PS.ไม่ดราม่านะคะ พอหน่วงๆ
ในบรรยากาศอึมครึมของช่วงบ่ายวันเสาร์ ท้องฟ้าปกครุมด้วยเมฆก้อนดำที่พร้อมจะกลั่นตัวป็นหยดน้ำได้ทุกเมื่อ
ในบรรยากาศอึมครึมของช่วงบ่ายวันเสาร์ ท้องฟ้าปกครุมด้วยเมฆก้อนดำที่พร้อมจะกลั่นตัวป็นหยดน้ำได้ทุกเมื่อ
อากาศหนาวเย็นทำให้ร่างเล็กๆที่นั่งอยู่ติดหน้าต่างกระชับผ้าคลุมให้แน่นขึ้น หัวทุยเอนซบกับลูกกรงหน้าต่างที่ถูกดัดเป็นลวดลายสวยงาม ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำใสสีใจจวนเจียนจะไหลทุกเมื่อเหม่อมองไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย
เหมือนทุกอย่างรอบตัวหม่นมองไปตามอารมณ์ เสียงเพลงในหูฟังสีขาวยังคงเล่นอย่างต่อเนื่อง หยาดน้ำตาไหลลงซ้ำรอยเดิมอย่างไม่ขาดสาย จาง อี้ชิงกัดริมฝีปากอย่างข่มอารมณ์ หลายสิ่งหลายอย่างหลั่งไหลเข้ามาในหัวเขาอย่างไม่หยุดหย่อน
หลังจากที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่แสนแย่ไปหมาดๆ หลังจากที่เพิ่งจะทะเลาะกับแฟนหนุ่ม.. “คริส”
อี้ชิงยังจำใบหน้าเกี้ยวกราดของอีกฝ่ายได้ เสียงตะคอกดุดันที่ไม่เคยได้ยิน พร้อมกับถ้อยคำที่กรีดใจเขาแบบไร้เยื่อใย รวมทั้งคำพูดที่ทำเหมือนกับว่าเขาคนนี้ไม่เคยเป็นที่สำคัญกับอีกฝ่าย พร้อมกับตัดขาดความสำพันที่ยาวนานให้จบลงในระยะเวลาสั้นๆ
“เราเลิกกันเถอะเลย์ ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่อง”
อี้ชิงรู้สึกว่าเสียงนั้นยังดังวนอยู่ในสมอง เหมือนกับภาพคริสที่หยิบเสื้อสูทแล้วหันหลังเดินจากไป โดยที่ไม่สนใจว่าเขานั้น “เสียใจเหลือเกิน”
อี้ชิงไม่ชอบทุกทีที่เขากับคริสทะเลาะกันด้วยคำพูดหยาบคายหรือน้ำเสียงตะคอกและท่าทางก้าวร้าว แต่ที่ไม่ชอบมากกว่าคือการที่แก้ปัญหาด้วยการหันหลังให้กันตลอดไปแบบนี้ ม่านน้ำตาบดบังทัศนียภาพจนพร่าเบลอ คนตัวเล็กกอดร่างที่สั่นเทาของตัวเองแน่น ทำไมเวลาที่รู้สึกแย่แบบนี้ถึงไม่มีคริสอยู่ข้างๆเหมือนที่ผ่านมา หรือเป็นเพราะคริสจากเขาไปแล้ว..
จากไปพร้อมกับสายตาที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน ใบหน้าที่มีน้ำตาเหมือนกับเขา..
ช่วงหลังมานี้อี้ชิงกับคริสมีปัญหากันมามากจนต่างฝ่ายต่างเหนื่อยที่จะต้องเพชิญหน้าหรือต่อกรคำพูดกัน จนกลายเป็นว่าต่างคนต่างไม่พูดกันในที่สุด บ้านที่เคยมีเสียงหัวเราะร่วมกันเงียบลงอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่มีแม้แต่ท่าทางที่แสดงออกว่ายังรักหรือเป็นห่วงกัน ถึงแม้ในใจเขาเองก็เรียกร้องอยากจะให้คริสหันมามองแทบขาดใจแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร
ไม่รู้ว่าต่างคนก็เสียใจไม่แพ้กัน…
คริสไม่กลับบ้านและอี้ชิงไม่ใส่ใจจะตามหา ไม่คิดจะถามหรือแสดงท่าทีเป็นห่วงเป็นใยเหมือนแต่ก่อน คริสเองก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่าอี้ชิง เมื่อเรื่องราวยืดเยื้อเกินกว่าจะจำใจทน อี้ชิงจึงเป็นคนเปิดบทสนทนาขึ้นและมันเป็นเหมือนการสนทนาฝ่ายเดียวมากกว่า คริสไม่ตอบโต้น้ำเสียงตะคอกและคำดุด่าของเขา เพียงแค่เดินหันหลังกลับเข้าห้องไป
อี้ชิงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไง แต่เชื่อว่าถ้าเขาคุยกันอะไรทุกอย่างคงจะดีกว่านี้...
จนเมื่อเช้าที่คริสกลับเข้ามาที่บ้านเก็บเสื้อผ้าและข้าวของ อี้ชิงเองตกใจไม่น้อยที่เรื่องราวเลวร้ายกว่าที่คิด เขาไม่เคยคิดว่าคริสจะแก้ปัญหาแบบนี้และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะรั้งคนตัวสูงเอาไว้
สุดท้ายก็มีปากเสียงกันในที่สุด อี้ชิงหลวมตัวด่าคริสด้วยคำพูดรุนแรง คริสเองก็ไม่ยอมแพ้ตอกกลับด้วยคำพูดแบบเดียวกัน พวกเขาทำร้ายกันจนเจ็บช้ำไปทั้งใจก่อนที่คริสจะเป็นคนหยุดประเด็นพร้อมกับคำพูดที่กระตุกหัวใจของเขาจนเหมือนกับว่าลมหายใจถูกหยุดไปตลอดการ แล้วเดินจากไปอย่างไม่คิดจะกลับมา
เมื่อนึกถึงเรื่งราวต่างๆ เหมือนกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปอยู่ในสถานะการณ์นั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่หยุดเสียที
อี้ชิงไม่อยากนึกถึงเหตุผลอะไรที่ทำให้พวกเขาทะเลาะกันถึงขั้นตัดขาดความสัมพันธ์ จะด้วยเรื่องอะไรก็แล้วแต่ เขาคิดว่าพวกเราไม่ควรแก้ปัญหาแบบนี้..
เราเคยสัญญากันว่าไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์เขาจะจับมือกันไว้แล้วหัวเราะร้องไห้ไปด้วยกัน..
แต่ทำไมวันนี้คริสถึงได้ปล่อยมือเขา ทิ้งให้อี้ชิงเจ็บ ส่วนตัวเองก็หลบไปร้องไห้ ทำไมไม่จับมือกันเหมือนวันก่อนๆ บางทีคริสอาจจะคิดว่าพวกเราอดทนมามากพอแล้ว แต่สำหรับอี้ชิงแล้วมันไม่เคยมีวันนั้นที่ความอดทนเขาจะหมด..ไม่มีทาง...
ต่อให้เกลียดกัน อี้ชิงก็ไม่มีทางปล่อยมือจากคริส ถึงคริสจะไม่สนใจเขา อี้ชิงไม่มีทางปล่อยมือเด็ดขาด.. ถึงคริสจะไม่รักเขาด้วยก็ตาม...
จาง อี้ชิงใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะหมดไป ต้องร้องไห้อีกเท่าไหร่จนกว่าความเสียใจของเขาจะหมดลง...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
‘มันช่างเป็นวันที่แสนยาวนาน มัวแต่คิดถึงเรื่องนั้นตอนที่ขับรถอยู่บนถนน คิดว่าฉันพยายามทุกๆอย่างที่ฉันทำได้แล้วหรอ ไม่รู้ว่า
ฉันควรพยายามมากขึ้นมั้ย แต่ฉันกลัวเหลือเกินว่ามันอาจจะไม่มีใครเหมือนเธออีกแล้ว
และฉันสารภาพเลยว่าความรู้สึกของฉันมันกำลังพังทลายลง เธอไม่เคยได้ยินคำพูดที่เธอต้องการเหลือเกินจากฉัน เพราะฉันไม่เคยให้เธอเลย หลายๆสิ่งที่เธอต้องการ ฉันเสียใจจริงๆ’
คริสขับรถเอื่อยๆไปตามถนนที่โล่งเรียบ เสียงเพลงในรถดังคลอเบาๆ ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเส้นทางตรงหน้าสักนิด ไม่รู้จุดหมายด้วยซ้ำว่าต้องการจะไปที่ไหน เพียงแค่อยากจะไปสักที่ๆทำให้เขาลืมความเสียใจทั้งหมด
ในหัวยังคงมีใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาและคำพูดอ้อนวอนเพื่อที่จะฉุดรั้งเขา คริสพิงหัวลงกับเบาะรถถอนหายใจยาวพรืด ปล่อยน้ำตาลูกผู้ชายให้ไหลลงมาอย่างไม่คิดจะเช็ดมันออก เขาเหนื่อยใจกับเรื่องนี้มามากพอแล้ว เขาคิดว่าการแก้ปัญหาแบบนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุด คริสรู้ตัวดีที่สุดว่าเขาทำอะไรลงไปและยังมั่นใจในสิ่งที่ทำเสมอ
ในหลายครั้งที่เขากับอี้ชิงเอาแต่ทะเลาะกันด้วยเรื่องไร้สาระ คริสรู้ตัวว่าเขาเป็นคนที่ทำหน้าที่คนรักได้ไม่ดีพอ คำพูดที่อี้ชิงพูดออกมานั้นเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น
“นายเป็นคนรักที่แย่ที่สุดที่ฉันเคยเจอ!!”
มันไม่ถูกต้องเลย ไม่รู้สึกดีเลยสักนิดในสิ่งที่อี้ชิงพูดออกมา แต่บางทีเราเป็นแบบนี้ก็นี้ดีแล้วแหละมั้ง?
คริสไม่เคยให้สิ่งที่อี้ชิงต้องการ เขาไม่มีเวลา ไม่มีความรับผิดชอบพอจะรับผิดชอบชีวิตคนๆนึง คริสเสียใจที่เห็นอี้ชิงเอาแต่หวัง แต่ไม่เคยไม่ได้รับมัน เขาสียใจที่ตัวเองไม่สามารถทำให้คนรักมีความสุขได้เหมือนคนอื่นๆ คริสเสียใจจริงๆ.
หลายครั้งที่เอาแต่เมาจนลืมว่ามีใครออยู่ที่บ้าน ทำงานจนดึกดื่นลืมวันเวลาที่แสนสำคัญ ในขณะที่อี้ชิงให้ความสำคัญกับมันเสมอไม่ว่าจะเป็นวันครบรอบที่คบกัน วันเกิดเขา วันเกิดอี้ชิง หรือวันต่างๆที่เคยมีความทรงจำดีๆให้แก่กัน ในขณะที่เขาไม่สนใจแม้แต่วันธรรมดาที่ควรจะทำให้มันมีความสุขที่สุด ไม่สนใจอาหารเช้าบนโต๊ะหรือแก้วกาแฟคู่ใบใหม่ที่อี้ชิงซื้อมาวางไว้ข้างกัน แบบนี้ควรจะเรียกว่าคนรักได้หรือป่าว?
ถึงอี้ชิงไม่พูดแต่คริสก็รู้ดีว่าคนตัวเล็กเสียใจแค่ใหน ทนและรอมามากแค่ไหน เขาไม่อยากให้อี้ชิงเสียใจเพราะเขาอีกแล้ว อี้ชิงอาจจะทำใจได้แล้วลืมเขาในไม่ช้าไม่เร็ว แต่สักวันนึงอี้ชิงก็ต้องลืมเขา แล้วพบกับคนใหม่ที่ดีกว่า เลิกเสียใจและจมปรักกับรอยช้ำที่เขาเป็นคนสร้าง ได้เจอกับอะไรที่หวัง.. ส่วนเขาก็จะเริ่มชีวิตที่เป็นตัวคนเดียว คริสยังไม่พร้อมจะดูแลใครทั้งสิ้น ไม่คิดจะทำให้ใครเจ็บเพราะผู้ชายไร้ความรับผิดชอบแบบนี้
คริสกลัวเหลือเกินว่ามันอาจจะไม่มีใครเหมือนอี้ชิงอีกแล้ว สารภาพเลยว่าเขามีเพียงเส้นด้ายเส้นเล็กๆให้ได้ยึดเอาเกาะไว้...
แต่คริสก็เชื่อว่าสักวันเขาจะต้องผ่านมันไป เหมือนกับอี้ชิงที่จะต้องเจอหนทางที่ดีกว่า..
‘Maybe we’re better off this way? บางทีเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วแหละมั้ง?’
กลุ่มไอน้ำสีดำขนาดใหญ่กลั่นตัวเป็นเม็ดฝนที่เริ่มตกกระทบกระจกรถ คริสยังคงขับรถไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ในขณะที่ทิวทัศน์รอบนอกเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อรถขับเข้ามาในเขตชนบท คริสปรับกระจกลงเล็กน้อยให้กลิ่นดินและกลิ่นฝนเข้ามาในรถ คริสเชื่อว่าอี้ชิงก็กำลังได้กลิ่นหอมสดชื่นแบบเดียวกัน หวังให้กลิ่นหอมเหล่านี้ปลอบประโลมอี้ชิงให้หายเศร้า ให้เม็ดฝนชะล้างน้ำตาและความเสียใจก่อนที่ฟ้าใหม่จะมาในไม่ช้า
วันใหม่ที่ดีกว่า..
+
เม็ดฝนโรยตัวจากฝากฟ้ากระทบหน้าต่างที่ถูกปิด บรรยากาศหม่นหมองทำให้อี้ชิงยิ่งรู้สึกแย่ เหมือนกับว่าเม็ดฝนกำลังเยอะเย้ยซ้ำเติมเขาที่กำลังเศร้าใจ ดวงตาแดงช้ำเริ่มบวมจนหน้าตกใจ ริมฝีปากแตกเป็นริ้วๆจนเลือดซึมตอนที่อี้ชิงกัดมันเพื่อสงบอารมณ์ ไอน้ำเกาะกระจกเป็นฝ้าบริเวณที่อี้ชิงพ่นลมหายใจใส่ นิ้วเรียวเล็กยกขึ้นอย่างอ่อนแรง ลากปลายนิ้วเป็นรูปตัวอักษร ‘KRIS’ น้ำตาไหลอีกแล้ว...
ทำยังไงเขาถึงจะเลิกเสียใจสักที.. ตัวอักษรเริ่มจางไหลลงเป็นหยดน้ำเหมือนกับหยาดน้ำตาของเขาและหายไปในที่สุดเหมือนกับคริส..
มีหลายอย่างที่เขาไม่เข้าใจ หลายความรู้สึกที่อธิบายยังไงก็ไม่หมด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคริสถึงปล่อยมือเขาง่ายๆ ทั้งๆที่เขาพร้อมจะฝ่าฟันทุกอย่าง ยินดีที่รอต่อไป ยอมทนทุกอย่างเพื่อถนอมประคองความรักของเรา.. แต่ทำไม..
จาง อี้ชิงถอนหายใจจนฝ้าจับกระจก ก่อนจะลุกออกไปจากหน้าต่าง ถึงแม้จะไม่อยากย้ายร่างตัวเองไปไหนเลยก็ตาม ประตูห้องนอนถูกเปิดออก ห้องรับแขกยังคงอยู่ในสภาพเดิมที่มันเคยเป็น ยังคงเงียบเหมือนเดิมและแฝงไปด้วยร่องรอยของเหตุการณ์
คนตัวเล็กย้ายร่างตัวเองไปนั่งลงบนโซฟาสีครีมตัวโปรดพร้อมกับผ้านวมนุ่มนิ่ม เขากอดผ้าห่มแน่นเอนหลังลงบนเบาะพิง ทั้งๆที่ปกติเขาจะต้องเอนตัวซบใครอีกคนที่มักจะนั่งข้างกัน.. อี้ชิงหยิบรีโมตขึ้นมาเปิดทีวีจอแบนตรงหน้า เสียงโห่เชียร์และเสียงนักพากย์บอลในช่องที่คริสเปิดค้างไว้ดังขึ้น อี้ชิงไม่คิดจะกดเปลี่ยนช่องแต่ปล่อยให้มันเล่นไปเรื่อยๆ
เมื่อก่อนอี้ชิงไม่เคยสนใจมันเลย แถมมองว่าการที่คนเป็นสิบๆคนแย่งลูกกันเลี้ยงลูกหนังกลมๆเป็นอะไรที่น่าเบื่อ ไม่มีอะไรน่าสนใจสักนิด แต่เหมือนเสียงนี้จะกลายเป็นเสียงที่เขาได้ยินจนคุ้นหูไปแล้ว ในตอนนี้ที่อีกคนที่ชอบดูบอลไม่อยู่ เขาจึงต้องเปิดมันเองเพื่อฟังเสียงที่คุ้นเคย
ดวงตาเรียวรีจับจ้องไปยังพื้นจอเขียวๆ ภาพคุ้นตาเล่นไปเรื่อยๆเหมือนทุกครั้งที่มีการแข่งขัน ขาดแต่คนดูที่เคยนั่งที่ใกล้ๆกับเขา อี้ชิงดูถ่ายทอดสดตรงหน้าด้วยท่าทางเหม่อลอย เขาดูการแข่งขันไม่เข้าใจ แต่เพียงแค่อยากจะดูเท่านั้น..
เบ้าตาแดงช้ำเริ่มตึงหนังตาของเขาหย่อนลงเรื่อยๆ ความอ่อนเพียฉุดจาง อี้ชิงให้หลับตาลงช้าๆ หูก็ยังคงฟังเสียงกีฬาในโทรทัศน์เหมือนกับทุกครั้งที่เขาอยู่ดูบอลกับคริสจนดึกแล้วชิงหลับไปก่อน ในขณะที่หูยังคงได้ยิน แล้วล้มหลับลงบนตักอีกคน..
คนตัวเล็กล้มตัวลงบนหมอนและผ้านวม น้ำตาไหลออกจากหางตาวิ่งดิ่งซึมลงไปกับหมอน
แม้แต่จะหลับก็ยังทรมานขนาดนี้.. แล้วตื่นจะเป็นแบบใหน เขาเองก็ไม่อยากจะจินตนาการ..
.
.
.
.
.
.
.
อี้ชิงตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยอาการปวดหน่วงที่ศรีษะตึบๆ มือเล็กยกมือขึ้นขยี้ดวงตาจนรู้สึกเจ็บ นาฬิกาเข็มบนผนังห้องบอกเวลาเที่ยงคืนสิบห้านาทีเศษ คนตัวเล็กค่อยๆลุกขึ้นจากโซฟาช้า รู้สึกมีอาการตัวรุมๆแปลกๆเหมือนจะไม่สบาย ยังไงก็ต้องหายากินก่อน เสียงโครกครากในท้องทำให้อี้ชิงตระหนักได้ว่าตั้งแต่มื้อเช้าก็ยังไม่ได้ทานข้าวเลย
คนตัวเล็กเดินไปในส่วนห้องครัวที่ถูกกลั้นแยกไว้เป็นเคาท์เตอร์ ตอนนี้อี้ชิงแทบจะไม่มีแรงเดินอยู่แล้ว ไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งสิ้น รู้สึกเจ็บคอแปลๆเวลาที่กลืนน้ำลาย ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้นถ้าหากอี้ชิงไม่กลัวว่าเขาจะปวดท้องตายไปซะก่อน
ตู้เย็นสีเทาถูกเปิดออก ในนั้นมีเบียร์จำนวนหนึ่งกับของสดจำพวกเนื้ออีก3-4อย่าง แล้วก็ผักสดไม่มาก
อี้ชิงไม่ชอบกินเนื้อ... เขาหยิบของทั้งหมดในตู้ออกมาวางบนเค้าท์เตอร์ จัดการแช่ผักในซิ้งค์ล้างจาน ก่อนจะนำเนื้อมาวางบนเขียง มีดคมค่อยๆเฉือนลงบนบนก้อนเนื้อ อี้ชิงกำลังนึกถึงตัวเองในวันก่อนๆที่ทำกับข้าวไว้เพื่อรอคริส ถึงบางวันคริสจะมาไม่ทันกินด้วยกันก็ตาม
แต่เขาก็ไม่เคยลืมจานอีกใบที่วางใกล้ๆกัน กับกับข้าวอีกหลายอย่างที่คริสชอบแม้ว่าบางอย่างอี้ชิงจะกินไม่ได้แต่เขาก็ยินดีจะทำให้คริสกินทุกๆวันอย่างไม่รู้เบื่อ ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าตอนกำลังกิน หรือตอนที่เขาตื่นมาแล้วพบกับจานอาหารที่ว่างเปล่า ทุกอย่างล้วนทำให้อี้ชิงมีความสุขทั้งสิ้น
“อ๊ะ” ด้วยความเหม่อลอยทำให้อี้ชิงโดนมีดคมกัดเข้าที่นิ้ว เขาสบัดนิ้วจนเลือดหยดก่อนจะกดลงกับเสื้อเพื่อซับเลือดออก
อี้ชิงยู่หน้าเล็กน้อยก่อนจะเริ่มลงมือทำอาหารอย่างที่เคยทำ ใส่ผักใส่เนื้อแล้วซอสปรุงรสลงไปผัดในกระทะอย่างชำนาญ ไม่นานผัดผักใส่เนื้อก็ถูกตักใส่จานใบใหญ่ แต่เหมือนปริมาณมันจะเยอะเกินไปที่จะกินคนเดียว เหมาะสำหรับที่จะทานสองคนมากกว่า..
อี้ชิงเดินไปตักข้าวจากหม้อหุงข้าวที่หุงไว้ตั้งแต่ตอนเช้าใส่จานทั้งสองใบแล้วนำไปวางที่ตำแหน่งเดิมเหมือนที่เคยวาง เขายังคงนั่งที่เดิมที่เคยนั่งแล้ววางจานของคนรักไว้ในตำแหน่งเดิม อี้ชิงพยายามกินข้าวเหมือนปกติ ลำคอของเขาเฝื่อนเหลือเกินเวลาที่กลืนข้าว เขากำลังนึกถึงทุกๆวันที่นั่งกินข้าวรอคริส ถึงแม้จะรู้แก่ใจว่าจะไม่มีใครกลับมาทั้งนั้น..
ขอบตาลื่นไปด้วยน้ำตาไหลหยดลงบนจานข้าวแต่อี้ชิงก็ยังฝืนกลืนกินไปเรื่อยๆ อี้ชิงจะกินข้าวจนหมด แล้ววางทุกอย่างไว้ที่เดิม.. เพื่อที่หวังว่าพรุ่งนี้ตื่นมาอาหารที่เตรียมไว้จะหายไปเหมือนว่ามีคนมากินมัน...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ตอนนี้คริสอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งแถวชนบทนอกเขตตัวเมือง โรงแรมสองดาวที่ไม่หรูมากแต่กลับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ชวนให้ผ่อนคลาย เขาสั่งเบียร์กับข้าวหน้าเนื้อขึ้นมากินฆ่าเวลาในขณะที่รอบอลถ่ายทอดสดคู่ที่ชอบ
คริสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหลายสิบครั้ง เขาเป็นห่วงอี้ชิง.. อยากจะโทรไปหา โทรไปถามไถ่ ทำในสิ่งที่เขาไม่เคยทำตอนคบกัน แต่ก็ทำไม่ได้.. คริสวางโทรศัพท์ไว้ใกล้ตัวเพราะคิดว่าเขาจะต้องหยิบมันขึ้นมาดูอีกเป็นแน่
ตอนนี้เที่ยงคืนกว่าๆคริสคิดว่าอี้ชิงคงจะหลับไปแล้ว อาจจะดูหนังอยู่ หรือไม่ก็กำลังกินข้าว เขายิ้มกับตัวเองนิดๆวันนี้คงจะเป็นวันดีสำหรับอี้ชิงที่ไม่ต้องรอเขากินข้าว ไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อ ไม่ต้องฝันลมๆแล้งๆ... ไม่ต้องเจ็บ...
พรุ่งนี้เมื่ออี้ชิงตื่นมาอี้ชิงก็จะพบกับชีวิตใหม่ ชีวิตที่ไม่มีเขาคอยยึดถ่วงดึงรั้งให้คนตัวเล็กต้องทุกข์แบบจมปรักตลอดไป ส่วนเขาก็ไปทำงานเหมือนเดิม แล้วกลับไปอยู่ห้องเดิมที่ไม่ได้กลับไปนานแสนนาน เขาจะไม่กลับไปเก็บของที่นั่น เขาจะไม่กลับไปทำให้อี้ชิงยากที่จะตัดใจ เขาจะซื้อของใหม่ทั้งหมดด้วยเงินที่เก็บมา ส่วนบ้านที่เขาซื้อไว้เขาก็ยินดีจะยกให้อี้ชิงไว้อยู่ร่วมกับคนรักใหม่ในอนาคต ถือว่าเป็นค่าเสียหายที่คริสทำให้คนตัวเล็กเสียใจ
คริสหยิบเบียร์ขึ้นมาจิบในขณะที่สายตามองไปยังจอโทรทัศน์ที่กำลังทำการถ่ายทอดสดฟุตบอล เขาจะผ่อนคลายให้ถึงที่สุด... ทิ้งรื่องทั้งหมดไว้ข้างหลังแล้วเดินหน้าต่อไปในทางของเขา...
+
วันนี้คริสเช๊คเอาท์ออกจากโรงแรมตอนเจ็ดโมงกว่าๆโดยที่ไม่ลืมจะสั่งกาแฟมากินก่อนกลับ อย่างน้อยก็ทำให้พอหายง่วงได้บ้างถึงรสชาติจะไม่ถูกปากเท่าไหร่ก็ตาม และแล้วก็อดคิดถึงอีกคนไม่ได้ตอนนี้ไม่รู้ว่าอี้ชิงจะตื่นหรือยังหรืออาจจะหลับยาวเพราะไม่ต้องตื่นมาชงกาแฟให้เขาหรือรอส่งเขาไปทำงานเหมือนทุกวัน
หรืออาจจะกำลังกินข้าวอยู่..? คริสยิ้มอย่างนึกสมเพชตัวเองอีกครั้ง เขาคงจะเสียใจและคิดมากเกินไปหน่อย อยู่ๆวันนี้ก็รู้สึกอยากกินข้าวขึ้นมาทั้งๆที่ปกติเขาไม่ชอบกินข้าวเช้าเท่าไหร่ ยังไงวันนี้ก็ต้องไปหาอะไรกินตามร้านอาหารก่อน ไม่งั้นหิวตายแน่ๆ
คริสขับรถกลับเข้าโซลอีกครั้งเพื่อมุ่งหน้าไปยังบริษัทแล้วก็ทำงานตามปกติเหมือนที่เคยทำประจำ.. นี่สินะวันใหม่ของเขา
ถึงจะไม่สดใสอย่างที่คิดไว้แต่ดีใจที่เขาทำให้อี้ชิงมีความสุข.. ส่วนเขาหนะไม่เป็นไร.. ไม่เป็นไรหรอก..
แค่สียใจมากๆเท่านั้นเอง..
เวลาเจ็ดนาฬิกา อี้ชิงคนกาแฟในถ้วยวนไปมา อีกแก้วนึงเป็นโอวัลตินที่เขาชอบกิน เครื่องดื่มทั้งสองอย่างอยู่ในแก้วคู่สองใบที่เขาใช้ประจำ อี้ชิงมักจะชงกาแฟในแก้วเซรามิคสีครีมที่เขียนคำว่า Miss U เสมอ เหมือนกับที่ชงโอวัลตินในแก้วสีชมพูที่เขียนว่า Love U คนตัวเล็กมองไปยังจานข้าวที่เริ่มแห้งแข็งและจานกับข้าวที่วางอยู่ที่เดิม
เขาไม่รู้จะทำยังไงให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะอี้ชิงไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยที่ไม่มีคริส เขาพร้อมจะยอมทุกอย่างขอแค่คริสกลับมาอยู่ด้วยกันก็พอ ถึงไม่รักเขาก็ไม่เป็นไร ที่เขายอมทุกอย่างก็เพราะเขารักคริส อี้ชิงไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น เขาเข้าใจว่ารักคือการให้และยินยอมโดยที่ไม่คิดหวังอะไร อี้ชิงไม่มีทางลืมผู้ชายคนนี้ได้ เพราะเขารักคริสมากเหลือเกิน
แล้วทำไม...
อี้ชิงถอนหายใจยาว หัวใจของเขาถูกบีบซ้ำๆจากมือที่มองไม่เห็น ร้องไห้จนไม่รู้จะเอาน้ำตาที่ไหนมากลั่นแล้ว เมื่อก่อนอี้ชิงไม่ชอบเลยเวลาที่คริสไม่อยู่กินข้าวด้วยกัน จะกินแต่กาแฟที่ชงไว้แล้วออกไปทำงานทันที แต่ตอนนี้อี้ชิงเกลียดตอนเช้า รู้สึกเหมือนจะตายทุกครั้งที่เขาทำได้แค่ชงกาแฟแล้วนั่งรอ... รอให้กาแฟเย็นชืดแล้วเอาไปเททิ้ง ไม่มีอีกคนออกมากินมันเหมือนแต่ก่อน หลายครั้งที่เขาเอาแต่จินตนาการว่าคริสกลับเข้ามาในครัวหยิบกาแฟไปกินก่อนไปทำงาน
แต่มันก็เจ็บปวดทุกครั้งที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นทุกอย่างยังอยู่ที่เดิม ไม่ได้หายไปไหนเหมือนที่คิด น้ำตาไหลออกมาเหมือนทุกวันที่เป็น อี้ชิงยังตื่นมาชงกาแฟเหมือนเดิม ทำกับข้าวเท่าเดิม เปิดบอลในเวลาเดิม ปลอกหมอน กรอบรูป ทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนไป อี้ชิงยังคงเอาเสื้อผ้าคริสออกมาซักทุกอาทิตย์ทั้งๆที่ไม่มีใครใส่ ทำทุกอย่างเมือนเดิม เว้นเสียแต่ทุกการกระทำของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ไม่ได้สุขสมเหมือนแต่ก่อน....
“รู้ดี..จะไม่มีใครกลับมา...แต่ไม่กล้าลืม”
____________________________________________________________________________
“อื้อ” ในช่วงค่ำหลังจากที่ทำงานมาตลอดทั้งวัน คริสมีอาการเหมือนคนหลับไม่เต็มตื่นยังไงยังงั้น ตลอดเดือนมานี้เขาเอาแต่ใช้ชีวิตอย่างเสรีจนไม่ค่อยจะได้พักผ่อนเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผลงานเขาแย่ลง เย็นกลับบ้าน ตกดึกก็ออกไปเที่ยวหรือไม่ก็กินเบียร์ดูบอลอยู่ห้อง หลายๆอย่างในชีวิตแย่ลงอย่างไม่นึกว่าจะเป็นขนาดนี้ ห้องที่สกปรกเป็นหลังหนู เสื้อผ้าที่ใส่ซ้ำไปซ้ำมาจนบางตัวเริ่มมีกลิ่น รวมถึงจิตใจที่ไม่ต่างอะไรกับสภาพชีวิต
คริสยังเอาแต่คิดถึงอี้ชิงทุกวัน ตลอดเวลา อยากกลับไปคืนดีด้วย แต่มีหลายอย่างที่ฉุดเขา เหมือนกับเสียงลมพัดเบาๆที่คอยบอกว่าถ้าเขากลับไปจะไม่มีอะไรดีขึ้น แล้วทุกอย่างจะกลับไปแย่เหมือนเดิม บางทีเขาก็คิดมากเกินไป..”
คริสไม่ได้ติดต่อกับอี้ชิงอีกเลยหลังจากที่เปลี่ยนเบอร์มือถือทันทีในวันที่ทะเลาะกัน เขาจำเบอร์อี้ชิงได้ แต่หลายครั้งก็ทำเพียงกดตัวเลขค้างไว้แล้วก็วางไว้ที่เดิม บางครั้งก็เอาแต่กดแล้วลบแล้วก็ใหม่ซ้ำไปซ้ำมาจนเขานึกรำคาญตัวเอง สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้ต่อความขี้ขลาดของตัวเองแล้วก็ทนทรมานต่อไป
ทุกครั้งที่หยิบโทรศัพท์มาดูรูปถ่ายเก่าๆที่อยู่ในเครื่องมันทำให้เขารู้สึกดีปนเจ็บปวดอย่างแปลกประหลาด รวมถึงข้อความเก่าๆที่ค้างอยู่ ถึงมันจะนานมากแล้วและบางอันยังเป็นข้อความชวนทะเลาะมากกว่าจะทำให้สุขใจแต่เขาก็ยังหยิบมันขึ้นมาอ่านซ้ำๆ เหมือนว่านี่จะเป็นความสุขเดียวที่มีในตลอดช่วงนี้
คิดถึงจัง... คนที่เอาแต่ส่งข้อความมาต่อว่าตอนที่เขาเมาไม่รู้เรื่อง แล้วใหนจะผ้าพันคอทรงประหลาดที่คนตัวเล็กพยายามจะยัดเยียดให้เขาใส่ แต่คริสก็ปามันลงพื้นเพราะแค่ไม่ชอบสีสันสดใสของมัน ถึงแบบนั้นอี้ชิงชอบแอบเอามันมาพันรอบคอเขาตอนนอนหรือตอนที่ดูบอลจนหลับไปในห้องนั่งเล่น
ในตอนนี้อาการหนาวเย็นจนทำให้เขาเจ็บคอสุดๆอย่างไม่เคยเป็น อยู่ๆก็ทำให้นึกถึงเจ้าผ้าผืนนั้นขึ้นมา... ถ้าจะให้คริสไปเดินเลือกซื้อตามห้างหละก็ลืมไปได้เลย เพราะแม้แต่ของใช้จุกจิกที่จำเป็นต้องใช้เขายังไม่ซื้อมันเลย นอกจากจะจำเป็นมากๆจริงๆ หลายอย่างที่เขาเคยมองข้ามไปไม่รู้ว่าอี้ชิงทำมันมาตลอดในตอนก็ชัดเจนขึ้น เขาไม่นึกเลยว่าตัวเองจะเป็นปัญหาให้อี้ชิงมากขนาดนี้ สมเพชตัวเองที่สุด
ในเวลาแบบนี้ก็มีแต่เบียร์ชั้นดีที่คอยย้อมใจกับเพลงโปรดที่ชอบฟัง โดยที่ไม่รู้ว่ามันจะมาตรงกับเขาในชีวิตจริงอย่างเหมาะเจาะ บวกกับดนตรีที่ถูกเลือกโน้ตมาอย่างดีและเสียงร้องลึกซึ้งที่ฟังแล้วรู้สึกว่านักร้องเองก็กำลังอกหักเหมือนกับเขา
คริสเปิดเพลง sad และเพลง better that we break ของ Maroon5 นักร้องที่ชื่นชอบซ้ำไปซ้ำมา รู้สึกเหมือนกับว่านักร้องก็โง่เหมือนเขานั่นแหละ ขำสิ้นดี..
มีผู้หญิงหลายคนที่พยายามสานความสัมพันธ์กับเขา ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจแต่คริสล้วนปฏิเสธพวกเธอทั้งสิ้น เพราะเขาคิดว่าไม่มีใครมาแทนที่อี้ชิงได้อีกแล้ว แล้วคริสก็ยังไม่พร้อมกับเรื่องนี้ เขายังเสียใจมากกับความรัก...
หรือบางที ถ้าเขากลับไปขอโทษอี้ชิง...ความรู้สึกพวกนี้อาจจะเบาบางลง...
.
.
.
.
ในช่วงที่ผ่านมานี้อี้ชิงเอาแต่ทำอะไรเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาโดยที่ไม่รู้ตัว และไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่เขาใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายแบบนี้ มีเพียงความหวังที่ฉุดรั้งให้ร่างกายยังคงหายใจต่อไป ดอกทิวหลิบเหลืองที่เสียบไว้ในแจกันสีโอโรสเริ่มเหี่ยวเฉาเมื่อไม่มีน้ำหล่อเลี้ยง อี้ชิงเป็นคนตัดมันมาใส่ไว้เองแต่กลับไม่ใส่น้ำให้กับมัน
อี้ชิงไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังเข้าสู่ช่วงหน้าหนาวและอาการก็เย็นจัด เวลาของเขาถูกหยุดไว้ตั้งแต่เดือนก่อนหยุดไว้ที่เหตุการณ์เดิมแล้วมันก็ไม่ได้เดินต่อไปใหน เขายังใช้ชีวิตทำกิจกรรมซ้ำๆเหมือนกับกรอเทปให้กลับไปยังจุดเดิมแล้วเริ่มเล่นใหม่
.
.
.
.
.
อี้ชิงเดินเข้าไปในห้องนอนที่ยังมีกลิ่นน้ำหอมของคริส น้ำหอมที่เขาเป็นคนฉีดไว้ให้ห้องยังมีกลิ่นเดิมๆ อี้ชิงเข้ามาเก็บกวาดเหมือนทุกครั้ง
ทั้งๆที่ในห้องแทบจะไม่มีฝุ่นจับเลย และในตอนเช้าเขาก็กวาดไปแล้วรอบนึง อาจจะเป็นเพราะว่างหรือคิดถึง...
หลังจากที่เอาผ้าห่มลงเครื่องซักผ้าเรียบร้อยอี้ชิงก็กลับมานั่งที่โซฟาเปิดโทรทัศน์รายการโปรดที่ชอบดูพร้อมกับขนมขบเขี้ยวสองสามอย่างก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดเมจเซสด้วยเนื้อหาที่แสดงถึงความโหยหาและคิดถึงอย่างสุดใจ พร้อมกับกดส่งไปยังหมายเลขที่ไม่มีผู้ใช้บริการ... อี้ชิงรู้ว่าคริสเปลี่ยนเบอร์แล้ว แต่เขาไม่รู้ว่าจะส่งข้อความพวกนี้หาใคร...
หวังเพียงว่าคริสจะยังไม่ทิ้งเบอร์เก่าไปแล้วหยิบมันขึ้นมาเปิดดูสักครั้ง แค่ได้เห็นข้อความของเขา...
อี้ชิงนั่งมองจอโทรทัศน์ที่สองพิธีกรสาวกำลังคุยกันอย่างออกรส เขากดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆอย่างไม่ได้สนใจเนื้อหันเท่าไหร่นัก ในหัวกำลังคิดว่าตอนบ่ายจะทำอะไรกินหรือควรออกไปกินข้างนอกดี เพราะช่วงนี้รู้สึกเหงาๆถ้าได้ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็น่าจะดี
คนตัวเล็กเหลือบตามองนาฬิกาบนพนังแสดงเวลาเที่ยงกว่าๆ เขาลุกขึ้นปิดโทรทัศน์ทันทีหยิบเสื้อโค้ดตัวใหญ่ที่ผนังสวมทับแบบลวกๆโดยที่ไม่ลืมหยิบกระเป๋าสตรางค์มาด้วยพร้อมกับเดินไปดึงปลั๊กทีวีออก ปิดล๊อกบ้านให้เรียบร้อยก่อนจะเดินไปขึ้นรถแล้วออกไปถอยรถเพื่อที่จะเตรียมออกไปข้างนอกทันที
+
คริสไขกุญแจบ้านเปิดประตูเข้ามาในบ้านที่แสนคุ้นเคย เขาไม่ได้กลับมาที่นี่นานเกือบๆเดือนกว่า คริสกวาดสายตามองไปรอบๆ ทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่ไม่มีคนอยู่... เขาคงงี่เง่าไปหน่อยที่คิดว่าอี้ชิงจะอยู่รอที่นี่ให้เขากลับมา...อย่างนั้นหรอ?
คริสเพียงแค่ยิ้มจางๆบนใบหน้าแต่ในใจกลับรู้สึกเจ็บลึกอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับจะผิดหวังก็ไม่เชิง คริสเดินสำรวจไปรอบๆบ้านทุกอย่างยงคงสภาพเดิมเหมือนตอนที่จากไป ไม่มีฝุ่นไรจับทั้งๆที่เวลาสองเดือนก็น่าสกปรกได้แล้วหรือบางทีอี้ชิงอาจจะจ้างคนมาทำควาสะอาดตอนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
คริสเดินเข้าไปในห้องต่างๆเหมือนจะหาอะไรบางอย่าง เขาเปิดเข้าห้องนั้นห้องนี้เหมือนที่เคยทำ หลายๆอย่างสร้างความฉงนใจให้เขาไม่น้อย เสื้อผ้าอี้ชิงยังคงอยู่ที่นี่ในตู้เย็นมีอาหารสด มีเบียร์ ห้องเขายังคงมีกลิ่นน้ำหอมที่ชอบใช้ เสื้อผ้าที่ไม่ได้เอาไปด้วยก็ถูกแขวนอย่างดี แล้วยังมีบางตัวที่ตากแดดอยู่ที่ราวด้านนอก หรืออี้ชิงอาจจะมีแฟนใหม่แล้ว?
ก็ไม่น่าใช่... เขาไม่เห็นของใช้ของใครเลยมีแต่ของที่เขาเคยใช้แต่ถึงกระนั้นบางขวดก็ใหม่เกินกว่าที่จะบอกว่ามันเป็นของเขา คริสเดินสำรวจไปเรื่อยๆ เขาไม่แน่ใจว่าอี้ชิงยังอยู่ที่นี่หรือย้ายออกไปแล้ว คริสเดินเข้าไปในครัวหยิบเบียร์ยี่ห้อโปรดขึ้นมาดื่ม ตั้งแต่เช้ามานี่ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย กะว่ามาหาอี้ชิงเสร็จจะไปหาอะไรกิน แต่ตอนนี้กระเพาะเขาดังโครกครากเสียแล้ว และเมื่อมาอยู่ในครัวบ้านตัวเองคริสก็ไม่รอช้าที่จะเปิดตู้กับข้าวดูด้วยความเคยชิน
ในนั้นมีอาหารที่เหลือเยอะอยู่สองอย่างพร้อมกับข้าวเปล่าจานนึงที่เริ่มจะเย็น เขาหยิบมันออกมาวางบนโต๊ะกับข้าวแล้วลงมือกินอาหารตรงหน้าทันทีโดยที่ลืมนึกไปเลยว่ามันอาจจะเป็นของใคร ก็น่าแปลก อี้ชิงไม่ชอบกินเนื้อแต่ก็ยังมีผัดเนื้อแล้วก็กับข้าวที่เขาเคยกิน ไม่รู้สิ ถ้าเป็นของคนอื่นก็ขอโทษแล้วกัน แต่ตอนนี้คริสหิวมากๆ...
ผ่านไปเกือบๆชั่วโมงก็ยังไม่มีใครมาคนตัวสูงเปิดดูเทนนิสจบไปสองคู่แล้ว คริสคิดว่าเขาควรจะเลิกรอได้แล้ว อี้ชิงอาจจะออกไปกับคนอื่นแล้วคงกลับดึกๆ ไม่มีเหตุผลที่ต้องรออีกต่อไป คริสหยิบกระดาษที่วางอยู่แถวๆหน้าโทรทัศน์พร้อมกับปากกาเขียนอะไรบางอย่างลงไปแล้ววางมันไว้บนโต๊ะก่อนจะหยิบเอาเสื้อนอกที่พาดอยู่บนพนักโซฟาออกไปด้วย
ถึงจะไม่ได้พูดกับเจ้าตัวแต่มันก็ทำให้เขาโล่งใจไม่น้อยที่ได้พูดออกไป ยังไงก็ดีกว่าเมื่อก่อนใช่มั้ย...
รถยนต์สีขาวเลี้ยวเขามาจอดบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน คนตัวเล็กเปิดท้ายรถออกขนของสดที่ซื้อมาหลายอย่างเต็มสองแขน เขาไม่ได้ออกไปทานข้าวเหมือนที่ตั้งใจไว้แต่แรก จะให้อี้ชิงหนีคริสออกไปกินข้าวคนเดียวเขาทำไม่ได้หรอก
อี้ชิงหยิบกุญแจบ้านขึ้นมาไขประตู แต่ปรากฏว่าลูกบิดมันหลุดง่ายกว่าปกติเหมือนกับไม่ได้ล๊อกไว้ ปกติอี้ชิงเป็นคนรอบคอบเสมอ คนตัวเล็กเอะใจไปแว้บนึงแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ บางทีเขาอาจจะสะเพร่าเองจริงๆ เมื่อเข้ามาในบ้านคนตัวเล็กสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก... เหมือนกับอะไรสักอย่างที่บอกไม่ได้ เขาขนของทั้งหมดไว้วางไว้ในเคาท์เตอร์บนครัวพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกระป๋องเบียร์ที่วางทิ้งไว้กับจานอาหารที่ถูกกินจนหมด ฝ่ามือของอี้ชิงชื้นเหงื่อ หัวใจเต้นแรงและขอบตาร้อนผ่าว
ใช่... มันเป็นความรู้สึกเหมือนกับว่าคริสกลับมาที่นี่...
อี้ชิงวิ่งไปห้องนั่งเล่น เขาเห็นโทรทัศน์ถูกปิดด้วยรีโมตทั้งๆที่ก่อนออกไปก็ถอดปลั๊กแล้วเรียบร้อย อี้ชิงหยิบรีโมตที่วางอยู่ผิดตำแหน่งมาเปิดดู จอพลาสม่าขนาดใหญ่กำลังฉายกีฬาช่องที่ใครบางคนเคยดูมันทุกวัน น้ำตาอุ่นๆไหลออกจากดวงตา จาง อี้ชิงทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง สะอึกสะอื้นร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลัง ทำไมถึงมาไม่ทันตอนที่คริสมาที่นี่...
หัวใจของเขาปวดหน่วงไปหมดแข้งขาชาจนไร้เรี่ยวแรง อี้ชิงเอนตัวพิงโซฟาร้องไห้ออกมาอย่างสุดเสียง เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะฟูมฟายได้ขนาดนี้ ดวงตาที่พร่าเลือนจนแทบมองไม่เห็นอะไรเสไปเจอกระดาษที่วางไว้บนโต๊ะ อี้ชิงไม่ได้สนใจมันแต่กลับหยิบมันขึ้นมาอ่าน มือเล็กๆปาดน้ำตาออกจนภาพเริ่มชัดเจนขึ้น ตัวอักษรภาษาจีนที่เรียงกันเป็นท่อนคำด้วยลายมือโย้เย้คุ้นตาทำให้เขารู้สึกหน่วง
‘ที่จริงฉันอยากจะพูดด้วยตัวเองแต่ว่าไม่เจออี้ชิง สบายดีใช่มั้ยตอนที่ฉันไม่อยู่ รักษาสุขภาพด้วยนะ กับข้าวในตู้ฉันกินหมดแล้วหละ ขอโทษนะ ขอโทษทุกเรื่องเลย ถึงอี้ชิงจะไม่อยากฟังก็ตาม แต่มันทำให้ความเสียใจของฉันเบาบางลง ได้โปรดรับคำขอโทษไว้ด้วยนะ... คริส’
จาง อี้ชิงกัดริมฝีปากแน่นแล้วลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ยังไงก็ต้องออกไปตามหาคริส ถ้าคริสยังไปไม่ไกล... ได้โปรด...
อี้ชิงคว้ากุญแจรถแล้ววิ่งออกไปทันทีโดยที่ไม่สนใจจะใส่รองเท้าหรือล๊อกบ้าน คนตัวเล็ฏขับรถสีขาวออกไปจอดรอไว้ที่ถนนหน้าบ้านก่อนที่จะวิ่งลงมาเพื่อเลื่อนปิดประตูรั้ว พลันสายตาเขาเหลือบไปเห็นรถยนต์สีดำสนิทที่จอดเลยลานว่างบ้านข้างๆไปนิดหน่อย ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งคุ้นตากำลังยืนพิงประตูรถสูบบุหรี่ด้วยท่าทีสบายๆ
เขาคนนั้น... มือบางสั่นระริก เหมือนหัวใจของอี้ชิงแทบหยุดเต้นเสียตรงนั้น ใบหน้าหล่อเหลาที่นึกหกถึงมาตลอดหลายเดือน
“คริส..!!” อี้ชิงตะโกนเสียงดังพร้อมกับออกตัววิ่งสุดแรง เหมือนคริสจะอึ้งเล็กน้อยเขาทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้ปลายเท้าเหยียบเหมือนที่ชอบทำ ยิ่งเข้าใกล้เหมือนหัวใจยิ่งเต้นแรง คริสยืนเอามือล้วงกระเป๋าจ้องมองมาที่เขาด้วยสีหน้าที่คาดเดาไม่ได้
อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น...
ผลั่ก!
ร่างเล็กกระแทกเข้ากับคนตัวสูงอย่างแรง สองแขนกอดรัดเอวหนาแน่น น้ำตาอี้ชิงไหลไม่หยุดเหมือนกับว่าถ้าเป็นไปได้มันก็แทบจะหลั่งออกมาเป็นสายเลือด คริสอึ้งนิดหน่อยก่อนที่จะโน้มตัวโอบกอดร่างบางไว้ในอ้อมแขน
“ขอโทษนะ...”
“ฮรึก..ย...อย่าพูด..ค..คริส.ฮึก..อย่าพูด..ฮรื่อ...” อี้ชิงยกมือปิดปากคนตัวสูงไว้แน่น เขาไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น อี้ชิงขอเป็นคนหูหนวกตาบอดตลอดไป ถ้าหากมันจะรั้งคริสไว้ให้อยู่กับเขาในวันนี้
คนตัวเล็กสะอึกสะอื้นในอ้อมกอดแข็งแรงไม่หยุด ทำไม...ถึงเป็นแบบนี้นะ.. คริสไม่ควรจะกลับมาจริงๆ เขาทำให้อี้ชิงเสียใจอีกแล้ว
“ฉันไม่น่ากลับมาเลย.. ฉันทำให้อี้ชิงร้องไห้อีกแล้ว ถึงจะไม่ได้คบกันฉันก็ยังทำให้อี้ชิงร้องไห้.. ฉันไม่ได้เรื่องเลย..” คริสถอนหายใจยาวพรืด อี้ชิงส่ายหน้าไปหน้ามาในอกแกร่งเหมือกับจะสื่ออะไรสักอย่าง ก่อนที่จะพยายามสงบอารมณ์ตัวเองให้นิ่ง
“ฮึก..คริส..ย..อย่าหนีไปอีกนะ.. ฮรึก.. เราแค่ทะเลาะกัน...อ..เอง..ฮรื่อออ..อย่าเลิก..กันเลยนะ..อรึก..”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกอี้ชิง...ฉัน..”
“คริสไม่ต้องรักฉันก็ได้นะ..ฮรึก..ต..แต่อยู่ให้ฉันรักเถอะ...อึก ..ฮรื่ออ..ฉันอยู่ไม่ได้..ฮรื่ออ..”
“เลย์...” คริสกระชับอ้อมกอดแน่น เขาซบใบหน้าไซร้จมูกโด่งลงกับเรือนผม ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้เลยว่าอี้ชิงรักเขามากขนาดนี้ ทำไมคิดถึงได้ไม่เอาใจใส่เลยแม้แต่ตอนที่ทะเลาะกันก็ตาม
“ขอร้องหละ..ฮรึก..”
“ชั่งมันเถอะเลย์.. ขอโทษนะ กลับบ้านเรากันเถอะ....” คริสเชยใบหน้าสวยที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาขึ้นมาสบตา ก่อนจะกดจูบลงที่ริมฝีปากบางอิ่มช้าๆ หัวใจถูกเชื่อมโยงเข้าหากันอีกครั้ง เหมือนกับทุกครั้งที่มันถูกตัดขาด..
“เข้าบ้านกันเถอะคริส” รอยยิ้มสวยงามที่คริสไม่ได้เห็นมานานปรากฏขึ้นบนใบหน้าคนตัวเล็กตรงหน้า สิ่งที่คริสแสวงหามากที่สุด... ความสุขของ จาง อี้ชิง...
ใช่แล้วหละ... พวกเขาแค่ทะเลาะกันเท่านั้นเอง...
“งั้นฉันจะเอารถเข้าไปเก็บนะ นายก็ด้วย”
“อื้ม..”
อีกครั้งที่กลับมาพบกัน...แต่คริสเชื่อว่านี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอนยังไงพวกเขาก็ต้องทะเลาะกันอีก ตลอดเจ็ดปีที่คบกันมาคริสจำไม่ได้ว่าทะเลาะกับอี้ชิงแต่ทุกครั้งมักจบด้วยการคืนดีเสมอ แต่เหมือนครั้งนี้จะรุนแรงมากไปหน่อยเพราะความงี่เง่าของเอง
เพราะเขาเป็นผู้ชายที่มีความคิดแบบหยาบๆไม่ละเอียดอ่อนเลยทำให้ละเลยมองสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามไปหลายจุดแล้วปัดความรับผิดชอบของตัวเองโดยใช้ทฤษฎีสมคบคิดของตัวเองฝ่ายเดียวแถมยังทำให้อี้ชิงเสียใจมากๆ คริสไม่อยากสัญญาว่าเขาจะไม่ทะเลาะกับอี้ชิงอีกแต่จะสัญญาว่าจะไม่ปล่อยมือทำนิสัยมักง่ายแบบนี้อีกแล้ว
คริสขอให้มันเป็นแค่การทะเลาะกันไปทุกๆครั้งโดยที่ไม่ต้องเลิกกันไปตลอดชีวิต....
-END-
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น