วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557

[SF] Angle wing of despair ปีกนางฟ้าแห่งความสิ้นหวัง






Angle wing of despair.


Angle tears.












 
...อี้ฟาน....ท่านอยู่ ณ ที่ใดกัน....


ภายในค่ำคืนอันเงียบสงัดจันทราและดวงดาวแข่งกันทอแสงระยิบระยับบนท้องนภาสีรัตติกาล สายลมหนาวพัดวูบไหวช้าๆกรีดผิวกายและกระดูกภายใต้เนื้อหนังจนปวดหนึบ หยาดน้ำตาใสกลิ้งผ่านแก้มเนียนหยดลงบนพื้นเงียบๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง ‘Angle tears’ น้ำตานางฟ้า...

ท้องฟ้า ดวงดาวและสายลมยังคงเจ็บปวดไม่ต่างจาก จาง อี้ชิง...

ฝ่ามือเล็กเกาะกำลูกกรงเหล็กแน่นจนข้อนิ้วขาวฉีด ดวงตาเหลือบมองไปด้านล่างหวังจะได้มองเห็นสิ่งต่างๆแต่ทว่าพบเพียงปุยเมฆหนาๆที่กระจายตัวเป็นแผ่นกว้างปกปิดทัศนียภาพพื้นดิน หรือต่อให้เป็นวันฟ้าโปร่งเขาก็ไม่มีสิทธิ์ได้มองเห็นอะไรอยู่ดี บนหอคอยที่สูงชันเลยท้องฟ้าขึ้นมาจนเกือบจะไปถึงสวรรค์ ทัณฑสถานกักขัง ‘นางฟ้า’ ที่ระเมิดกฏร้ายแรงและต้องถูกจองจำไปตลอดชีวิตจนกว่าวันที่ท้องนภาจะสว่างสดใส...หรือที่หมายความว่าจนกว่าความภักดีและความซื่อสัตย์แห่งสรวงสวรรค์จะกลับมา…

หอคอยกักขังเหล่าเทวดา ท้องฟ้าที่มึดมิดตลอดเวลาไร้ซึ่งดวงอาทิตย์มีเพียงแสงจันทราและดวงดาวในเวลาค่ำคืน ต้องรอจนกว่าหัวใจจะกลับมาบริสุทธิ์และพระเจ้าเมตตาอีกครั้งท้องฟ้าจึงจะโปร่งโล่ง...ปีกแห่งนางฟ้าจะสยายออกอีกครั้งพร้อมให้จางอี้ชิงบินหนีลงไปจากหอคอยนี่... เพราะเขาเป็นนางฟ้าแห่งท้องนภา..จิตใจและธรรมชาติไม่เคยโกหก  ตราบใดหัวใจยังไม่สงบท้องฟ้าจะยังมืดครึ้มเหมือนกับหัวใจของ จาง อี้ชิง... แต่เขารู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว...

จาง อี้ชิง จิตใจไม่บริสุทธิ์ ทรยศเผ่าพันธ์ เขามีความรัก...

และไม่มีวันที่ปีกแห่งนางฟ้าจะสยายออกตราบใดที่หัวใจยังไม่ลืมผู้ชายที่ชื่อ อู๋ อี้ฟาน ไม่ว่าจะผ่านไปสักอีกกี่หมื่นกี่พันปีข้างหน้าก็ตาม...

ได้โปรดมารับข้าลงไปจากหอคอยอัปยศนี่ ท่านอยู่ที่ใดกันอี้ฟาน....ได้โปรด....










ในวันที่ท้องฟ้าโปร่งโล่งมีปุยเมฆบางๆในช่วงเวลาเย็น ท่ามกลางทุ่งหญ้าที่สูงยาวถึงหัวเข่า และต้นไม้ใหญ่ที่แผ่ใบและกิ่งก้านจนปกคลุมผืนดินทั้งโคลสต์เรดวู้ดและต้นซีคัวญ่า สองร่างคู่รักนอนอิงซบกกกอดกันอยู่ใต้ต้นเชอร์แมนสูงใหญ่อายุหลายพันปี เสียงหัวเราะคิกคักยังดังไม่ขาดเมื่อคนตัวสูงเอาแต่ไล่กอดไล่หอมร่างบางในอ้อมแขนจนคนตัวเล็กอายม้วน แถมยังกอดรัดรุนแรงจนอีกฝ่ายแทบจะหายใจไม่ออก

“ฮ่ะๆ คริส..ท่านพอเถอะ..” จางอี้ชิงยกฝ่ามือขึ้นใช้นิ้วเรียวแตะริมฝีปากชายหนุ่มคนรักให้หยุดจุมพิษตนเสียที พวกเขาพรอดรักและเป็นของกันและกันท่ามกลางป่าไม้นี่มาเป็นเวลานานเกินพอดีแล้ว แต่คนตัวสูงกลับทำตัวราวกับเป็นคนอดยากและต้องการอยู่เรื่อยไปจนออกปากปรามเสียบ้าง

“ทำไมข้าจะกอดเมียของข้าไม่ได้หื้อ?” คริสไม่ยอมหยุดการกระทำและยังเอาแต่ก้มลงจูบดูดดุนริมฝีปากคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างเอาแต่ใจ จนแทบจะเรียกได้ว่าช่วงชิงอากาศหายใจของอีกฝ่ายเลยทีเดียว

“ท่านไม่กลับไปปราสาทของท่านหรือ? อาทิตย์จะตกดินอยู่แล้ว เดี๋ยวก็โดนจับได้กันพอดีว่าท่านโกหกว่าจะออกมาล่าสัตย์” มือเล็กยกขึ้นประคองใบหน้าหล่อเหลา กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและรอยยิ้มอ่อนโยนสมเป็นนางฟ้าแห่งท้องนภาที่อี้ฟานใฝ่เฝ้าฝันถึงทุกค่ำคืน

“ก็ข้าออกมาล่ากระต่ายน้อยนี่ไง” รอยยิ้มทรงเสน่ห์ราวกับเป็นเทพเจ้ากรีกในตำนานทำเอาหัวใจดวงน้อยวูบไหว เจ้าชายที่ทั้งหล่อและเก่งกาจทั้งการต่อสู้และคารมกับนางฟ้าแสนสวยอ่อนโยนช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันเสียยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ทว่าเส้นกั้นบางๆที่เรียกว่าสงครามกลับทำให้พวกเขาไม่สามารถรักกันได้ดั่งที่ใจหวัง


สงครามระหว่างทวยเทพและมนุษย์ที่สู้รบกันมานานกว่าหนึ่งร้อยศตวรรษก่อนที่พวกเขาจะเกิดเสียอีก....


ไม่มีใครรู้ว่าชนวนเหตุเกิดจากสิ่งใดทั้งสองฝ่ายสู้รบกันมาตามบรรพบุรุษ เหล่าองค์เทพเชื่อว่าตนเองเป็นเผ่าพันธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าสร้างขึ้น และมนุษย์เป็นเพียงชิ้นเนื้อไร้ค่าที่เหมาะแก่การใช้แรงงานและเป็นทาส....ในขณะที่เผ่าพันธ์มนุษย์ก็ต่อสู้และวิวัฒนาการอาวุธและสมองเพื่อเอาตัวรอด เป็นแค่ฝ่ายที่ต้องคอยรองรับสงครามจากเหล่านางฟ้าเทวดากระหายเลือดเบื้องบนอย่างไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธหรือหลีกหนี...

สงครามยืดเยื้อและรุนแรงมากขึ้นทุกครั้งเหล่าทวยเทพบ้าคลั่งทำท้องฟ้าและฤดูกาลแปรปรวนแต่มนุษย์ก็ฉลาดพอจะรับมือกับฝ่ายที่มีพลังวิเศษได้อย่างการสร้างเขื่อน ปลูกพืชตามความเหมาะสมในแต่ละภูมิประเทศ
สำหรับอี้ชิงแล้วมนุษย์ไม่มีสิ่งใดน่าดูถูก น่ารังเกียจแม้เพียงน้อย พวกเขาฉลาด เรียนรู้และกล้าหาญ...โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายหนุ่มตรงหน้าที่เป็นถึงยอดดวงใจของนางฟ้าแห่งท้องนภา... เจ้าชายแห่งโลกมนุษย์ คริส...อู๋ อี้ฟาน...

“คิดสิ่งใดอยู่รึ?” เมื่อเห็นว่านางฟ้าน้อยที่กกกอดอยู่เงียบไป เจ้าชายจึงออกปากถามอย่างใคร่รู้ สำหรับจางอี้ชิงแล้วในหัวก็คงมีไม่กี่เรื่องคือเรื่องของเขาและสงคราม

“ป่าว ข้าแค่กำลังคิดว่าท่านหล่อเกินไป” รอยยิ้มสวยถูกคลี่ออกช้าๆจนเห็นลักยิ้มแก้มบุ้ม แก้มเนียนแดงฝาดเมื่อนึกถึงประโยคที่ตนเองพูดออกไปเมื่อครู่ คนตัวสูงยิ้มกว้างก่อนจะฉุดร่างคนรักให้ขึ้นมานั่งเกยบนตักซบใบหน้าคมคายลงบนไหล่ลาดเป่าลมหายใจร้อนๆรดกระดูกไหปลาร้าจนคนตัวเล็กย่นคอหนี

“ข้าก็คิดว่าเจ้างดงามและอ่อนโยนเกินไปเช่นกัน....” อี้ฟานถอนหายใจยาวยืดหลับตาลงช้าๆอย่างเหนื่อยอ่อน

ข้าไม่อยากเห็นวันที่เจ้าต้องหลั่งน้ำตาเพราะข้า จาง อี้ชิง.... ข้ามันเป็นเพียงมนุษย์ชั่วร้ายที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธ์และประชากรในปกครอง...


อีกไม่นานสงครามจะเกิดขึ้น คริสต้องการอัญมณีหลายอันจากสรวงสวรรค์ ถ้าเขาได้มันมาก็จะสามารถปกป้องเผ่าพันธ์ให้รอดพ้นจากศึกและเอาชนะเหล่าเทวดากระหายเลือดได้ อัญมณีและของใช้อันเป็นสมบัติและสัญลักษณ์แห่งความเป็นเทพ...  ต่างหูของเทพีไดซ์ ผ้าคลุมเศียรของเทพีไอริน และแหวนของเทพียูโนเมียร์ สามสิ่งนี้จะทำให้เขาสามารถควบคุมฤดูกาลให้เป็นธรรมชาติเพื่อผลผลิตทางการเกษตและความอยู่รอดทางชีวภาพได้ เพราะอำนาจการควบคุมเหล่านี้มันเกินกว่าที่เหล่ามนุษย์จะสามารถต่อสู้หรือควบคุม แต่ในพลังอำนาจอื่นๆในการทำลายล้างพวกเขายังพอรับมือสู้ไหว

ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าสามสิ่งที่ต้องได้มา แค่เกลี้ยกล่อมอี้ชิงให้ขโมยมันมาให้เขาให้ได้ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามแผนอันชาญฉลาดที่ไม่ต้องสู้ด้วยพลังวิเศษ แต่ทว่าความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ก็เกิดขึ้น เมื่อหัวใจแห่งกษัตริย์เผ่าพันธ์มนุษย์ดันไปหลงรักนางฟ้าแห่งท้องนภาเข้าอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แม้นจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าการจะควบคุมฤดูกาลและท้องฟ้าให้สมบูรณ์แบบจะต้องใช้ของทั้งหมด5สิ่ง...



เครื่องประดับของสามเทพี สายฟ้าของเทพเจ้าซุส และหัวใจของนางฟ้าแห่งท้องนภาที่ต้องถูกคว้านออกจากอกด้วยน้ำมือของคริสเอง....


“กำลังคิดเรื่องสงครามอย่างนั้นรึ? ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ข้าสัญญาแล้วว่าจะนำมันมาให้ท่าน ข้าคิดว่ามนุษย์สมควรได้รับมัน...” รอยยิ้มสวยงามและหัวใจอันบริสุทธ์ทำเอาในอกของกษัตริย์ผู้กล้าแกร่งหลั่งเลือด...

ข้าจะทำได้อย่างไรกัน ข้าจะฆ่าเจ้าได้อย่างไร มันไม่ต่างอะไรจากการทำลายหัวใจตนเอง ตัวข้าคงจะขาดใจตายไปพร้อมกันกับร่างที่สิ้นลมของเจ้า จาง อี้ชิง... รักเจ้ามากเหลือเกิน…


“คิดว่าเจ้าจะทำได้หรือ” คริสถามตามความเป็นจริง อี้ชิงไร้เดียงสาและบริสุทธ์เกินกว่าจะทำการชั่ว การลักขโมย การทรยศ และความเสี่ยงที่จะได้รับโทษจองจำไปตลอดชีวิต

“ข้า...อยากจะกล้าหาญเหมือนมนุษย์..อยากจะกล้าหาญเพื่อท่าน...” จางอี้ชิงเป่าปุยเมฆในมือให้รอยไปตามสายลมช้าๆ ท้องฟ้าตั้งเมฆครื้มเพราะจิตใจที่เป็นกังวลและไม่สงบสุขนางฟ้าแห่งนภา

“ท้องฟ้าไม่เคยโกหกมันบ่งบอกจิตใจของเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกเช่นไร” คนตัวสูงกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นถ่ายทอดความรู้สึกมากมายผ่านอ้อมกอดและสัมผัส จาง อี้ชิง กำลังรู้สึกเศร้าใจ หดหู่ และอาจจะกำลังร้องไห้ภายใต้สีหน้าที่เป็นปกติ ทำไมถึงต้องอดทนเพื่อข้า ทำไมถึงทรยศเผ่าพันธ์เพื่อข้า ทั้งๆที่ข้ามันเป็นแค่เศษชิ้นเนื้อชั่วร้าย หัวใจของเจ้าเข้าใจยากเหลือเกิน จาง อี้ชิง

“ท่านคิดว่าข้ารู้เรื่องนั้นไหม” นางฟ้าตัวน้อยเอนหลังซบกับแผ่นอกชายคนรัก อย่างผ่อนคลาย เพียงไม่นานเมฆฝนก็มลายหายไปเหลือเพียงสายลมโชยและท้องฟ้าโปร่งยามเย็นเช่นเคย

“เรื่องใดรึ”

“เรื่องที่ว่า การควบคุมฤดูกาลต้องใช้ของ5สิ่ง...”

“อย่าพูด.. ข้าจะไม่ทำเช่นนั้น ได้โปรดอี้ชิง..” คริสยกมือประคองใบหน้าเรียวให้หันมารับจูบที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย เสียใจ เศร้าใจ โหยหา หวาดกลัว เขาไม่อยากได้ยินมัน ไม่อยากพูดถึงมันอีก

“อื้อ... ข้าคิดว่าวันนึงท่านคงต้องเลือก” อี้ชิงละริมฝีปากออกมาและคลี่ยิ้มบางๆเหมือนที่ชอบทำ ในดวงตากับคลอไปด้วยเอนเจิ้ลเทียรสที่จวนเจียนจะไหล มนุษย์อาจไม่เข้าใจแต่สลวงสวรรค์มีกฏมากมายที่เอาไว้รองรับการทรยศในเผ่าพันธ์ คนเป็นเทพย่อมรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง และอี้ชิงรู้ดีว่าหากวันนึงต้องเสียสละสิ่งที่เสียแล้วคุ้มค่าที่สุดคือสิ่งใด...

“ข้าจะไม่ทำในสิ่งที่ทำร้ายตัวข้าเอง”

“อย่างนั้นรึ” นางฟ้าที่แสนงดงามผละกายออกจากชายคนรักก่อนจะยืนขึ้นและเอื้อมมือไปดึงคนตัวสูงกว่าให้ลุกขึ้นตาม ปีกที่เหมือนกับขนหงส์สยายออกกว้างจากแผ่นหลังอย่างสวยงามก่อนที่จะหุบลง อี้ชิงยิ้มออกมานิดๆเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจรดทาบทับลงบนริมฝีปากหนาอย่างรักใคร่

“ท่านจะขี่ม้าขึ้นไปส่งข้าบนนั้นได้หรือไหม” ใบหน้าสวยหวานเงยขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินอ่อนๆตามธรรมชาติ

“ข้าทำไม่ได้... แต่ข้าทำให้เจ้าอยู่กับข้าที่นี่ได้” น้ำเสียงหนักแน่นของเจ้าแผ่นดินกล่าวภายใต้ใบหน้าจริงจัง บนท้องฟ้าเขาอาจเป็นลองแต่ในเรื่องของผืนดินแถบภูมิประเทศถือเป็นสมบัติของมนุษย์ที่มีสิทธ์ก่อตั้งที่อยู่อาศัย ปลูกพืชผัก และใช้ชีวิตอยู่บนผืนดิ พระเจ้าได้แบ่งในส่วนของเผ่าพันธ์มนุษย์ไว้ให้อย่างสมดุลย์แล้ว..

“งั้นข้าจะกลับขึ้นไปข้างบน พรุ่งนี้จะลงมาอีก”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องอดทนเพื่อข้า...” เจ้าชายคริสกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง อี้ชิงมีสิทธ์ที่จะเลือกข้างเขาเข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายแต่การบังคับจิตใจคนรักไม่ใช่สิ่งที่เขาพึงปารถนา

“ข้าเต็มใจ ท่านรีบกลับเถอะถ้าช้ายุงป่าจะมาหามไปนะ” พูดเชิงหยอกล้อลดความตึงเครียด ปีกสีขาวดุจหงส์ป่าสยายขึ้นเต็มที่ก่อนจะกระพือช้าๆจนร่างกายลอยขึ้นเหนือพื้นดิน

“พรุ่งนี้ข้าจะมารอ...”

“และข้าจะกลับลงมาพร้อมสิ่งที่ท่านต้องการ...”

ปีกสีขาวกระพือหนักขึ้นและรอยสูงก่อนจะบินหายไปเหมือนกับนกที่โผบินกลับหลัง ชายหนุ่มตัวสูงได้แต่ยืนมองคนรักบินหายเข้าไปในกรีบเมฆ ช่างน่าขันยิ่งหนัก เจ้าแห่งแผ่นดินและเจ้าแห่งท้องฟ้ามาพบรักแต่มีเพียงหนึ่งที่ต้องเสียสละ...ทำไมไม่เป็นอี้ฟานที่ต้องเสียสละ อาจเป็นเพราะเขาไม่ใช่คนดีอย่าง จาง อี้ชิง อาจเป็นเพราะหน้าที่และศักดิ์ศรีของกษัตริย์แห่งเผ่าพันธ์ที่มันค้ำคอ อี้ฟานยังไม่พร้อมจะทรยศเผ่าพันธ์และเสียสละเพื่อคนรักแบบ จาง อี้ชิง... ชั่งเป็นคนที่ขลาดกล้ายิ่งนัก ปกครองคนทั่วทั้งผืนแผ่นดินแต่หัวใจดวงเดียวตัวข้ารักษาเอาไว้มิได้


Feebleness of the king ความอ่อนแอของมหากษัตริย์

.
.
.
.
.
“เลย์ เจ้าได้ยินที่แม่พูดหรือไม่....” ชื่อเรียกที่แท้จริงถูกเอ่ยขึ้นจากผู้เป็นแม่ เรเวนเทพเจ้าแห่งอัญมณีคือแม่ของเลย์ จาง อี้ชิงเป็นชื่อที่เขาสมมุติขึ้นให้กับตัวเองเพื่อที่จะได้ฟังดูเหมือนกับมนุษย์เวลาที่อยู่กับอี้ฟาน ราชินีเรเวนแห่งวิหารทองคำยกเพชรพลอยที่เป็นสิ่งที่ตนเองหลงไหลส่องขึ้นกับแสงไฟจากคบเพลิงที่ถูกจุดเอาไว้อย่างเพลิดเพลิน

“ว่าอย่างไร” อี้ชิงกล่าวรับอย่างไม่ใส่ใจ ในมือยังเปิดหนังประวัติศาสตร์มนุษยชาติที่อี้ฟานให้มาอ่านอย่างตื่นตาตื่นใจ

“แม่บอกให้เจ้าเข้าไปพบท่านซุสในวิหารสายฟ้า เจ้าต้องควบคุมท้องฟ้าและฤดูกาลให้ได้ในสงครามครั้งนี้ เมื่อธรรมชาติแปรปรวนมนุษย์จักสูญพันธ์ในไม่ช้า ชัยชนะย่อมตกเป็นของเรา เจ้าควรไปคุยกับท่านผู้นำสงครามด้วย”

“ได้... ข้าจะไปพบเขาเดี๋ยวนี้” คนตัวเล็กปิดหนังสือในมือก่อนจะเก็บซ่อนมันเข้าลิ้นชัก เป็นโอกาสที่ดีเสียจริงที่เขาไม่ต้องแอบบุกเข้าไปขโมยเครื่องประดับของสามเทพีในวิหารสายฟ้ายามค่ำคืน ถ้าเข้าไปพร้อมกับซุสแล้วลักลอบสับเปลี่ยนระหว่างเครื่องประดับของจริงและของปลอมที่เตรียมไว้ เท่านี้เขาก็จะมีสิ่งของที่ชายคนรักต้องการและนำไปส่งมอบให้กับคริสในวันพรุ่งนี้...
ที่อี้ชิงทำไม่ใช่เพื่อคนรักทั้งหมด เครื่องประดับเทพี3ฤดูกาลเป็นสมบัติของเทพเจ้า แต่ในเมื่อคนมีพลังวิเศษใช้มันเพื่อกลั้นแกล้งผู้ที่ด้อยกว่าเขาก็ไม่สามารถทนดูต่อไปได้ ฤดูกาลเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเผ่าพันธ์ในภาคพื้นดิน เขาคิดว่ามนุษย์สมควรได้รับมัน... สิ่งเดียวที่เขาจะเสียสละเพื่อคริสก็คงจะเป็นหัวใจที่เป็นสิ่งสุดท้ายที่คู่ควรแก่การพลีชีพ เพื่อมนุษย์และคนรัก....

“ไปซะ สงครามรอช้าไม่ได้ อีกไม่กี่วันทุกอย่างจะเริ่มขึ้นแล้ว เจ้าต้องทำให้น้ำท่วม พายุลงเป็นบ้าเป็นหลังท่านซุสจะหนุนหลังเอง ฮ่าๆๆ” เรเวนหัวเราะอย่างร้ายกาจ แม่ของเขาเป็นหนึ่งในพวกที่เกลียดเผ่าพันธ์พื้นดินเข้าไส้อย่างไม่มีสาเหตุ


อี้ชิงเดินออกไปถึงขอบกั้นวิหารลอยฟ้า เหยียบปลายเท้าเล็กๆลงบนขอบกั้นก่อนจะโดดโต้ลมแรงแล้วสยายปีกบินเหินวาบล่องลอยไปตามความมึดมิดโดยอาศัยการอ่านทางจากดวงดาวไปวิหารสายฟ้าที่เก็บเครื่องประดับของสามเทพีที่เขาต้องควบคุมมันในสงคราม ในย่ามสีขาวสะอาดมีของที่เหมือนกับเครื่องประดับแห่งฤดูกาลที่เขาต้องทำคือสับเปลี่ยนมันเท่านั้น แค่ทำให้ไว้และอย่าให้โดนจับได้อีก ถ้าไม่อย่างนั้นอาจไม่ใช่แค่เขาที่โดนลงทัณฑ์แต่คริสก็จะไม่ได้ของที่ต้องการด้วย




แสงไฟจากคบเพลิงทหารเห็นแว้บๆอยู่ไม่ไกลตา อี้ชิงรีบกระพือปีกให้เร็วขึ้นจนปอยขนหงส์เล็กๆหลุดล่วง ปีกกระพือตีกับสายลมดังวาบๆไม่นานเขาก็มาถึงหน้าวิหารแตะปลายเท้าลงบนทางเดินหินเก็บปีกให้เรียบร้อยก่อนเดินเข้าไปให้ลูกสุนัขสามหัวดมกลิ่นว่าเป็นอี้ชิงตัวจริง เพียงเท่านั้นทหารก็แหวกทางออกให้ เขาเดินย่ำเท้าเปล่าๆเข้าไปจนถึงทางเข้าที่มีแผ่นหินกลั้นเอาไว้ แค่สัมผัสเบาๆพลังแห่งท้องฟ้าก็ถูกส่งเข้าประตูวิหาร แผ่นหินขนาดใหญ่เคลื่อนออกช้าๆดังครืดเผยให้เห็นแผ่นหลังกำยำเปลือยเปล่าของใครบางคนที่ไม่ใช่เทพเจ้าซุส เขารีบแทรกตัวเองเข้าไปในห้องก่อนที่ประตูหินจะเคลื่อนปิดตัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับชายปริศนาที่ที่หันหลังมามอง

“เพอซิอุส”

“เลย์...ขอโทษด้วยที่ข้าไม่ได้บอกว่าจะมาแทนพ่อข้า” รอยยิ้มทรงเสน่ห์ตามฉบับวีรบุรุษกรีกฉาบขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา เพอซิอุสไม่ได้ใส่เครื่องทรงแต่ใส่เพียงกางเกงยวนบางๆเท่านั้น แถมในมือก็ยังถือแก้วไวน์ชั้นดีที่ได้รับการถวายจากโอนีซุสด้วย

“ไม่เป็นไร ข้าแค่แปลกใจ” อี้ชิงเดินย่างกลายเข้าไปใกล้อีกฝ่าย สายตาจับจ้องไปยังแท่นหินวางเครื่องประดับสามชิ้นตรงหน้าถึงมันจะดูเก่าแต่เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ทรงพลังของมันจนเหมือนกับว่ามันสามารถทำให้อี้ชิงแบกมหาสมุทรขึ้นฟ้าเลยก็ว่าได้

“เจ้าชอบมัน...” เพอซิอุสเดินมากระซิบอี้ชิงที่ด้านหลัง เบียดกายอีกฝ่ายจนติดกับแท่นหินแถมยังยื่นหน้ามาพูดใกล้ๆจนกลิ่นเอกลักษณ์ของไวน์เชอร์รี่ส่งกลิ่นออกมาจากลมหายใจ

“พลังของมันมหาศาล” อี้ชิงเลือกที่จะไม่ใส่ใจ ดูจากท่าทีแล้วเพอซิอุสคงจะอยู่พักที่นี่ไปถึงเช้า เขากำลังคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะสามารถสับเปลี่ยนของทั้งสามชิ้นนี้ได้โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว

“มันเป็นของเจ้า... เจ้าจะได้ใช้มันในสงคราม” ท่อนแขนแข็งแกร่งรวบเอวบางของนางฟ้าเข้ามาไว้ในอ้อมกอดด้วยมือข้างเดียว อี้ชิงตกใจนิดหน่อยก่อนที่จะพยายามแกะมือเหนียวๆนั่นออกและหันหน้าไปเพชิญหน้ากับอีกฝ่ายเพื่อที่จะผลักออก แต่แรงที่มีอยู่น้อยนิดก็ไม่สามารสู้แรงของวีรบุรุษนักรบได้ เลยกลายเป็นว่าใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากเพอซิอุสแค่คืบ เขาเบี่ยงหน้าหนีแต่ลมหายใจร้อนๆก็ยังตามมากระทบผิวแก้มจนขนลุกชันไปหมด
“ข้าว่าเราควรคุยเรื่องธุระ” อี้ชิงพยายามเบี่ยงประเด็นเพราะเขากำลังรู้สึกว่าตัวเองโดนลวนลาม ตอนนี้เครื่องประดับอยู่ใกล้แค่เอื้อม
แต่เขาสับเปลี่ยนตอนนี้เพอซิอุสจะต้องมองเห็นอย่างแน่นอน

“นี้ไงธุระของข้า... กลิ่นกายเจ้าหอมยิ่งกว่าเทพีเสียอีกนางฟ้าน้อย...” ท่าทางเจ้าชู้ยักทำให้อี้ชิงรู้สึกคลื่นไส้ เขาเดินหนีไปทางซ้ายก่อนจะก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวและอีกฝ่ายก็ตามเดินเข้ามากอดเกี้ยวทำให้ตอนนี้แท่นวางเครื่องประดับอยู่ด้านหลังเพอซิอุสแล้ว

"ถ้างั้นก็ทำอย่างที่ท่านอยากจะทำ...” คนตัวเล็กกลืนก้อนน้ำลายหนืดๆลง ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้ายกยิ้มร้ายก่อนจะทาบทับริมฝีปากอวบอิ่มลงบดขยี้จุมพิษเร่าร้อนกับอี้ชิง มันดุดัน และเต็มไปด้วยความใคร่จนน่าขยะแขยง  เขาถูกดันตัวติดเสาวิหารจนตัวแบนผ่ามือหยาบกร้านแบบนักรบลูบไล้ไปทั้งแผ่นหลังและบั้นท้ายอย่างหยาบโลน

เพอซิอุสสอดลิ้นร้อนเข้ามาในปากและเกี้ยวเกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นที่เอาแต่หลบหนี วีรบุรุษกำลังมัวเมาในจูบของนางฟ้า...

อี้ชิงรีบล้วงเข้าไปในย่ามหยิบเครื่องประดับทั้งสามชิ้นวางกองไว้บนแท่นก่อนจะกวาดเอาของจริงทั้งหมดใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ แต่พระเจ้าไม่เข้าข้างเขาในวินาทีสุดท้ายเพราะมือของเขาไม่ยาวพอจะจัดเครื่องประดับให้เข้าที่เหมือนกับของจริงแต่มันวางกองสุมกันเหมือนกับถูกขยุ้มอย่างนั้นแหละ คราวนี้เขาคงโดนจับได้ฐานพยายามขโมยอัญมณีก่อนจะได้เริ่มสงคราม

“อื้อ.... ท่าน” อี้ชิงย่นคอหนีเมื่อริมฝีปากอวบอิ่มเริ่มไล้มาจูบแถวปลายคางและสันกราม เขาใช้จังหวะที่อีกฝ่ายกำลังถูกความใคร่เข้าครอบงำพลิกตัวหันหลังชนแท่นวางเครื่องประดับหวังจะปัดมันให้ล่วงลงพื้นแล้วแกล้งเก็บขึ้นมาจัดเรียงใหม่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายเพราะเพอซิอุสยกสะโพกเขาขึ้นไปวางบนแท่นวางเครื่องประดับศักดิ์สิทธิ์จนมันหล่นลงไปเองทั้งกองจนแม้แต่เขาเองก็ยังตกใจ

“ท่าน... ของ...อื้ออ...ของเทพี” นางฟ้าน้อยยังถูกจูบอยู่ไม่ห่างจนจะพูดอะไรก็ยากลำบากไปหมด

“ตอนนี้ข้าไม่สน” ความใคร่บังตาจนทำให้เพอซิอุสมองข้ามสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญ นักรบหนุ่มต้องการนางฟ้าตรงหน้ามาปรนเปรออารมณ์ใคร่จนหน้ามึดตามัวโดยไม่สนใจสิ่งใด สายตาโลมเลียทำให้อี้ชิงรู้สึกขยะแขยงไปทั้งตัว เขาพยายามผลักชายตรงหน้าออกห่างแต่แรงที่มีมันสู้ไม่ได้เลย แม้แต่ทุบหวังจะให้อีกฝ่ายสนใจก็ไม่มีผล

“ท่าน...พอเถอะ อื้อ.. ปล่อยข้า”

“เจ้าต้องการอะไรนางฟ้า... เมื่อกี้เจ้าบอกให้ข้าทำอย่างที่ข้าต้องการ อารมณ์ปารถนาของข้ารุนแรงเกินกว่าจะล้อเล่น...” เสียงหอบหายใจหนักหน่วงอย่างอยากใคร่ทำเอานางฟ้าน้อยขนลุกซู่ไปทั้งตัวด้วยความขยะแขยง

“ข้าต้องรีบกลับ ได้โปรด....” อี้ชิงพยายามส่งสายตาอ้อนวอนให้กับอีกฝ่ายหวังว่าเขาจะถูกปล่อยตัวแต่สายตาที่กระหายในเพศรสของเพอซิอุสตอนนี้แทบจะไม่มีความเป็นเทพเหลืออยู่เลย เหมือนกับเสือที่พร้อมออกล่าเหยื่อในวันที่มีเนื้อดี

“เจ้าเลือกเอาว่าอยากจะยอมข้าดีๆหรือโดนขืนใจ”

“ไม่... ได้โปรดปล่อยข้า ขอร้องหละเพอซิอุส ข้าไม่ต้องการแบบนี้”

“ช้าไป ถ้าเจ้าไม่ต้องการแบบนี้ก็ไม่ควรเอ่ยชักชวนเสียแต่ทีแรก” ริมฝีปากทาบทับดูดดึงกรีบปากบางอย่างหิวกระหาย อี้ชิงรู้ตัวว่าเขาไม่มีสิทธิ์หนีออกไปไหนได้อีกแล้ว การมีคู่นอนหลายคนไม่ถือเป็นเรื่องแปลกบนสลวงสวรรค์แต่ร่างกายของเขาเป็นของอี้ฟานแค่เพียงผู้เดียว คราวนี้อี้ชิงจะยอมถือเป็นการแลกกับสิ่งของที่เขาได้มา...เพื่อเจ้าชายคริส



คำคืนรุ่มร้อนผ่านไปหลายเพลากว่าเกมส์รักและความปารถนาของเพอซิอุสจะจางลงและหลับเป็นตาย อี้ชิงลุกอย่างเตียงหยิบเสื้อคลุมสีขาวของตนเองมาสวมก่อนจะเดินไปหยิบเอาเครื่องประดับปลอมจัดเก็บให้เข้าที่ ร่างกายของเขามีแต่ร่องรอยทำรักของชายวีรบุรุษเต็มหมดแต่เขาไม่รู้สึกเสียใจเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้มา ย่ามสีขาวถูกยกขึ้นสะพายก่อนเท้าเล็กๆจะก้าวออกไปจากวิหารอย่างไม่คิดจะย้อนกลับ ปีกสีขาวสยายออกอย่างเป็นอิสระก่อนที่จางอี้ชิงจะบินโผลงจากวิหารสายฟ้าพร้อมของสำคัญสำหรับชายคนรักในวันพรุ่งนี้...












ผ้ากำหมะหยี่สีแดงถูกห่ออย่างดีก่อนจะถูกมัดปากและเก็บใส่ในย่ามบนหลังม้า อี้ฟานเดินไปผูกม้ากับต้นโคลสเรดก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างคนรัก

“วันนี้อากาศไม่แจ่มใส เจ้าว่าหรือไม่” คริสให้ท่อนแขนแข็งแรงรวบรั้งร่างอีกฝ่ายให้ขึ้นมานั่งเกยตักเหมือนที่ชอบทำก่อนที่ตัวเองจะเอนหลังพิงกับต้นไม้ใหญ่ที่แทบจะสูงละฟ้า

“ฮึๆ ไม่เกี่ยวกับข้าเป็นไปตามภูมิอากาศ” จาง อี้ชิงหัวเราะเบาๆในลำคอเมื่อรู้ว่าชายยหนุ่มคนรักแฝงความนัยอะไรไว้กับภูมิอากาศ วันนี้ฟ้าหมองตามธรรมชาติอาจจะเป็นเพราะเครื่องประดับแห่งฤดูกาลถูกขโมยมาแต่เขาไม่ได้เป็นคนทำให้อากาศวันนี้หม่น
“ข้าไม่รู้จะตอบแทนเจ้ายังไง” ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ไม่ใช่แค่ไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไงแต่หมายถึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปด้วย

“อีกแค่วันเดียวก็จะเกิดสงคราม... ทั้งนักรบและทหารบนสวรรค์เตรียมตัวกันแล้ว ท่านก็ควรจะคิดถึงสงครามมากกว่าสิ่งที่จะตอบแทนข้า” เมื่อเช้าการฝึกรบคึกคักไปหมดทั่วทั้งท้องฟ้า ในมหาสมุทรและบนเขาโอลิมปัสเหล่าทวยเทพเตรียมพร้อมสาดซัดสงครามครั้งใหญ่ชนิดล้างเผ่าพันธ์ออกจากแผ่นดินเลยก็ว่าได้เหล่าสัตว์ร้ายที่ถูกกักขังโดนปลดปล่อยทั้งมิโนทอรัส อสูรกาย ไททัน และมังกร

“วันนี้ข้ามีฝึกรบ ข้ามีเวลาไม่มาก... ข้าไม่รู้ว่าจะได้กอดดวงใจของข้าอีกเมื่อไหร่” เจ้าชายคริสกล่าวเสียงเศร้าแสดงความอ่อนแอที่ไม่คู่ควรแก่กษัตริย์นำทัพรบออกมา เจ้าชายคริสอยากจะร้องไห้แต่มันจุกอกจนแทบไม่มีน้ำตาจะไหล อีกไม่กี่เพลาเขาต้องลงมือฟาดฟันต่อสู้กับเหล่าเทพเพื่อช่วงชิงสายฟ้าของซุสมา คราวนี้เพอซิอุสจะเป็นคนรับมอบสายฟ้ามานำทัพรบเอง คริสไม่เคยเกรงกลัวต่อผู้บุกรุกแต่เขากลัวการช่วงชิงของชิ้นสุดท้ายมากที่สุด....

“มันจะอยู่กับท่านตลอดไป...” อี้ชิงรู้ดีว่าเขากำลังพูดถึงอะไร

“ได้โปรด... สละปีกนางฟ้าของเจ้าแล้วอยู่กับข้าบนพื้นดินไปชั่วชีวิตได้หรือไม่...”

“ข้าอยากทำเช่นนั้น แต่มันไม่ประโชยน์...” จางอี้ชิงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด น้ำตานางฟ้าไหลกลิ้งที่ขอบตาก่อนจะหยดลง ท้องฟ้ามึดลงอย่างรวดเร็วไม่ทันไรเม็ดฝนปรอยๆก็เทลงมา เพราะท้องฟ้าไม่เคยโกหกต่อจิตใจ

“อย่าร้องไห้นางฟ้าของข้า...” มือหยาบกร้านจากการฝึกสู้รบยกขึ้นประคองใบหน้าสวยงามให้หันมารับจุมพิษซับน้ำตาจากเจ้าชายแห่งผืนดิน หัวใจของเขาเจ็บปวดจากการเสียสละ การจากลาที่ไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่ เมื่อกษัตริย์แห่งเผ่าพันธ์มนุษย์ตาย...เมื่อนางฟ้าถูกจองจำ... หรือเมื่อจบสงครามแล้วพวกเขารู้ตัวว่าจะไม่ได้เจอกันอีกชั่วชีวิต...

“ท่านไม่เข้าใจ ข้าต้องการจะเสียสละ มันคุ้มค่ากับทุกสิ่ง...”



เมื่อใดที่ปีกนางฟ้าถูกปลด จางอี้ชิงจะไม่ใช่เจ้าแห้งท้องนภาอีกต่อไปเขาจะเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีค่าอะไรแม้แต่ร่างกาย แต่หากสละหัวใจในตอนที่ยังเป็นเทพ คริสจะได้รับอำนาจควบคุมฤดูกาล สายฝน แสงแดด บังคับให้ต้นไม้ออกดอกออกผลหรือจะสั่งให้หิมะตกก็ยังเป็นไปได้ มันคุ้มกับทุกสิ่ง...เพราะยังไงเสียโทษของคนทรยศเผ่าพันธ์อย่างเขาคงไม่พ้นการถูกจองจำตลอดการ ถ้าเป็นแบบนั้นสู้ตายไปเกิดในภพหน้าเสียยังดีกว่า...


“แต่มันทำให้ชีวิตของข้าไร้ความหมาย..”

“ท่านต้องทำสิ่งที่สมควรทำ ข้าตัดปีก ตัดชีวิต อิสระของตัวเองตั้งแต่เลือกท่านแล้ว”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียสละเพื่อข้า....”

“ดูนั่นสิ..”  นิ้วเรียวชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าดำมึดที่ก้อนเมฆขมวดตัวกันเป็นเกรียวคล้ายกับจะเป็นพายุ สายฟ้าแลบก่อนที่เสียงดังปังจะตามมาติดๆและดังสนั่นไปทั่วทุกพื้นที่ ท้องฟ้ามึดสนิทอย่างน่ากลัวสายฟ้าฟาดอย่างรุนแรงและลมเริ่มหมุนราวกับว่ามันกำลังพิโรธ....ซุสกำลังทำให้ท้องฟ้าแปรปรวน

“........................”

“พวกเขาคงรู้แล้ว... ทำสิ่งที่ท่านควรทำซะ ข้าพร้อมแล้ว” อี้ชิงยืนขึ้นแล้วล้วงกริชในย่ามออกมาจับมันยัดใส่มือชายคนรัก เขาต้องการสละตัวเองเพื่อหลีกหนีความกลัวและการจองจำชั่วชีวิต การใช้ชีวิตแบบไร้ซึ่งอิสระภาพไม่ต่างอะไรกับการตายทั้งเป็น เหมือนกับนางฟ้าที่ถูกเด็ดปีก

“ข้าทำไม่ได้!!” ชายหนุ่มเขวี้ยงกริชในมือทิ้งเขาลุกขึ้นกอดดวงใจตรงหน้าด้วยความรักสุดหัวใจ จะให้ทำใจฆ่าคนตรงหน้าได้อย่างไรในเมื่อมันไม่ต่างอะไรจากการพรากดวงใจตัวเอง

“ถ้าไม่อย่างนั้น......ระวัง!!!” ลูกไฟพุ่งเข้ามาด้านหลังอย่างรวดเร็วจนจางอี้ชิงต้องรีบกดหัวคนรักให้หมอบลง ไฟอีกลูกพุ่งเข้ามาติดๆกันคราวนี้อัดเข้าที่ลำตัวของเขาจนร่างกายลอยกระเด็นไปตกอยู่บนพื้นหญ้ามันเจ็บจุกจนตัวงอ เขาเห็นคริสชักดาบและโล่ออกมาตามสัญชาตญาณอย่างว่องไว ดวงไฟอีกลูกพุ่งเข้าหาคริสอย่างจังแต่ชายหนุ่มยกโล่ป้องกันเอาไว้ได้ก่อนที่ร่างกายสูงใหญ่น่าเกลียดน่ากลัวจะปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสอง

“ไททัน.....”

“ฮ่าๆๆ เจ้าเลือกเอาเลยนางฟ้า จะอยู่ข้างมันหรือช่วยกันรบสงครามข้าจะได้ใช้ดาบตัดปีกเจ้าซะ” ไททันที่สมควรจะอยู่ในนรกบัดนี้ได้ถูกปลดปล่อยออกมาเพื่อที่จะทำสงคราม ความโหดร้ายไร้ความปราณีขนาดต้องถูกจองจำไว้ในอเวจีได้ถูกปลดปล่อยแล้ว สงความเกิดขึ้นไวกว่าที่คิดเพราะตอนนี้มันได้เกิดขึ้นแล้ว...

“อย่ายุ่งกับอี้ชิง!!” ดาบคมกริบฟาดฟันเข้าอย่างจังที่แขนข้างขวา เพราะความประมาทในพลังวิเศษของตนเองทำให้แขนของไททันขาดทันทีพร้อมกับไม้สามง่ามที่ใช้เป็นอาวุธก่อลูกไฟ

“อ้าก!!!!” คมดาบบากเข้าอีกทีที่กลางหลังและเหวี่ยงฟันอีกทีสุดแรงจนขาข้างซ้ายตั้งแต่หัวเข่าขาดหลุด อี้ฟานกำลังโกธรสุดชีวิตที่มีพวกมันพยายามจะทำร้ายจางอี้ชิงทั้งๆที่อี้ชิงเป็นพวกเดียวกัน ไร้ซึ่งคุณธรรมขั้นขีดสุด ร่างกายสูงใหญ่ล้มลงกับพื้นคำรามเสียงก้องภูเขาอย่างเจ็บปวดทรมาน คริสยกดาบขึ้นเนื้อหัวแล้วฟันสุดแรงตัดฉับเข้าที่ต้นคอจนหัวที่มีหน้าตาน่าเกลียดของมันขาดกระเด็น

“หนีไป… ข้าต้องไปแล้ว!” จาง อี้ชิงสยายปลีกพรึบแล้วกระพรือยกร่างตัวเองบินหนีขึ้นไปทันทีอย่างไม่คิดจะอำลาชายคนรัก การที่คริสฆ่าไททันมันจะทำให้ซุสโกรธมากและเขาต้องจัดการควบคุมอากาศให้เป็นปกติเพื่อความได้เปรียบทางทัศนียภาพในภาคพื้นดิน


เจ้าชายแห่งพื้นดินได้แต่มองร่างคนรักบินลับเข้าไปในก้อนเมฆน่ากลัวอย่างอาลัยอาวร เมื่อไหร่ข้าจะได้เจอเจ้าอีก ดวงใจของข้า....

คนตัวสูงแกะเชือกม้าหยิบย่ามมาห้อยของสำคัญไว้กับตัว เขาต้องนำมันไปซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่งหนึ่งเพื่อความปลอดภัยแล้วจึงกลับไปรบพร้อมกับกองกำลังทหารที่บ้านเมือง ของสำคัญที่ถือเป็นตัวแทนของจางอี้ชิง...


ข้าจะไม่ลืมความเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของเจ้า นางฟ้าแสนดีของข้า...







“อั้ก!!!” ในขณะที่กระพือปีกอยู่กลางอากาศเตรียมจะขึ้นไปอยู่เหนือพายุและก้อนเมฆ แรงกระแทกจากด้านอย่างแรงก็ทำให้ จาง อี้ชิง แทบหมดสติ ปีกที่กลางสยายหุบลงกระทันหันจนร่างร่วงดิ่งลงพื้นแต่อยู่ๆก็มีมือเกาะพยุงเข้าที่ด้านหลังแล้วพาบินเหินขึ้นไปอีกครั้ง ท้องฟ้ากำลังพิโรธแปรปรวนอย่างหนักในขณะที่ จาง อี้ชิง กำลังจะหมดสติ...

.

.

.

.

.
.


กึง!!

เสียงโซ่เหล็กถูกกระชากสุดแรง จาง อี้ชิง ฟื้นขึ้นในสภาพที่โดนล่ามโซ่ติดปลอกคอกับเตียงทรงใหญ่ในวิหารทองคำแห่งหนึ่ง เสียงดังเปรี้งปร้างสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับแสงวาบของสายฟ้าจากด้านนอกทำให้จางอี้ชิงว้าวุ่นและกระวนกระวาย สงครามกำลังเกิดขึ้นอย่างดุเดือดโดยไร้ความช่วยเหลือจากเขา ถึงจะพยายามกระชากโซ่ยังไงก็ไม่ยอมหลุดยิ่งดึงก็ยิ่งเจ็บต้นคอมากขึ้น ท้องฟ้าสั่นรุนแรงอย่างกับว่าวิหารจะโค่นลงมาทับก่อนที่สายฟ้าจะดังสนั่นหนึ่งทีแรงๆ ไม่นานประตุวิหารก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างกายกำยำในชุดนักรบที่เดินหิ้วอะไรบางอย่างในมือเดินเข้ามาในวิหารด้วยท่าทางดูน่ากลัว

“ตื่นแล้วรึ ดูสิข้ามีสิ่งใดมาฝาก” เพอซิอุสเดินเข้ามาใกล้เตียงเรื่อยๆก่อนโยนศรีษะมนุษย์ที่ถูกตัดขาดขึ้นมาบนเตียง ใบหน้าโชกเลือดที่แทบจะดูไม่เป็นคน

“เอามันออกไป! ปล่อยข้า!” อี้ชิงใช้เท้าเตะมันลงไปกลิ้งอยู่ที่พื้นแล้วตาแน่นด้วยความหวาดกลัว ของน่าเกลียดแบบนั้นเขาจะกล้าดูได้อย่างไร

“อ้าว...ไม่อยากจะเห็นหน้าชายคนรักของเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายสักหน่อยรึ ข้าอุตส่านำมาฝาก หึๆ” ชายหนุ่มโยนดาบและโล่ลงพื้นอย่างไม่ใยดีเขาเดินไปหยิบหัวมนุษย์ขึ้นมายื่นมันจ่อไปที่หน้านางฟ้าน้อยที่กำลังสั่นอย่างหวาดกลัว

“ข้าไม่เชื่อ! เอามันออกไป!” อี้ชิงไม่อยากลืมตาดูภาพสยดสยองนั่น และเขาไม่เชื่อว่าคริสจะพ่ายศึกในครั้งนี้ มันไม่มีทางเป็นไปได้พวกเขาต้องได้พบกันอีกครั้งหลังสงครามจบ

“มีสงครามย่อมมีสูญเสียเสมอเลย์...ข้าจะวางมันไว้ตรงนี้ แล้วจะกลับมาใหม่หลังอาหารค่ำ”
เสียงทุ้มดังขึ้นก่อนที่เสียงเดินกระแทกชุดเกราะจะค่อยๆดังออกไปที่ทางเดินและหายไปในที่สุดพร้อมกับเสียงปิดประตูวิหาร อี้ชิงลืมตาช้าๆเขาไม่สามารถทำใจให้มองหัวมนุษย์ที่ถูกตัดได้ แต่ในเมื่อของสิ่งนั้นอยู่ตรงหน้าและภาพใบหน้าคุ้นเคยที่ทับซ้อนขึ้นในสมองก็ทำให้เขาอดลืมตามองไม่ได้



คริส.....



“ไม่จริง!!!! ไม่!!”  จางอี้ชิงกรีดร้องดังลั่น แค่เห็นเพียงหน้าเขาก็จำคนตรงหน้าได้อย่างดี เพียงแต่ไม่อยากจะเชื่อตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อว่าชายคนรักได้ตายไปแล้ว..
สงครามย่อมนำมาซึ่งความสูญเสียเสมอทั้งชีวิตและทรัพย์สินไม่ว่าจะกับเผ่าพันธ์ไหน  แต่ จาง อี้ชิง ทำใจไม่ได้ที่ต้องรู้ว่ามีเขาเพียงคนเดียวที่อยู่บนโลก ไม่มีชายคนรักอีกแล้ว ไร้ซึ่งความหวังว่าจะได้เจอกันไม่ว่าอีกกี่หมื่นปีข้างหน้า...อี้ชิงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ว่าบนโลกหรือสลวงสวรรค์ เพราะหัวใจของเขาได้ถูกพรากไปแล้วตลอดกาล....


“ไม่จริง ฮรื่อ....เหตุใดท่านจึงทิ้งข้า อี้ฟาน...ฮรื่อ...”














.....เมื่อไดท่านจะมาพาข้าออกไปจากที่นี่....


ร่างกายซูบผอมนั่งลงบนเตียงเก่าๆเหม็นสาปในห้อง....ผ่านไปพันปีแต่ข้าไม่เคยลืมอดีตของเรา ความกล้าหาญและความรักของท่าน ยังเฝ้ารอหวังให้อี้ฟานมาเกิดในภพเดียวกันแล้วท่านจะเป็นผู้กล้าหาญกลับมาช่วยข้าที่นี่ น้ำตาของข้าไม่มีทางหยุดไหลไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่หมื่นปี ท้องฟ้าไม่มีวันสดใสเหมือนกับใจข้าที่ตายสนิทในวันที่เห็นศพของท่านที่รัก...

ท้องฟ้ามึดสนิทมาตลอดพันปี ต่อให้มนุษย์มีสิ่งของที่ควบคุมฤดูกาลก็ไม่มีใครรู้ว่ามันถูกซ่อนไว้ที่ใด ผู้ควบคุมแห่งท้องนภาที่จิตใจมืดบอดทำให้ทั้งโลกมีเพียงเวลากลางคืน พระอาทิตย์ไม่ขึ้นอีกหมือนเจ้ากษัตริย์ที่จากไป....

อายุไขของข้าช่างยาวนานนัก เมื่อใดมันจักจบลงเสียที ขวนขวายความตายเหมือนกับท่าน...

ปีกนางฟ้าค่อยๆสยายออกจากแผ่นหลังช้าๆทำเอาคนตัวเล็กรู้สึกตกใจจนสดุ้ง ปีกที่นุ่มสลวยสวยงามสง่าเหมือนกับหงส์ป่ากระพือช้าๆ แสงสว่างสีขาวเหมือนเกร็ดเพชรโปรยปรายรอบตัวก่อนที่ปีกสีขาวจะค่อยๆหลุดออกจากแผ่นหลังและกลายเป็นผุยผงร่องลอยออกไปนอกหน้าต่างตามกระแสลมพัด

ขวนขวายความตายเหมือนกับท่าน...

เท้าเล็กๆยืนเยียบไปบนพื้นหินก้าวไปยังลูกกรงขนาดใหญ่แล้วผลักเกิดออกช้าๆ จางอี้ชิงตอนนี้เป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีฤทธิ์ พระเจ้าฟังคำวอนของข้า...ปลายเท้าก้าวขึ้นเหยียบขอบหน้าต่างหมิ่นเหม่สองแขนกางออกอ้ารับอิสรภาพในภพชาตินี้และชาติหน้าก่อนที่จะเอนตัวลงไปด้านหน้า ลาจากการจองจำตลอดการลาจากความทุกข์ความเศร้าใจและหัวใจที่โดดเดี่ยว แล้วพบกัน....อู๋ อี้ฟาน.....










“เป็นยังไงบ้างลูก เขาดีขึ้นไหม” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามลูกชายที่นั่งเขียนการบ้านอยู่บนโต๊ะพร้อมกับหันไปมองร่างเล็กๆที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง
“ไม่รู้ครับ ยังไม่ตื่นเลย แม่ช่วยออกไปก่อนนะผมจะเช็ดตัวให้เขา” ‘อี้ฟาน’ เด็กหนุ่มวัย18ปีตอบกลับผู้เป็นแม่ ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อแต่เดินไปด้านนอกแทนเพราะไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของลูก ส่วนเจ้าคนป่วยที่เก็บมาก็ไม่เห็นว่ามีพิษมีภัยอะไรเลยไม่ต้องห่วงว่าจะทำร้ายลูกเธอ

คริสวางปากกาไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินไปหยิบกระมังน้ำที่ตักขึ้นมาเมื่อครู่มาวางไว้ข้างเตียงก่อนจะนำผ้าเช็ดตัวผืนเล็กสีขาวชุบน้ำอุ่นเช็ดไปตามใบหน้าที่มอมแมมเพราะคราบฝุ่น เสื้อคลุมบางๆสีขาวขาดรุ่งริ่งแถมยังสกปกจนดูไม่ได้ คริสค่อยๆใช้กรรไกรตัดเนื้อผ้านั้นออกช้าๆจาก ‘ชายปริศนา’ ที่แม่ของเขาเจอในสวนหลังบ้าน คนตัวเล็กนอนคว่ำหน้าหลับไม่ได้สติอยู่ใต้ต้นโคลสเรดที่แม่เขาปลูกไว้ แถมสภาพร่างกายก็ดูไม่จืด ผอมซูบเซียวจนไม่กล้าคิดว่าเป็นโจร สุดท้ายก็เลยพาขึ้นมานอนพักบนห้องเขารอให้อีกคนฟื้นขึ้นมา
“อื้อ....” ใบหน้าสวยหวานขยับหนีสัมผัสชื้นไปทางด้านซ้ายก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างไม่สบายตัวพร้อมกับครางสียงอึมครึมในคอ
“นี่... ตื่นได้แล้ว” คริสเอาน้ำเย็นในขวดน้ำกินของเขาเทใส่ผ้าจนมันเปียกชุ่มและเย็นจัดก่อนจะนำไปโปะที่ต้นคอชายแปลกหน้าจนเจ้าตัวสดุ้งเล็กน้อย พร้อมกับดวงราเรียวรีที่ปรือขึ้นช้าๆก่อนกระพริบตาถี่ๆ






‘ที่นี้คือที่ใด....’

จาง อี้ชิงลืมตาขึ้นมาในห้องสีขาวขนาดไม่กว้างมากเพราะสัมผัสเย็นๆที่ต้นคอเมื่อครู่ เขาจำได้ว่ากระโดดลงมาจากหอคอยแล้วอยู่ๆทุกอย่างก็ดับวูบไป แต่ตอนนี้เขากำลังอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ห้องหับรูปทรงแปลกตาราวกับไม่เคยพบเห็นและเด็กหนุ่มตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างเตียงพร้อมกับผ้าเช็ดตัวในมือ... ใบหน้ายาวเรียวได้สัดส่วน ดวงตาเฉี่ยวคมและนัยต์ตาสีรัตติกาลสงบนิ่ง คิ้วยาวเป็นตงฉินรับกับดวงตา....
เหมือนกับอี้ฟานไม่มีผิด...

“อ...อี้ฟาน....”

“หื้อ? เรียกทำไมหรอ?”

“ท่านคืออี้ฟาน...” ด้วยความดีใจสุดซึ้งทำให้ร่างบางหลุดโผเข้ากอดคนตรงหน้าอย่างไม่ดูสังขารร่างกายตัวเอง
ชายคนรักที่เฝ้าคิดถึงมาเป็นเวลาพันปี...วันนี้ได้พบกัน ถึงจะไม่ใช่ในรูปแบบที่ต้องการแต่คนตรงหน้าหน้าตาเหมือนกับคนรักของ จาง อี้ชิงเหลือเกินแม้แต่ชื่อก็ยังไม่ต่างกัน พระเจ้ากำลังเล่นตลกอย่างนั้นหรือ? หลุดมาในภพใหม่แต่ไม่ได้พบกับอี้ฟานคนเดิม หัวใจที่แห้งเฉาถูกเติมเต็มทั้งความสุขและความปวดร้าวลงไปพร้อมๆกัน พันปีที่รอมาขอแค่ได้พบหน้าท่าน...


“ฮึก...ข้า...ดีใจเหลือเกิน...ฮึก....”

หยาดน้ำตาไหลหลั่งออกจากดวงตาคู่สวยไม่ขาดสาย น้ำตาที่หลั่งออกมาทั้งความเสียใจ สุขใจ เศร้าใจ และแปลกใจ จาง อี้ชิง ไม่มีทางหยุดร้องไห้ตราบใดที่ชายคนรักของเขายังไม่กลับมา ถึงคนตรงหน้าจะเหมือนอี้ฟานมากเพียงใดก็ตาม...










“ถ้าอย่างนั้นก็หยุดร้องไห้เถอะ.... ข้าไม่ชอบน้ำตาของเจ้า นางฟ้าแสนดีของข้า.......”



เกิดแล้วตายมาไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติ แต่อี้ฟานเจ้ากษัตริย์คนนี้ก็ไม่เคยลืมนางฟ้าแห่งท้องนภา ยอดดวงใจที่เฝ้ารอมาหลายพันปี ร่างกายตายแล้วเกิดใหม่มาเป็นร้อยๆครั้งอย่างไม่ยอมดับสูญเพราะหัวใจของเขาไม่สงบ... จะยังวนเวียนเกิดใหม่ไปอีกไม่รู้จบสิ้นเพื่อรอวันที่นางฟ้าของเขาจะพ้นโทษแล้วไปเกิดด้วยกันในชาติหน้า... การรอคอยชั่งทรมานแสนสาหัสกับเวลาที่ยาวนาน...
แต่อี้ฟานก็มีชีวิตอยู่เพื่อรอจาง อี้ชิง ถึงตายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนก็ไม่คิดจะเลิกหวัง พระเจ้ายังเห็นใจทั้งมนุษย์และเหล่าเทพเป็นสมดุลย์เสมอ...


“อยู่กับข้าบนพื้นดินตลอดไปเถิด.....”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น