5:45
จะหกโมงเช้าแล้วคริสยังนอนไม่หลับเพราะความเครียดและความรู้สึกแย่ๆที่รุมเร้า เขาส่งแม่ไปโรงพยาบาลกับรถตั้งแต่สามชั่วโมงก่อนแต่ไม่ได้ตามไปด้วยเพราะต้องการอยู่รอคุยกับอี้ชิงตอนเช้าจนตอนนี้ใกล้จะหกโมงแล้วอี้ชิงก็ยังไม่ยอมเปิดประตูห้องออกมาคุยด้วย เขาได้ยินเสียงอี้ชิงร้องไห้ตลอดทั้งคืนจนเพิ่งจะเงียบไปเมื่อตอนตีสี่
คริสไม่อยากยอมรับว่าเขากำลังรู้สึกกลัวอย่างมาก กลัวว่าญาติจะรู้เรื่องนี้และยกขโยงกันมาทำร้ายภรรยาของเขา กลัวจะต้องเซ็นใบหย่า กลัวว่าอี้ชิงจะหนีไปจากชีวิต กลัวจะต้องเสียรัก..
คริสไม่มั่นใจว่าเขาจะเสียสละอะไรได้บ้างหากต้องเลือกระหว่างอี้ชิงกับคนในครอบครัว ตระกูล ธุรกิจ พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ไม่รู้จริงๆจนกว่าจะได้เลือก แต่พอถึงเวลานั้นเขาก็คงจะเสียคนรักไปแล้ว แน่นอนว่าครอบครัวต้องการเขาแต่ปัญหาคือคริสแคร์ใครมากกว่ากันระหว่างแม่และเมียที่ไม่เคยรักเขาเลย
เบียร์กระป๋องสุดท้ายถูกเปิดอีกไม่กี่นาทีก็เกือบจะได้เวลาที่ผู้ชายคนนั้นนัดอี้ชิงเอาไว้แล้ว คริสคิดว่าป่านนี้คนตัวเล็กคงจะตื่นอาบน้ำเรียบร้อยแต่คงจะไม่ลงมาเจอหน้าเขาแน่ สิ่งเดียวที่คริสนึกออกตอนนี้คือเขาจะต้องยื้ออี้ชิงเอาไว้ให้นานที่สุดจนกว่าจะคิดออกว่าควรทำยังไง เขาไม่อยากเป็นลูกแหง่เหมือนที่อี้ชิงดูถูกเพราะแค่นี้ภาพลักษณ์ใจเซาะของคริสก็แย่มากพอแล้ว
เด็ดขาดคืออะไรกันนะ.... เขาเป็นคนที่ชอบความประณีประนอมมาตั้งแต่เด็ก ชอบที่จะเจรจาด้วยเหตุผลมากกว่าการปะทะด้วยอารมณ์ คริสยอมรับว่าเขาถูกเลี้ยงแบบลูกแหง่คือมีแม่ทำให้ทุกอย่าง ตัดสินใจทุกอย่างแทนและเขาก็เป็นเด็กที่เชื่อฟังอย่างมาก คริสไม่เคยต้องตัดสินใจอะไรเพราะถ้าแม่ไม่ชอบเขาก็จะไม่มีสิทธิ์ทำ
อีกอย่างคริสเสพติดการที่คนอื่นเป็นคอยชี้นิ้วนำทางให้มาโดยตลอดเพราะเขาไม่กล้าตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง จนตอนนี้อายุ25แล้วก็เพิ่งมาตระหนักว่าชีวิตเขาเกาะครอบครัวตลอดไปไม่ได้ ถึงไม่จำเป็นต้องมีครอบครัวก็มีเงินใช้แต่การจะรักใครสักคนเขาควรที่จะปกป้องคนๆได้ เป็นผู้นำครอบครัวและคุณสมบัติอื่นๆอีกมากมายที่คริสไม่เคยมี
เพราะเขาชักจูงง่ายและไม่เข้มแข็งเลยทำให้ดูเหมือนว่าคริสเข้าข้างแม่และครอบครัวไปเสียอย่างนั้น ที่ไม่ปกป้องอี้ชิงก็เพราะใจไม่กล้าเด็ดขาด นี่คือเหตุผลที่อี้ชิงเกลียดเขาใช่ไหม? เกลียดที่คริสเอาอี้ชิงเข้ามาให้คนอื่นทำร้ายเหมือนลากกระต่ายมาขังกรง
เพิ่งสำนึกได้ว่าตัวเองทำพลาดไปก็ตอนสุดท้ายในขณะที่กำลังจะเสียของสำคัญ เพราะมัวแต่สนใจความรู้สึกและความต้องการของตัวเองเลยลืมมองปัจจัยรอบด้านที่สำคัญมากกว่าของปลอบใจหรือเงินตรา ลืมมองหัวใจของ จาง อี้ชิง...
‘ปึง’
เสียงปิดประตูจากชั้นบนฉุดคริสให้หลุดจากภวังค์ เขาวางกระป๋องเบียร์ไว้บนโต๊ะตั้งตารอให้คนด้านบนเดินลงมา เพียงไม่ถึงอึดใจเขาก็เห็นอี้ชิงเดินสะพายกระเป๋าเป้ใบเดิมตุงๆลงมาด้วยใบหน้าซูบโทรม ดวงตาเรียวรีแดงช้ำเพราะผ่านการร้องไห้มาตลอดทั้งคืน อี้ชิงไม่แม้แต่จะชายตามองหน้าเขาแต่กลับทำเหมือนว่าคริสเป็นธาติอากาศที่ไม่มีตัวตน
“อาหมวย...” คริสไม่รอให้อี้ชิงเดินหนีออกไปจากบ้านแน่ๆ เขาลุกจากโซฟาเดินตรงเข้าไปหาคนตัวเล็กที่เพิ่งจะเดินมาถึงบันไดชั้นล่างก่อนจะชิงสวมกอดเข้ากับเอวเล็กแน่น ไซร้จมูกโด่งลงบนเรือนผมอย่างออดอ้อนหวังให้ภรรยาใจเย็นลง
“คุยกับเฮียก่อนนะ...”
“ไม่มีอะไรต้องคุย อี้จะไปธุระ” อี้ชิงไม่ได้ขัดขืนหรือแสดงอาการไม่พอใจเพียงแต่พูดออกมาเหมือนคนปลงตก มันไม่ใช่น้ำเสียงแข็งกร้าวหรือประชดประชัน แต่ฟังดูนิ่งเรียบราวกับไม่เหลือทุกความรู้สึกแม้แต่ความเจ็บปวด เย็นชาจนคล้ายกับจะสามารถแช่แข็งหัวใจอี้ฟานได้และกัดกร่อนความหวังของเขาจนสิ้นซาก
“นะคนดี...อี้ต้องการอะไรเฮียจะทำให้ทุกอย่าง แต่อย่าไปเลยนะ” คริสใจสั่นไปหมด อี้ชิงไม่หวั่นไหวเลยสักนิด คนตัวเล็กไม่แม้แต่จะแสดงความรู้สึกลังเลใจออกมา มันทำให้คริสเดาทางไม่ถูกว่าเขาควรจะพูดอย่างไรให้คนตรงหน้าใจอ่อน
“....เฮียปล่อยอี้ไปเถอะ อี้จะคืนธุรกิจให้ อยากได้อะไรก็เอาไปแล้วก็ไปคนละทางไม่ต้องมาเจอหน้ากันอีก ถ้าเฮียไม่เซ็นใบหย่าเดี๋ยวแม่เฮียก็มาหาว่าอี้อยากจะได้สมบัติ อี้ไม่อยากยุ่งกับครอบครัวเฮียแล้ว” อี้ชิงขืนตัวเล็กน้อยก่อนจะใช้แขนผลักคนตรงหน้าให้ถอยออกห่าง เขาไม่ได้เดินหนีหรือหลบตาเพราะยังไงก็ต้องรอจงอินขับรถมารับอยู่ดี
อี้ชิงไม่อยากจะยุ่งกับคนบ้าพวกนี้ ถ้าคริสไม่ยอมเซ็นใบหย่าเขาก็จะโดนตามรังควานไปไม่จบไม่สิ้นทั้งๆที่ถ้าจบกันด้วยดีแบบหมดพันธะสัญญาทั้งทางกฏหมายและทางเงื่อนไข คริสจะไปแต่งงานใหม่จะแบ่งสมบัติให้ใครก็เชิญโดยที่ไม่ต้องกลัวเขาจะมาเรียกร้องอะไรทีหลังหรือจะมาฮุบเอาธุรกิจหมื่นล้านไป
“เฮียอยากอยู่กับอี้...ไปอยู่ด้วยกันที่อื่นก็ได้” เป็นอีกครั้งที่คริสพูดจาเห็นแก่ตัวและเอาแต่ใจ คริสรู้ตัวดีเขาไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น สิ่งเดียวที่คริสอยากจะได้มาไว้ครอบครองตั้งแต่แรกคือคนตรงหน้า เขาต้องการให้อี้ชิงอยู่ด้วยกันตอดไป อยากให้อี้ชิงรักเขา อยากได้ความรักจาก จาง อี้ชิง...
“เฮียอยากเห็นอี้โดนตบหรอ เฮียก็น่าจะรู้ตัวว่าเฮียไม่เคยทำอะไรได้ ตั้งสองเดือนที่ผ่านมาเฮียก็ไม่เคยพิสูจน์คำพูดตัวเองสักครั้ง อี้ไม่ได้บอกว่าเฮียไม่มีน้ำยาแต่เฮียสู้ฤทธิ์แม่เฮียไม่ได้หรอก ถ้าไม่อยากให้อี้เจ็บตัวก็แยกทางกันไป” อี้ชิงไม่อยากจะโวยวาย เขาอดทนมาจนเกินขีดจำกัดไปนานมากแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะเปลี่ยนใจแต่แค่อยากจะบอกให้คริสได้รู้ว่าทำไมเขาถึงเลือกทางนี้อย่างมีเหตุผล
อย่างน้อยถ้ามันทำให้คริสไม่รู้สึกโทษตัวเองอี้ชิงก็ยินดีจะทำเป็นสิ่งสุดท้ายในหน้าที่ของภรรยา
“ขอโอกาสให้เฮียอีกสักครั้งไม่ได้หรอ...นะครับ....” เสียงทุ้มสั่นเทาจนได้สังเกตุได้ชัด คริสกำลังจะร้องไห้ในรอบหลายปี ตั้งแต่ตอนที่พ่อเสียไปเขาไม่เคยร้องไห้อีกเลยจนมาครั้งนี้ที่กำลังจะเสียคนที่รักไปอีก คริสทำใจไม่ได้ เขาไม่ต้องการแบบนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเขาสร้างมาไว้สำหรับอี้ชิง ถ้าไม่มีคนตรงหน้าอยู่ด้วยกันมันจะมีค่าอะไร
“งั้นตอบอี้ว่าเฮียจะทำยังไงถ้าวันนี้ญาติเฮียมารุมด่าอี้ จะยืนดูปล่อยให้เขาทำอี้เฉยๆหรือว่ายังไง” อี้ชิงยิ้มออกมาด้วยความขัน เขาไม่ได้บอกว่าคริสเป็นคนไม่ดีหรือไม่อยากช่วย แต่ปัญหาคือคริสอยากช่วยแต่ช่วยไม่ได้ มันแค่นั้นเอง ทำไมคนตัวสูงถึงยังไม่ยอมรับและดันทุรังเอาแต่ใจเหมือนกับเด็กๆ
“ไม่ เฮียจะไม่รอให้เขามา”
“งั้นจะทำยังไง...” อิ้ชิงเลิกคิ้ว เขาคิดว่าคริสจะตอบว่าต้องช่วยซะอีก
“ก็จะพาอี้หนีไง หนีไปไกลๆไม่ต้องให้เขารู้ว่าเราอยู่ไหน” คริสเอื้อมมือไปบีบมือคนตัวเล็กไว้แน่น ดวงตาสีดำสนิทจ้องลึกเข้าไปในแววตาใสซื่อ มันไม่ใช่แค่การตอบคำถามแต่เขากำลังพูดจริงและกำลังบอกในสิ่งที่เขาจะทำวันนี้ก่อนที่ญาติจะมาถึงเพราะยังไงแม่เขาต้องโทรไปฟ้องอาเหมยกับอาม่าแน่ ไม่ช้าญาติของคริสจะต้องแห่กันมาที่นี่
“แต่อี้จะไม่ไป... ไม่อยากหนีไปตลอดชีวิต อี้อยากให้มันจบ อยากอยู่เงียบๆใช้ชีวิตปกติ ถ้าแม่เฮียเขาอยากได้เฮียอี้ก็ยกให้” มันไม่ใช่แค่วันนี้ วันนี้จะโดนอะไรมันก็ต้องโดนอี้ชิงจะถือว่ามันเป็นการฟาดเคราะห์ทิ้งทวน แต่ถ้าต้องหลบหนีตระกูลคนชั่ว โดนกลั่นแกล้งตลอดไปอี้ชิงก็ไม่เป็นแบบนั้นเหมือนกัน
“งั้นบอกได้ไหม...อี้รักเฮียมั่งหรือป่าว...” หยดน้ำตาร่วงพราวลงจากดวงตาคม คริสเม้มริมฝีปากแน่น เขาไมอยากหลอกตัวเองเผื่อมันจะทำให้ตาสว่างขึ้นว่าจริงๆแล้วคริสคนนี้ในสายตาอี้ชิงเป็นยังไง
“รัก... แต่ก็เกลียดด้วย เกลียดจนอยากจะอ้วก” เป็นครั้งแรกของอี้ชิงที่เขาพูดชัดเจนและตรงไปตรงมาที่สุด เขายอมรับว่าจริงๆแล้วหัวใจก็แอบหวั่นไหวกับการกระทำน่ารักๆของสามีไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกันความเกลียดและอคติก็มีมากกว่า ก่อนหน้านั้นอี้ชิงไม่เคยเกลียดคริสเขาแค่ไม่ค่อยชอบหน้าแต่นับวันความเครียดแค้นกดดันที่เกิดจากการกระทำของหลางอี้ก็พอกพูนมากขึ้นจนกลายเป็นความเกลียดชังจนแทบจะอ้วกเมื่อเห็นหน้า
คริสรั้งกาย จาง อี้ชิงเข้ามากอดเอาไว้เต็มรัก เขาไม่รู้ว่าควรดีใจหรือร้องไห้ออกมาดีที่อี้ชิงรักเขาแต่ทว่าตัวเขาเองกลับทำให้ทุกอย่างแย่ลง ทั้งๆที่ได้ในสิ่งที่ต้องการมาแล้วแต่กลับปล่อยให้มันหลุดลอยด้วยความโง่ซ้ำซาก ไม่อยากเสียใจ ไม่อยากเสียอี้ชิง ไม่อยากเสียรัก แต่เสียครอบครัวเสียมรดกเสียได้หรือ...?
เสียงรถยนต์ขับเข้ามาในบ้านเพราะประตูรั้วไม่ได้ปิดเอาไว้ คริสผละตัวออกจากอี้ชิงหันหลังไปมองดูว่ารถใครแต่เขามองไม่เห็นเพราะม่านบังกระจกไว้หมด
อี้ชิงเหลือบตามองนาฬิกาบนผนังที่บอกเวลาหกโมงเศษๆ หัวใจของเขาเต้นรัวไปหมด ไม่ใช่จงอินแน่ถึงจะนัดกันไว้หกโมงแต่คนที่ทำงานดึกแล้วจะมาตรงเวลาขนาดนี้เป็นไปได้ยาก อีกอย่างที่เขาโทรไปเมื่อ15นาทีก่อนแบคฮยอนกับจงอินก็เพิ่งจะเตรียมตัวเสร็จเอง เขาได้ยินเสียงจ้อกแจ้กดังออกมาจากด้านนอกและเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แค่เพียงเท่านี้เขาก็รู้ชะตากรรมตนเองแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ปัง!!
เสียงเปิดประตูดังลั่นพร้อมกับผู้หญิงและผู้ชายห้าคนที่เดินเข้ามาในบ้าน ทั้งหมดเป็นญาติของคริสทั้งสิ้น คนที่เขาพอจะจำได้ก็มีเหมยอิง อาม่า และลุงกับป้าอีกสองคนที่เจอในงานแต่งแต่อีกคนเขาไม่รู้ว่าเป็นใคร อี้ชิงได้แต่ภาวนาขอให้เพื่อนของเขามาถึงบ้านไวๆเพราะตอนนี้ไม่มีใครอยู่ข้างอี้ชิงเลยสักคน เขากำลังโดนคนตระกูลอู๋รุมกัดและอาจจะไม่หยุดที่การต่อว่าด้วย
“อาม่า....” คริสพึมพัมออกมาเมื่อเห็นเหล่าญาติบุกเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าไม่พอใจ
อี้ชิงไม่พูดอะไรเขาทำใจเอาไว้แล้วว่าต้องโดนแน่ คริสเองก็เป็นเหมือนเดิม นอกจากพูดคำว่าอย่าและหม่าม๊าก็ไม่คิดจะทำอะไร ปกป้องไม่ได้กับเต็มใจให้เขาถูกกระทำยังไงเสียผลลัพธ์มันก็ไม่ต่างกัน เจ็บเหมือนกันทั้งสองแบบแล้วจะมีคริสไว้เพื่ออะไร
“อีหมวย!!! ลื๊อกล้าดียังไงมาทำลูกสาวอั๊ว!!!” เสียงหญิงชราตวาดดังลั้นมาตั้งแต่ยังเข้าไม่ถึงตัว คริสหันหลังเอาตัวเองบังภรรยาเอาไว้ เขาขมวดคิ้วแน่นจนกระทั่งผู้เป็นย่าเดินตรงเข้ามาถึงตัวแล้วผลักตัวคริสอย่างแรงจนเซถลา แต่คราวนี้คนตัวสูงไม่ยอมให้เหตุการณ์เดิมเกิดขึ้นซ้ำ เขาไม่ยอมหลีกทางแต่ใช้ทั้งสองมือจับล๊อกแขนของอาม่าไว้แทน
“ให้อั๊วคุยกับน้องเอง”
“อาเจี้ยน! มาเอาคริสออกไป!” เหอจื่อผู้เป็นป้าหันไปสั่งกับสามีที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายร่างสูงท้วมเดินอาดเข้าไปหาคริสอย่างไม่เกรงกลัวก่อนจะล๊อคข้อมือแล้วกระชากอย่างแรงจนคนตัวสูงแทบจะทรงตัวไม่อยู่แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังยื้อร่างกายเอาไว้
“ถ้าแตะต้องอาหมวยพวกลื๊อจะไม่ได้เจอหน้าอั๊วอีกแน่!!” คริสประกาศกร้าวเสียงแข็ง เขารู้ว่าตัวเองสำคัญขนาดใหนในฐานะลูกชายคนเดียวของทั้งตระกูลที่มีแต่ลูกผู้หญิง ถ้าไม่มีคริสธุรกิจของตระกูลอู๋ก็จะแตกแพรไปทางเขยตกไปเป็นของคนอื่นหมด เรียกได้ว่าเป็นทายาทคนสำคัญเลยทีเดียว
“ลื๊อกล้าเอาครอบครัวไปเดิมพันกับอีหมวยนี่หรอห้ะ!! อาคริส ลื๊อคิดให้ดีว่าใครสำคัญที่สุด! มันเอาเพื่อนมาทำร้ายแม่ลื๊อ แล้วดูมันแต่งงานได้ไม่กี่วันตระกูลก็ยุ่งวุ่นวายไปหมด อีนี่มันตัวเสนียดจัญไรชัดๆ!!” เสียงแหลมของหญิงชรากล่าวลั่น
อี้ชิงยืนนิ่งไม่เคลื่อไหวหรือแม้แต่จะพูดตอบโต้ เขาได้แต่มองนาฬิกาคอยเวลาและภาวนาว่าแบคฮยอนกับจงอินจะมาถึงในไม่ช้า
“ถ้าอาหมวยอีเป็นตัวเสนียดจัญไรงั้นอั๊วจะพาอีไปอยู่ไกลๆอาม่า ไปให้ไกลจากตระกูลอู๋แล้วอาม่าก็เลิกยุ่งวุ่นวายกับครอบครัวอั๋วสักที!” เสียงคริสฟังดูแข็งกร้าวจนน่ากลัว อี้ชิงรู้สึกอึ้งนิดหน่อยเขาเห็นคริสสบัดแขนให้หลุดออกจากการเกาะกุมของผู้ชายตัวอ้วนก่อนจะเดินไปยืนค้ำหัวอาม่าอย่างไม่กลัวเกรง
“อั๊วจะไปบอกอาหลางว่าลื๊อมันจองหองทรพี!! แต่วันนี้อั๊วจะเอาเลือดอีหมวยนั่นก่อน!” เหอจื่อตวาดลั่น เธอเองก็เลือดร้อนไม่แพ้กันกับน้องสาว หญิงสาววัยกลางคนอย่างสามขุมเข้าไปหาสะใภ้ที่ยืนหลบอยู่หลังหลานชายโดยที่สามีของเธอและคนขับรถเดินเข้าไปล๊อคชายหนุ่มเอาไว้อย่างรู้หน้าที่
“ถ้าคิดจะทำอั๋วไปจริงๆแน่!!!” คริสกำลังโกรธจนเลือดขึ้นหน้า เขาโดนล๊อกแขนทั้งสองข้างไว้โดยชายสองคนที่มาด้วยกัน ตอนนี้คริสคิดอะไรไม่ออก เขาไม่สนใจอะรทั้งนั้นจะย่าจะแม่หรือว่าใคร สิ่งเดียวที่ดังก้องอยู่ในหัวใจของเขาคือถ้าใครคิดจะทำร้ายอี้ชิงแม้แต่ปลายนิ้วเขาจะยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อปกป้องภรรยาต่อให้ไม่เหลืออะไรเลย
คริสรู้สึกเหมือนคำตอบที่มีอยู่ในใจตั้งแต่แรกเด่นชัดขึ้นเมื่อถึงสถานการณ์นั้น เหอจื่อขว้างกระเป๋าแบรนด์เนมใบหนาใส่หน้าอี้ชิงแต่คนตัวเล็กไม่หลบและมันทำให้เขาเดือดมากขึ้นไป เหอจื่อเดินไปชี้หน้าด่าอี้ชิงใช้นิ้วยันหน้าผากก่อนจะฟาดมือเข้าที่บ้องหูเต็มแรงโดยที่คนตัวเล็กไม่ตอบโต้เลยนอกจากปล่อยน้ำตาให้ไหลเงียบๆ
“ถ้ายังไม่หยุดเรื่องที่ป้ามีชู้ผมจะบอกเจี้ยนคังให้หมดเลย!!” คริสตะคอกออกไปเป็นภาษเกาหลีที่เจี้ยนคังฟังไม่ออก เขาตัดสินใจยกเอาความลับของเหอจื่อที่รู้มานานขึ้นมาเป็นข้อต่อลองเพื่อให้อีกฝ่ายหยุดทำร้ายภรรยาของเขาและมันก็ได้ผลเมื่อเธอหยุดชงักฝ่ามือแล้วหันมามองหน้าเขาแทนก่อนจะพูดตอบกลับด้วยภาษาเกาหลีเพื่อไม่ให้สามีของเธอเข้าใจ
“เดี๋ยวนี้กล้าขู่ฉันอย่างนั้นหรอ โอหังเหลือเกินนะ!” เธอกัดฟันกร่อดอย่างเครียดแค้น
“ผมทำจริงๆแน่” ปกติคริสไม่ใช่คนเสียมารยาทที่จะเอาความลับของใครต่อใครมาเล่า แต่คราวนี้มันสุดจะทนแล้ว
“หึ! วันนี้กลับก่อน เดี๋ยวให้อาหลางอีมาจัดการเอง อั๊วอยากจะรู้ว่าคนไม่มีน้ำยาอย่างลื๊อจะปกป้องอีนี่ได้นานแค่ไหน” เหอจื่อสบัดหน้าหนีไปพูดกับเหล่าญาติที่มาด้วยกันให้ลามือไปก่อน ยังไงซะถึงวันนี้เธอไม่ทำ หลางอี้น้องสาวของเธอก็คงไม่เอาไว้แน่ จะช้าหรือเร็วสะใภ้อี้ก็เจ็บเหมือนกัน
ชายสองคนปล่อยตัวคริสที่ล๊อคไว้ออกตามคำสั่งของซ้อใหญ่ก่อนจะเดินกลับไปรวมกลุ่มกับอาม่า คริสรีบพุ่งตัวเข้าไปกอดอี้ชิงเอาไว้ทันทีด้วยความเป็นห่วง คนตัวเล็กซบหน้าลงกับต้นคอเขาก่อนจะปล่อยเสียงร้องไห้กระซิกออกมาเบาๆ โดยที่สองแขนยกกอดรอบเอวและกำมือขยุ้มเสื้อแน่นด้วยความทรมานใจ
“ไม่เป็นไรแล้วนะ” คริสเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน ภาพของเหอจื่อที่ซัดมือเข้าที่กกหูและใบหน้าของอี้ชิงยังฉายซ้ำอยู่ในสมองเป็นสิ่งที่ทำร้ายจิตใจของคริสที่สุดในตอนนี้
“ฮึก....อี้เจ็บ....ฮรื่อ...” อี้ชิงไม่กล้าร้องไห้เสียงดัง ถึงท่าทีของเขาจะนิ่งแต่ในใจกับสั่นไหวและกลัวไปหมด หูข้างที่โดนตบอื้ออึงและเจ็บจี้ดในรูหูแต่ความเจ็บปวดที่ร่างกายไม่อาจสู้ความกลัวที่จิตใจ สับสน ดีใจ ปวดใจ ทรมาน เสียหน้า ความรู้สึกมากมายที่เกิดขึ้นพร้อมๆกันเมื่อรู้ว่าคริสเลือกที่จะอยู่ข้างเขาถึงตลอดเวลาที่ผ่านมาคริสจะลังเลและไม่หนักแน่นแต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันชัดเจนทุกอย่างแล้ว ถึงคริสจะไม่เด็ดขาดแต่ความรักของคนตัวสูงนั้นมั่นคงเกินกว่าที่เขาจะทำลายได้..
“โอ๋...อย่าร้องนะคนดี... ไปหาม๊ากันเถอะ...” คริสรู้ว่าตอนนี้ภรรยาของเขากำลังเจ็บและกลัว คนเดียวที่จะปลอบใจได้ก็คงไม่พ้นครอบครัวหรือพ่อแม่เพราะคริสยังเป็นแค่คนนอกและไม่เข้าถึงขนาดจะปลอบใจอี้ชิง
“เหอะ สมเพชลูกตาอั๊วจริงๆ ไปอาเหมย พาอาม่ากลับ” เหอจื่อเบ้ปากพูดจาแดกดันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหันหลังเดินออกจากบ้านหลังเล็กนี้พร้อมกับญาติที่มาด้วยกัน
คริสถอนหายใจโล่งกอดอี้ชิงเอาไว้ให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แค่นี้ทุกอย่างก็พังพินาศพอแล้วเขาไม่อยากให้หัวใจอี้ชิงแตกสลายไปมากกว่านี้ คริสควรจะยอมรับตัวเองได้หรือยัง ต้องรออีกนานแค่ไหนถึงเลิกหลอกตัวเองและเป็นผู้ใหญ่เสียที
“จะรอเพื่อนมารับหรือจะให้เฮียไปส่ง” ถ้ายิ่งยื้อเอาไว้ก็จะมีแต่อี้ชิงที่เจ็บปวดและเขาเองก็ไม่มีความสุข คริสอยากจะทำตัวเองให้ดีก่อนแล้วค่อยเริ่มต้นใหม่ เขาอยากให้อี้ชิงรอเขา รอวันที่คริสจะเข้มแข็งเป็นผู้นำ กลับไปดูธุรกิจที่บ้านถือครองตำแหน่งประธานและเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตระกูลอู๋ ถึงเวลานั้นก็จะไม่มีใครล้มเขาลงเพราะทุกสิ่งที่ตระกูลสร้างมาและอยู่ในมือของเขาจะพังพินาศทันที
“อึก...รอเพื่อนมารับ...” อี้ชิงยังสะอึกสะอื้นไม่หยุด เขารู้สึกอ่อนแอจนทุเรศตัวเอง คริสผละตัวออกก่อนจะดึงเขาให้เดินไปนั่งที่โซฟาแล้วดึงเข้าไปกอดไว้แน่น
“ถ้าอี้จะไปเฮียไม่ยื้อก็ได้ แต่อย่าหย่าได้ไหม...รอเฮียไปจัดการครอบครัวแล้วเราค่อยมาเริ่มต้นใหม่ได้ไหม” คริสยกมือขึ้นลูบศรีษะทุยอย่างปลอบโยน รู้ว่ามันเป็นพันธะสำหรับอี้ชิงแต่คริสจะไม่ยอมแต่งงานกับใครเด็ดขาดในเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาจะทุ่มเททำงานจนกว่าจะได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้วเริ่มต้นใช้ชีวิตเป็นของตัวเอง
“ทำไมฮียไม่รักอี้....ฮรื่อ....” อี้ชิงรู้สึกว่าวันนี้เขางอแงเหลือเกิน ทั้งๆที่เมื่อคืนก็เหวี่ยงวีนเป็นบ้าเป็นหลัง เกลียดคริสจะเป็นจะตาย แต่ตอนเช้าก็มาเป็นอีกอย่างแถมยังอ่อนไหวไปหมดกับทุกสิ่งรอบตัว
“ไม่ เฮียไม่เคยไม่รักอี้ อย่าพูดแบบนั้น” คริสกดจูบลงบนเรือนผมนุ่ม ปกติแค่อี้ชิงเปรยขอเขาก็พร้อมจะหาทุกอย่างมาประเคนให้ แล้วยิ่งคนตัวเล็กมาพูดแบบนี้หัวใจของเขาก็ยิ่งจมดิ่งลงไปใหญ่จนยากจะถอนใจ
“ฮึก...”
“อี้ชิง! อี้ชิงอยู่ไหนลูก!” เสียงหลินอิงดังแว่วๆเข้ามาในหู อี้ชิงเงยหน้าขึ้นจากบ่าสามีมองออกไปหน้าบ้านที่ประตูเปิดค้างไว้ เขาเห็นแม่และพ่อวิ่งกระหืดกระหอบมาจากรถสีขาวที่จอดอยู่ไม่ไกล คงเป็นเพราะเขามัวแต่เสียใจเลยไม่ทันสังเกตเสียงรถ
“หม่าม๊า!!” อี้ชิงลุกยืนขึ้นด้วยความรวดเร็วแต่อยู่ๆก็ล้มวูบไปทรุดลงที่โซฟา อาจจะเป็นเพราะความดันที่ไม่คงที่ทำให้เขาหน้ามึดชั่วขณะ เสียงแม่เรียกชื่อเขาดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนกระทั่งสัมผัสได้ถึงแรงกอดรัดจากด้านหน้าแม้ตายังพร่าเบลอ
“โถ่...อาหมวยของหม่าม๊า อึก...ทำไมลื๊อไม่บอกม๊าตั้งแต่ทีแรก ฮึก...ทำไมปล่อยให้เขาแกล้ง” หลินอิงสะอึกน้ำตาไปหมด กอดลูกชายสุดรักสุดหวงไว้แน่นหลังจากที่เพื่อนอี้ชิงขับรถไปหาเธอตอนเช้าพร้อมกับเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังหลินอิงก็แทบจะเป็นลม เธอร้องไห้มาตลอดทางตั้งแต่ตอนนั่งรถ หยวนเจิงเองก็ตาแดงกล่ำแม้จะไม่มีน้ำตาไหล เลี้ยงลูกมา19ปีไม่เคยทุบตีขนาดนี้แล้วอยู่ๆจะปล่อยให้ใครมาทำร้ายได้อย่างไร
“ฮรื่อ...หม่าม๊า...” อี้ชิงปล่อยน้ำตาให้ไหลหนักมากขึ้นไปอีก เขากำลังเครียด คิดมาก วิตกกังวล และกลัวอย่างสุดใจ ไม่ใช่แค่กลัวโดนทำร้ายแต่กลัวว่าสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งชีวิตในร่างกายเขาจะได้รับอันตราย
“กลับบ้านกันเถอะ ไม่ต้องอยู่แล้ว...ฮึก...ไปอยู่บ้านกับม๊า”
“ม๊า...อั๊วขอโทษ....” คริสได้แต่ก้มหน้ารับผิดอย่างไม่คิดแก้ตัว ถ้าหลินอิงจะด่าจะตบตีเขายังไงก็จะยอมให้ทำให้สาสมกับที่อี้ชิงโดนแม่ของเขาย่ำยี
“ไม่เป็นไร วันนี้ม๊าจะพาน้องกลับบ้านก่อนไว้คุยกันทีหลังนะ ให้ลื้อไปจัดการเรื่องให้ดีก่อนแล้วถ้าอยากจะหย่าก็ไปบอกม๊า” หลินอิงพูดออกมาทั้งๆที่ยังซบหน้ากอดลูกชายเอาไว้ ตอนนี้คริสจะเอายังไงก็ยอมทุกอย่าง แต่สิ่งเดียวที่เธอยอมไม่ได้คือการรับรู้ว่าลูกชายถูกทำร้ายร่างกายโดยพวกโรคจิต
“อึก...อั๊วไม่อยากหย่ากับเฮีย...ฮรื่อ...” ไม่ใช่เสียงของคริส แต่เป็นอี้ชิงที่พูดออกมาทั้งๆที่ยังร้องไห้ไม่หยุด จิตใจของเขาแปรปรวนจนรองรับความรู้สึกตัวเองไม่ไหวเลยกลายเป็นคนเอาแต่ใจที่อยากจะให้นู่นนี่เป็นไปดั่งใจเสียทุกอย่าง
คริสยิ้มออกมาก่อนจะดึงเอาภรรยาที่ผินหน้าจากการซบอกแม่มาหาเขาเข้ามากอด มันเป็นสัญญาณดีว่าคริสมีสิทธิ์ที่จะแก้ตัวใช่หรือป่าว
“ขอบคุณนะอาหมวย....”
“ฮึก...ไม่...ถ้าเฮียรักอี้เฮียต้อง...ฮึก...ต้องไปอยู่กับอี้...แต่ถ้า..อึก..จะทิ้งอี้กับลูกไปอยู่บ้าน...ฮรื่อ...เราก็หย่ากัน...” อี้ชิงพยายามกลั้นสะอื้นเพื่อที่จะให้ตัวเองพูดออกมาได้รู้เรื่องที่สุด ทั้งๆที่เป็นเรื่องสำคัญมากแต่เขาก็ยังพูดขาดๆหายๆจนแทบฟังไม่ออก
“ม...หมายความว่าไงหมวย...”
“ฮึก...อี้ท้อง...ฮรื่อ...อี้กลัวจะแท้ง...ฮรื่อ...อี้ไม่อยากให้เฮียไป...” อี้ชิงสอื้นฮักจนตัวโยน เมื่อคืนเขาถูกถีบหัวไปหลายทีก็จริงแต่มีหลายครั้งที่เท้าหลางอี้ถีบเลยไหล่ไปกระแทกท้องของเขาจนจุกไปหมด อี้ชิงกลัวว่าลูกจะไม่รอด คริสเป็นพ่อของลูกเขาถ้าจะมาจดทะเบียนรั้งไว้แล้วตัวเองไปไหนต่อไหนอี้ชิงก็ไม่ต้องการแบบนั้นเช่นกัน จะทิ้งก็ทิ้งไปเลย แต่ถ้าจะอยู่ก็ตัดตัวเองออกมาซะ
“พูดจริงหรือป่าว....อี้ท้องกี่เดือน...” คริสทำหน้าเหวอด้วยความตกใจ ทำไมอี้ชิงไม่เคยบอกเขาเรื่องนี้ แล้วปล่อยให้แม่เขาใช้งานหนักทำร้ายจิตใจมาตั้งนาน เขารู้สึกดีใจมากและกังวลใจไปพร้อมๆกัน มันสับสนอึ้งและเจ็บปวดไปหมด
“ส...สองเดือน อี้ว่าจะบอกเฮียแต่ไม่กล้า...ฮึก...” อี้ชิงสารภาพไปตามจริง เขากลัวว่าถ้าหลางอี้รู้เรื่องนี้เธอจะทำร้ายเขาจนแท้งลูก กลัวว่าถ้าต้องหย่ามันจะทำให้เขาลำบากใจ
“ทำไมไม่บอกเฮีย” คริสรู้สึกปวดร้าวไปทั้งอก ที่ไม่ใช่แค่ปล่อยให้ภรรยาโดนทำร้ายแต่ลูกของเขาในท้องก็ยังโดนทำร้ายไปอีกด้วย คริสกำลังจะเป็นพ่อคนจริงๆหรอ...ทำไม่มันอึดอัดตันแน่นไปทั้งอกแบบนี้
“ถ้าจะไปอี้ก็ไม่ว่า...ฮรึก...แต่อย่าให้แม่เฮียยุ่งกับครอบครัวอี้...ฮรื่อ...”
“ไม่ เฮียไม่ไปไหนทั้งนั้น ไปอยู่ด้วยกันเถอะนะ อี้จะอยู่กับเฮียใช่ไหม” คริสไม่จำเป็นต้องคิดอะไรอีกแล้ว แค่จะทิ้งเมียก็ยังคิดหนักแล้วยิ่งมีลูกพ่วงมาด้วยแบบนี้ก็ไม่จำเป็นต้องชั่งน้ำหนักเหตุผลเลย แน่นอนว่าคริสทิ้งทุกอย่างเพื่อเลือกลูกแน่อยู่แล้ว เขาฝันอยากจะมีครอบครัวมาตั้งแต่วัยรุ่น ในเมื่อตอนนี้มันเกิดขึ้นจริงแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบคุณหนู
ยอมทิ้งมรดกหมื่นหล้านทิ้งตระกูลอันศักดิ์เพราะสิ่งมีชีวิตน้อยๆในท้องภรรยาที่เกิดจากน้ำพันธุ์ของเขา...
“อี้ชิง....ลื๊อมีตี๋น้อยจริงๆหรอ...” หยวนเจิงเองก็อึ้งไม่แพ้กันที่รู้ว่าลูกชายตัวเองตั้งท้อง
“เขาคุยอะไรกันวะไค” แบคฮยอนที่เดินตามเข้ามาด้วยหันไปสกิดลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้กัน เพราะทั้งอี้ชิง อาหลิน ลุงหยวนและอี้ฟานก็คุยภาษาจีนกันหมดจนเขาที่เป็นคนเกาหลีแท้ฟังไม่ออกเลย
“ไม่รู้ว่ะพี่” จงอินเองก็ฟังไม่ออกเช่นเดียวกัน เขาได้แต่ยืนมองอี้ชิงสะอึกสะอื้นร้องไห้ภายใต้อ้อมกอดของคริส แล้วดูเหมือนจะเป็นเรื่องซีเรียสเสียด้วย
“อี้ชิงท้องกับคริส” หลินอิงหันไปตอบแบคฮยอนเป็นภาษาเกาหลีเมื่อเธอได้ยินบทสนทนาพร้อมกับรอยยิ้ม
แบคฮยอนอ้าปากค้างทำหน้าโอเวอร์หันไปมองหน้าลูกน้องคนสนิทก่อนจะใช้แขนเกี่ยวคอจงอินให้ออกไปข้างนอกด้วยกัน ถึงเขาจะฟังภาษาจีนไม่ออกแต่การมายืนฟังเขาคุยเรื่องในครอบครัวกันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ
“เฮียขอโทษที่ดูแลอี้ไม่ดี ไปเริ่มต้นกันใหม่นะ คราวนี้เฮียสัญญาด้วยชีวิตเลย...” คริสใช้มือเชยคางมนให้ขึ้นมารับจูบเบาๆจากเขาก่อนจะไล่จูบซับน้ำตาไปทั่วใบหน้าสวย
“ฮึก...อื้อ....เฮียไปขายบะหมี่กับอี้นะ....ไปอยู่กับลูก....”
6เดือนต่อมา
ในเช้าที่แสนวุ่นวายคริสยังมัวแต่สาระวนอยู่กับการทำบัญชีร้านบะหมี่ วันนี้ตอนเก้าโมงเขาต้องพาอี้ชิงไปโรงพยาบาลเพราะหมอนัดผ่าคลอดวันนี้แล้วก็จะเฝ้าทั้งวันจนกว่าอี้ชิงฟื้น แล้วเขาก็จะขอหมอถ่ายวิดีโอด้วยถึงจะผ่าคลอดก็ตาม
หกเดือนแล้วที่คริสหนีออกมาจากบ้านโดยมีของติดตัวมาแค่รถหรูคันเดียวและเงินสดก้อนสุดท้ายในชีวิตที่จะได้จากตระกูลอู๋ เขาขายแลมโบกินี่ได้24ล้าน ซื้อบ้านให้อี้ชิงกับตัวเขาและพ่อแม่หมดไปเจ็ดล้าน รถอีกสองล้าน เหลือสิบห้าล้าน และเขามีเงินสดติดตัวห้าล้านทั้งหมดรวมเป็นยี่สิบ ลงทุนเปิดธุรกิจให้พ่อแม่อี้ชิงด้วยเงินที่เหลือ เปลี่ยนร้านบะหมี่ข้างทางเป็นร้านอาหารจีนที่ขึ้นห้างและขยายสาขาไปแล้วถึงสามที่
ถึงคริสจะทำอะไรด้วยตัวเองไม่ค่อยเป็นในเรื่องทั่วไปแต่เรื่องบริหารธุรกิจงานจับปากกาแค่นี้มันไม่คนามือเขาเลยสักนิด ก็ถูกวางตัวไว้ขนาดให้บริหารบริษัทพันล้านต่อตั้งแต่เด็ก ทั้งประสบการณ์ที่เตี่ยสอนโดยตรงและได้สัมผัสมาเองงานแค่ร้านอาหารเล็กๆแค่นี้ถือว่าสบามากสำหรับเขา
คริสไม่ได้กลับไปบ้านอีกเลยตั้งแต่หนีมา เขาเคยได้ข่าวว่าแม่ให้คนตามหาตัวเขาอยู่พักนึงแต่ก็เงียบไป คริสไม่ต้องการกลับไปที่นั่นอีกเขายอมเป็นลูกทรพีเพื่อชีวิตที่ปลอดภัยของลูกและครอบครัว เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ที่บ้านเป็นยังไงบ้าง ไม่รู้ว่าใครยังหวังจะได้เจอตัวเขาอยู่หรือป่าวหรือใครจะมาบริหารธุรกิจแทน อี้ชิงบอกว่าเขาใจร้ายที่ไม่กลับไปเยี่ยมบ้านมั่งเลยแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอยากกลับเลยสักนิด
“เฮีย~ จะไปโรง’บาลหรือยัง” เสียงเล็กที่ดังมาจากหน้าประตูทำให้คริสละใบหน้าออกจากกองงาน เขาส่งยิ้มให้กับภรรยาในชุดคลุมท้องสีฟ้าที่ยืนทำน่ารักอยู่ที่ประตู
“เสร็จแล้ว” คริสปิดโน๊ตบุ้คและเก็บกระดาษทั้งหมดบนโต๊ะลงซองก่อนจะยัดมันลงไว้ในลิ้นชัก หยิบเอากุญแจรถกับกระเป๋าสตางต์ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินไปจุ้บปากภรรยาที่ยืนรออยู่ที่หน้าห้อง
“ตึงท้องอ่ะ อยากไปไวๆ” อี้ชิงเบะปากเหมือนเด็กๆก่อนจะหันหลังเดินนำหน้าไปปล่อยให้คริสถือกระเป๋าเอกสารต่างๆนาๆตามไปเหมือนกับคนใช้
“ถ้าคลอดวันนี้ก็ดีเลยสิ วันนี้วันที่11เดือน12ปี2013 เป็นวันดีมากเลย”
“อื้อ~ อี้จะรอคลอดตอนบ่ายสองสิบห้าจะได้เป็น14นาฬิกา15นาทีพอดี” อี้ชิงหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ เมื่อคืนเขาปวดท้องมากปวดหน่วงไปหมด แล้วตอนเช้าท้องก็เคลื่อนลงต่ำ ยังไงวันนี้อี้ชิงจะต้องคลอดลูกให้ได้
“ผ่าคลอดก็กำหนดเวลาได้เลยสิ ฮ่ะๆ อู๋น้อยของเฮียต้องเป็นของขวัญวันมงคลแน่ๆ” คริสยิ้มกว้างจนปากฉีกในขณะที่เดินประคองภรรยาให้ลงบันไดไปชั้นล่าง วันนี้หมอมีนัดผ่าคลอดตอนบ่ายโมงครึ่ง ถ้าโชคดีลูกเขาอาจจะออกตามเวลาที่คุณแม่ต้องการพอดี
“อื้อ~ อี้อยากเห็นหน้าลูกจะแย่แล้ว~”
“ต้องหล่อเหมือนพ่อแหง”
“เหมือนแม่มากกว่า”
อี้ชิงและคริสเดินเถียงกันไปตลอดทางเรื่องนั้นนี้สารพัดจนเดินไปถึงลงทั้งคู่ก็เงียบลง ส่วนคริสก็ทำหน้าที่เป็สารถีไปเหมือนทุกที....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
วันที่ 11:12:13 เวลา 14:15 นาฬิกา
พยาบาลสาวตวัดปลายปากกาจดบันทึกลงเอกสาร ทร.1 ก่อนจะยืนให้คุณพ่อที่ยืนถือกล้องวิดีโออยู่ห่างๆดูวันที่และเวลามงคล เสียงเด็กร้องไห้จ้าดังไปทั่วห้องเมื่อคุณหมอจับเด็กผู้ชายตัวเล็กห้อยหัวก่อนจะเดินนำไปวางลงบนเตียงพลาสติกใกล้อ่างอาบน้ำเล็กแล้วปล่อยให้พยาบาลดูแลต่อ
คริสยิ้มออกมากว้างทีสุดในชีวิตเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆร้องจ้าไปทั่วห้อง หมอบอกให้เขาเอากล้องลงก่อนจะถอดผ้าปิดปากออก
“เด็กแข็งแรงมากเลยครับ” คุณหมอหนุ่มยิ้มให้เขาก่อนจะหยิบเอกสารจากพยาบาลมากรอกเพิ่มเติมแล้วชี้ไปที่ประตูเป็นเชิงว่าให้เขาออกไปก่อน คริสส่งกล้องขอให้พยาบาลถ่ายต่อแล้วเดินออกไปรอหมอข้างนอกทันที
คริสมีความสุขกับชีวิตในปัจจุบันมากพอแล้วและก็มีความสุขกับลูกน้อยในอนาคตด้วย เขารู้ตัวดีว่าเขาเหมือนกับลูกทรพีที่ทิ้งครอบครัวทิ้งตระกูลที่ชุบเลี้ยงเขามาอย่างดิบดีแต่คริสเชื่อว่าสักวันนึงยังไงเขาก็ต้องเริ่มทุกอย่างด้วยตัวเอง เราทุกคนต้องออกจากรังไม่ว่าจะพร้อมหรือไม่....
ตอนนี้เขาอยากจะเห็นหน้าลูกไวๆอยากให้อี้ชิงตื่นมาดูลูกด้วยกัน อยากจะดูว่าจริงๆแล้ว อู๋ ซือซุนจะหน้าเหมือนพ่อหรือแม่มากกว่ากัน....
-END-
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น