเทศก็เพราะเรื่องชื่อเสียงใช่ไหม?
“ครับ ไม่รู้จักหรอ เสียใจจัง” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่คริสก็ยังยิ้มออกมากับความน่ารักของจาง อี้ชิง คนอะไรทำอะไรก็น่ารักไปหมด มันทำให้เขาคิดว่าถ้าอี้ชิงยอมเผยตัวตนออกมาตั้งแต่ทีแรกคริสก็คงไม่ต้องใช้เวลาตัดสินใจนานจนเกือบจะดราม่าเสียรักแรกพบไป
“คริสบอกอี้ว่าเป็นนักธุรกิจนี่”
“ก็เป็นนายแบบด้วยไงคะ ที่บ้านทำธุรกิจคริสเลยต้องทำงานด้วย” คริสตอบอย่างสบายๆเกี่ยวกับชีวิตเพอร์เฟคของตัวเอง เขาไม่คิดหรอกว่าอี้ชิงตกต่ำหรือไม่คู่ควรเพราะอี้ชิงไม่ใช่คนแบบที่ใครๆเห็น แฟนเขาแค่ทำงานกลางแต่ไม่ได้ขายตัวหรือต่อให้อี้ชิงผ่านใครมามากคริสก็ให้อภัยกับเหตุผลของมัน...แต่หลังจากนี้จะไม่มีแล้วหละ
“แสดงว่าเมื่อกี้แฟนคลับหรอ” อี้ชิงถามอย่างอึ้งฟ เขารู้สึกหน่วงๆในใจยังไงก็ไม่รู้เมื่อรู้ว่าคริสเป็นนายแบบมีชื่อเสียงแถมยังดังไปทั่วโลกด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นแสดงว่าแฟนคลับก็ต้องเห็นสิว่าคริสพาผู้หญิงกลับมาด้วยมันเหมือนเป็นการเปิดตัวหรือเปล่า?
อี้ชิงไม่อยากเข้าข้างตัวเองแต่คริสไม่ได้หลบซ่อนเขานอกจากปิดบังหน้าตาแบบนั้นก็หมายความว่าอี้ชิงเป็นตัวจริงแบบ100เปอร์เซนโดยที่ทุกคนรับรู้เลยใช่ไหม?
“ครับ คริสไม่อยากให้เขาเห็นหน้าที่รักนะ เดี๋ยวโดนตามสืบ” คริสไม่อยากเปิดเผยหน้าตาแฟนของเขาให้ใครรู้เพราะกลัวว่าพวกแฟนคลับจะไปตามหาข้อมูลอี้ชิงซึ่งมันเป็นละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวมากแล้วอีกอย่างก็เป็นการป้องกันพวกแฟนคลับหัวรุนแรงที่อาจจะตามมาทำร้ายด้วย
“มีคนเคยโดนด้วยหรอ” อี้ชิงถามอย่างอยากรู้อยากเห็น เขาเคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาบ้างเกี่ยวกับแฟนคลับโรคจิตที่ชอบตามติดชีวิตดาราที่ชอบโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวรวมถึงการทำร้ายร่างกายด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นชีวิตแฟนคนดังคงลำบากน่าดู
“ครับ เยอะแยะไป แต่ของคริสเป็นแฟนคนแรกไงคริสเลยเป็นห่วง” คริสใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างชั่งใจเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างก่อนจะเบนสมาธิไปที่การขับรถอย่างเดิม อี้ชิงเป็นแฟนคนแรกที่คริสเปิดเผยให้ทุกคนรู้แล้วเขาก็เป็นห่วงคนตัวเล็กมากด้วยว่าอาจจะโดนประโคมข่าวไม่ดีใส่หรือโดนตามหาข้อมูล แต่ถึงยังงั้นคริสก็ไม่ยอมทำอะไรหลบๆซ่อนๆแน่ก็ในเมื่อแหวนสัญญามันคามืออยู่ขนาดนั้น
ปกติแล้วเวลาคริสคบคนในวงการเขาจะไม่เปิดเผยเลยเพราะคริสคิดว่ามันเสียเวลาแถลงข่าวเพราะไม่เกิน2อาทิตย์เดี๋ยวก็เลิกกันแต่คราวนี้มันไม่ใช่ เขาจริงจังกับอี้ชิงมากถึงตัวเคริสเองจะไม่ค่อยแคร์ข่าวสังคมเท่าไหร่แต่การที่อี้ชิงต้องมาเสี่ยงแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรปล่อยไว้เช่นกัน
อี้ชิงรู้สึกเหมือนหน้าร้อนผ่าวตื้นตันไปทั้งอก เขาก้มลงมองแหวนนิ้วแล้วพยายามกลั้นน้ำตาแห่งความปีติเอาไว้ก่อนที่จะโดนฝรั่งหาว่าบ้าที่อยู่ๆก็ร้องไห้ อี้ชิงไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างกับชีวิตในต่างแดนแต่เขาก็เชื่อว่าคริสจะยืนอยู่ข้างๆเขาเพราะคำมั่นสัญญาที่ไม่ใช่แค่คำพูดที่คริสพ่นออกมาแต่รวมถึงการกระทำด้วย
“แล้วอี้ต้องเรียนภาษาอังกฤษไหมคะ” เมื่อได้อยู่ใกล้คนที่ไว้ใจแล้วอี้ชิงก็ไม่คิดว่ามันจำเป็นที่จะต้องสร้างอีโก้ให้ตัวเองด้วยการแอ๊บฉลาดหรือต่อให้ไม่แอ๊บอี้ชิงก็เชื่อว่าคริสจะรู้ว่าเขาโง่ขนาดไหน
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวคริสเรียนภาษาเกาหลีเพิ่ม” คริสว่าแล้วก็ยิ้มออกมานิดๆ มันจะดูบ้าหรือเปล่าถ้าคริสจะบอกว่าเขาไม่อยากให้อี้ชิงพูดภาษาอังกฤษได้นอกจากพื้นฐานเล็กๆน้อยๆที่เขาจะสอนให้ เพราะที่แคนาดาเป็นประเทศเปิดรับเพศที่สามหรือเพศอะไรก็แล้วแต่ซึ่งนั่นทำให้กระเทยเป็นเหมือนกับเพศปกติที่ไม่ได้แปลกประหลาดอะไรในสายตาคนอื่นๆหรือผู้ชายที่คบกับเพศที่สามเองก็ไม่ได้ถูกมองแปลกประหลาดด้วยเพราะงั้นการคบกับสาวประเภทสองเป็นเรื่องธรรมดามาก
แต่ที่เป็นปัญหาคือผู้ชายตะวันตกมักมีรูปร่างใหญ่ตัวใหญ่พอเวลาแปลงออกมาแล้วดูไม่เนียนดูหลอกตาทำให้สาวประเภทสองที่เป็นคนเอเชียเป็นที่นิยมมากในแคนาดา แล้วยิ่งอี้ชิงตัวเล็กน่ารักนมใหญ่นุ่มนิ่มขนาดนี้ถ้าเดินไปทางไหนใครๆก็คงอยากจะเข้ามาคุยด้วยแน่และนั่นไม่ใช่สิ่งที่คริสต้องการ
เอาตรงๆคือหวงนั่นแหละ... รู้จักแค่ Yes No Ok กับคำว่า Yifan love Yizing ก็พอแล้ว
“คริสพูดภาษจีนไหมคะ” อี้ชิงลังเลนิดหน่อยที่จะถาม เขากังวลว่าคริสจะโกรธหรือเปล่าถ้ารู้ว่าอี้ชิงโกหกว่าพูดภาษาจีนไม่ได้
“หื้อ? ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูดก็ได้นี่คะ” คริสรู้อยู่แล้วว่าอี้ชิงเป็นคนจีนแน่จากแซ่ที่เป็นชื่อจีนแต่อี้ชิงอาจจะเกิดที่เกาหลีหรืออะไรเทือกนั้น อีกอย่างในโทรศัพท์อี้ชิงก็มีการจดบันทึกเป็นจีนย่อและมีคลิปวิดีโอเป็นภาษาจีนกลางด้วย แต่ถึงอย่างนั้นถ้าอี้ชิงไม่อยากพูดภาษาจีนกับเขาไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่คริสก็ไม่อยากบังคับ
“ถ้าคริสสะดวกพูดจีนอี้พูดจีนก็ได้นะ” อี้ชิงเริ่มรู้สึกผิดนิดๆเหมือนอีฝรั่งมันประชดยังไงก็ไม่รู้ เขากลัวว่าเดี๋ยวอีฝรั่งมันจะหาว่ากระเทยปิดบังซ้อนเร้นไม่จริงใจเพราะงั้นอี้ชิงจะยอมพูดจีนด้วยก็ได้
“我愛你”คริสแกล้งเล่นมุกทำเหมือนคนต่างชาติพูดภาษาจีนแบบสั้นๆห้วนๆก่อนจะยิ้มออกมาในขณะที่อี้ชิงหัวขำไม่หยุด คริสกำลังมีความสุขมากอย่างที่ไม่เคยเป็น เขาไม่รู้สึกคิดมากหรือกังวลเหมือนตอนอยู่ที่เกาหลีแม้ว่าในใจจริงๆแล้วคริสอาจจะไม่ได้รักอี้ชิงก็ได้แต่มันก็ถือเป็นการเริ่มต้นความรู้สึกดีๆใช่ไหม?
ถ้าพูดตรงๆคือคริสไม่เคยรักใคร เขาไม่รู้ว่าเวลารักใครสักคนมันรู้สึกยังไง คริสรู้แค่ว่าเขาอยากให้อี้ชิงอยู่ใกล้ๆ อยากกอดไว้แน่นๆแม้ไม่ต้องมีอะไรกัน รู้สึกหวงไม่อยากให้เข้าหาและที่ชัดเจนคือคริสไม่ต้องการเห็นอี้ชิงเจ็บปวด...
มันเป็นความรู้สึกที่ชัดเจนที่สุดในตอนที่คริสมัวแต่ลังเลว่าจะปล่อยมือหรือยื้อไว้ เขาคิดหลายอย่างในหัวและพยายามใช้สมองแทนหัวใจจนกระทั่งเห็นว่าอี้ชิงร้องไห้เพราะตัวเขา จนถึงตอนนั้นคริสก็ยังพยายามคิดให้มากเขาถามอี้ชิงด้วยคำถามโง่ๆว่าทำไมต้องยึดติดกับความรักมากขนาดนั้นแต่พอได้รับคำตอบคริสก็ยิ่งดำดิ่งเจ็บจุกไปทั้งใจ
คริสตัดระยะเวลาที่เขาเพิ่งเจอกับอี้ชิงออก ตัดสถานภาพ และทุกอย่างจนเหลือแต่ความรู้สึกแล้วถามตัวเองว่าต้องการแบบนี้หรือเปล่าแต่คำตอบก็คือไม่ คริสไม่ต้องการเดินหนีไปคนละทางกับอี้ชิงไม่ว่าจะอยู่ไปอีก3วัน7วันหรือกี่เดือนเขาก็คิดว่าตอนสุดท้ายตัวเองจะเลือกผูกความสัมพันอยู่ดีเพราะอย่างนั้นคริสถึงได้กล้ายืนยันความรู้สึกตัวเอง แล้วมันก็เป็นอย่างที่หัวใจนำทางจริงๆ
เขาอยู่เกาหลีต่อกับอี้ชิงอีก5วันจนครบ7วันในสถานะคนรักซึ่งตลอดเวลาคริสไม่เคยนึกถึงเรื่องอื่นเลยนอกจากคนตรงหน้า ไม่มีความรู้สึกลังเลหรือชั่งใจอยู่ในหัว ถ้าการใช้หัวใจตัดสินปัญหาเป็นเรื่องโง่เง่าคริสคงจะเป็นคนโง่เต็มทีเพราะทุกวันที่อยู่ด้วยกันคริสยิ่งกว่ารู้สึกลุ่มหลงจางอี้ชิงเสียอีก มันเหมือนกระแสน้ำเชี่ยวที่ถูกกลั้นด้วยสมองพอเลิกคิดเลยกลายเป็นว่าคริสปล่อยตัวตามความรู้สึกแล้วทำทุกอย่างที่อยากจะทำจนวันสุดท้ายของสัปดาห์ถูกยกเลิกไป...ไม่มีวันสุดท้ายสำหรับเขากับอี้ชิง....เป็นเพียงวันสุดท้ายแห่งการท่องเที่ยวที่หาดส่วนตัวเท่านั้น
ถ้าหากตอนนี้ความรักกำลังทำให้คริสตาบอดเขาก็จะยอม ถ้าหากเป็นคนตาบอดแล้วจะมีความสุขขนาดนี้ก็นะ...
ฉันก็ไม่รู้มันจริงหรือเปล่า…ฉันก็ไม่รู้มันจริงไหมที่เธอบอกรัก
ที่เธอบอกฉัน.....ฉันจะเชื่อเธอได้ไหม
ที่เธอบอกฉัน.....ฉันจะเชื่อเธอได้ไหม
เธอไม่ได้รักวันเดียวใช่ไหม...
เธอจะมีฉันเรื่อยไปไหม....ตื่นมาตอนเช้าจะเจอเธอไหม....ไม่ใช่แกล้งให้หวั่นไหวแล้วก็ทิ้งกันไป...
เธอจะมีฉันเรื่อยไปไหม....ตื่นมาตอนเช้าจะเจอเธอไหม....ไม่ใช่แกล้งให้หวั่นไหวแล้วก็ทิ้งกันไป...
“โกหก” อี้ชิงหัวเราะขำก่อนจะเอนตัวพิงเบาะนั่ง นี่ใช่ไหมความรู้สึกที่เรียกว่ามีแฟน...หยอกล้อ บอกรัก It’s not one-nightstand อี้ชิงหลับตาลงฮัมเพลงที่ชอบในลำคอเบาๆเขาตื่นเต้นจริงๆกับชีวิตใหม่ในต่างแดนที่เกิดขึ้นแบบกระทันหัน ถึงอี้ชิงจะคิดถึงเพื่อนเก้งที่โซลแต่เขาก็เลือกจะเดินไปตามทางนี้เพราะยังไงเพื่อนก็ไม่ทิ้งเขาอยู่แล้วอีกอย่างถ้าทุกคนได้เห็นอี้ชิงมีชีวิตดีๆทุกคนจะต้องดีใจแน่
อี้ชิงรู้สึกได้ถึงแรงกดทับเบาๆที่หลังมือ เขาปรือตาขึ้นมองมือข้างขวาของตัวเองที่ถูกคริสยกไปกุมเอาไว้หลวมๆก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง
“请你当我手心里的宝” คริสพึมพัมเบาๆ เขาบีบฝ่ามือเล็กในกำมือแน่นเป็นการตอกย้ำว่าสิ่งที่คริสพูดออกไปนั้นเขาไม่ได้แค่พ่นออกไปพล่อยๆหรือพูดจาหว่านล้อมเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ...คริสไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น เขาแค่อยากพูดให้อี้ชิงได้ฟังแล้วมีความสุข....
“自从你出现后 我才知道原来有人爱是那么的美好…“
+
อี้ชิงเดินวนไปวนมาเปิดห้องนู้นห้องนี้ทั่วบ้านด้วยความซุกซน เขารู้สึกตื่นเต้นและชอบจริงๆกับรูปทรงของบ้านที่ไม่เล็กแต่ไม่ก็ใหญ่หลังนี้...บ้านหลังใหม่ในแคนนาดา...
อี้ชิงเดินไปรอบๆในขณะที่คริสกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคน เขาเดินไปนั่งยองๆดูเตาผิงที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเพราะปกติเคยใช้แต่ฮีตเตอร์ก่อนจะลุกขึ้นไปแหวกม่านดูเกล็ดหิมะขาวๆที่ตกลงปรอยๆลงมาติดขอบหน้าต่าง พออี้ชิงพ่นลมหายใจทีกระจกก็ขึ้นเป็นฝ้าทีและด้วยนิสัยที่ติดมาตั้งแต่เด็กอี้ชิงก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้ววาดลงบนฝ้าสีขาวเป็นรูปหัวใจ
“ชอบที่นี่หรือเปล่าคะ” คริสเดินเข้าไปกอดคนตัวเล็กจากด้านจนตัวอี้ชิงแนบติดผนัง เขาเห็นอี้ชิงใช้นิ้ววาดกระจกเป็นรูปหัวใจจากไอน้ำแต่ไม่ทันจะได้เอามือลงคริสก็ยกมือขึ้นจับมือเล็กไว้ก่อนจะบังคับมือให้นิ้วขยับไปมาลากเป็นคำต่อจากรูปหัวใจ
♡ 艺兴
*Yixing
อี้ชิงเม้มปากแน่นเมื่อรู้สึกเขินจนแทบระเบิดตัวเป็นโกโก้ครั๊นซ์ หัวใจของเขากำลังเต้นเพลง super bass ของ นิคกี้ มินาจ บูมๆๆๆบะบูมๆๆบะบูมๆๆๆเบจนไม่เป็นจังหวะ ทั้งสัมผัสอบอุ่นที่หลังมือและข้อความที่ต่อจากรูปหัวใจนั่นมันทำให้อี้ชิงเขินทำอะไรไม่ถูกจริงๆทำไมอิฝรั่งมันถึงได้ชั่งหยอดแบบนี้นะ
“พูดบ่อยนี่เชื่อได้ไหมคะ” อี้ชิงหันหน้าไปจูบปลายคางคนตัวสูงที่ยืนกอดเขาและโยกตัวไปมาอยู่ข้างหลัง อี้ชิงไม่ได้อยากหาเรื่องแซะหรอกเขาแค่หยอกเล่นเท่านั้นเพราะอี้ชิงมั่นใจว่าไม่มีชะนีหน้าไหนเคยได้ใส่แหวนเพชรนี่
“หื้อ...คำนี้คริสไม่เคยพูดกับใครนะคะ” คริสว่าก่อนจะเลื่อนหน้าลงไปจูบริมฝีปากอิ่มอย่างลึกซึ้ง ไม่มีการสอดลิ้นจาบจ้วงเป็นแค่เพียงการดูดดุนกรีบปากกันภายนอกเบาๆในขณะที่คริสโยกตัวไปมาเบาๆและกอดกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น
“ขอยืมโทรศัพท์ได้ไหมคะ” อี้ชิงเป็นคนผละปากริมฝีออกก่อนจะส่งยิ้มไปให้คนตัวสูง คริสก้มลงจูบที่ขมับเขาอีกทีแล้วยื่นโทรศัพท์ที่เพิ่งควักออกจากกระเป๋าส่งให้
อี้ชิงรับมันมาเตรียมจะกดหมายเลขแต่พอปลายนิ้วสัมผัสหน้าจอมันก็ขึ้นให้ไสลด์เพื่อปลดล๊อก เขารูดแถบไสลด์จนหน้าจอปรากฏช่องสีเหลี่ยมให้ใส่รหัสผ่านอี้ชิงจึงยื่นไปให้คนด้านหลังปลดล๊อคให้
“หกสิบเอ็ดเจ็ดหนึ่งศูนย์” คริสไม่รับโทรศัพท์มาปลดล๊อคเองแต่กลับบอกรหัสผ่านกับคนตัวเล็กแทน เขาบอกแล้วว่าความสัมพันครั้งนี้จริงจัง คริสเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ ลบอดีตสำส่อนของตัวเองทิ้งและอี้ชิงมีสิทธ์ที่จะใช้โทรศัพท์ของเขาเมื่อไหร่ก็ได้...คริสยอมทำทุกอย่างเพื่อซื้อความเชื่อใจ
“วันเกิดหรอคะ” อี้ชิงกดรหัสผ่านตามที่คนตัวสูงบอกจนมันปลดล๊อค เขายังไม่ได้กดหมายเลขโทรหาใครทันทีแต่กลับถามถึงที่มารหัสผ่านแทน คนส่วนใหญ่มักตั้งรหัสผ่านตามวันเกิด วันสำคัญ ชื่อคนรักหรือปีเกิดอะไรแบบนี้อี้ชิงก็แค่อยากรู้รหัสผ่านคริสมันมาจากอะไร
“ค่ะ คริสเกิดวันที่6พฤศจิกาแต่อันหลังของแฟน”
พอได้ยินคำตอบจากปากคนตัวสูงก็อี้ชิงรู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกวูบคล้ายจะหมดแรงจนแทบปล่อยโทรศัพท์ล่วงพื้นเพราะเขาคิดว่ามันอาจจะเป็นวันเกิดแฟนก่าของคริส
โอเค อี้ชิงรู้สึกแย่...
แต่วันที่7เดือน10นี่มันวันเกิดกูนี่หว่า....
.
.
.
.
.
.
โถ่วววววววววววววววววววววววววววววว!!! ผัววววววววววววววว!!! น่ารักจุงเบยยยยยยยยยยยยย!! TT^TTT
อี้ชิงนิ่งชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความเขินโดยที่ที่คริสก็ยิ้มออกมาเช่นกัน แบบนี้แสดงว่าคริสแอบไปสืบเรื่องของเขามาแล้ว
ดูท่าอิฝรั่งนี่จะหนักกว่ากูอีกนะคะ อนาคตฉายแววกลัวเมียงั้นกูขอทดสอบนิดนึงนะสามีว่ามึงจริงใจแค่ไหน
“แล้วใช้วันเกิดแฟนไม่กลัวแฟนค้นโทรศัพท์หรอคะ” อี้ชิงแกล้งหยอด เขาอยากจะรู้ว่าคริสทำอะไรเพื่อเขาบ้างในช่วงเวลา5วันตอนที่อยู่กันที่เกาหลีนอกจากเปลี่ยนพาสเวิร์ดโทรศัพท์
“ก็อยากให้ค้นไงคะถึงบอกให้รู้” คริสยิ้มกริ่มอย่างเหนือชั้น ถ้าอี้ชิงคิดจะลองหยั่งเชิงกับอดีตคาสโนว่าอย่างคริสหละก็ลืมไปได้เลยเพราะเขาเชื่อว่าลีลาชั้นเชิงและการอ่านเกมส์ของเขาเหนือชั้นกว่า ไม่ต้องมาทำไก๋พูดหยอดทำเหมือนไม่อยากค้นโทรศัพท์หรอกแค่อ้าปากคริสก็เห็นไปถึงลิ้นไก่แล้วว่าอี้ชิงอยากอยากจะพูดลองใจเขา
อี้ชิงแค่ระบายยิ้มออกมาน้อยๆแต่ไม่ได้ตอบอะไร เขากดเข้าไปดูแกลลอรี่ก่อนเลยเป็นที่แรกแล้วเลื่อนจอดูภาพรวมผ่านๆอย่างไม่ได้เจาะจงแต่ปรากฏว่าภาพสสาวๆคนอื่นที่เคยมีในอัลบั้มถูกลบไปหมดแล้ว รวมถึงภาพเพื่อนคริส ภาพรถหรือภาพอะไรก็ตามที่เขาเคยเห็นเมื่อวันก่อน สรุปง่ายๆคือคริสลบรูปหมดไม่ว่าจะรูปเพื่อนหรือรูปใครเหลือแต่ภาพเมียเอาไว้เต็มแกลลอรี่ถึง200กว่าภาพ
โอเค อี้ชิงอนุมัติให้คริสผ่านในเรื่องการทำให้ผู้หญิงสบายใจ มันทำให้เขารู้สึกดีมากเพราะการกระทำแบบนี้ แต่อี้ชิงไม่รู้ว่าคริสจะรู้หรือเปล่าว่ามีแต่พวกกลัวเมียเท่านั้นแหละที่ทำ...
หึๆ...อิฝรั่ง....กระเทยขอสาปเจ้าให้เป็นทาสมนุษเมียบัดดี๋ยวนี้!!!!
“ที่รักน่ารักจังเลย” อี้ชิงพูดเสียงหวานก่อนจะหันหลังกลับกอดคนตัวสูงแน่น ถ้าคริสทำดีแบบนี้มันต้องให้รางวัลเป็นพิเศษแบบจัดหนักแล้วจากนั้นก็อ้อน อ้อน อ้อน ในมันเสพติดความน่ารักของมนุษย์จนขาดไม่ได้ แล้ววันนึงแค่กูเบะปากแม้แต่ดาวบนฟ้ามึงก็จะหามาให้เชื่อเลย!
“ครับ ไหนบอกจะโทรศัพท์ก็โทรสิ คริสจะเอาของขึ้นไปจัดของก่อน” คริสก้มลงจูบลงบนเรือนผมนุ่มหนึ่งทีก่อนจะผละตัวออกมาปล่อยให้อี้ชิงได้ใช้โทรศัพท์ คริสไม่รู้ว่าอี้ชิงจะคิดยังไงที่เขาทำแบบนี้แต่ถ้าทำแล้วมันทำให้คนตัวเล็กมีความสุขคริสก็ยินดีจะทำ
พวกหญิงก็เป็นแบบนี้...ชอบอ้อนชอบทำตัวน่ารักให้ผู้ชายตามใจจนเคยตัว พอวันนึงเขาไม่ตามใจก็ร้องไห้เสียใจหาว่าเปลี่ยนไป หาว่าไม่รักแล้วก็คิดมากไปเอง...ตัวเองทำตัวเองแท้ๆยังจะมาโทษแต่ผู้ชาย...
คริสไม่นึกเลยว่าอี้ชิงจะออกลายมนุษย์เมียตั้งแต่ยังไม่ทันได้แต่งงาน...แค่นี้คริสก็พอมองเห็นอนาคตการเป็นทาสรักของตัวเองแล้วหละ...
"
”请你当我手心里的宝”
ขอให้คุณเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในมือของผม
“自从你出现后 我才知道原来有人爱是那么的美好…“
ตั้งแต่ที่คุณเข้ามา ฉันก็เพิ่งได้รู้ว่าการที่มีคนรักเรามันดีขนาดไหน...
-END EP.1-
โอ้พระเจ้าาาาา ทนอดสกรีมไม่ไหวแล้วจริง TT ธรรมดาไม่ค่อยจะคอมเมนต์ให้ชาวล้านเค้า บางทีก็คอมเมนต์รวบยอดตอนอ่านจบ นี่คือสุดยอด เป็นฟิคที่น่ารักมากฮรือ ต้องขอโทษนะคะ แต่ถ้าตอนไหนกรี้สสุดจะคอมเมนต์ให้ ว้สกกกก พี่ฟานน่ารักไป ฮรือ อี้ชิงแกน่าอิจฉาาาา -//-
ตอบลบ