ในเช้าวันพุธที่แสนตื่นเต้น จาง อี้ชิง ใช้มือสองมือกำสายกระเป๋าเป้ใบใหญ่ไว้แน่น สายตาสอดส่องมองหาเพื่อนรักที่นัดกันเอาไว้ตอนเจ็ดโมงครึ่ง
วันนี้ที่มหาลัยโจวนันมีจัดค่ายสานสัมพันธ์พี่น้องรหัสกันที่ทะเลแถวช๊อกโชโดยนัดทุกคนให้มาเจอกันก่อนออกเดินทางเพื่อฝากกระเป๋าและรับของแจกเล็กๆน้อยๆรวมถึงร่วมกิจกรรมที่ตึกวิศวะตอนแปดโมง
ตอนนี้เจ็ดโมงสี่สิบห้าแล้ว แต่ ‘เสี่ยว ลู่ฮัน’ ก็ยังไม่โผล่หัวมาสักทีจนอี้ชิงรู้สึกกังวล แถมโทรศัพท์มือถือก็ต่อไม่ติดทำให้เขาต้องมาคอยชะเง้อคอมองหาเพื่อนตัวสูงเป็นระยะๆที่หน้าตึกเด็กวิศฯ ถึงเวลาเดินทางจริงๆจะแปดโมงครึ่งก็เถอะ แต่สำหรับคนกรุ๊ปเลือดAอย่างอี้ชิงแล้วการมาไม่ตรงเวลานัดทำให้เขาเครียดจนแทบสติแตก
“เห้ย! ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ ไม่เข้าไปหรอ” น้ำเสียงคุ้นหูที่ดังจากด้านหลังเรียกให้จาง อี้ชิงที่กำลังยืนหน้านิ่วหันกลับไปมอง คนตัวเล็กใช้สายตาขึงขังมองเพื่อนตัวสูงปี้ดที่เขายืนรอมานานอย่าคาดโทษ ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นอย่างสกัดกั้นอารมณ์โกรธก่อนที่มือเล็กจะยกขึ้นฟาดปั่บเข้าที่ไหล่หนาเต็มแรง
“ทำไมเพิ่งมาถึง! ไหนบอกว่าเจ็ดโมงครึ่งไง!” จาง อี้ชิงเดินตรงเข้าไปเขย่าเพื่อนตัวเองแรงๆแต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่หัวเราะอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสำนึกผิดสักนิด ก่อนที่แขนยาวจะยกมือขึ้นปัดไปมาแล้วจับหมับเข้าที่ข้อมือเล็ก
“ก็มาตั้งนานแล้ว ไปหาเพื่อน คิดว่าแกจะรอที่ตึกเลยกะว่าจะไปหาตอนแปดโมงเลย” ลู่ฮันยังยิ้มระรื่นทั้งยังจับแขนเล็กๆของเพื่อนสนิทโบกไปมาตรงหน้าทำเป็นเด็กๆเพื่อหวังให้อี้ชิงหายงอนแต่คนตัวเล็กก็ยังเอาแต่ทำหน้าบึ้งอมลมจนแก้มป่อง แถมยังชักดึงมือออกอีกด้วย
“โกรธ!” ว่าแค่นั้นก็สาวเท้าก้าวยาวๆเดินหนีไปเลย ไม่ใช่ว่าลู่ฮันไม่รู้ว่าอี้ชิงเป็นพวกตรงเวลามากแค่ไหนแต่มันก็ช่วยไม่ได้เมื่อเขามัวแต่ไปนั่งกดPSPกับเพื่อนจนลืมเวลานัด พอเห็นนาฬิกาอีกทีก็รีบวิ่งหน้าตั้งไปตามหาจาง อี้ชิง แต่ก็ยังวายโดนคนตัวเล็กงอนไปเสียแล้ว
“โถ่ ขอโทษนะ อย่างอน เดี๋ยวพาไปหาพี่คริส” ลู่ฮันวิ่งไปคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ แต่อีกฝ่ายทำท่าจะดึงกลับเขาก็เลยจัดการเอามืออี้ชิงมาซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อกันหนาวซะเลย
“ไม่ต้องมาพูดเลย!” ถึงจะว่าด้วยน้ำเสียงตวาดแต่ลู่ฮันกลับรู้สึกว่ามันฟังดูน่ารักมากกว่า ทั้งที่ตั้งใจว่าจะง้อคนตัวเล็กแท้ๆแต่ด้วยนิสัยกวนเท้าก็ดันปากเสียไปพูดแซวซะอย่างงั้น
“โอเคไม่แกล้ง ไปเหอะ เห็นเมื่อกี้เขาจับกลุ่มกันด้วย” ลู่ฮันใช้มืออีกข้างเอื้อมไปดึงแก้มเพื่อนสนิทก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วพากันเดินกลับไปที่ตึกที่ได้นัดหมายกันเอาไว้
จาง อี้ชิงเอามือซุกกระเป๋าเสื้อกันหนาวโดยที่มืออีกข้างยังซุกและถูกจับอยูในกระเป๋าเสื้อลู่ฮัน อุตส่าคิดว่าวันนี้จะเริ่มต้นด้วยความรู้สึกดีๆแท้ๆแต่พอมาเจอเรื่องแบบนี้เข้าก็หงุดหงิดงุ่นง่านพาลจะหาเรื่องงอนเพื่อนตัวสูงไปหมด ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วที่เขาเริ่มรู้สึกไม่ดีเมื่อรู้ว่าอึนจีแม่สาวสวยเดือนคณะนิเทศจะร่วมเดินทางไปกับทิปด้วย ทั้งๆเขาที่กะว่าจะไปส่องพี่คริสให้เต็มตาทั้ง3วันเสียหน่อยแต่พออรู้ว่าเป็นแบบนี้ก็ทำเอาความฝันก็แทบพังครืน
ในเมื่อคริสกับอึนจีเป็นคู่เซอวิสที่เด็กๆในมหาวิทลัยชอบมาก เพราะทั้งรูปร่างหน้าตาและฐานะก็สมกันไปหมด เวลาทำอะไรถ้าทำด้วยกันก็จะได้รับกระแสตอบรับดีมากขึ้นเป็นสองเท่า งานนี้เขาสองคนก็คงจะอยู่ติดกันเหมือนทุกทีนั่นแหละ ถึงจะเป็นแค่ความรู้สึกแอบชอบและทั้งคู่ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแต่มันก็ทำให้อี้ชิงรู้สึกหึงชมัด....
แอบรักมาตั้ง2ปีไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะได้กระเดียดกายเข้าใกล้เลย เป็นลูกเป็ดขี้เหร่มันก็แย่แบบนี้สินะ... ไม่มีอะไรโดดเด่นพอให้หันมอง หน้าตาก็งั้นๆการเรียนก็พอถูๆไถๆ จะมีก็แต่เพื่อนสนิทคนเดียวที่เป็นป๊อบปูล่าของเหล่าสาวๆ แต่ก็น่าเสียดายที่ไฟออร่ามันส่องมาไม่ถึงเขา พอเจอผู้หญิงทีไรใครๆก็ทักแต่ลู่ฮันตลอดจนเหมือนกับอี้ชิงคนนี้ไม่มีตัวตนอยู่ในโลก คิดแล้วก็เซ็งในหัวใจ
“เหม่ออะไร “ เสียงเรียกและแรงฉุดที่ข้อมือดึงอี้ชิงออกจากภวังค์ความคิด เขาเงยขึ้นมองกลุ่มคนตรงหน้าก่อนจะปล่อยตัวให้เดินไปตามแรงดึงของเพื่อนตัวสูงที่เดินเบียดฝูงชนกลุ่มย่อมๆที่ตามมากรี้ดคู่จิ้นเข้าไปจนถึงที่นั่งของผู้ร่วมทิป
อี้ชิงถูกดึงให้นั่งลงหลังสุดแต่เพราะมีคนไปไม่เยอะมากเลยทำให้กลุ่มนั่งกว้างเป็นบริเวณน้อยแค่50-60คน ทำให้เขาอยู่ไม่ไกลนัก คริสเป็นรุ่นพี่นำทีมร่วมกับอึนจีเหมือนเคยแล้วตอนนี้ก็กำลังพูดผ่านไมค์โครโฟนเรื่องสัพเพเหระอะไรไปเรื่อย เรียกเสียงฮาและเสียงหัวเราะจากคนรอบข้างได้อย่างดีสมเป็นนักเอนเตอร์เทรนตัวยง
“เหมาะกันมากเลยเนอะ...”
“ไม่เห็นอยากดูเลย” อี้ชิงเบ้ปากก่อนจะเบือนหน้าหนีเอาคงไปเกยไหล่เพื่อนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆกัน ที่จริงมันก็ไม่ได้เจ็บปวดรวดร้าวขนาดจะขาดใจน้ำตาจะไหล แต่มันเป็นแค่ความรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆของคนแอบชอบที่ไม่มีสิทธิ์หึงเท่านั้นเอง
“ฮ่ะๆ หงอยไปเลย” ลู่ฮันหัวเราะออกมาเบาๆอย่างชอบใจ ทั้งๆที่รู้ว่าอี้ชิงจะงอนเวลาที่แซวเรื่องแอบชอบคริสแต่ก็ยังชอบทำเพราะมันทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นเวลาที่เห็นคนตัวเล็กทำหน้าบูด
“พูดมาก” อี้ชิงยกคางขึ้นแล้วก้มหน้าลงไปฝังเขี้ยวลงบนหัวไหล่หนา กัดมันด้วยความหมันไส้จนคนตัวสูงร้องโอ้ยเบาๆแต่เขาก็ยังไม่ยอมถอนฝันออกและกัดให้แรงขึ้น
“ปล่อย” ลู่ฮันยกมืออีกข้างขึ้นดึงแก้มเนียนจนมันยืด ยิ่งอี้ชิงกัดแรงเท่าไหร่ก็ยิ่งดึงให้มันแรงเท่านั้นจนคนตัวเล็กยอมปล่อยเขาถึงได้ปล่อยมือออกแล้วใช้หัวแม่มือปาดรอยแดงที่แก้มเบาๆ ที่จริงก็ไม่ได้อยากทำให้เจ็บหรอกแต่เห็นแล้วมันหมันเขี้ยวจนอยากจะดึงให้ยืดติดมือออกมาเลย
“เจ็บ... ไม่คุยแล้ว” อี้ชิงสบัดหน้าหนีเพราะถูกเพื่อนสนิทแกล้งเป็นครั้งที่สี่ วันนี้เขาอารมณ์ไม่ดีอยากแกล้งลู่ฮันแต่ไม่อยากโดนแกล้ง แต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนตกเป็นผู้ถูกกระทำมากกว่า พอเงยหน้าขึ้นกะว่าจะตั้งใจฟังสิ่งที่รุ่นพี่พูดสายตาก็เหลือบขึ้นไปสบกับดวงตาของคริสที่มองมา เขารู้สึกอึ้งไปแว้บนึงก่อนที่คริสจะหันไปมองทางอื่น ส่วนอี้ชิงก็เงอะงะทำอะไรไม่ถูก
มันเป็นแค่ความบังเอิญหรือว่าคริสตั้งใจมองมาตั้งแต่แรกกันนะ....มองเพราะคิดว่าเขาเป็นแฟนกับลู่ฮันหรือว่าเล่นกันไม่สนใจงานจนเป็นที่รบกวน... มันทำให้อี้ชิงคิดมากไปหมดแต่ก็ต้องสลัดทุกความคิดออกจากหัวเมื่อตัวเองถูกเรียกชื่อเสียงดัง
“อี้ชิง จาง อี้ชิง น้องคนไหนชื่อ จาง อี้ชิง” เสียงอึนจีโหวกเหวกดังลั่นพร้อมกับสายตาของนักเรียนที่กวาดมองไปทั่ว อี้ชิงยกมือขึ้นนำเพื่อแสดงตัวก่อนจะยืนขึ้นท่ามกลางกลุ่มนักศึกษาที่มองอย่างตื่นเต้น
“ว้าย!! น่ารัก!! ได้คู่กับพี่คริสนะคะ อ้าย! คริสอย่าทำอะไรน้องนะ!” เสียงอึนจีวี้ดว้ายอย่างตื่นเต้นพร้อมกับเสียงหัวเราะครืนของเหล่านักศึกษา อี้ชิงยังมึนงงว่าเขาประกาศอะไรใครคู่อะไรกับใครแล้วจะทำอะไรกัน เขาเห็นคริสมองมาแว้บนึงก่อนจะยิ้มให้แล้วกวักมือเรียกออกไปกลางวง
อี้ชิงหันมองลู่ฮันแว้บนึงเหมือนจะขอความช่วยแหลือแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็เดินมาพร้อมกันเลยตัดสินใจเดินออกไปเลย เสียงอึนจียังประกาศอะไรต่อไปเรื่อยๆเขาถูกคริสกวักมือเรียกให้เดินหลบไปด้านหลังที่มีกระเป๋ากับรุ่นพี่คนอื่นๆนั่งทำอะไรอยู่ ก่อนที่คนตัวสูงจะชี้ไปที่เก้าอี้พับใกล้
“เดี๋ยวเรานั่งรอตรงนั้นก่อนนะ” เสียงทุ้มต่ำน่าฟังที่หันมาพูดกับเขาทำเอารู้สึกเหมือนถูกกระชากวิญญาณออกจากร่างก่อนที่คริสจะเดินไปหยิบน้ำขวดมาดื่มแล้วกลับไปจัดงานเล็กๆต่อ ปล่อยให้เขานั่งตัวลีบอยู่กลางกลุ่มรุ่นพี่หน้าเจ๊กที่กำลังสาระวนอยู่กับเกมส์บนไอแพด
ลู่ฮันนั่งหน้าตายมองเพื่อนสนิทที่ถูกลากตัวไปจากที่นั่ง ถึงเขาจะเล่นกับอี้ชิงและมาพร้อมกันแต่ก็สังเกตุเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าตอนที่อึนจีประกาศคนที่จะได้นั่งคู่และทำกิจกรรมร่วมกับคริส เธอไม่ได้ล้วงมือเข้าไปในกล่องจับฉลากแต่รับกระดาษที่คริสเพิ่งเขียนชื่อมาแทนเห็นจะๆกับตา
เขาแค่กลัวว่าอี้ชิงจะถูกรุมแกล้งหรือบังคับให้ทำอะไรที่มันหวาดเสียวพิศดารเหมือนกับรุ่นก่อนๆที่เคยโดน ถึงที่จริงมันจะไม่ใช่การที่แกล้งร้ายแรงอะไรมาก แต่คนคิดมากและขี้กลัวอย่าง จาง อี้ชิงถ้าจะปล่อยให้โดนทำแบบนั้นลู่ฮันก็ยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้
เขารีบจัดการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งSMS หาพี่ชายที่สนิทกันทันทีเพื่อขอความช่วยเหลือ ลู่ฮันเห็นแล้วว่าพี่เขานั่งถือไอแพดอยู่พอเครื่องเตือนข้อความเข้าก็คงจะรีบเปิดดูทันที
‘ผมอยากคู่กับพี่ เอาผมไปอยู่ด้วยหน่อยดิ To xuimin’
ซิ่วหมินเป็นคนนึงที่อยู่ในคณะรุ่นพี่ถ้าเขาได้คู่กับซิ่วหมินก็คงไปเนียนๆกับฝ่ายจัดกิจกรรมได้ เขาเห็นซิ่วหมินชโงกหน้าไปมาเลยยกมือต่ำๆแสดงตำแหน่งที่นั่งของตัวเอง พอถูกมองเห็นก็โดนกวักมือเรียกไปเลยทันทีโดยที่ไม่ต้องจับฉลาก
เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าแอบใช้เส้นลู่ฮันเลยเดินอ้อมเลี่ยงๆไปด้านหลังแทนที่จะฝ่ากลางวง เขาเดินฝ่าฝูงชนเดินไปจนถึงมุมที่กลุ่มรุ่นพี่จัดอยู่แล้วเดินตรงเข้าไปนั่งข้างซิ่วหมินทันทีถึงจะเห็นแต่แรกแล้วว่าอี้ชิงกำลังมองมาแต่ก็เลือกทำเป็นไม่สนใจกลบเกลื่อนจุดประสงค์ที่แท้จริง
“อ้าว วันนี้แมนยูแข่งบลาซ่า กูคิดว่ามึงจะนอนดูบอลอยู่บ้านซะอีก” กึนซอกรุ่นพี่ที่สนิทกันเอ่ยทักอย่างเป็นกันเองซึ่งลู่ฮันก็คุยโวกับเขาไปด้วย เรียกได้ว่ารุ่นพี่ทุกคนแทบจะสนิทกับลู่ฮันทั้งหมดเพราะลู่ฮันชอบไปกินเบียร์เชียร์บอลด้วยกันบ่อยๆจนคุ้นหน้า เลยไม่เป็นเรื่องยากนักที่จะแทรกตัวเข้ามาเนียนๆ
“บอลเดี๋ยวดูย้อนหลัง แต่วันนี้มีวันเดียว”
“พูดแบบนี้กับเขาก็เป็นด้วยหรอวะ” ซิ่วหมินหันมาแซวรุ่นน้องคนสนิทที่ตัวเองแอบลากเข้ามาเมื่อกี้ แต่ลู่ฮันไม่ได้ตอบอะไรยังคุยกับกึนซอกและคนอื่นๆไปเรื่อย
“อ้าว... น้องคนนี้ทำไมไม่ไปนั่งที่ โดนเรียกชื่อหรือยังตรับ” เป็นอีกครั้งที่คริสเดินกลับมาที่กลุ่ม เขาชี้ไปที่ลู่ฮันแต่หันไปมองหน้ากึนซอกซึ่งกึนซอกก็บุ่ยปากไปทางซิ่วหมินเป็นเชิงให้ไปเอาคำตอบจากคนนั้นเอง
“เขาคู่กับฉัน เด็กพิเศษ ห้ามยุ่งเว้ย” ซิ่วหมินยักคิ้วอย่างไม่เกรงกลัวพร้อมกับปาฝาขวดน้ำใส่คนตัวสูงแต่คริสก็หลบได้ก่อนจะเดินหนีไปด้านหลัง ไปลากเอาเก้าอี้พลาสติกไปนั่งข้างอี้ชิงโดยที่ไม่สนใจสายตากวนประสาทของเหล่าเพื่อนๆเลย
“ว่าไงครับ เป็นไรนั่งเกร็งเลย” คริสยกมือขึ้นจับหัวอี้ชิงโยกไปมาอย่างเป็นกันเองพร้อมกับรอยยิ้มด้วยความเคยชินตามนิสัยเข้ากับคนง่าย โดยที่ไม่รู้ว่ามันทำคนตัวเล็กรู้สึกรวนขาดไหน
“ครับ รู้สึกแปลกๆ” อี้ชิงรู้สึกอยากจะกัดลิ้นให้ตายที่ตอบออกไปแบบนั้น ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเควซ่าที่หมุนติ้วอย่างรุนแรงและกำลังจะระเบิดตู้มในอีกไม่ช้า คงเป็นเพราะคริสเป็นคนใจดีและเข้ากับใครก็ได้เลยแสดงท่าทางเป็นกันเองให้เขารู้สึกผ่อนคลาย แต่กับคนโดนกระทำแล้วยิ่งสัมผัสยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งแตกตื่นไปกันใหญ่ หัวใจกำลังเสียสมดุลย์อย่างรุนแรง..
“หื้อ? เป็นอะไรหละ” คริสถามออกไปด้วยความเป็นห่วง เขาเห็นอี้ชิงนั่งเงอะงะตัวลีบแคะเล็บกัดปากตั้งแต่ที่ถูกเรียกมานั่งแล้ว ว่าจะเดินมาถามก็ติดจัดกิจกรรม
“ป่าวครับ เกร็งๆนิดหน่อย” สุดท้ายก็ตอบออกไปตามจริง อี้ชิงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วเป่าลมออกปากจนแก้มป่องเหมือนที่ชอบทำเวลารู้สึกไม่สบายใจ
“เดี๋ยวก็ไปขึ้นรถแล้ว จะนั่งไปกับพี่หรือจะไปรสบัส”
“ครับ?” ไม่ใช่ว่าแกล้งไม่เข้าใจ อี้ชิงพอจะรู้ว่าเขาต้องนั่งคู่กับคริสและทำกิจกรรมด้วยกันจากที่ได้ฟังอธิบายเมื่อครู่ แต่ที่ว่าจะให้นั่งรถแยกกันนี่ไม่เข้าใจเท่าไหร่
“พี่ขับรถไปเอง จะไปนั่งด้วยกันหรือจะไปกับรุ่นพี่” คนตัวสูงชี้นิ้วไปที่กลุ่มเพื่อนฝ่ายเตรียมกิจกรรมที่นั่งอยู่เป็นกลุ่ม อี้ชิงกวาดสายตามองแต่ละคนแล้วก็เหนื่อยใจ ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจหรืออะไรหรอกแต่ก็กลัวว่าตัวเองจะถูกแกล้งนั่นแหละ ส่วนลู่ฮันก็เอาแต่นั่งมองไม่ยอมพูดอะไรด้วยเลย
“ไปกับรสบัสก็ได้ครับ” ถึงจะเหนื่อยใจก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี อยู่ๆจะบ้าไปขึ้นรถคนอื่นก็เสียมารยาทเกินไป ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องถูกเลือกให้จับคุ่กับรุ่นพี่ทั้งๆที่อยากจะคู่กับเด็กปีเดียวกันหรือลู่ฮันแท้ๆ
“เดี๋ยวพวกมันแกล้งเอานะ ไปกับพี่เถอะ” แค่มองดูสายตาลำบากใจคริสก็รู้ว่าคนตัวเล็กคิดยังไง ยิ่งดูสภาพเงอะๆงันๆแบบนี้ขืนปล่อยไปขึ้นรถโดนไอ้พวกเถื่อนมันแกล้งเอาแน่ คริสทนทำใจร้ายปล่อยกระต่ายเข้าปากเสือไม่ได้หรอก
“แต่ว่ามันจะไม่รบกวนพี่หรอ”
“ไม่เห็นเป็นไร เดี๋ยวเราต้องออกก่อนรสบัส15นาที เดี๋ยวพี่จะไปเลย รอแป้บนึง”
คริสยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนจะเดินไปทางกลุ่มที่นั่งเล่นไอแพดกันอยู่ อี้ชิงรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบไปหมดใจสั่นจนเหมือนจะเป็นลม เขาเห็นลู่ฮันมองมาก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นกดอะไรในมือไม่นานเสียงเตือนข้อความโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น เขารีบยกมันขึ้นมาดูทันที
‘พี่คริสคุยอะไร from luhan’
ถึงจะเห็นข้อความแต่ก็ไม่ยอมตอบกลับ อี้ชิงเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าทำลอยหน้าลอยตาไม่สนใจแม้แต่สายตาที่อีกฝ่ายมองมา เป็นการทำโทษที่วันนี้ลู่ฮันทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่เช้าเลยกะจะแกล้งงอนไม่คุยด้วยซะเลย
“กวนหรือไง” พอไม่ตอบกลับด้วยระยะทางที่นั่งห่างกันแค่ไม่ถึงเมตรลู่ฮันก็เดินเข้ามาหาอี้ชิงพร้อมกับผลักหัวคนตัวเล็กเบาๆด้วยความหมันไส้ที่ทำเมินใส่เขา อุตส่าเป็นห่วงกลัวว่าจะโดนไอ้เงิงมันแกล้งแต่กลับโดนงอนใส่เสียอย่างนั้น
“อย่ามายุ่ง!” จาง อี้ชิงบุ่ยปากสบัดหน้าหนีมือใหญ่ที่เอื้อมมาจับคางแถมยังทำท่าเกามือเหมือนกับเขาเป็นแมวแมวอีกด้วย
“ยังไม่หายโกรธอีกหรอ” พอโดนสบัดหน้าหนีลู่ฮันก็เปลี่ยนจากเกาคางเป็นยกมือขึ้นยีหัวแทน วันนี้เขาโดนโกรธไปหลายรอบตั้งแต่เช้าแต่ว่าลู่ฮันไม่เครียดหรอกเพราะเขารู้ดีว่าอี้ชิงเป็นพวกโกรธไม่นานแกล้งงอนเดี๋ยวเดียวก็หาย เป็นคนที่ขี้ลืมและเชื่ออะไรง่ายๆจนบางครั้งก็โดนหลอกอยู่บ่อยๆ
“ป่าว พี่คริสให้นั่งรถไปด้วยกันกับเขา บอกว่าขับรถมาเองเลยจะให้ไปด้วย”
“เห้ย อย่าไปเลย ไปรถบัสกับฉันเหอะฉันก็นั่งไปคันเดียวกับแก เดี๋ยวมันจะพาไปไหนต่อไหน”
“จะบ้าหรอ เขาเป็นรุ่นพี่นะ” อี้ชิงขมวดคิ้วกับคำพูดหาเรื่องไม่เป็นสาระของเพื่อนสนิท ที่จริงน่าจะห่วงคริสว่าจะโดนเขาหลอกล่อพาไปทำอะไรต่อมิอะไรมากกว่า
“นี่ไม่สบายหรือป่าวเนี่ยทำไมตัวอุ่นๆ” ลู่ฮันเลือกที่จะไม่ต่อกรเขาใช้มือจับข้างแก้มของเพื่อนตัวเล็กเบาๆเมื่อรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่ร้อนผิดปกติของใบหน้า
“อื้อ กินยาแล้ว” อี้ชิงตอบไปตามจริงถึงจะรู้ว่ามันจะทำให้ลู่ฮันเป็นห่วงก็ตาม เมื่อคืนเขาเป็นหวัดก็เลยกินยาพอตื่นเช้ามาเริ่มรู้สึกปวดหัวจี้ดๆแต่ไม่รุนแรงมากแถมตัวก็ยังอุ่นๆไม่ถึงกับร้อนถึงได้ตัดสินใจมาค่ายเพราะคิดว่ากินยาไปอีกเดี๋ยวก็หาย
“ทำไมชอบทำแบบนี้วะ ไปถึงรีบพักเลยนะเดี๋ยวจะบอกคนอื่นให้ ไม่ก็นอนไปในรถ” ลู่ฮันชักสีหน้าไม่พอใจกับนิสัยชอบทนอะไรเกินเหตุของเพื่อนสนิท แต่ไหนๆก็มาถึงนี่แถมอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็จะออกเดินทางแล้วมันก็ช่วยไม่ได้ เขาเห็นคริสสะพายกระเป๋าเป้พร้อมกับหยิบกุญแจรถจากโต๊ะวางของไปด้วย
“จะไปยังครับ” คริสเดินมาเอ่ยขัดแทรกบทสนทนา พร้อมกับหยิบเอาขวดน้ำใกล้ๆติดมือไป พอเห็นอี้ชิงลุกขึ้นยืนพร้อมเดินเขาจึงหลบทางให้พร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าข้อมือบางมาจับไว้ คริสไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เวลาที่ไอ้หน้าหวานนี่มันมาสกินชิพแตะเนื้อต้องตัวทำสนิทสนมกับอี้ชิง ตั้งแต่ตอนที่เอามือซุกเสื้อกันหนาวกันมาจากข้างนอกแล้ว
“ไปดีๆนะ พี่ดูแลมันดีๆด้วย มันไม่สบาย”
“หื้อ? งั้นเดี๋ยวกินยาแล้วขึ้นไปนอนบนรถ ในกระเป๋าพี่มียาอยู่ ไปเลย” คริสกระตุกมืออี้ชิงเบาๆให้เดินตามไป ถ้าคนตัวเล็กไม่สบายก็ไม่จำเป็นต้องรออะไรอีกให้รีบไปขึ้นรถแล้วขึ้นไปนอนพักผ่อนซะ เผื่อว่าจะหายดีทันเวลากิจกรรมช่วงค่ำที่อุตส่าเตรียมมา เพราะมันคงไม่สนุกแน่คริสร่วมกิจกรรมโดยที่ไม่มีคู่ หรือจะจับคู่ใครมาแทนก็คงไม่รู้สึกดีเท่าได้คู่กับ จาง อี้ชิง
ก็อุตส่าเล็งไว้ แอบมองมานานสุดท้ายก็ได้มาอยู่ใกล้ ถ้าไม่เกินกว่ากำลังที่พอจะทำได้คืนนี้คริสจะต้องเผด็จศึกรุกฆาต....จะต้องขออี้ชิงมาเป็นแฟนให้ได้….
คนอะไรน่ารักมุ้งมิ้ง คริสเห็นแล้วจะละลายตาย อิจฉาลู่ฮันเป็นบ้าที่ได้เข้าใกล้ได้จับสำผัสตัวนิ่มๆตลอดเวลา แค่เขาได้แตะมือตอนนี้ก็แทบจะลอยขึ้นฟ้า ใครจะไปรู้ว่าเจ้าชายที่หลายๆคนหลงไหลก็มีคนที่คลั่งไคล้เหมือนกันเพียงไม่มีโอกาสได้แสดงออกเท่านั้น นึกแล้วก็ตื่นเต้นสงสัยว่าอี้ชิงจะเป็นหนึ่งในแฟนคลับคริสหรือป่าว
ถ้าใช่ก็ดีแต่ถ้าไม่ใช่คริสก็จะทำทุกวิถีทางให้อี้ชิงชอบเขาให้ได้....แอบมองมาตั้ง2ปีเพิ่งจะมีสิทธิ์ได้เข้าใกล้ ยังไงก็ต้องไม่พลาด!
“เห้อ~” จากมหาลัยวิทยาลัยขับรถมาถึงช๊อกโชเอาจริงๆก็แค่45นาทีเท่านั้น พอได้คีย์การ์ดห้องจากพนักงาน จาง อี้ชิงก็รีบปลีกตัวขึ้นมาบนห้องทันที ตอนนี้หัวเขาเต้นตุ้บๆไปหมดแถมอ้วกไปตั้ง2ครั้งตอนที่นั่งรถมา ไม่รู้ว่าเมารถหรือเพราะพิษไข้แต่คริสก็ยังใจเย็นและใจดีจอดรถให้อ้วกข้างทางโดยที่ไม่บ่นสักคำแถมยังอนุญาตให้เข้าไปนอนที่เบาะหลังได้ด้วย
นึกแล้วก็ทุเรศตัวเองที่สร้างแต่ปัญหาและภาพลักษณ์ไม่น่าชมตลอดเวลา แบบนี้จะเอาหน้าที่ไหนไปบอกชอบเขา แค่นึกก็แทบจะเป็นไปไม่ได้
เย็นนี้มีกิจกรรมกลางชายหาดแต่อี้ชิงจะไม่ลงไปแล้วขอนอนพักเอาแรงเพื่อลงไปร่วมกิจกรรมตอนมึดแทน หลังส่งข้อความไปรายงานลู่ฮันว่าถึงที่พักโดยสวัสดีภาพแล้วก็กระโดดตุ้บขึ้นเตียงหนานุ่มที่นอนสบายเสียยิ่งกว่าฟูกที่บ้าน นึกแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านคริสเนี่ยจะรวยขนาดไหน
ก็มีเงินขนาดเปิดโรงแรมตัวเองให้รุ่นน้องมาพักจัดกิจกรรมแบบนี้ ถ้าเขามีเงินสักครึ่งนึงของตระกูลอู๋อี้ชิงอาจจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ก็ได้
“อ่า... ไร้สาระจัง...” พอพูดกับตัวเองเสร็จก็ฟาดหน้าโขกกับหมอนขนห่านด้วยความละอายใจจนเสียงดังปั่บๆ ไม่รู้ว่าตอนท้องแม่กินอะไรเข้าไปอี้ชิงถึงได้เกิดมาเพ้อเจ้อแบบนี้
“ปวดหัวหรอ?” เสียงทุ้มที่อี้ชิงจำได้ดีว่าเป็นของใครดังขึ้นทำเอาคนตัวเล็กเกร็งแน่นกดหน้าชิดกับหมอนไม่กล้าขยับตัว รู้สึกร้อนไปหมด
ทั้งร่างกาย อายแทบมุดแผ่นดิ อยู่ๆจะมีใครที่ไหนเอาหัวโขกหมอนเล่น... ให้ตายสิ จาง อี้ชิงนี่ทำแต่เรื่องหน้าอายตลอด สุดท้ายพอแก้สถานการณ์ไม่ได้ก็เลยเนียนแกล้งตายทำนอนหลับไปทั้งอย่างนั้นถึงจะยังได้ยินเสียงพูดอยู่ไม่ห่าง
“ถ้าปวดหัวก็ลุกขึ้นมากินยานะ พี่วางไว้บนโต๊ะนี่” คริสโยนกระเป๋าไว้ที่พื้นพร้อมกับหยิบยาแก้ไข้ออกจากกระเป๋ากางเกงวางไว้บนโต๊ะแล้วกะว่าจะเดินไปเอากุญแจห้องทุกห้องไว้เตรียมแจกให้กับรสบัสที่จะมาถึงในอีก10นาทีข้างหน้า อีกใจนึงจะยังเป็นห่วงคนตัวเล็กที่อาจจะเครียดหรืออะไรของเค้าแต่ทำไมถึงได้ฟาดหัวลงกับหมอนอันนี้คริสก็ไม่เข้าใจ
พอวางยาไว้บนโต๊คริสก็รีบเดินออกไปทันทีเพราะมีหลายอย่างที่ต้องทำเอาไว้ล่วงหน้า เขิดไฟหลอดใหญ่ปรับร์ให้ลงก่อนจะปิดประตูออกไป
“ฮรื่อ.....” พอเสียงปิดประตูดังอี้ชิงก็พลิกตัวนอนหงายครางฮรื่อในลำคอด้วยความสมเพชตัวเองที่เอาแต่ทำเรื่องน่าอายไม่หยุดหย่อน เพราะแบบนี้หรือป่าวที่ทำให้เขาไม่มีเพื่อน นอกจากลู่ฮันที่สนิทกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วก็ไม่มีใครอยากจะคบกับอี้ชิงเพราะเขามันซื่อบื้อแถมยังหลุดอยู่เรื่อยแบบนี้จะมีแฟนเมื่อไหร่กันนะ
นึกแล้วก็อยากจะบ้า เพราะงั้นหลับมันซะเลยดีกว่าตื่นมาจะได้เจอกับลู่ฮันอย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมชะตากรรม เป็นทริปสานสัมพันที่พิศวงศ์จริงๆ.....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“อี้... เห้ย ไหวป้าวเนี่ย” ตอนนี้ เสี่ยว ลู่ฮันนั่งอยู่บนเตียงสีขาวในห้องโรงแรมของเพื่อนสนิทและกำลังพยายามปลุกร่างเล็กๆที่นอนซมร่างกายอ่อนปวกเปียกกอดผ้าห่มแน่น ทั้งๆที่บอกว่าไหวแล้วอุตส่ายอมให้มาด้วยคิดว่าคริสจะดูแลได้ดีกว่านี้แต่มันกลับปล่อยให้เพื่อนเขานอนจมพิษไข้แล้วตัวเองก็ออกไปร่วมกิจกรรมเย้วๆ แบบนี้มันไม่ได้เรื่องชัดๆ
“อื้อ....” พอถูกเขย่าๆตัวเข้าแรงๆสติสัมปชัญญะก็เริ่มกลับเข้าที่ จาง อี้ชิงลืมตาขึ้นช้าๆก่อนจะพลิกตัวพ่นลมหายใจร้อนๆออกมา พอมองเห็นเพื่อนตัวสูงที่แยกกันตอนเดินทางอยู่ๆก็รู้สึกดีใจขึ้นมาแปลกๆ เป็นความรู้สึกของคนป่วยสินะไอ้อาการงอแงเนี่ย
“เป็นไง ไหวไหม ไม่น่าให้มากับไอ้เงิงเลย” ลู่ฮันทำหน้าไม่พอใจพร้อมกับยกมือปัดปอยผมเช็ดเม็ดเหงื่อที่เกาะพราวอยู่บนหน้าผากมนเพราะพิษไข้
“พี่คริสมาเช็ดตัวให้แล้ว อย่าอคติ” อี้ชิงยิ้มออกมาก่อนจะพยายามยันตัวขึ้นนั่ง แต่ไม่ทันไรความรู้สึกปวดหน่วงที่ศรีษะก็เล่นงานเอาจนแทบทรงตัวไม่อยู่ ดีที่ลู่ฮันเอาแขนมารับไว้ พอตั้งสติได้ก็ยกเท้าวางบนพื้นนั่งบนเตียงบิดตัวไปมาด้วยความขี้เกียจ
“หรอ... นอนไปเลยไม่ต้องลุก ไม่ต้องลงไปแล้วกิจกงกิจกรรม ไปนอนห้องฉันไป”
“ไม่เอา เดี๋ยวแกติดไข้”
“อยากนอนกับไอ้เงิงนั่นมากกว่า” ลู่ฮันเบ้ปากล้อเลียนแต่อี้ชิงก็ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแถมยังยิ้มกริ่มแล้วเอามือยันโต๊ะพยุงตัวขึ้น ยังไงซะอี้ชิงก็ไม่อยากพลาดกิจกรรมที่จะได้เล่นร่วมกับคริสในเมื่อเขาอุตส่ามาที่นี่ก็เพราะจะได้อยู่ใกล้ๆคนที่ชอบนี่หน่า ถึงจะมีแฟนปลอมๆของคริสอย่างอึนจีมาด้วยแต่แค่ได้ส่องจากที่ไกลๆแบบนี้ก็มีความสุขแล้ว
“ไปข้างล่างกันเถอะ” อี้ชิงเดินโซเซเข้าไปในห้องน้ำกะว่าจะล้างหน้าให้สดชื่นแล้วลงไปกินลมชมวิวข้างล่าง เผื่อจะสดชื่นขึ้น ไหนๆก็มาทะเลทั้งทีจะนอนซมอยู่ในโรงแรมก็ไม่ใช่เรื่อง
อี้ชิงจำได้ว่าก่อนหน้านี้ไม่นานคริสขึ้นมาเช็ดตัวให้แล้วก็เอายาให้กิน แต่ตอนนั้นสติของเขาลางเลือนเดินกว่าจะเขินหรือรู้สึกกรี้ดกร้าด รู้แค่ว่าอ่อนแรงแล้วก็เพลียจนแม้แต่แขนยังยกไม่ขึ้น ถ้าไม่ได้คนตัวสูงมาคอยดูแลป่านนี้อาการป่วยของเขาคงมีแต่จะทรุดลงเรื่อยๆ ทั้งๆที่รู้จักกันครั้งแรกแต่คริสก็เป็นคนดีจนน่าประทับใจสุดๆ ส่วนอี้ชิงนี่เป็นยังไงบ้างนะ...
“แน่ใจนะว่าจะไม่ไปนอนด้วยกัน ถ้าไข้ขึ้นๆมาใครจะดูแลวะ” ลู่ฮันเชื่อว่าคริสดูแลอี้ชิงได้ดีในระดับรุ่นพี่รุ่นน้องนั่นแหละ แต่ถ้าอี้ชิงไข้ขึ้นดึกๆขึ้นมาจริงๆมันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะให้ใครมาคอยเช็ดอ้วกเหมือนเพื่อนสนิทกัน ยิ่งกับอี้ชิงแล้วถ้ารู้สึกไม่สบายหนักๆก็ยิ่งกว่างอแงเสียอีก ไม่ใช่ว่าเขาอคติกับคริสแต่คนไม่รู้จักกันคงดูแลได้ไม่เต็มที่
“งั้นถ้าไข้ขึ้นจะโทรไปหา” อี้ชิงหยิบผ้าผืนเล็กที่แขนอยู่ที่ราวขึ้นมาเข็ดหน้าก่อนจะเดินไปรื้อกระเป๋าเอาเสื้อคลุมกันหนาวตัวบางออกมาสวมพอกันลม แล้วเดินไปหยิบคีย์การ์ดพร้อมกับพยักหน้าเรียกเพื่อนสนิทให้เดินลงไปด้วยกัน
“ฝืนจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ ถ้าแกเป็นอะไรฉันจะฆ่ามัน” ลู่ฮันส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจแต่ก็ยอมเดินตามเพื่อนตัวเล็กไปอยู่ดี รู้ก็รู้ว่าอี้ชิงทนเพราะอะไรแต่กลับห้ามไม่ได้ แล้วถ้าคืนนี้ไข้กลับขึ้นมาก็ดีแต่จะเป็นภาระให้คริสทั้งนั้นเพราะแบบนั้นเขาถึงได้ไม่อยากจะละสายตาห่างจากอี้ชิง
ทั้งๆที่บอกว่าอยากจะร่วมกิจกรรมแต่พอลงมาถึงหาดทรายในช่วงค่ำก็ทำได้แค่นั่งรอบกองไฟแล้วดูคนอื่นๆเล่นกัน ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคู่ของเขาเป็นพิธีกรจัดงานเลยไม่ค่อยได้เล่นกิจกรรมเหมือนนอื่นๆ แถมอากาศก็หนาวมากจนรู้สึกว่ากระดูกร้าวไปหมดหนาวจนมือชาปวดกระดูก แล้วก็ดันเซ่อซ่าใส่มาแค่เสื้อคลุม
อี้ชิงไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องโง่อีกกี่ครั้งถึงจะฉลาดขึ้นมาบ้าง เขากระเถิบตัวไปด้านหลังที่มีลู่ฮันนั่งอยู่ก่อนจะจับสาปเสื้อโค๊ทตัวใหญ่ของเพื่อนสนิททั้งสองข้างมาห่อตัวเองไว้ กลายเป็นเสื้อตัวเดียวที่ห่อร่างกายของคนสองคน แต่ลู่ฮันไม่ได้ว่าอะไรแถมยังเอาแขนมากอดไว้จนทำให้รู้สึกอุ่นขึ้น
อี้ชิงรู้แสบจมูกเพราะลมหนาว เขาอยากจะกลับขึ้นห้องแล้วทั้งๆที่ลงมาได้ไม่ถึง15นาทีด้วยซ้ำ กิจกรรมยังดำเนินต่อไปทั้งฮาร์ดคอร์และขำขันสลับกันไป ตอนนี้หนังตาหนักจนแทบจะหลับอยู่แล้วเมื่อไหร่กิจกรรมจะจบสักทีพรุ่งนี้รอให้เขามีแรงก่อนค่อยจัดไม่ได้หรือไง...
“วันนี้พี่พิธีกรของเรายังไม่ได้ร่วมกิจกรรมเลย คริสคู่แกอยู่ไหน ไปลากมาสิ จะให้ลงเกมส์ต่อไป” เสียงอึนจีประกาศลั่น อี้ชิงเองก็พอได้ยินอยู่บ้าง เขาลืมตาขึ้นจะลุกยืนแต่ไม่ทันจะได้ยกก้นขึ้นก็ถูกกระตุกมือไว้โดยเพื่อนสนิท
“ไหวแน่หรอวะ ไปบอกพี่คริสป่ะว่าไม่สบาย เดี๋ยวไข้ขึ้น” ลู่ฮันว่าด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“น้องชิงของพี่คริสอยู่ไหนคะออกมาเร๊ว~” เสียงอึนจียังโหวกเหวกไม่หยุด อี้ชิงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเดินฝ่าฝูงชนออกไปยืนพร้อมกับเด็กคนอื่นๆพี่ได้คู่กับรุ่นพี่ น่าเสียดายที่ลู่ฮันออกไปเล่นเกมส์กับซิ่วหมินแล้วทำให้เขาต้องฉายเดี่ยว
“ไหวหรือป่าว ไม่ต้องเล่นก็ได้นะ” คริสยกมือขึ้นจับแก้มรุ่นน้องที่ได้จับคู่เล่นเกมส์กันเพื่อวัดอุณหภูมิในร่างกายด้วยความเป็นห่วง ยิ่งลมแรงแบบนี้แถมยังต้องใช้แรงและฝ่าด่านระดับฮาร์ดคอร์ คริสกลัวว่าอี้ชิงจะเป็นอะไรไปถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นคงเป็นเขานั่นแหละที่ต้องโทษตัวเอง
“ครับ ไหว ไม่เป็นไร” พูดออกไปพร้อมกับรอยยิ้มเพื่อปัดความกังวลของอีกฝ่าย วันนี้อี้ชิงรู้สึกว่าตัวเองทำตัวเป็นภาระให้กับคริสมากพอแล้วถ้าไม่ยอมร่วมกิจกรรมอาจจะโดนมองว่าเป็นพวกเด็กเส้นนึกอยากจะไม่ร่วมกิจกรรมไม่ทำก็ได้
เสียงอึนจีประกาศวิธีเล่นเกมส์ซึ่งมันก็เป็นเกมส์แข่งขันฝ่าด่านทั่วไปที่ร่วมกันเล่นสองคนโดยเริ่มจากวิ่งไปเอาลูกโป่งที่ถูกผูกเชือกลอยน้ำอยู่ในทะเล แล้วเอามาทำให้แตกกับคู่ตัวเองจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของคู่เล่นที่จะต้องไปเป่าแป้งทำนั่นนี่ฝ่าด่านต่างๆจนกว่าจะไปถึงคบไฟ
มันก็เป็นเกมส์งั้นๆทั่วไปแต่ที่อี้ชิงไม่ชอบเท่าไหร่คือการลงน้ำนี่สิ ยิ่งอากาศหนาวแบบนี้ปกติก็ไม่ค่อยชอบน้ำอยู่แล้ว แล้วต้องมาวิ่งลงทะลงทะเลอีกงานนี้มีแต่หนาวกับหนาว...
“เดี๋ยวให้น้องชิงเริ่มการ ส่วนคริสให้มันเล่นด่านโหด” อึนจีประกาศพร้อมกับใช้มือตบไหล่อี้ชิงให้เดินไปอยู่ในเส้นเริ่มโดยมีคนอื่นๆยืนอยู่แล้ว ซึ่งรุ่นพี่แต่ละคนก็ยืนอยู่ประจำตำแหน่งรอให้รุ่นน้องวิ่งไปเอาลูกโป่งในน้ำ
พอเสียงนกหวีดดังปรี๊ด จาง อี้ชิงก็ออกแรงวิ่งเหมือนคนอื่นๆย่ำไปบนผืนทรายวิ่งฝ่ากระแสลมหนาวที่พัดวูบจนขนลุกไปหมด ไม่นานเท้าก็ผัมผัสกับน้ำทะเลเย็นๆบางคนถึงกับสดุ้งวิ่งถอยหลังไปตั้งหลังใหม่ทันที แต่เพราะความที่อยากให้เกมส์มันจบไวๆอี้ชิงไม่ยอมใจเซาะ เขาวิ่งฝ่าน้ำระดับเข่าลงไปเรื่อยๆถึงขาจะต้านคลื่นน้ำจนหน้าทิ่มเปียกปอนไปทั้งตัวแต่ก็ยังพยายามต่อไป
เขาเห็นคนข้างๆลงทุนว่ายน้ำเปียกทั้งตัวไปเอาลูกโป่ง ยิ่งเดินลึกจนเกือบจะถึงอกน้ำก็ยิ่งหนาวขึ้นทั้งงแรงสาดซัดจากคลื่นก็พัดจนเซหงายหลังตัวเปียกไปตามๆกัน อี้ชิงเอื้อมมือไปคว้าลูกโป่งสีเขียวออกแรงดึงจนด้ายหลุดแล้วจึงเดินหันหลังฝ่าคลื่นน้ำเย็นออกมาอย่างรวดเร็ว
ทุกคนตัวเปียกไปหมดยันผม อี้ชิงรู้สึกหนาวจนเจ็บกระดูกขาชาจนแทบก้าวขาไม่ออกแต่ก็พยายามจะไปให้ถึงฝั่ง ผู้ชายที่แข็งแรงหน่อยก็วิ่งฉิวส่วนคนธรรมดาทันทีที่ขึ้นฝั่งก็ถึงกับล้มเพราะขาแข็งกันหมด รวมถึงอี้ชิงเองด้วย
เสียงโห่เชียร์ยังดังไม่ขาดเขารีบวิ่งให้เร็วนำผู้ร่วมแข็งขันอีก3คู่ไปหาคริสที่รออยู่ พอทำลูกโป่งให้แตกได้คริสก็รีบไปฝ่าด่านโหดต่อส่วนอี้ชิงถึงกับล้มคุกเข่าลงไปกับพื้นเพราะแข้งขาชาจนปวดทั้งน้ำเย็นมาซัดเจอลมในหน้าหนาว แบบนี้มันรู้สึกยิ่งกว่าถูกแช่แข็งซะอีก
จาง อี้ชิงกำมือแน่น เขาเห็นคริสวิ่งนำคนอื่นๆไปหลายด่านแล้ว เพียงไม่นานเสียงโห่ก็ดังลั่นเมื่อคนตัวสูงวิ่งไปคว้าคบเพลิงมาไว้ในมือคนแรก ทั้งแฟนคลับและรุ่นน้องคนอื่นๆดีใจกันยกใหญ่แต่กับอี้ชิงแล้วตอนนี้ไม่สนุกด้วยเลย
“จะขึ้นไปอาบน้ำก่อนก็ได้ ไม่ต้องรอเลิก” ซิ่วหมินที่นั่งอยู่ที่พื้นเดินเข้ามากระซิบเขา ก่อนจะตบบ่าหนึ่งทีแล้วเดินไปคุยกับคนอื่นต่อ พอได้รับอนุญาตอี้ชิงก็ไม่รอช้ารีบเดินไปใส่รองเท้าแตะที่วางอยู่ใช้สองแขนกอดตัวเองเดินกลับโรงแรมไปทันที
+
23:30
หลังจากที่ช่วยรุ่นน้องเก็บกวาดซากกิจกรรมที่ทำกันไว้คริสก็รีบขึ้นห้องเพื่อมาดูอาการคนป่วยทันที วันนี้เขาสังเกตว่าอี้ชิงอาการไม่ดีทั้งวันแต่ก็ยังฝืนตัวเองตลอดเวลาจนอดเป็นห่วงไม่ได้รวมถึงเกมส์ที่เล่นไปตอนค่ำก็ด้วย ตอนที่ขึ้นมาเขาได้พบกับลู่ฮันครั้งงนึงตรงหน้าล๊อบบี้โดยที่ลู่ฮันเป็นคนเข้ามาทักเพื่อขอแรกห้องนอนด้วย แต่เรื่องอะไรที่คริสจะโง่ปล่อยโอกาสนี้ไปเขาเลยออกปากปฏิเสธอย่างไม่ใยดีพร้อมกับเดินหนีออกมา
วันนี้ลู่ฮันทำตัวน่าหมันไส้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ จนคริสรู้สึกอิจฉาตาร้อนไปหมด ทั้งๆที่อุตส่าจับคู่ไว้ตั้งแต่ตอนเตรียมกิจกรรมและวาดฝันเอาไว้ว่าจะต้องทำทุกๆอย่างคู่กับอี้ชิงให้ได้ แต่เพราะหน้าที่พิธีกรบ้าบอทำให้ลู่ฮันเอาอี้ชิงไปกกไว้คนเดียวทั้ง6วันแถมยังขึ้นมาตัดหน้ากันถึงบนห้อง
พรุ่งนี้คริสกะว่าจะให้กึนซอกหรือใครก็ได้ไปทำหน้าที่พิธีกรแล้วเปิดเกมส์รุกกับนางฟ้าที่รอคอยมานาน บุกเข้าตีหัวใจด้วยความว่องไวและพลังความหล่อที่รุนแรง
เอาจริงๆคริสก็ไม่อยากเข้าข้างตัวเองแต่บางทีเขารู้สึกเหมือนอี้ชิงก็แอบมองเขาอยู่ห่างๆเพราะถึงจะไม่ได้เข้ามากรี้ดกร้าดขอถ่ายรูปเหมือนคนอื่นๆแต่ทุกครั้งที่มีกิจกรรมมหาลัยคริสจะต้องเห็นเด็กผู้ชายคนนี้อยู่ในกรอบสายตาเสมอจนกลายเป็นว่าพอรู้ตัวอีกทีก็เอาแต่มองหาจาง อี้ชิง แอบสืบประวัติแอบตามโซเชี่ยลเงียบๆแต่ไม่กล้าบอกตรงๆทั้งๆเป็นคนที่ใครๆก็หมายปอง แต่สารภาพรักกับคนๆเดียวกลับไม่กล้า
คริสหัวเราะในลำคอพร้อมกับเหยียดขาเอนหลังนอนลงบนเตียงหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดเล่นอะไรตออะไรไปเรื่อยรอเวลาให้ง่วง แต่ยังไม่ทันจะได้หยิบหูฟังมาสวมเสียงกระซิกๆร้องไห้เบาๆก็ดังขึ้นในความมึด คนตัวสูงดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างตกใจ พร้อมกับเอื้อมมือไปกระตุกโคมไฟให้สว่าง คริสนั่งนิ่งไม่ขยับตัวก่อนจะตั้งใจฟังเสียงนั้นดี
“อึก...ฮึก...ฮะ...” เสียงเหมือนคนสอึกสอื้นดังชัดเจนคริสรีบลุกเดินไปยังเตียงที่อี้ชิงนอนอยู่ทันที เขาเห็นผ้านวมผืนหนาสั่นไหวเบาๆก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียงถลกผ้าห่มนั้นออกอย่างแรง
“อี้ชิง... เป็นอะไรครับ ปวดหัวหรอ” คริสขมวดคิ้วแน่น เขาใช้แขนพลิกร่างเล็กๆให้หันกลับมาทางที่ตัวเองนั่งอยู่ พอแขนสัมผัสโดนตัวอี้ชิงก็รับรู้ได้ถึงอุณหภูมิในร่างกายที่ร้อนจัดจนน่าตกใจ คริสเลิกผ้าห่มออกก่อนจะดึงหลังให้อี้ชิงขึ้นไปนอนบนหมอนแบบเต็มหัว
“อึก...ไม่สบาย...ฮรื่อ...อึก...” อี้ชิงไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไง เขารู้สึกปวดหน่วงไปทั้งศรีษะ คั่นเนื้อคั่นตัว ฝันร้าย มีอาการหลอนรู้สึกเหมือนจะมีอะไรหนักๆจะหล่นมาทับตลอดเวลา ที่สำคัญคือตอนนี้จิตใจกำลังอ่อนแอและรู้สึกแย่มาก เขาเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่ไม่สบายพอไข้ขึ้นสูงก็จะไม่สบายตัว นอนไม่หลับและร้องไห้ตลอดทั้งคืน ทั้งๆที่พยายามกลั้นแล้วแต่มันก็หลุดรอดออกไปจนได้
“เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้นะ รอแป้บนึง” คริสใช้หลังมืออังที่หน้าผากมนก่อนจะยกผ้านวมขึ้นเช็ดใบหน้าซับเอาทั้งเหงื่อและน้ำตาออก เขาเข้าใจว่าอาการคนไม่สบายเป็นยังไง คริสเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยถือเอากระมังใบเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะติดมือเดินเข้าไปด้วย เขาเปิดน้ำอุ่นจากเครื่องทำน้ำอุ่นที่เพิ่งปิดไปได้ไม่นานใส่กระมัง หยิบเอาผ้าผืนเล็กที่พาดอยู่ที่ราวสองผืนมาถือไว้
พอรองน้ำได้เต็มคริสก็ยกกระมังออกจากห้องน้ำอย่างเร่งรีบเพราะเขาได้ยินเสียงอี้ชิงกำลังร้องไห้ใหญ่คงเพราะไข้สูงจัดเลยทำให้ไม่สบายตัว เขาวางกระมังลงบนโต๊ะก่อนจะเอาผ้าผืนเล็กโยนลงน้ำ
“ถอดเสื้อก่อนนะ”
“ฮึก... ไม่เอา...ฮรื่อ....หนาว...ไม่ถอด...ฮื่อ....” อี้ชิงยกมือขึ้นปัดมือหนาที่พยายามจะถอดเสื้อนอนของเขาเป็นพัลวัน
“พี่ปิดแอร์แล้วนะ ไม่ถอดแล้วจะเช็ดตัวยังไงครับ ถอดให้พี่แป้บเดียวนะ” คริสไม่ได้คิดอะไรนอกจากนั้นหรอก เขาแค่อยากจะเช็ดตัวให้จริงๆ ถ้าเช็ดแค่แขนมันจะไปพออะไรต้องลดอุณหภูมิร่างกายให้ทั่วถึง แล้วตั้งแต่เกิดมา21ปีนี่ก็เป็นครั้งแรกที่คริสต้องมาตามเช็ดตัวให้คนอื่น
“ไม่เอา....ฮรื่อ...ฮื่อ...ไม่เอา อยากเจอลู่ฮัน...อึก...ฮื่อ...” อี้ชิงร้องไห้ออกมาหนักขึ้นจนคริสถึงกับทำอะไรไม่ถูก แถมคนตัวเล็กยังเรียกหาเพื่อสนิทอีกด้วย ตอนนี้มันห้าทุ่มกว่าแล้วถึงจะรู้ว่ายังไม่มีใครนอนคริสก็ไม่อยากให้ลู่ฮันลงมาอยู่ด้วย แน่นอนว่าเขาไม่ได้หึงหวงอะไรงี่เง่าแต่แค่อยากจะดูแลอี้ชิงด้วยตัวเองเท่านั้น
“งั้นไม่เช็ดตัวจะหายหรอ เช็ดหน้าก่อนนะ” คริสยังพยายามอย่างไม่ลดละ เขาหยิบผ้าขนหนูในกระมังมาบิดน้ำออกพอหมาดๆแล้วจับเช็ดไปตามใบหน้าที่เปรอะไปด้วยน้ำตาของคนป่วย เกิดมาก็ไม่เคยเห็นใครไม่สบายแล้วงอแงขนาดนี้มาก่อน ถึงจะพยายยามทำตามแบบพระเอกในหนังแต่มันก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ
“อึก...เรียกลู่ฮันให้หน่อย....ฮื่อ....” ตอนนี้คนที่อี้ชิงต้องการคือเพื่อนสนิทของเขา เพราะเขากำลังรู้สึกแย่มากทั้งร่างกายและจิตใจอยากให้เพื่อนหรือใครมาอยู่ด้วยข้างๆไม่งั้นมันกังวล นอนไม่หลับ หลอนไปหมดอย่างไม่มีสาเหตุ
“งั้นให้พี่เช็ดตัวก่อน”
“ฮรื่อ!.....ไม่...ฮื่อ...ไม่เอา....” อยู่ๆอี้ชิงก็ระเบิดเสียงร้องไห้ดังลั่นจนคริสผงะทำอะไรไม่ถูก เขาไม่เรียกลู่ฮันมาแน่แต่จะให้ทำยังไงก็ไม่รู้ คริสเลยตัดสินใจเอาผ้าอุ่นๆเช็ดไปตามแขนๆและใบหน้าแทนทั้งๆที่คนตัวเล็กยังดิ้นไปมานั่นแหละ แต่อาจเป็นเพราะร่างกายที่อ่อนเพลียพอดิ้นไปได้ไม่นานอี้ชิงก็เปลี่ยนเป็นนอนร้องไห้เงียบๆโดยที่คริสก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงเพราะมันก็เป็นครั้งแรกของเขาเหมือนกัน
“ปวดหัวไหม กินยาก่อนค่อยนอนนะ”
“ไม่.. ไม่ปวด...อึก...ฮื่อ...” อี้ชิงไม่ได้รู้สึกปวดหัวจี้ดแต่มันหน่วงๆตึ้บๆเหมือนสมองจะระเบิดและเขาไม่อยากกกินยาด้วย
“งั้นเดี๋ยวก็นอนซะนะ” คริสใช้ผ้าโปะที่ต้นคอขาวกดซับไปมาสองสามทีก็ดึงออกแล้วโยนลงกระมังเหมือนเดิม ตอนนี้คงทำได้เท่านี้เอาไว้อี้ชิงหลับคริสคงตื่นมาแอบเช็ดตัวอีกทีเพราะเขารองรับอารมณ์ของคนป่วยไม่ถูกจริงๆ
“ฮึก...อยากเจอลู่ฮัน...ฮรื่อ...ฮะ...อึก...ฮื่อ...”
“เดี๋ยวพี่นอนเป็นเพื่อนนะ ป่านนี้ลู่ฮันหลับไปแล้วแหละ” ถึงอี้ชิงจะน่าสงสารขนาดไหนคริสก็ยังยืนยันจะดูแลด้วยตัวเองให้ได้ เขาค่อยเอนหลังเขยิบเบียดตัวกับร่างของผู้ป่วยแทรกเข้าไปในผ้าห่มผืนหนา
“ฮึก...ฮรื่อ....ฮื่อ....”
“โถ่...ชิงน้อยของพี่ ถ้าไม่ไหวก็บอกนะ เดี๋ยวพี่พาไปโรง’บาล” คริสดึงเอาร่างคนตัวเล็กมากอดเอาไว้พร้อมกับก้มลงจูบหน้าผากมนเป็นการปลอบโยน เวลานี้แหละที่เขาจะได้ทำคะแนนเต็มที่แถมยังมีเวลาได้เก็บเกี่ยวเอากำไลเล็กๆน้อยๆอีกด้วยถึงมันจะเป็นการฉวยโอกาสก็เถอะ
อี้ชิงยังสะอึกสะอื้นไม่หยุดแถมตัวก็ร้อนมากเพราไม่ยอมให้เช็ดตัวและไม่ยอมกินยา คริสรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่เพราะเสียงร้องไห้และน้ำตาทำให้เขาพลอยรู้สึกอ่อนแอไปด้วย จะว่าสงสารก็สงสารแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ในเมื่อเจ้าตัวไม่ยอมสักอย่าง
อี้ชิงพลิกหน้าหันมาซบอกของเขาใช้สองแขนกอดเอวแล้วกำชายเสื้อแน่น คริสรู้สึกหน้าร้อนไปหมดแล้วก็แสร้งกอดปลอบไป เนียนไซ้จมูกลงกับเรือนผมนุ่มอย่างสุขใจ แบบนี้เรียกว่าบรรลุเป้าหมายหรือยังนะ....ถึงยังไม่สำเร็จ100เปอร์เซนต์แต่ก็ถือว่ากินเบี้ยกินเรือกินควีนไปแล้วหละ เหลือแค่เดินหมากล้อมคิงก็จะสำเร็จตามแผน ยังไงขอให้ผลการกระทำครั้งทำให้อี้ชิงยอมใจอ่อนทีเถอะ
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
เวลาเจ็ดโมงกว่าหลังจากที่ จาง อี้ชิงลืมตาตื่นขึ้นแล้วกว่าสิบห้านาทีที่อี้ชิงเอาแต่นอนนิ่งๆฟังเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังจนหนวกหู สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันก็พอจำได้ลางๆอยู่หรอกแต่ที่แย่กว่าคือตอนนี้เขากำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของคนที่แอบขอบมาร่วม2ปี จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไง อีกอย่างหน้าเขาก็อยู่ห่างริมฝีปากของคริสแค่ไม่กี่เซนต์ ถ้าจะแกล้งหลับแล้วเนียนๆจูบไปจะได้หรือป่าวนะ...
แค่ปากสัมผัสกันนิดๆก็พอ....
ตอนนี้กำลังตัดสินใจว่าจะทำดีหรือป่าวแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วถ้าอีกคนตื่นขึ้นมาก็พูดขอโทษไปแต่ถ้าคริสจับได้จะต้องโดนเกลียดแน่ๆ หรืออีกวิธีนึงคือไปขอจูบลู่ฮันแล้วมโนว่าเป็นคริสเอา...
ก็แย่พอๆกันแต่วิธีหลังปลอดภัยกว่า หรือไม่แน่ลู่ฮันอาจจะไม่ยอมก็ได้ในเมื่อฝ่ายนั้นแมนซะขนาดนั้น แต่เมื่อมาถึงขนาดนี้ก็ทำใจยอมแพ้ไม่ลง....
อี้ชิงค่อยๆแกล้งขยับตัวเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆรู้สึกเหมือนหูอื้อนิดๆหน้าร้อนผ่าวยิ่งกว่าตอนเป็นไข้เสียอีก สุดท้ายก็นึกได้ว่าถ้าใจเซาะแบบนี้เมื่อไหร่จะได้ลักหลับเลยตัดสินใจหลับตาปี๋ค่อยๆเขยื้อนหน้าเข้าไปใกล้ หัวใจในอกเต้นดังจนแทบหลุดออกมาด้านนอก
อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น ตอนนี้ลมหายใจของเขาสัมผัสกันแล้ว
แต่ว่า..
อ่า....
ทำไม่ได้หรอก!
ถ้าคริสตื่นขึ้นมาจะต้องโดนด่าแน่.... อี้ชิงหลับตาปี๋ก้มหน้าลงอาลัยให้กับตัวเองที่ยอมแพ้ต่อความขี้ขลาดในจิตใจ จะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน มันน่าอายจะตายเปทั้งๆที่คริสอุตส่าเป็นห่วงแท้ๆแต่เขากลับเล่นไม่ซื่อ
“ทำไมไม่ทำหละ...” น้ำเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นใกล้ๆ อี้ชิงเสียวสันหลังวาบเมื่อรู้ว่าคริสตื่นหัวใจของเขาหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มทำอะไรไม่ถูก จะให้แกล้งหลับก็ไม่ทันแล้วเลยเนียนหลับตาหนีคนตรงหน้าไปซะอย่างนั้น
“หึๆ” เสียงหัวเราะในลำคอฟังดูเหมือนเยาะเย้ยหรือสมเพชอี้ชิงก็ไม่อาจจะคาดเดาไปเอง แต่ที่แน่ๆเขาเพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองทำเรื่องพลาดครั้งใหญ่ไปเลย แบบนี้คงไม่มีหน้าไปตามถ่ายรูปเขาเวลามีงานมหาลัยอีกจนจบมหาลัย
“ลืมตาสิ พี่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”คริสสังเกตุได้ถึงเม็ดเหงื่อเล็กๆที่เกาะพราวอยู่บนใบหน้าของคนตัวเล็กแถมใบหน้าก็แดงฝาดอีกด้วย มันกำลังทำให้เขาสงบจิตใจไม่ลงทั้งๆที่เกือบจะโชคดีโดนจูบซะแล้ว ถ้าอี้ชิงไม่ใจเซาะไปเสียก่อน
“ไม่ครับ” อย่าว่าแต่ลืมตาเลย แม้แต่หายใจอี้ชิงก็ยังไม่กล้าทำ
“งั้นจะจูบนะ”
“......................” อี้ชิงไม่กล้าตอบอะไร จะทำแบบไหนมันก็ทำให้เขารู้สึกแย่เหมือนกันทั้งนั้น แต่ถ้าไม่ยอมลืมตาก็อาจจะหาว่าอยากถูกจูบได้ กลไกในสมองของเขาไม่ยอมทำงานและคิดไม่ออกว่าควรจะทำยังไง มันไม่เหมือนกับตอนทำข้อสอบยากๆ ความรู้สึกกำลังครอบงำจิตใจเขา
“หึๆ” ไหนๆถ้าไม่ยอมลืมตาก็จูบมันทั้งอย่างนี้แหละ ถ้าอี้ชิงไม่ได้มีใจให้จะแอบลักหลับทำไม
คริสยกมือขึ้นเชยคางเรียวให้แหงนขึ้นถึงคนตัวเล็กจะขืนๆอยู่บ้าง ริมฝีปากแดงสดตรงหน้าทำเอาเขาใจเต้นไปหมด จากที่กะว่าจะจูบเบาๆกลายเป็นรู้สึกอยากบดขยี้ให้มันเป็นอะไรที่เร่าร้อนมากกว่าจะจุ้บแบบเด็กๆ แค่ริมฝีปากก็ทำเอาคริสจิตใจพุ่งพล่านไปหมด
คริสตัดสินใจโน้มใบหน้าลงไปอย่างรวดเร็วพอความอุ่นที่ริมฝีปากสัมผัสกันก็ทำเอาจิตใจโลดแล่นไปไกล เขากดจูบให้ริมฝีปากแนบชิดกันมากขึ้นก่อนดูดดึงริมฝีปากล่างช้าๆไล่ขบเม้มตั้งแต่มุมปาก ใช้ลิ้นไล้เลียไปตามกรีบปากบางก่อนจะค่อยๆๆแทรกเข้าไปในช่องปากอย่างเนียนๆในขณะที่ริมฝีปากก็ขบจูบดูดดึงหลอกล่อให้กระต่ายน้อยหลงกล
หลอกให้เคลิ้มเคิ้มตายใจก่อนจะฮุกหมัดน๊อคด้วยการแทรกลิ้นเข้าไปเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กในโพลงน้ำหวาน
ทั้งความนุ่มนิ่มจากกรีบปากและความหวานจากน้ำลายทำให้ผู้เปิดเกมส์รุกกลายเป็นฝ่ายมัวเมาเสียเอง รู้สึกตัวอีกทีคริสก็หอบหายใจหนักอย่างหื่นกระหายบดขยี้จูบรุนแรงตะกรุมตะกรามและต้องการอย่างอื่นไปเสียแล้ว
“อื้อออออ!” อี้ชิงรู้สึกตกใจจากที่กำลังเคลิบเคลิ้มเขารู้สึกเหมือนถูกแย่งชิงลมหายใจ โดนดูดริมฝีปากจนบวมเจ่อแถมเสียงหอบหายใจและเสียงจูบของคนตรงหน้าก็ทำเอารู้สึกเหวอจนทำอะไรไม่ถูก ในชีวิตนี้มันเป็นจูบครั้งแรกก็จริงแต่ท่าทางของคริสมันเหมือนคนอยากมีเซ็กส์มากกว่าจะจูบอ่อนหวานเสียอีก อี้ชิงกำลังจะโดนหลอกฟันใช่ไหมเนี่ย...
“อ้ะ... ขอโทษนะ” พอรู้สึกถึงแรงขยุ้มที่คอเสื้อคริสก็หลุดออกจากภวังค์ผละใบหน้าออกมาสบตาดวงตากลมที่ฉ่ำเยิ้มบนใบหน้าแตกตื่น มันทำให้เขาเกือบจะหลุดขำออกมา อี้ชิงคงจะไม่เคยถูกจูบนั่นแหละถึงได้เป็นแบบนี้ คริสโน้มหน้าลงไปกดจูบบนสันจมูกและที่หน้าผากอีกทีเป็นการปลอบโยนก่อนจะละใบหน้าออก
“เอ่อ......” อี้ชิงเบนสายตาหนีกรอกตาหลบไปมาอย่างไม่กล้าสบตาก่อนจะก้มหน้าลงต่ำเมื่อรู้สึกว่าพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันยังไงกันแน่ แค่ถูกแกล้ง จะถูกหลอกให้มีเซ็กส์หรือว่ามันเกิดเพราะความรู้สึกชอบของคริสผสมด้วย
“ชอบพี่หรอ” ด้วยความที่เป็นเดือนคณะมาตลอดสามปีทำให้คริสเผลอหลุดนิสัยอีโก้จัดออกไปจนได้ แต่กว่าจะรู้ตัวคำพูดมันก็หลุดออกไปแล้ว รู้สึกเกลียดตัวเองยังไงก็ไม่รู้ทั้งๆที่อุตส่าทำแต้มมาอย่างดีดันจะมาพลาดทำกระต่ายตื่นตอนสอยหมัดหนักนี่แหละ
“ป่าวครับ” ใครจะยอมรับ... แค่จะไปลักหลับเขาก็น่าอายเกินพอแล้ว อยู่ๆจะไปบอกชอบทั้งๆที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงถ้าไม่โดนขำก็คงเสียหน้าไปอีกยาว
“แต่พี่ชอบเรานะ...” เพื่อเป็นการขอโทษคำพูดหลงตัวเองก่อนหน้า คริสจึงไม่ลีลาหรือปล่อยให้อีกฝ่ายสับสนนาน เขาจัดการซัดหมัดฮุกเต็มแรงแล้วรอดูว่ามันจะน๊อคหรือว่าอี้ชิงจะหลบได้ นี่เป็นครั้งแรกที่บอกรักแล้วเขารู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้ปกติจะมีแต่คนมาบอกชอบ ถ้าเขาชอบใครแค่ยิ้มให้ก็ได้มาครอบครองง่ายๆ
แต่คนที่เว้นที่ว่างในใจมากขนาดนี้มันทำให้คริสรู้สึกลุ้นไปหมด
“อ่า......อื้อ....” ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ สมองมันรวน ร่างกายเออเร่อ ถึงจะบอกว่าชอบก็เถอะจากนี้คริสจะตามจีบอี้ชิงหรือไง หรือว่าจะอยู่ใกล้ๆกันไปเรื่อยๆ แต่ถ้าจะให้เขาเป็นคนพูดขอคบเป็นแฟนหละก็ลืมไปได้เลย คนขี้ขลาดขี้กลัวอย่างอี้ชิงหนะหรอจะกล้าทำ
“ฮ่ะๆ จะพูดแค่นั้นเองหรอ” คริสก้มหน้าลงใช้สันจมูก่งเขี่ยไปมาที่ปลายจมูกของคนตัวเล็กอย่างหยอกล้อก่อนจะยื่นหน้าไปจุ้บริมฝีปากเบาๆหนึ่งทีด้วยความหมันเขี้ยว
“ก็...........”
“เป็นแฟนกันเถอะ คบกับพี่นะ” ถ้ามัวแต่แกล้งก็มีแต่จะยืดเยื้อ คริสไม่ชอบรออะไรนานๆเขาตัดสินใจพูดคำพูดที่ติดอยู่ในหัวอยู่นานออกมา แล้วก็มั่นใจมากด้วยว่าอิ้ชิงจะตอบตกลง
“เอ่อ.....ครับ” อี้ชิงไม่รู้ว่าการขอเป็นแฟนมันสั้นง่ายและรวดเร็วขนาดนี้เลยหรอ ทั้งๆที่เพิ่งจะเจอกันแค่วันสองวันไม่รวมเวลาสองปีที่เขาแอบมองมาตลอด หรือบางทีคริสอาจจะรู้ว่าอี้ชิงแอบมองแต่ไม่พูด แบบนั้นควรจะเรียกว่าเป็นความโชคดีหรือเรื่องหน้าอายกันนะ
“หายไข้หรือยังครับ”
“อื้อ ครับ...ดีขึ้นแล้ว...” พอได้จังหวะอี้ชิงก็พลิกตัวหันหลังให้อีกฝ่ายทันที แน่นอนว่ามันเป็นความโง่ซับซ้อนของเขาที่พอหันหลังปุ้บก็ถูกดึงเข้าไปกอดแถมริมฝีปากของคริสยังคลอเคลียอยู่ที่หูจนขนลุกซู่อีกต่างหาก
“เขินหรือไง”
“..........” ฮรื่อ.... อี้ชิงรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมายาวๆหรือไม่ก็วาร์ปตัวหายไปเลย ไม่ชอบจริงๆเวลาตกอยู่ในสภาวะเป็นรองแบบนี้ ไม่รู้จะโดนแกล้งไปถึงหน่อย งั้นแกล้งหลับมันซะจะได้ไม่ต้องตอบคำถาม
“แกล้งหลับอีกแล้ว” คริสหัวเราะในลำคออย่างนึกขัน การแกล้งหลับแกลงตายเป็นทุกทางออกของจาง อี้ชิงหรือไง เขาตัดสินใจลุกขึ้นยืนเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำและปล่อยให้คนตัวเล็กบนเตียงผ่อนคลาย
คริสรู้สึกว่ามันเป็นการขอคบที่พิลึกดีไม่มีการสารภาพรัก ไม่พูดพล่ำทำเพลงของ่ายๆตอบตกลงง่ายๆเหมือนอีกฝ่ายก็รู้ใจกันอยู่แล้วว่าต่างคนก็ต่างแอบชอบมานานไม่ต้องอธิบายด้วยคำพูดไดๆ แต่รู้สึกได้ผ่านความรู้สึก... แบบนี้เขาเรียกเนื้อคู่หรือป่าวนะ..
ก็อาจจะใช่... เพราะหัวใจตรงกันขนาดนี้ คริสจะต้องเป็นเนื้อคู่ จาง อี้ชิงแน่ๆ....
+
“เห้ย เมื่อคืนเป็นไงบ้างไข้ขึ้นหรือป่าว” ทันทีที่ลู่ฮันเห็นอี้ชิงเดินลงมาที่หน้าห้องอาหารเขาก็รีบวิ่งตรงดิ่งไปหาเพื่อนสนิทเพื่อถามไถ่อาการป่วยทันที
“ไม่เป็นไร หายแล้ว~” พอเห็นท่าทางเป็นห่วงโอเวอร์ของเพื่อนรักมันทำให้อี้ชิงรู้สึกดีขึ้นมากจริงๆถึงจะร่างกายจะยังไม่ปกติและตัวรุมๆอยู่ตลอดเวลา
“ไปกินข้าวกัน จองโต๊ะไว้ให้แล้ว” ลู่ฮันคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กพร้อมกับตั้งท่าเตรียมเดินถ้าไม่ติดว่าอี้ชิงไม่ยอมเดินตามมา เขาหันหลังไปดูแล้วพบกับคนตัวสูงที่ยืนค้ำอยู่ด้านหลังอี้ชิงพร้อมกับใช้มือใหญ่จับต้นแขนคนตัวเล็กเอาไว้ด้วย
“พี่มีอะไรหรือป่าว” ลู่ฮันสบตามองคริสอย่างสงสัยที่อยู่ๆก็มาฉุดเพื่อนเขาเอาไว้
“พี่จะไปกินข้าวกับอี้ชิง”
“ไม่ๆ มันจะไปกับผม ผมจองโต๊ไว้แล้ว” ลู่ฮันรีบปฏิเสธทันควัน เพราะอะไรก็ไม่ทราบสาเหตุ แต่เขารู้สึกไม่ชอบสายตาของคริสเท่าไหร่ มันเหมือนจะหาเรื่องยังไงก็ไม่รู้
“ฉันไม่อนุญาต” คริสพูดนิ่งๆพร้อมกับดึงอี้ชิงเข้ามาใกล้ตัวจนแผ่นหลังเล็กชิดแผ่นอกแล้วใช้มือล๊อคไหล่ไว้โดยกอดจากด้านหลังพาดมือไปไปบนบ่าอีกข้างของอีกคน
“พี่คริส...” อี้ชิงกำลังจะพูดแต่ไม่ทันได้ว่าอะไรต่อก็โดนลู่ฮันขัดขึ้นมาเสียก่อน
“มีสิทธิ์อะไร นี่เพื่อนผม” ว่าไปด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ปกติลู่ฮันก็ไม่ค่อยกินเส้นกับคริสอยู่แล้วยิ่งโดนอีกฝ่ายมาทำกร่างใส่แบบนี้ก็กลายเป็นว่าไม่ชอบไปใหญ่
“เขาก็เป็นแฟนฉัน”
“พี่” อี้ชิงอ้ำอึ้งทำตัวไม่ถูก รู้สึกเหมือนสถานการณ์กดดันแปลกๆ
“ห้ะ!?“ ลู่ฮันร้องเสียงดัง ในขณะที่อี้ชิงยืนหน้าแดงกรอกตาไปมาก่อนจะก้มหน้าลงต่ำ รู้ตัวอีกทีก็โดดึงอย่างแรงให้เดินตามคนตัวสูงไปโดยที่ลู่ฮันยังเดินตามมาติดๆด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“หมายความว่าไงวะ” ลู่ฮันไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายเดินหนีเขาคว้าข้อมือเล็กเอาไว้จนอี้ชิงต้องหยุดเดินแล้วหันมาสบตาก่อนจะพูดออกมา
“เอาไว้คุยกันนะ” ดูแล้วอี้ชิงคงไม่อยากพูดหรือเล่าอะไร อาจจะเพราะเขินหรือคริสยืนอยู่ตรงนี้นี้ ส่วนคริสเองพอเห็นว่าอีกคนหยุดเดินก็หันหลังกลับไปโอบไหล่อี้ชิงเอาไว้อย่างแสดงความเป็นเจ้าของพร้อมกับสายตาดุๆเป็นการเตือนว่าสิ่งที่ลู่ฮันกำลังทำมันไม่สมควร ในเมื่ออี้ชิงมีแฟนแล้วไม่ได้มีแค่เพื่อนสนิทเหมือนแต่ก่อน
“เอางั้นก็ได้....” ลู่ฮันยอมปล่อยมือแม้จะไม่รู้ว่าไอ้คำว่าเอาคุยกันมันหมายถึงเมื่อไหร่ ดูท่าแล้วคริสคงไม่ปล่อยให้อี้ชิงมาหาเขาแน่ พอปล่อยมือแล้วมองดูอดีตเพื่อนสนิทเดินไปกับคนรักอยู่ๆก็รู้สึกว่างเปล่าไปหมด ลู่ฮันรู้ว่าอี้ชิงชอบคริสมากแค่ไหนแล้วก็รู้ด้วยว่าคริสเองก็ชอบเพื่อนของเขามานานเหมือนกัน พอพูดถึงแฟนก็คงหมายถึงคนสองคน
เพื่อนก็ส่วนเพื่อนแต่จะทำยังไงในเมื่อเขาไม่อยากจะเป็นเพื่อนกับ จาง อี้ชิง คงเป็นการเลือกใครสักคนหนึ่งแล้วอีกคนหนึ่งคงต้องไปเพราะเขาไม่สามารถยืนอยู่ในตำแหน่งเพื่อนได้ เพราะก่อนหน้านี้ที่อดทนมาตลอดก็เพราะหวังว่าสักวันจะได้บอกรัก เพราะก่อนหน้านี้เขาเป็นคนที่สำคัญที่สุดของอี้ชิงต่อให้ไม่ใช่แฟนก็สำคัญที่สุด แต่ทว่าตอนนี้ไม่ใช่
ในเมื่อตำแหน่งสำคัญมีแค่ที่เดียวคนที่ต้องถอยคงเป็นลู่ฮันเอง เขาไม่ใช่พระเอกนิยายที่จะแอบรักนางเอกไปเรื่อยๆคอยเป็นที่ปรึกษาเวลาที่นางเอกเทลาะกับพระเอก ลู่ฮันเป็นแค่คนธรรมดาคนนึงที่พอรักมากคาดหวังมากก็เจ็บและทรมานเป็นธรรมดา
เขาไม่อยากให้ใครมารับรู้ความน่าสมเพชของตัวเองหรือต้องการได้ยินคำปลอบใจว่า ‘เรายังเป็นเพื่อนกันได้นะ’ มันไม่ใช่แบบนั้น ทั้งๆที่แอบรักมาก่อนหน้า...2ปีเท่ากันแต่อยู่ใกล้ไปจนอีกฝ่ายมองไม่เห็น
ลู่ฮันคงต้องเดินถอยไปให้ห่างเผื่ออี้ชิงจะมองเห็นบ้าง แต่เขารู้ดีว่าถ้าตัวเองพ่ายแพ้อะไรแล้วก็จะไม่กลับมาเล่นเกมส์นั้นซ้ำสองเพราะเป็นพวกเจ็บแล้วจำแถมรักครั้งนี้ก็ทำเอาหัวใจเขาเหวอะไปหมด ถ้าไม่รู้สึกเข็ดหลาบก็ไม่รู้จะพูดยังไง
ลู่ฮันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดข้อความลงไปแล้วส่งออกทันทีทั้งสองฉบับที่พิมพ์ เขากดเข้าการตั้งค่าสมาร์ทโฟนแล้วจัดการรีสโตร์ลบข้อมูลทุกอย่างในเครื่องออกก่อนจะหันหลัง เดินถอยออกมาจากที่ๆเคยยืนเพราะตอนนี้มันมีคนที่สำคัญกว่ามาแทนแล้ว
'มันไม่ใช่เรื่องราวแอบรักของคริสหรืออี้ชิง แต่เป็นเรื่องแอบรักของ เสี่ยว ลู่ฮัน.....'
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เคร้ง....
ช้อนในมือล่วงลงบนโต๊ะ รู้สึกเหมือนหัวใจถูกกระตุกวูบหลังจากที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความ ข้อความสั้นๆธรรมดาที่ถูกส่งมาโดยลู่ฮันทำให้อี้ชิงรู้สึกใจไม่ดีไปหมด เขากดโทรออกไปยังหมายเลขที่ส่งข้อความเข้ามาอัตโนมัตติทันที แต่กลายเป็นว่าปลายสายปิดเครื่อง
หมายความว่ายังไงนะ ‘โชคดี J’ เนี่ย....
“พี่ เดี๋ยวมานะ” อี้ชิงไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาตเขาเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าวิ่งกลับออกไปที่หน้าห้องอาหารทันที พอหันซ้ายหันขวาไม่เจอใครก็เลยรีบวิ่งไปขึ้นลิฟท์กดหมายเลขชั้นห้องที่ลู่ฮันพักอยู่ เพียงไม่นานนับหนึ่งไม่ถึง30ลิฟท์มาอยู่ที่ชั้น10 เขารีบเดินออกไปไล่มองประตูห้องแต่ละห้องพอเจอห้องที่จำได้ว่าเป็นห้องลู่ฮันก็เคาะประตูทันที ในใจก็เอาแต่คิดว่าลู่ฮันจะโกรธหรือป่าวที่โดนเขาทิ้งแล้วหนีไปกินข้าวกับแฟนใหม่
“ครับ? อ่าว อี้ชิงหรือป่าว มีอะไร” เป็นมินซอกที่เดินออกมาเปิดประตูด้วยท่าทางมึนงง เขาพยายามมองเข้าไปในห้องหวังจะเจอเพื่อนตัวเองแต่กลับไม่พบ
“ลู่ฮันอยู่หรือป่าวครับ”
“ลงไปข้างล่างยังไม่ขึ้นมาเลย สงสัยอยู่ที่ห้องอาหารนั่นแหละ เมื่อกี้มันส่งข้อความมาบอกว่าให้เอากระเป๋ากลับให้ด้วย สงสัยจะไปไหนเรื่องด่วน” มินซอกเล่าไปเพราะเห็นว่าอี้ชิงเป็นเพื่อนสนิทจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังแต่ก็ยังสงสัยว่าทำไมลู่ฮันไม่บอกกับอี้ชิงเองว่าจะไปไหนหรืออาจจะบอกแล้ว
“อ่อครับ ขอบคุณครับ” อี้ชิงโค้งตัวขอบคุณก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกอีกที คราวนี้โทรติดแต่เสียงดังไม่ถึงสองตื้ดก็โดนตัดไป พอกดโทรออกอีกทีก็กลายเป็นว่าเครื่องโดนปิดไปซะแล้ว ลู่ฮันจะต้องโกรธแน่ๆ อี้ชิงรู้สึกไม่สบายใจไปหมด ถึงจะโกรธกันแรงขนาดไหนลู่ฮันก็ไม่ใช่พวกขี้งอนขนาดจะตัดสายหรือปิดโทรศัพท์หนี
อยู่ๆก็รู้สึกว่ามืออ่อนแรงแล้วน้ำตาก็มาลื่นอยู่ที่ขอบตาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เหมือนว่าพยายามจะวิ่งหนีความจริงแต่หนีไม่พ้น ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจแต่ทำไมยังปฏิเสธ...
ทำไมจะดูไม่ออกว่าลู่ฮันคิดยังไงแต่ก็ใจร้ายแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นโดยหวังว่าลู่ฮันจะเดินข้างเขาต่อไปเพราะคิด ว่าอี้ชิงคนนี้ไม่รู้อะไร
แต่กลายเป็นว่าผลของความเห็นแก่ตัวทำให้ตอนนี้อี้ชิงสูญเสียเพื่อนสนิทไปแล้ว... หัวใจมันปวดหน่วงไปหมด...
อิ้ชิงไม่สามารถคบลู่ฮันแบบคนรักได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ขาดลู่ฮันไม่ได้ในฐานะเพื่อน คริสเป็นคนที่แอบชอบมานานก็จริงแต่คนที่รักและไว้ใจผูกพันมากที่สุดคือลู่ฮัน
ชีวิตวัยรุ่น...ไม่รู้จะคบกับแฟนได้นานแค่ไหนแต่เพื่อนจะอยู่ด้วยตลอดไป อี้ชิงไม่รู้ว่าถ้าเลิกกับคริสจะกลับไปหาใคร จะมีใครยืนข้างๆปลอบใจ ในมหาลัยมีเพื่อนแค่คนเดียว เพื่อนที่ยอมได้ทุกอย่าง...
ความรู้สึกที่มีคริสมันก็ไม่ใช่ มันเป็นความรู้สึกชอบก็จริงแต่ไม่ผูกพันและเชื่อใจไม่ได้ พวกเขายังไม่รู้จักกันดีพอและไม่เคยได้เข้าใกล้กัน ต่างฝ่ายต่างยืนอยู่ห่างๆ เขาชอบในข้อดีของคริส คริสชอบในข้อดีของเขา แต่ไม่รู้ว่าต่างฝ่ายจะยอมรับข้อเสียของกันและกันได้มากขนาดไหน....ซึ่งผิดกับเพื่อนสนิทที่รู้ทุกอย่างทั้งดีและไม่ดีเกี่ยวกับตัวเรา...อี้ชิงควรจะต้องทำยังไง..
ลู่ฮันไม่เคยห้าม ไม่เคยแสดงออกว่าหึงหวงเวลาที่เขาพูดถึงคริส ไม่เคยตามติด แถมยังช่วยแปะรูปคริสที่ผนังในห้อง ไม่เคยจำกัดอิสระ และไม่อยากจะมายืนในตำแหน่งที่เรียกว่าแฟนแค่ได้เป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดตลอดไป
แต่ทำไมกันนะ ทำไมรู้ฮันต้องมาหลงรังคนที่เห็นแก่ตัวอย่างเขาด้วย....
“อึก...ฮื่อ....ฮรื่อ....” พอรู้ตัวอีกทีก็ร้องไห้ออกมาแล้ว เขารู้ดีว่าลู่ฮันเป็นคนยังไงและจะไม่ยอมกลับมาแน่ถ้าได้ลองผิดหวังสักครั้ง อี้ชิงจะมีความสุขหรือป่าว จะมีความสุขที่ได้รักกับคริสหรือป่าวถ้าไม่มีลู่ฮัน...
“เห้ย น้องอี้เป็นไร ไอ้ลู่มันทำอะไร ร้องไห้ทำไม” ซิ่วหมินถึงกับเหวอเมื่ออยู่ๆอี้ชิงที่ยืนอยู่หน้าห้องก็ร้องไห้ออกมาเสียงดังจนต้องเปิดประตูออกมาดู อยู่ๆก็มาถามหาลู่ฮันแล้วก็ร้องไห้ เทลาะอะไรกันหรือป่าวก็ไม่รู้ มินซอกจึงตัดสินใจดึงอี้ชิงเข้ามาในห้องก่อนจะหันหลังไปปิดประตูแล้วพาไปนั่งที่เตียง
“ฮรื่อ....ฮึ...ฮื่อ...ฮื่อ....” อี้ชิงยังเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดจนซิ่วหมินทำอะไรไม่ถูก คนเดียวที่นึกถึงตอนนี้ก็คือลู่ฮันเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหารุ่นน้องคนสนิททันที พื่อที่จะให้ลู่ฮันมาดูอี้ชิงที่ห้อง รอสายเพียงไม่นานไม่ถึง10วิปลายสายก็กดรับโทรศัพท์ทันที
‘ฮัลโหล ว่าไงพี่’
“มึงอยู่ไหนเนี่ย มาดูเพื่อนหน่อยดิ อี้ชิงเป็นอะไรไม่รู้อยู่ๆก็มาร้องไห้ถามหามึงที่ห้องเนี่ย” ซิ่วหมินกล่าวเสียงฉุนด้วยความไม่พอใจเพราะคิดไปว่าลู่ฮันนั่นแหละจะเป็นคนแกล้งให้อี้ชิงร้องไห้ เขาเห็นคนตัวเล็กนั่งเงียบกลั้นสอื้นอยู่ที่เตียงตั้งใจฟังบทสนทนาเลยกดเปิดลำโพงให้ฟังด้วย
‘อ๋อ... เออ... พี่คริสหละ’
“มึงจะถามถึงมันทำไม กูบอกให้มาดูเพื่อนมึง”
‘โทรไปบอกพี่คริสอ่ะ ผมไม่ว่าง แค่นี้นะ’ เหมือนปลายสายจะรู้ตัวว่ากำลังถูกตามหาพอพูดจบเลยตัดสายไปทันที พอกดโทรออกซ้ำอีกทีก็ไม่ยอมรับคงจะตั้งเงียบเอาไว้ ซิ่วหมินเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากโยนโทรศัพท์หลงหมอนแล้วเดินไปนั่งข้างคนตัวเล็ก
“โอ๋... ไม่ต้องร้องไห้ ไอ้ลู่มันแกล้งอะไรเดี๋ยวพี่จัดการให้” ซิ่วหมินเอนตัวไปกอดปลอบคนตัวเล็กที่ยังร้องไห้ไม่หยุดข้างๆแถมยังพูดจาเหมือนหลอกเด็ก
ถึงจะไม่สนิทกันแต่เขาก็เห็นอี้ชิงเป็นรุ่นน้องคนนึง แล้วยิ่งมาร้องไห้หนักอย่างนี้จากที่ปกติดูบอบบางอยู่แล้วก็ยิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่ ซิ่วหมินสัญญากับตัวเองว่าถ้าเจอลู่ฮันที่มหาลัยเมื่อไหร่เขาจะอัดมันให้น่วมเลย
“ฮรื่อ....ฮึก...ลู่...ฮรื่อ...ลู่ฮัน...”
‘ก้อก ก้อก ก้อก’
“ไอ้หมิน อี้ชิงอยู่นี่หรือป่าว” เสียงเคาะประตูดั่งสนั่นพร้อมกับเสียงตะโกนที่เขาจำได้ดี คริสคงจะตามอี้ชิงขึ้นมาหรือยังไง ซิ่วหมินผละออกจากคนตัวเล็กก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้เพื่อนตัวสูง
“อยู่ กำลังร้องไห้ มึงแกล้งอะไรน้องหรือป่าว” พอเห็นคริสรนรานแบบนี้ซิ่วหมินก็เริ่มเบนเป้าหมายไปหาเพื่อนร่วมรุ่นที่เป็นคู่บัดดี้กับอี้ชิงทันที
“กูเข้าไปหน่อย” คริสไม่ยอมตอบคำถาม เขาแทรกตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนจะเร่งฝีเท้าวิ่งไปหาคนรักที่นั่งสอึกสอื้นอยู่ที่เตียงด้วยความเป็นห่วง
“อี้ชิง...เป็นอะไรครับ บอกพี่นะ” คริสเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆอี้ชิงก็ลุกพรวดพราดออกมาจากโต๊ะแล้วก็หายไปเลย พอวิ่งไปดูที่ห้องไม่เจอเขาเลยลองลงมาหาที่ห้องซิ่วหมินที่นอนคู่กับลู่ฮันแทน
“ฮึก...ไม่...ไม่เป็นไร...ฮรื่อ...” คำพูดมันจุกคอไปหมด จะบอกได้ยังไงว่าโดนทิ้ง จะบอกคนที่รักได้ยังไงว่ากำลังโดนคนที่รักอีกคนทิ้งไป จะพูดได้ยังไงว่าลู่ฮันสำคัญกว่า ถ้าไม่พูดถึงสถานะเพื่อนหรือแฟนอี้ชิงก็รักลู่ฮันมากกว่า... อบบนั้นจะพูดได้ยังไง....
“งั้นก็อย่าร้องไห้นะครับ พี่อยู่ตรงนี้...” คริสโถมตัวกอดคนตรงหน้าแน่นหวังจะปลอบโยนถึงจะไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรแต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเกี่ยวกับลู่ฮัน ทั้งๆที่เพิ่งคบกันวันแรกอะไรๆก็ตั้งท่าจะไม่ดีเสีย คริสจะทำให้อี้ชิงไว้ใจได้หรืป่าวนะ จะทำให้คนตัวเล็กรักเขาได้หรือป่าว
วันนี้เขาอาจจะไม่ใช่คนที่ใกล้ชิดที่สุดแต่คริสเชื่อว่าถ้าความรู้สึกของเขามั่นคงพอในอีกสัก3-4ปีข้างหน้า เขาก็จะเป็นคนที่ใกล้ชิดและผูกพันที่สุดสำหรับอี้ชิง ถ้าแอบรักมาได้ถึงขนาดนี้ตั้งสองปี อีกแค่3-4ปีทำไมคริสจะทำไม่ได้
“อี้ชิงเชื่อใจพี่นะ....นะครับ...”
ไม่รู้ว่าคริสกำลังพูดเรื่องอะไรแต่รู้สึกเหมือนโดนจี้ใจดำยังไงก็ไม่รู้ ถ้าเชื่อใจคริส รักคริสแล้วทุกอย่างจะดีชาไหม ไม่ต้องมีใคร มีแค่ผู้ชายตรงหน้า ยอมรับสิ่งที่เลือกผลของการเห็นแก่ตัวโดยผูกชีวิตเอาไว้กับคนรัก แบบนั้นมันจะทำให้เขารู้สึกดีใช่ไหม ความรู้สึกผิดและโดดเดี่ยวจะหายไปหรือป่าว..
“อย่า...ฮึก....อย่าทิ้งอี้นะ...ฮรื่อ...”
“สัญญาครับ พี่สัญญา...พี่รักอี้ชิงนะ...”
END....?
Special (ใครที่ไม่อยากให้ลู่เลย์จบเศร้าๆก็อ่านต่อค่ะ)
นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้คุยกับลู่ฮัน.... ตั้งแต่กลับมาจากค่ายก็เกิดทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดีตามมาเต็มไปหมด เรื่องดีคือเขาได้เป็นแฟนกับคยที่แอบชอบมานานแต่เรื่องที่แย่กว่าคือไม่ได้คุยกับลู่ฮันอีกเลย... ลู่ฮันย้ายที่นั่งไม่ยอมมานั่งด้วยกันตอนเรียน ไม่พูดด้วย แม้แต่เดินผ่านก็ไม่ทัก
เพราะลู่ฮันเป็นคนสนุกสนานและใจถึงเพียงไม่นานเพื่อนตัวสูงของเขาก็มีกลุ่มเพื่อนใหม่ที่ใหญ่กว่า สนุกกว่า และอาจจะจริงใจมากกว่า...
แต่สำหรับอี้ชิงพอโดนทิ้งไปก็ไม่มีใครอีกเลยเพราะนิสัยเงียบๆไม่ค่อยคุยทำให้เขาไม่มีเพื่อนมาตั้งแต่ปีหนึ่ง เพื่อนที่มีเพียงคนเดียวก็ทิ้งไปแล้ว ตอนนี้นอกจากคริสอี้ชิงก็ไม่เหลือใครเพราะนอกจากจะไม่มีคนคุยด้วยแล้วก็ยังมีคนหมันไส้เต็มไปหมดทุกคณะ ทุกๆที่ๆเดินผ่านถึงคริสจะบอกว่าไม่ต้องไปสนก็เถอะจแต่ก็อดเก็บเอามาคิดไม่ได้
มันจะเป็นการหักหลังหรือป่าวถ้าอี้ชิงจะบอกว่าเขารอโทรศัพท์จากลู่ฮันทุกคืน อยากคุยกับลู่ฮันมากกว่าคริสเสียอีก ทำไมถึงทำให้ลู่ฮันเป็นคนที่สำคัญที่สุดไม่ได้....ถ้าวันนั้นเขาเลือกที่จะปล่อยมือคริสแล้วไปกินข้าวกับลู่ฮัน ในวันนี้ต่อให้คบกับคริสลู่ฮันก็คงจะอยู่ข้างๆเขาในตำแหน่งเดิมที่เคยอยู่
อี้ชิงไม่มีหน้าแม้แต่จะกล้าไปขอคุยด้วย เขาแทบจะร้องไห้ทุกครั้งที่เดินผ่านแล้วเห็นอดีตเพื่อนรักเมินใส่ เพราะว่าตัวเขามันอ่อนแอหรือลู่ฮันใจร้ายกันแน่นะ
“ไอ้เชี่ยลู่ มึงก็ใจแข็งชิบหาย ไม่สงสารเพื่อนมึงมั่งหรอวะ กูเห็นนั่งหงอยมาเป็นเดือนละ” เสียงเซฮุนเพื่อนสนิทคนใหม่ถามขึ้นในขณะที่ลู่ฮันนั่งกดเกมส์ในมือไปมาอย่างสนุกสนานจนลืมเวลา
“สงสารเรื่อง?” ลู่ฮันรู้ดีว่าเซฮุนหมายถึงใคร แต่จะให้สงสารเรื่องอะไรอันนี้เขาก็ไม่เข้าใจ อี้ชิงก็มีคริสอยู่แล้วและเป็นคนเลือกเองกับมือแล้วจะให้เขาเข้าไปสอดเสือกให้เป็นส่วนเกินทำไมก็ไม่ทราบ
“อี้แม่งก็อยู่ได้เนอะ ไม่คุยอะไรกับใครทั้งวัน กูนึกว่าแม่งเป็นใบ้”
“มึงก็ลองเข้าไปคุยดิ” ลู่ฮันตอบปัด เขาไม่มีอะไรต้องคุยกับอี้ชิงอีกแล้ว เจ็บก็เจ็บมาแล้วตอนนี้เขากำลังอยู่ในช่วงรักษาบาดแผลถึงจะยังไม่หายดีแต่ก็ไม่ได้ทรมานทุรนทุรายเหมือนแต่ก่อน
“ไม่เอาอ่ะ” เซฮุนส่ายหน้าพร้อมกับแอบหยิบเจลลี่ในกระเป๋าเสื้อเข้าปาก ที่จริงมันก็ไม่ได้เงียบหงอยขนาดนั้น พวกเด็กเนิร์ดพวกผู้หญิงที่เป็นเด็กเรียนก็มีเข้าไปคุยกับอี้ชิงบ้างตอนเรียน แต่พอกลางวันอี้ชิงก็จะถูกคริสลากไปกกจนหมดเวลาพักแล้วก็ขึ้นเรียนต่อตามปกติ เซฮุนเองก็รู้ดีว่านอกจากในห้องเรียนคริสก็จะมาเอาอี้ชิงไปตลอด จะมีเพื่อนหรือไม่มีก็คงไม่สำคัญ
“เพื่อนก็มีเต็มห้อง กูเห็นเวลาติวเวลาทำโครงการมันก็จับกลุ่มทำ นั่นก็เพื่อน”
“กูหมายถึงเพื่อนจริงๆแบบเพื่อนสนิทอ่ะ ไม่ใช่เพื่อนร่วมคณะเฉยๆ”
“จะมีไปทำไมวะ เพื่อนสนิทหรือเพื่อนร่วมห้องก็เหมือนกัน นอกจากห้องเรียนก็ไม่ได้คุยกัน ไม่สำคัญกว่าใครแล้วมันจะต่างกันยังไง” ถ้าพูดถึงเพื่อนสนิทก็คงจะหมายถึงคนพิเศษที่ไว้ใจได้มากที่สุดและคุยกันได้ตลอด แต่ถ้าเป็นเพื่อนสนิทแล้วไม่สำคัญไปกว่าแฟนจะเรียกว่าพิเศษยังไง
“ก็จริง... แหม่...ทำเป็นพูดวกไปวนมา จะแซะพี่คริสก็พูดเถอะ” เซฮุนหัวเราะร่วนก่อนจะหยิบขนมเข้าปากทีเดียวหมดห่อแล้วก็หันไปสนใจเกมส์ในมือเพื่อนเมื่อลู่ฮันไม่ได้ว่าอะไรต่อ
คำพูดเหล่านั้นอี้ชิงได้ยินมันทั้งหมด เขารู้สึกหนักอึ้งไปทั้งใจ แม้แต่เซฮุนเองก็ยังรู้ว่าเขาให้ความสำคัญกับแฟนมากกว่า อี้ชิงอยากจะแก้คำสบประมาทนั้นแต่ไม่มีใครอยู่ข้างเขาในฐานะเพื่อนสนิทอีกแล้ว ไม่รู้จะทำยังให้ทุกคนเห็นว่าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่พูด ทุกครั้งพอถึงพักเที่ยงคริสก็จะมารอรับไปกินข้าวข้างนอกที่ใต้คณะเลยไม่มีโอกาสได้ผูกมิตกับคนอื่นๆ
มันรู้สึกแย่อึมครึมไปหมดแม้อากาศในห้องจะสดใส แต่หัวใจของเขากลับมึดมน เมื่อไหร่กันนะ... เมื่อไหร่จะรักคริสให้เท่ากับลู่ฮัน เมื่อไหร่จะรู้สึกผูกพันแล้วไว้ใจเหมือนที่รู้สึกกับลู่ฮัน จะต้องใช้เวลาสองปีเท่ากันหรือป่าว ชีวิตของเขาถึงจะสมดุลย์อีกครั้ง
หรือถ้าคริสบอกเลิกหรือเบื่อไปซะก่อนอี้ชิงจะยังเหลือใครอยู่ข้างๆ...
ติ้ด ติ้ด
เสียงเตือนข้อความเข้าในกระเป๋าทำให้อี้ชิงหลุดออกจากภวังค์แล้วหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู เขาปลดล๊อคก่อนจะเปิดข้อความ ที่ถูกส่งมาล่าสุด... เมสเสจจากคนที่หายไปและกลับมาทำให้หัวใจของเขาพองโตมีกำลังอีกครั้ง
‘ถ้าจะไปกินข้าวด้วยกันก็ไปรอหลังคณะ - Luhan from +882059341228’
ขอโทษนะคริสไว้คืนนี้จะชดใช้ให้.........
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก อยากบอกว่าเชียร์ลู่เลย์ จะผิดม้ายยยยย พฮรืออออออ เชื่อว่าถ้าแต่งต่อให้ยาวกว่านี้ ไรท์จะต้องพลิกกลับมาเป็นลุ่เลย์ช้ะ? 5555555 เรื่องนี้อ่านยังไงพี่ลู่ก็พระเอกอะ แล้วโมเม้นท์ลู่เลย์นี่คือแบบ..... ฟหกด่าสวไนป่ห่าฟวอย ยิ่งตอนอี้หนาวแล้วใช้เสื้อพี่ลู่คลุมตัวให้ใส่2คนนะ โอยยยยยยยย ฟินเหอะฟินนนนนนน ณ.นี้ อพค ไร้ความหมายอะ แล้วยังตอนเปื่อยอีก เรียกหาแต่พี่ลู่ คือระ!!! ลู่เลย์เถิด จางอี้แค่เลือกผิด อพค.ก็แค่อารมณ์กรี๊ดชอบเพ้อเหมือนคลั่งดาราอะ แต่กับพี่ลู่นี่คือ.... ถถถถถถถถ อ่านฟิคคริสเลย์ แต่เชียร์ลู่เลย์คืออัลไลลลลลล
ตอบลบปล.อยากให้ไรท์มาเขียนต่อจุง ภาคต่อแบบขอจางอี้รีเทิร์นพี่ลู่ แต่งให้คนเชียร์พี่ลู่หน่อยเถิดดดด อย่างน้อยก็เค้าคนนึง ^/\^
เค้าอยากได้ 3P อ่าาาา ชอบ 3P นี้มานานละ คริสเลย์ลู่งี้ ฟินโค้ดดดดดดดดดดดด แต่หาอ่านยากมากเลย ส่วนมากจะคริสเลย์ ลู่เลย์ หมดเลยยยยยย ไรต์ขาาาาาา แต่ต่อเถอะน้าาาาาาาา 3P นะคร้าาาาาา ><
ตอบลบปล.แต่งต่อเถอะนะคะ รักไรต์ จุ้ป >3<