“คริส นี่อี้ชิง เลขาคนใหม่ของพ่อเรียกน้าเลย์ก็ได้ อย่าทำตัวมีปัญหานะ เข้าใจหรือป่าว....”
“ครับ...”
ตอบไปแบบนั้นอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเปิดตู้เย็นหยิบเอากระป๋องเบียร์ ขวดนมและแซนวิสอีก2-3ชิ้นออกมาจากกล่องแล้วปิดประตูตู้ ‘คริส’ หันไปมองผู้มาใหม่ที่ถูกแนะนำและยืนอยู่ข้างผู้เป็นพ่อเพียงแว้บเดียวก่อนจะเดินผ่านไปอย่างไม่ได้ใส่ใจ
คริสไม่รู้ว่าพ่อคิดว่าเขาเป็นเด็กกี่ขวบถึงได้เอาเรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้มาโกหกกันหน้าด้านๆ เพราะตั้งแต่ที่แม่ตายเพราะเส้นเลือดในสมองแตกไปเมื่อ2เดือนก่อนพ่อก็ทำแต่งานแล้วก็บ่นไม่ว่างมาตลอด จนเมื่อคืนก็ลากเอาใครไม่รู้มานอนด้วยแล้วตอนเช้าก็มาบอกว่าเป็นเลขา...
คริสรู้สึกสงสัยว่าพ่อคิดว่าเขาโง่หรือแนะนำให้สุภาพพอเป็นพิธีแต่รู้กัน…
แต่ถึงอย่างนั้นคริสก็ไม่ได้อคติหรอก... เขาโตพอจะรู้จักแยกแยะเรื่องของผู้ใหญ่กับหน้าที่ของตัวเองออก เขาอายุ19แล้ว อีกอย่างพ่อกับแม่ของก็ถูกบังคับให้แต่งงานกัน แน่นอนว่าทั้งคู่ไม่ได้รักกันตั้งแต่แรกถ้าแม่ตายแล้วพ่อจะมีเมียใหม่คริสก็ไม่ได้รู้สึกขัดใจอะไร ถึงจะเคยได้ยินมาบ้างที่
เพื่อนพ่อเล่าให้ฟังว่าพ่อเขาเป็นพวกเสือไบหรือพวกไบเซ็กช่วลที่รักได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
เพื่อนพ่อเล่าให้ฟังว่าพ่อเขาเป็นพวกเสือไบหรือพวกไบเซ็กช่วลที่รักได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
แต่ถึงขนาดเอาเข้าบ้านนอนห้องอย่างนี้คริสเองก็รู้สึกแปลกๆ ถึงเขาจะยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกไม่ชอบเมียใหม่ของพ่อก็เถอะ
คริสพอจะรู้เรื่องนี้มาก่อนหน้าแล้วว่าพ่อมีมียซุกเอาไว้แต่ไม่รู้ว่าเป็นผู้ชาย พอเอามาเปิดตัวแบบนี้ก็เลยไม่แปลกใจเท่าไหร่ ถ้าบอกว่าเป็นเมียน้อยก็พอจะเข้าใจแต่ที่เอามาอ้างว่าเป็นเลขาแบบนี้คริสรู้สึกอยากจะขำให้ฟันหลุด...แต่ก็นะ อี้ชิงอาจจะเป็นเลขาที่พ่วงตำแหน่งเมียใหม่ก็ได้
“คริส จะไม่กินข้าวก่อนหรอ” ไม่ทันจะเดินพ้นบันไดขึ้นไปถึงห้อง เสียงหวานๆของเมียใหม่พ่อก็ตะโกนเรียกเขาเสียดังลั่น เป็นประโยคสนทนาแรกที่ฟังดูลื่นหูดี แต่คริสก็ไม่ชอบเท่าไหร่เวลาที่ใครมาทำให้รู้สึกเหมือนมีแม่ที่คอยห่วงใย เพราะแม้แต่แม่เขาที่ตายไปก็ยังไม่เคยถามไถ่ชีวิตเลย มันทำให้เขารู้สึกแปลกๆ
“ไม่ครับ กินไปเลย” คริสปฏิเสธพร้อมกับชูแซนวิสในมือให้ดูเป็นเชิงว่าเขาจะกินของพวกนี้แทนข้าวและไม่ได้รังเกียจที่จะร่วมโต๊ะกับญาติใหม่แต่อย่างใด รอยยิ้มหวานๆกับหน้าซื่อๆนี่มันดูน่ากลัวชมัด...
“แค่นั้นจะอิ่มหรอ?”
“ครับ เดี๋ยวตอนเที่ยงก็ลงไปกินอีก”
“งั้นน้าจะทำเผื่อไว้ให้นะ”
“ครับ”
ว่าแค่นั้นคนตัวสูงก็เดินหลบกลับเข้าไปในห้อง เอาจริงๆอี้ชิงก็ดีกว่าที่คิดไว้เยอะ....ต้องแน่อยู่แล้วหละมาอยู่บ้านเขาแถมเมียเก่าเพิ่งตายไปแบบนี้เป็นใครก็ต้องกลัวถูกเกลียดทั้งนั้น ที่ทำแบบนี้ก็คงเพราะหวังจะชนะใจคริสนั่นแหละ
แต่ทว่าถึงเขาจะดูเป็นเด็กที่เชื่อฟังขนาดไหนต่อหน้าพ่อพอเอาเข้าจริงๆคริสก็ยอมรับว่าตัวเองเป็นพวกเอาแต่ใจแล้วก็อารมณ์รุนแรงอยู่ไม่น้อย ที่ไม่ชอบเถียงก็เพราะไม่อยากมีปัญหาไม่ใช่ว่ายอมหรือเชื่อฟัง
คริสรู้ดีว่าเขามีนิสัยถอดแบบออกมาจากพ่อไม่มีผิด ถ้าได้เทลาะกันทีก็ยิ่งกว่าพายุซัดถล่มบ้านเสียอีก ต่างคนต่างเอาแต่ใจและอารมณ์ร้อนทั้งคู่เพราะอย่างนั้นก็ต่างคนต่างอยู่ไปดีกว่า พ่อเองก็คงไม่อยากจะยุ่งกับเขาและเขาก็ต้องอยู่ในส่วนของตัวเอง แล้วอี้ชิงก็ควรจะอยู่ในที่ๆควรอยู่เหมือนกัน....
คนในบ้านเขาอยู่กันระบบนี้ เพราะแบบนั้นพอแม่ตายเลยไม่มีใครเสียใจเท่าไหร่ก็ไม่มีใครผูกพันธ์กันมากไปกว่าพ่อแม่ลูกในนามและทางสายเลือด เผลอๆไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ วันนี้คงต้องปล่อยให้เป็นวันของพ่อไปก่อน ส่วนเขาก็จะเล่นเกมส์เล่นเน็ตเงียบๆอยู่บนห้องเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวน เดี๋ยวจะทำให้คนที่ชื่ออี้ชิงนั่นรู้สึกเกร็งเสียป่าวๆ....
“คุณ คริสจะไม่โกรธแน่หรอ” จาง อี้ชิงนำจานข้าวผัดที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆมาวางไว้ตรงหน้าอดีตเจ้านายที่ตอนนี้ได้เลื่อนขั้นเป็นสามีอย่างเปิดเผย เขารู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อยที่ได้เจอคริสและเข้ามาอยู่ในบ้านใหม่ทั้งๆที่ภรรยาเก่าของท่านประธานเพิ่งจะเสียได้ไม่นาน ถึงลูกท่านประธานจะพูดจาสุภาพต่อหน้าเขาแต่เด็กหนุ่มก็เงียบเกินไปจนอดคิดไม่ได้ว่าในใจคิดอะไรหรือป่าว
“คิดมากน่า คริสมันไม่ใช่พวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านหรอก คุณอย่าไปยุ่งกับมันก็พอ มานั่งนี่สิ” ชายหนุ่มว่าพร้อมกับใช้แขนรวบเอวภรรยาคนใหม่ให้ขึ้นมานั่งบนตัก ถึงเขาจะดูไม่เข้าหน้ากันเท่าไหร่แต่คริสก็เป็นลูกที่เจี้ยเหิงเลี้ยงมาเองกับมือ เขารู้ดีว่าลูกของเขาเป็นคนยังไง เพราะคริสเป็นเหมือนกับเจี้ยเหิงคนที่สองไม่มีผิด
“คุณกับลูกดูไม่ค่อยสนิทกันเลย” อี้ชิงคิดแบบนั้น เพราะที่เจอกันเมื่อกี้คริสดูจะไม่มีปฏิกริยาเลยจนกลายเป็นว่านิ่งเกินไป เหมือนกับไม่ใช่เรื่องของตัวเองก็เลยทำไม่รู้ไม่สน ทั้งๆที่พ่อเอาเมียใหม่เข้ามาในบ้านแท้ๆ
“มันก็เป็นแบบนั้นแหละ เราอยู่ในส่วนของเราก็พอ คริสมันดูแลตัวเองได้” เจี้ยเหิงโน้มหน้าลงไปขบเม้มใบหูเล็กอย่างหยอกล้อจนคนตัวเล็กย่นคอหนีเป็นพัลวัน เขาไม่อยากจะสนใจเรื่องของลูกชายอีกแล้ว ในเมื่อเมียใหม่ตรงหน้าเล่นสนุกและน่าสนใจกว่าลูกที่น่าเบื่อเป็นไหนๆ
“เป็นพ่อที่ใจร้ายจังเลยคุณเนี่ย” อี้ชิงเอนตัวหนีหันหน้าเข้าหาโต๊ะกินข้าวก่อนจะใช้ช้อนตักข้าวหันไปป้อนให้กับชายหนุ่มด้านหลังอย่างเอาใจ
“คิดว่ามีแค่เราสองคนก็พอแล้ว” ถึงไม่มีอี้ชิง เจี้ยเหิงก็รู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาค่อนข้างคาดหวังว่าจะให้คนตัวเล็กตรงหน้ามาอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่ใช่แค่อยู่ใกล้กันเฉยๆแต่สัมผัสได้ถึงความมีตัวตน ความเป็นคนรักและครอบครัว
“อื้อ แต่ว่าคริสเนี่ยหน้าถอดแบบคุณมาเลยนะ” ดวงตาเรียวรีเบิกกว้างพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ตอนที่เขาเห็นคริสในรูปถ่ายครั้งแรกก็คิดว่าเป็นเพราะกล้องหลอก แต่พอมาเจอตัวจริงๆก็ทำเอารู้สึกอึ้งเข้าไปอีกเพราะคริสหน้าตาเหมือนกับเจี้ยเหิงไม่มีผิด ทั้งตา รูปหน้าและริมฝีปาก แต่ต่างกันตรงที่ภาพลักษณ์ของคริสดูนิ่งแบบลึกลับน่าค้นหาดูมีเสน่ห์ดึงดูด ส่วนของเจี้ยเหิงเป็นนิ่งแบบเย็นชาและชวนให้หวาดกลัวมากกว่า
“ใช่ไหมหละ แต่ผมคิดว่าผมหล่อกว่านะ” เจี้ยเหิงยกร่างของภรรยาใหม่ให้หันหน้านั่งค่อมตักก่อนจะใช้ทั้งสองมือบีบคลึงสะโพกอีกฝ่ายทั้งยังโน้มหน้าลงไปจูบริมฝีปากหยอกล้อจนคนตัวเล็กครางอื้อบิดไปมาไม่หยุด
“อื้อ.... หลงตัวเองจัง คริสคงไม่เป็นแบบนี้ใช่ไหม อ้า...อย่าทำนะ” ใบหน้าหวานส่ายสบัดเมื่อรู้สึกได้ถึงมืออุ่นๆที่ล้วงเข้าไปบีบคลึงก้นในกางเกงนอนตัวบาง ถึงเจี้ยเหิงจะชอบเซ็กส์พิสดารและตื่นเต้นขนาดไหนแต่ที่นี่มันโจ่งแจ้งเกินไปแล้วอีกอย่างพวกเขาก็ไม่ได้อยู่กันสองคนด้วย
“เลิกสนใจมันได้แล้ว อื้อ...คุณหยุดผมไม่ได้หรอก....อ่า....แค่ร้องเบาๆก็พอ” ชายหนุ่มลากลิ้นร้อนไปทั่วใบหน้าหวาน เขารู้ดีว่าถ้าคริสขนของขึ้นไปกินบนห้องแล้วก็จะหมกตัวอยู่ในห้องไม่ลงมาเลยจนเที่ยง หรือถ้ามันคิดจะลงมาก็ตื่นเต้นดีไม่ใช่หรอ ถ้าเร่งๆทำให้เสร็จๆไวในที่ๆไม่ใช่ห้องส่วนตัวแบบนั้นคงได้อารมณ์ที่แตกต่างออกไปจากทำบนห้องนอน
“คุณเนี่ย....อ๊า....” ฝ่ามือร้อนที่ลากไล้ไปทั่วร่างกายทำเอา
จาง อี้ชิง อ่อนระทวยไปหมด ขนทั่วร่างกายลุกชันเพราะเรียวลิ้นอุ่นชื้นที่ลากไล้ไปทั่วต้นคอจนสยิวซ่าน
สุดท้ายเขาก็แพ้อารมณ์ตนเองแล้วปล่อยให้ชายหนุ่มทำอะไรตามชอบใจเหมือนอย่างเคย
ก็สมแล้วที่ใครเขาว่าร่านไปทั่วไป ก็จาง
อี้ชิงมันเป็นเสียแบบนี้ พอมีอารมณ์มีความต้องการไม่ว่ากับใครก็ระบายได้หมด
แล้วยิ่งถ้าเป็นคนที่สนใจเป็นพิเศษด้วยแล้วถ้าอยากได้ก็จะต้องเอาให้ได้ ไม่งั้นร่างกายมันจะพล่านอยู่ไม่สุขจนกว่าจะโดนสนองสมใจ
ถึงได้ฉายาว่า ‘Rabbitch’ กระต่ายร่านที่ใครๆเขาเรียกกันก็มามั่วได้ดีกับประธานบริษัทแบบไม่ทันตั้งตัวทั้งๆที่ไม่ได้ชอบพอด้วยซ้ำ
แต่ก็ถือว่าดีกว่าทำงานงกๆหรือหาคนระบายความใคร่ตามผับเป็นไหนๆ ทั้งไม่ต้องหลัวติดโรคแถมมีเงินใช้
อี้ชิงไม่อยากนึกถึงแฟนหรือใครที่เขารู้สึกชอบเพราะมันตั้งหลายปีมาแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกชอบใครหรือจริงจังขนาดอยากจะคบด้วย
ถึงได้ตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่บ้านตะกูลอู๋แล้วเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ
แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอคนที่น่าสนใจในที่แบบนี้.....
คริส...
“อ๊ะ....อ๊ะ...อึก....ฮ่ะ....คุณ...ซี๊ด....อี้ไม่ไหวแล้ว...อ่า...”
คริสยืนอยู่ที่ขั้นบันไดติดกับห้องครัว
ชายหนุ่มเบ้ปากด้วยสีหน้าซังกะตายเขากำลังจะเอานมที่กินไม่หมดไปเก็บในตู้
แต่พอมาได้ยินเสียงแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
ไม่คิดว่าพ่อจะกล้าทำขนาดนี้แถมเมียใหม่ท่าทางซื่อๆก็ดูจะเจนจัดไฟแรงไม่เบา
ให้มันได้อย่างนี้สิ...
แค่เขาโดนรบกวนตอนกลางคืนก็มากพอแล้ว
ต่อไปเสียงนี้คงดังไปทั่วบ้าน
คริสเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างใช้ความคิด
เขาไม่อยากยุ่งเรื่องนี้เท่าไหร่แต่เสียงหวีดร้องเหมือนจะขาดใจที่ดังเป็นช่วงกับเสียงซู๊ดปากครางกระเส่านี่มันดึงดูดเหลือเกิน
คริสเองก็ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดไม่เคยมีเซ็กส์แต่เขาไม่เคยได้ยินเสียงร้องที่ฟังดูสยิวมากขนาดนี้
คริสอยากจะรู้ว่าเมียใหม่ของพ่อจะทำหน้าแบบไหนตอนที่มีอะไรกัน
ท่าทางซื่อๆแบบนั้นจะซ่อนเล็บหรือป่าว
ชายหนุ่มค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปใกล้ช่องผนังที่ไม่มีประตูแต่เป็นทางเข้าห้องครัวโล่งๆ
เขาแนบใบหน้าลงกับผนังเย็นๆแล้วค่อยๆขยับเขยื้อนช้าๆจนมองเห็นใบหน้าของคนตัวเล็กที่ส่ายสบัดไปมา
คริสเขยิบตัวเข้าไปใกล้ๆเรื่อยๆจนมองเห็นครึ่งท่อนบน
ตอนนี้อี้ชิงนอนอยู่บนโต๊ะกินข้าวร่างกายขยับขึ้นลงตามแรงกระแทกกระทั้น
ใบหน้าสวยหวานส่ายสบัดไปมาฟันกระต่ายคู่หน้ากัดริมฝีปากสลับกับส่งสียงครางอย่างยั่วยวน
มือเล็กๆกำแน่นทั้งสองข้าง ใบหน้าพราวไปด้วยเม็ดเหงื่อ
โดยที่คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันท่าทางดูเหมือนคนจะขาดใจ
เขาได้ยินเสียงพ่อคำรามฮื่อในลำคอฟังดูหื่นจัดจนน่าขนลุก
ไม่นานอี้ชิงก็ถูกรวบตัวขึ้นก่อนที่จะหายไปจากสายตาแต่ยังคงได้ยินเสียง
คริสขมวดคิ้วอย่างขัดใจก่อนจะขยับเข้าไปใกล้อีก คราวนี้เขาเห็นแผ่นหลังของพ่อที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หันหลังให้ประตูโดยที่มีร่างกายของเมียใหม่ขย่มขโยกอยู่ด้านบน
เด็กหนุ่มหัวเราะหึในลำคออย่างชอบใจ
คราวนี้เขาเดินออกไปยืนดูเต็มตัวโดยที่ไม่ต้องกลัวพ่อจะเห็น
ที่จริงเขากะจะแกล้งให้คนตัวเล็กตกใจและดูว่าอี้ชิงจะทำยังไงถ้าเห็นเขามายืนดูแบบนี้
ด้วยความที่คนตัวเล็กหันหน้าออกมาทางประตูเพียงแว้บเดียวสายตาของเขาก็สบกัน
คริสกระตุกยิ้มร้ายที่มุมปากเมื่อสังเกตุว่าอี้ชิงมองเห็นเขาแล้ว
แต่ทว่าคนตัวเล็กก็ไม่มีท่าว่าว่าจะหยุดแถมใช้จังหวะที่พ่อของเขาก้มลงไปไซ้ซอกคอยกนิ้วขึ้นจรดริมฝีปากเป็นเชิงให้เงียบไว้ราวกับว่าเต็มใจจะให้ดูหนังสดตรงหน้ายังไงยังงั้น
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงว่าแน่ใจหรือที่จะให้เขาอยู่ตรงนี้
แต่ก็ได้รับมาเพียงรอยยิ้มสวยงามเท่านั้น
“อื้อ....สุดยอดเลย...แรงๆอีก...อื้อ...ซี๊ด...”
“อ๊ะ...อ๊า...คุณ...อี้จะ...อึก...อื๊อ....”
ส่งเสียงครางออกมาราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร
เสียงครางของพ่อเขาว่าไม่แปลก
แต่เสียงของอี้ชิงนี่สิทั้งๆที่รู้ว่าเขายืนอยู่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะอายเลย
เป็นคนที่ไฟแรงชมัด...
คริสกำลังรู้สึกว่าเขามีอารมณ์จนลูกชายที่มันอยู่ในกางเกงเริ่มแข็ง
เขายังมองดูอี้ชิงขยับขโยกบนร่างกายของพ่อเป็นจังหวะทั้งเสียงครางหวานหูนั่น ดูยั่วยวนไปหมดราวกับกำลังดึงเขาให้ดำดิ่งลงไปในห้วงอารมณ์
เป็นเสน่ห์เย้ายวนที่ให้ความรู้สึกลุ่มหลงอย่างบอกไม่ถูก
คริสสบัดหัวไล่ความคิดทุเรศออกจากสมองก่อนจะวางขวดนมเอาไว้หน้าประตูแล้วเดินหนีขึ้นบันไดไป
เมื่อกี้เขาเกือบจะคิดอะไรไม่ดีกับเมียพ่อเสียแล้ว แต่ก็อย่างว่าหละ
ถ้าทำขนาดนี้ดูเอาก็รู้ว่าเมียพ่อคิดยังไง จงใจจะยั่วเขาชัดๆคงจะเป็นพวกใคร่จัดมักมากน่าดู
น่ากลัวชะมัด.... คริสไม่อยากจะยุ่งด้วย...
เขาไม่ใช่พวกหื่นกามที่ใฝ่จะมีเซ็กแบบแปลกใหม่ประเภทความสัมพันธ์ลับๆ ถึงจะยอมรับว่าอี้ชิงทำให้เขามีอารมณ์มากก็ตาม
+
ฟุ่บ...
กระเป๋าเป้ถูกโยนลงบนที่นอนนุ่มก่อนที่เด็กหนุ่มจะกระโดดหงายหลังลงเตียงอย่างเบื่อหน่าย
วันนี้สอบวันสุดท้ายหลังจากที่อดทนมานาน ชีวิตปีหนึ่งที่แสนวุ่นวายจบลงเสียที ถึงคริสจะไม่ตั้งใจเรียนแต่การไปนั่งฟังนั่งจดเล็กเชอร์ก็ทำให้เขาเบื่อพอๆกับอ่านหนังสือสอบนั่นแหละ
เกรดจะเป็นยังไงผ่านไม่ผ่านคริสก็มีงานให้ทำอยู่ดี
เรื่องวุฒิการศึกษาแค่เอาเงินยัดสักก้อนก็ได้มา แล้วมันก็จะมีค่าแค่กระดาษใบเดียว...
กินเวลาเดือนกว่าแล้วที่ จาง อี้ชิง
มาอาศัยอยู่ในบ้าน ความสัมพันของพวกเขาราบลื่นดี
อี้ชิงเป็นคนเอาใจใส่จากที่ปกติคริสจะกินแค่ซีเรียลกับนมหรืออาหารขยะในตอนเช้าก็ได้กินกับข้าวดีๆทุกวัน
บางครั้งอี้ชิงทำเหมือนสนใจเขาแต่บางทีก็ทำเหมือนกับหยอกเล่นเฉยๆ
เหมือนตั้งใจยั่วแล้วทำเสแสร้งกลบเกลื่อนแน่นอนว่าคริสอ่านการกระทำทั้งหมดออก
แต่ก็ไม่อยากพูดให้มันเป็นเรื่องเป็นราว
เดี๋ยวนี้พ่อทำงานหนักขึ้นจากที่เมื่อก่อนติดเมียเดี๋ยวนี้ก็มีงานด่วนจนแทบจะกลับบ้านไม่ได้
พออยู่ด้วยกันสองคนแล้วมันรู้สึกแย่เป็นบ้า
คริสรู้สึกเหมือนตัวเองถูกดึงดูดอย่างแรงด้วยกลิ่นตัวเมียมันทำให้เขาใคร่กระสันราวกับกำลังติดสัตว์
“ห่าเอ้ย...”
เสียงทุ้มสบถออกมาเมื่อรู้สึกว่าท่อนกายของตัวเองร้อนรุ่มอยากจะปลดปล่อยอีกแล้ว
ทุกครั้งที่นึกถึงเมียพ่อทีไรก็เก็บมาช่วยตัวเองทุกที
คริสเลื่อนมือไปปลดตะขอกางเกงรูดซิปออกแล้วควักเอาส่วนกายที่ร้อนรุ่มออกมาชักรูดช้าๆ
จินตนาการไปต่างๆนาให้พอได้อารมณ์ แล้วก็เร่งจังหวะมือไปด้วย
คืนนี้เขากะว่าจะออกไปเที่ยวกางคืนแล้วลากสาวไปฟาดที่โรงแรมให้หายอยากชนิดคลานลงจากเตียงสักหน่อย
ช่วงสอบนี่ยุ่งยากเก็บกดชะมัด หลังจากนี้ก็ถึงเวลาปล่อยสัตว์เสียที
“อ่า....ซี๊ด....อื้อ....” ฝ่ามือหนาขยับรูดชักให้เร็วขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่าเลือดมันไหลไปคั่งที่ส่วนนั้นจนขยายใหญ่เต็มที่
ตอนอารมณ์หื่นๆแบบนี้เอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่แล้ว คริสเองมีความต้องการจัดไม่ต่างจากพ่อ
แต่ต่างกันแค่ที่ระบายของเขาจะเป็นแค่สาวๆขาจรยามค่ำคืนมากกว่าจะมีเป็นตัวเป็นตน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คริสกลับมาแล้วหรอ”
เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกที่หน้าห้องทำเอาชายหนุ่มที่กำลังดำดิ่งในห้วงอารมณ์สดุ้งสุดตัว
เขารีบถกชั้นในและกางเกงนักศึกษามาสวมให้เข้าที่
ปล่อยชายเสื้อให้มันคลุมเป้าที่โป่งนูนก่อนจะลุกขึ้นนั่งโดยที่ในใจยังสบถไม่หยุด
“ครับ กลับมาแล้ว”
“คริสจะกินข้าวหรือป่าว น้าทำกับข้าวไว้ให้”
“ไม่ครับ ไม่หิว”
ตอบส่งเดชไปอย่างนั้นเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้เลิกถามแล้วจากไปเสียที
เขาจะได้ทำกิจกามที่ที่ค้างเติ่งให้สานต่อ
“งั้นหรอ เปิดประตูให้หน่อยสิ” คริสเม้มริมฝีปากแน่น
ตอนนี้ถ้าเปิดประตูให้ต้นเหตุที่ทำให้เขามีอารมณ์เข้ามาในห้องก็ไม่ปลอดภัยแน่
คงต้องหาเรื่องเฉไฉตอบบังหน้าไปก่อน
“ตอนนี้ไม่ว่างครับ มีอะไรหรือป่าว”
“หือ? แค่แป้บเดียวนะ น้าเอาของมาให้”
คำขอร้องจากคนด้านนอกทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกลำบากใจ คริสตัดสินใจลุกออกไปเปิดประตูแต่ไม่ได้ให้อีกฝ่ายเข้ามาแค่เปิดแง้มๆไว้แล้วชโงกหน้าออกไปให้เห็นว่าเขาออกมาเปิด
“ขอเข้าไปหน่อยนะ”
ด้วยความเจ้าเล่ห์หรืออะไรก็ตาม คนตัวเล็กใช้แขนทั้งสองข้างผลักเจ้าของห้องให้ถอยห่างจากช่องประตูแล้วแทรกตัวบางๆของตัวเองเข้าในห้องได้จนสำเร็จเพียงชั่วพริบตา
คริสรู้สึกตกใจนิดหน่อย
เขารีบเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาพันเอวเพื่อปกปิดเป้ากางเกงที่ชายเสื้อปิดไม่มิดทำท่าเหมือนจะอาบน้ำก่อนจะเดินไปลื้อตู้เสื้อผ้ากลบเกลื่อน
“คริสจะอาบน้ำหรอ
น้าเอานี่มาให้พ่อเขาขียนจดหมายฝากให้คริสไปทำธุระแทนพรุ่งนี้ อ่ะนี้”
อี้ชิงเอากระดาษสีขาวยับๆที่มีเนื้อความวางไว้บนโต๊ะใกล้โคมไฟโดยใช้กระดาษทับไว้แล้วเดินไปนั่งบนเตียงราวกับเป็นเจ้าของห้องเสียเอง
“ครับ แค่นี้ใช่ไหม”
“อื้อ วันนี้สอบเป็นไงบ้าง ทำได้หรือป่าว” คนตัวเล็กเขยิบตัวขึ้นไปนอนพาดบนที่นอนหนานุ่มพร้อมกับหยิบเอาสมุดปกอ่อนที่วางอยู่บนกระเป๋าขึ้นมาเปิดดูอย่างถือวิสาสะ
คริสถอดกางเกงนักศึกษาออกภายใต้ผ้าขนหนูที่พันอยู่เพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุก่อนจะเดินไปที่เตียงแล้วหยิบเอากระดาษที่พ่อเขียนถึงขึ้นมาดู
ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรมากแค่ให้ฝากคนขับรถไปเอาของที่ๆทำการไปรษณีย์แทน ดูไม่ใช่ธุระอะไรของเขาด้วยซ้ำ
คริสวางกระดาษไว้ที่เดิมแล้วไล่สายตามองเรียวขาวขาวหยวกของเมียพ่อที่โผล่พ้นกางเกงลำลองขาสั้นออกมาพร้อมกับกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่
ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ปกติที่จะควบคุมตัวเองได้ ยิ่งคนที่เป็นต้นเหตุให้เขามีอารมณ์มาอยู่ในห้องแบบนี้ก็ยิ่งไม่ปกติไปกันใหญ่
“ก็ดีครับ มีอะไรอีกหรือป่าว”
คริสยังคงไม่ละสายตาไปจากเรียวขาสวย อาจจะเป็นเพราะสมุดที่บังหน้าอยู่ทำให้คนตัวเล็กไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องมอง
อี้ชิงงอเข่าทั้งสองข้างขึ้นอย่างผ่อนคลายและนั่นยิ่งทำให้กางเกงขาบานๆมันไหลเปิดขึ้นไปอีกจนแทบจะมองเห็นแก้มก้น
“ลายมือคริสแย่จังนะ จดอะไรอ่านไม่ออกเลย”
“แน่ใจหรอครับว่าอยากจะมาพูดเรื่องลายมือ” คนตัวสูงคลานขึ้นไปบนเตียงพร้อมกับจับข้อเท้าเล็กๆทั้งสองข้างกระชากเข้าหาตัวอย่างแรงจนสะโพกมนขึ้นมาเกยอยู่บนหน้าขา
ความอดทนของเขาหมดลงและเส้นอารมณ์แห่งความอดกลั้นใกล้จะขาดเต็มที ยั่วให้มันได้แบบนี้สิ....วันนี้คริสจะสนองให้ถึงใจเลย
“คริสทำอะไรหนะ”
อี้ชิงโยนสมุดไปข้างตัวพยายามใช้แขนดันตัวให้ลุกขึ้นนั่งเมื่ออยู่ๆก็โดนกระชากขาขึ้นไปอยู่ในท่าล่อแหลม
แต่ยังไม่ทันจะทรงตัวดีก็ถูกมือแกร่งผลักลงไปอีกจนหลังกระแทกที่นอน
“วันนี้มายั่วผิดเวลานะครับ ผมกำลังชักว่าว
คงไม่ปล่อยให้ไปไหนจนกว่าจะเสร็จ” ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นกระเส่า
เขาเลียริมฝีปากด้วยความหื่นกระหายเมื่อมองเห็นหัวไหล่เนียนที่โผล่ออกมานอกคอเสื้อย้วยๆกับสีหน้าไม่ค่อยพอใจแบบเสแสร้ง
สำหรับคนที่ถูกอารมณ์บังตาแบบนี้มันดูยั่วยวนชมัด...
“พอแล้ว น้าจะออกไปแล้ว” อี้ชิงแกล้งว่าเสียงฉุน
เขาตั้งท่าจะพลิกตัวหนีแต่โดนฝ่ามือของคนด้านบนกดไหล่เอาไว้ คริสโน้มกายลงมาใกล้ในขณะที่ใช้มือข้างเดียวปลดกระดุมเสื้อนักศึกษา
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอยากกระหายที่จ้องลึกเข้ามาในดวงตาทำเอาร่างกายของคนตัวเล็กร้อนรุ่มไปหมด
“ถ้าเล่นตัวผมจะไม่ทำครั้งที่สองอีกแล้วนะ” คริสกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าก่อนจะลุกขึ้นถอดเสื้อสีขาวออก
เผยให้เห็นแผ่นอกหนาแน่นและมัดกล้ามที่หน้าท้องดูสมส่วนน่าหลงไหลมากกว่าหุ่นเสี่ยของเจี้ยเหิงเป็นไหนๆ
อี้ชิงลากสายตาตั้งหัวไหล่ไปจนถึงจุดที่ไรขนสีดำอ่อนๆโผล่พ้นมาก่อนจะยันกายขึ้นนั่งยกสองมือเกาะเข้าที่ปมผ้าขนหนูแล้วกระตุกเบาๆ
“งั้นก็เสียโอกาสแย่สิ” อี้ชิงยิ้มออกมาน้อยๆจนเห็นฟันกระต่ายน่ารัก
กางเกงยางยืดตัวหลวมและชั้นในของเขาถูกลูกสามีรูดออกจากสะโพกอย่างง่ายดายก่อนที่อี้ชิงจะยกขาทั้งสองข้างขึ้นจนหัวเข่าชิดหน้าอกเพื่อที่จะได้ดึงกางเกงออกทางปลายเท้าได้
แต่ยิ่งยกสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งเผยให้เห็นช่องทางแฉะเยิ้มด้านหลังที่ดูยังไงก็รู้ว่าอี้ชิงมีอารมณ์มาก่อนแล้ว
“หึๆ” หัวเราะในลำคอเพียงเท่านั้นชายหนุ่มก็โน้มตัวประกบจูบดูดดื่มกับคนตรงหน้าด้วยความอยากกระหายเต็มที่
เล่นภาษากายโดยที่ปราศจากคำพูดใดๆต่อจากนี้
กลิ่นหอมยั่วยวนที่คริสพยายามหลบหนีมาตลอดตอนนี้มันติดอยู่แค่ปลายจมูก
เขากำลังรู้สึกว่าถูกดึงดูดลงไปในห้วงเสน่ห์หาไม่ต่างจากพ่อของเขาผ่านการจูบและการถูกสัมผัส
เรียวลิ้นและร่างกายเล็กๆที่พยายามบดเบียดโต้ตอบทำให้ยิ่งรู้สึกหึกเหิมเข้าไปอีก
สีหน้ายั่วเย้า
ท่าทางบิดกายอย่างเชิญชวนเหมือนกับอีตัวมืออาชีพไม่ได้ทำคริสรู้สึกรังเกียจแต่กลับเต็มใจเดินเข้าหามันทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นแค่อะไรที่ชั่วครั้งชั่วคราวและไม่ยั่งยืนแต่ก็ยินดี
เขากอดรัดร่างกายตรงหน้าพัวพันไม่ต่างจากงูเวลาผสมพันธ์
ไออุ่นจากร่างกายที่ถูกถ่ายทอดแปรเปลี่ยนเป็นความรุ่มร้อนจนแทบเผาไหม้
ไฟโลกีย์แผดเผาทั้งร่างกายและจิตใจให้ตกต่ำดำดิ่งลงสู่การเป็นทาสตัณหาอย่างสมบูรณ์
คริสรู้สึกต้องการมากขึ้น และอี้ชิงรู้สึกหลงไหลกับรสสัมผัสที่คิดว่าดีที่สุด ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีตอนนี้ไม่ได้อยู่ในหัวคนทั้งคู่
มีแค่ความอยากใคร่ที่กัดกินหัวใจเด็กหนุ่มให้มัวเมาและความกระสันที่ได้ลองของแปลกใหม่ของแรบบิทช์
ทำให้รู้สึกลุ่มหลงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
.
จังหวะกายโหมเข้าใส่กันครั้งแล้วครั้งเล่า
เสียงครางแหบพร่าดังสลับกับเสียงหวีดร้องแห่งอารมณ์กระสัน คริสไม่แปลกใจว่าทำไมพ่อของเขาถึงได้หลงไหล
จาง อี้ชิงมากขนาดนี้ เขากำลังเข้าใจทุกความรู้สึกเพียงแค่ได้สำผัสร่างกายของเมียพ่อ
และคริสเองก็รู้สึกไม่ต่างอะไรกับเจี้ยเหิงในตอนนี้...
“คริส...อื้อ...ซี๊ด...อ๊ะ...อ๊า...แรงอีก...อ๊ะ...อื๊อ...”
ทั้งน้ำเสียง สายตาและลีลาดูเป็นงานเป็นมืออาชีพไปหมด
จาง อี้ชิง บิดเร่าทรมานภายใต้ร่างกายใหญ่หนาของลูกสามี แกนกายที่โหมเข้ามาซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำเอาคนตัวเล็กกระสันใคร่จนตัวสั่นไปหมด
บทรักที่รุนแรงราวกับพายุสาดซัดทำให้ร่างกายของเขาร้อนรุ่มจนเผาใหม่ มือเล็กทั้งจิกทั้งข่วนอย่างลืมตัวเมื่ออารมณ์พุ่งขึ้นสูงริ่วจนเกือบจะแตะเพดานฝัน
มันร้อนแรงจนแทบจะหายใจไม่ทัน
คริสหายใจหนักหน่วงทั้งที่ยังโหมกายใส่ร่างข้างใต้ไม่หยุดในขณะที่อี้ชิงรู้สึกเติมเต็มและจุกแน่นจนหายใจไม่ออก
เพียงไม่นานหยาดน้ำแห่งความใคร่ก็ถูกปลดปล่อย ทั้งสองร่างกระตุกกายในเวลาไล่เลี่ยกันฉีดเอาหยาดน้ำพุ่งออกมาเปรอะร่างกายอีกฝ่ายก่อนจะเอนซบกันด้วยความเหนื่อยอ่อน
มันก็เป็นธรรมดาเมื่ออารมณ์ที่อดกลั้นมานานได้ถูกปลดปล่อยก็ย่อมรุนแรงเช่นนี้ไม่ต่างจากสัตว์ที่ถูกขังกรงจนเก็บกด
จาง อี้ชิงไล้ฝ่ามือไปตามแผ่นหลังเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่มอย่างหลงไหล
เขากำลังรู้สึกติดใจกับผู้ชายคนใหม่โดยที่ไม่สนว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นใคร แค่มีดุ้นและสนองอารมณ์ถึงใจก็พอ...ส่วนคริสเองอี้ชิงก็เชื่อว่าถ้าได้ลองเข้าแล้วครั้งนึงก็คงไปไหนไม่รอดไม่ต่างอะไรจากเจี้ยเหิงหรือผู้ชายคนอื่นๆ
ยิ่งเป็นวัยคะนองแบบนี้แล้วด้วย จางอี้ชิงขอเอาหัวเป็นประกันเลย
“จะอยู่กับผมหรือป่าว” คริสเงยหน้าขึ้นสบตาภรรยาของพ่อที่ตกเป็นของเขาอีกคน
แน่นอนว่าคริสฉลาดพอจะไม่ถามว่ารักผมหรือป่าวเหมือนพระเอกในหนัง
เขาไม่ได้โลกสวยขนาดจะเรียกร้องเอาความรักจากเซ็กส์ที่เกิดขึ้นมาเพียงเพราะความใคร่ แต่ไหนๆถ้าจะถอนตัวไม่ขึ้นก็ผูกโซ่ไว้ด้วยกันซะเลย
“อื้อ ก็ต้องอยู่อยู่แล้วสิ” ว่าพร้อมกับผงกหัวขึ้นไปจูบปลายคางและริมฝีปากสามีคนใหม่อย่างน่ารัก
อี้ชิงรู้สึกชอบคริสที่ไม่เรียกร้องอะไร ไม่ใช่ว่าเขาเลวขนาดจะหลอกฟันเด็กเพื่อสนองความร่านของตัวเอง
อี้ชิงแค่ไม่พร้อมจะรู้สึกรักใคร
ตอนนี้เขายอมรับว่าชอบคริสในแบบที่ไม่ได้รู้สึกมานาน แล้วจะพัฒนาระดับความสัมพันให้มากขึ้นในอนาคตก็ได้
แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้
“จะให้ผมเป็นชู้หรือไง”
“ฮ่ะๆ ไม่ใช่ซะหน่อย อย่าใจร้อนสิ”
คนมีอายุมากกว่าพอจะเข้าใจว่าเด็กหนุ่มคิดอะไร
คริสคงอยากจะรู้ว่าฐานะของตัวเองกับเจี้ยเหิงสำคัญต่างกันมากน้อยยังไง
คงจะพูดแซะเอาคำตอบจากเขาทางอ้อมนั่นแหละ แต่มันก็ป่าวประโยชน์เพราะตอนนี้อี้ชิงเองก็ยังไม่รู้คำตอบ
“ชอบผมมั่งหรือป่าวหรือแค่อยากลอง” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ให้คำตอบคราวนึ้คริสเลยเลือกที่จะถามแบบตรงๆแทน
เขาเห็นอี้ชิงทำหน้าแปลกใจก่อนจะยิ้มออกมา
“ชอบ... แต่ยังไม่มั่นใจ รอไปก่อน
เอาป้ายชู้ไปแขวนคอไว้ก่อน ไว้มั่นใจเมื่อไหร่จะเปลี่ยนสถานะให้...”
“ปากดี” คำตอบที่มั่นใจในตัวเองเกินไปเหมือนกับว่าเป็นคนกำหนดทุกอย่างทำให้คริสรู้สึกหมั่นไส้
เขาก้มลงจูบริมฝีปากอิ่มแล้วใช้ฟันกัดเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยวก่อนจะถอนจูบออกก้มลงไปซุกไซ้ซอกคอแทนจนอีกฝ่ายหัวเราะจักจี้
“ไม่อยากจะรอหรือไง”
“ป่าว ไม่สนต่างหาก แต่อย่าให้นานนัก”
ยังไงซะตอนนี้สิทธิ์ในร่างกายอี้ชิงของเขากับพ่อมันก็เท่าๆกัน มีสิทธิ์ได้สอดใส่
จูบ และสัมผัสเหมือนๆกัน
ตราบใดที่ยังไม่ถูกจับได้ไปเสียก่อนอี้ชิงก็ไม่จำเป็นต้องเลือกว่าใครสำคัญกว่าหรือชอบใครมากกว่าเพราะเขาไม่มีปัญหากับการใช้เมียร่วมกับพ่อ
ตอนนี้คริสหลงไหลอี้ชิงแค่เพียงร่างกายเท่านั้น
แต่ถ้าวันนึงรู้สึกรักด้วยจิตใจเมื่อไหร่เขาก็พร้อมจะปล่อยมือหรือคว้ามาไว้ในอ้อมกอดเช่นกัน
“ก็อย่ารีบใจร้อนไปก่อนสิ อย่าให้โดนจับได้ด้วย”
“แบ่งเวลาให้ดีแล้วกัน
ผมไม่ชอบทำโจ่งแจ้งแบบพ่อแต่อย่าให้ต้องลากเข้าห้อง ถึงเวลาก็มาให้ตรงเวลาด้วย”
“จ้ะๆ สั่งจัง ลุกก่อนสิ น้าจะลงไปทำกับข้าว”
“ผมยังไม่อยากกิน วันนี้พ่อจะกลับดึก
เอาไว้พ่อกลับมาค่อยลงไปทำ” คริสว่าอย่างเอาแต่ใจพร้อมกับเริ่มขยับกายอีกครั้ง
อี้ชิงขมวดคิ้วเบ้หน้าเมื่อรู้สึกเสียววูบที่ช่องทางด้านหลัง
ถ้าเจี้ยเหิงกลับมาแล้วกินต่อจากคริสไปจนถึงเช้าเขาจะเอาเวลาที่ไหนไปพักผ่อน
เป็นพ่อลูกที่ถอดแบบกันออกมาทั้งหน้าตาและนิสัยจริงๆ....
“ให้แค่ถึงหกโมงเย็น”
“สองทุ่ม”
“ไม่!” มือเล็กฟาดเข้าที่บ่ากว้างเต็มแรง
นิสัยเอาแต่ใจนี่ก็ที่หนึ่งทั้งพ่อทั้งลูก
คริสไม่ได้ว่าอะไรต่อแค่หัวเราะในลำคอก่อนจะเริ่มขยับกายปุ่กปั่นอารมณ์ที่ค้างเอาไว้
อี้ชิงทำได้แค่เพียงหลับตาซึมซับรสสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างไม่หยุดหย่อนจนกว่าจะถึงเวลาที่สมควร....
________________________________________________________________________________
นานเท่าไหร่แล้วที่ความสัมพันลับๆแบบนี้ถูกดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง...เกือบจะสองเดือนแล้วที่อี้ชิงแทบไม่ได้นอนพักผ่อน เพราะเขาต้องปรนนิบัติทั้งพ่อและลูกให้เท่าๆกันแม้บางครั้งจะแอบรู้สึกว่าคริสได้เปรียบมากกว่า แต่อี้ชิงก็เต็มใจให้อีกฝ่ายได้เสพสมร่างกายของเขาถึงมันจะทำให้ร่วงโรยโหยแรงไปบ้างก็ตาม
“อื้อ... คริสอย่า...อ้ะ...” ตอนนี้จางอี้ชิงกำลังเอนตัวหลบหนีริมฝีปากและมือปลาหมึกของคริสเป็นพัลวัน เขาถูกจับให้นั่งค่อมตักคนตัวสูงอยู่บนโซฟากลางห้องโถงแถมยังถูกกอดจูบนัวเนียทั้งล้วงควักอย่างไม่อายผีสาง วันนี้เจี้ยเหิงออกไปทำธุระตอนบ่ายเดี๋ยวไม่นานก็กลับแล้วถ้าบังเอิญโชคไม่ดีกลับมาเห็นพวกเขาในสภาพนี้มีหวังไปไม่รอดทั้งคู่
“อื้อ...ทำไมหละ...มันแฉะขนาดนี้แล้วเนี่ยนะ” คริสยังคงไม่หยุดรุกรานคนตรงหน้า เขาสอดนิ้วเข้าไปในช่องทางที่เปียกลื่นของอี้ชิงทั้งสองนิ้วจนคนตัวเล็กยกตัวหนีในขณะเรียวลิ้นก็ยังไล่ดูดเลียไซ้คอขาวเนียนอย่างไม่ลดละ
“เดี๋ยวพ่อมานะ...อ๊ะ...คริสอย่าสิ!” อี้ชิงดุเสียงดังชักสีหน้าไม่พอใจใส่เด็กหนุ่ม แต่คริสกลับทำท่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรแถมยังดึงนิ้วที่มันเลื่อมไปด้วยน้ำหล่อลื่นมาป้ายที่ริมฝีปากและข้างแก้มของเขาอีกด้วย
“เห็นก็ดีสิ จะได้เลิกๆกันไป”
“ไม่เอาน่า...” อี้ชิงเอนตัวกอดซบคนตัวสูงอย่างเอาใจ ช่วงนี้คริสพูดแต่เรื่องนี้จนเขาเองก็รู้สึกกังวล
ตอนนั้นอี้ชิงคิดว่าคริสจะเข้าใจความสัมพันธ์ของผู้ใหญ่ดีกว่านี้เสียอีกแต่พอเอาเข้าจริงๆก็เอาแต่ใจไม่ต่างกันจากพ่อ เหตุผลที่เขากับเจี้ยเหิงยังคบกันก็เพราะพวกเขายังมีผลประโยชน์ร่วมกันอีกมาก อาจไม่ใช่แค่เรื่องเงินทองหรือร่างกายมันมีหลายๆอย่างที่ต่างฝ่ายต้องเติมเต็มให้แก่กัน
ไม่ใช่แค่รักแล้วคบกันพอหมดรักหรือมีคนใหม่ก็เลิกแบบที่เด็กๆวัยรุ่นชอบทำ เขาเคยคิดว่าคริสจะเข้าใจเรื่องนี้แต่เดี๋ยวนี้คนตัวสูงกลับชอบทำอะไรที่เสี่ยงจะโดนจับได้อยู่ตลอดเวลา ทั้งทิ้งรอยดูดเอาไว้แถมยังลวนลามไม่เลือกที่ยิ่งถ้าเกือบจะโดนจับได้ก็ยิ่งชอบใจ
ถ้าอี้ชิงไม่ได้คิดไปเองบางทีเขาก็รู้สึกว่าเจี้ยเหิงอาจจะรู้เรื่องนี้แต่ไม่มีหลักฐานจะกล่าวหา เอาจริงๆถ้าเป็นกับคนอื่นที่ตามติดขนาดนี้อี้ชิงคงจะบอกเลิกสบัดก้นหนีไปแล้วแต่เพราะว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคือคริส...คนที่เขาเองก็รู้สึกรักและลุ่มหลงไม่ต่างกัน มันถึงทำให้เขาไม่รู้สึกรำคาณหรือหงุดหงิดเวลาที่อีกฝ่ายเรียกร้องอะไรมากมาย
“รักผมมั่งหรือป่าวเนี่ย”
“รักสิ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้นะ” พยายามจูบออดอ้อนให้อีกฝ่ายใจอ่อน เผื่อคริสจะไม่บ้าคลั่งเอาเรื่องของเราไปโวยวายให้กลายเป็นเรื่องใหญ่
“แล้วเมื่อไหร่”
“อย่าใจร้อนไปเลยนะ....” ไม่ใช่ว่าอี้ชิงไม่เข้าใจความรู้สึกของชู้รัก แต่เขายังมองหาหนทางไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อ
เขาใช่เด็กวัยรุ่นอายุน้อยๆซะเมื่อไหร่ คริสเพิ่งจะอายุ20เมื่อเดือนที่แล้ว จะมาบอกว่ารักจริงจังอย่างนั้นอย่างนี้ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อแต่ความรู้สึกของหนุ่มวัยกลัดมันนี่มันจะจริงจังและอยู่ได้นานมากซักแค่ไหนเชียว
ถ้าจะบอกให้อี้ชิงทิ้งอนาคตที่สุขสบายไปลำบากกับคนรักมันก็ละครเกินไปหน่อย ถึงเขาจะไม่ได้แก่ขนาดอายุ30แต่ก็โตพอจะรู้ว่าระหว่างความรักที่เกิดในเด็กวัยรุ่นกับอนาคตที่มั่นคงอะไรจะสำคัญมากกว่ากัน ถ้าจะให้หนีไปกับคริสเขาก็อาจจะทำแบบนั้นถ้าย้อนกลับไปอีกสัก7-8ปี….
“ไม่เชื่อใจผมต่างหาก...” คริสยิ้มออกมานิดๆพร้อมกับหัวเราะในลำคอ มันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ผู้ใหญ่สักคนเชื่อในความรู้สึกของเด็กรุ่นๆเพราะงั้นตอนแรกเขาถึงได้ไม่อยากเร่งเร้าจะเอาอะไร แต่นับวันความรู้สึกต้องการ หึงหวง อยากครอบครองเอาไว้คนเดียวก็ยิ่งรู้สึกรุนแรง ยิ่งพ่อทำท่าเหมือนจะรู้เรื่องก็ยิ่งต้องการให้ความแตก
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ใครสักคนเข้ามาอ่านความคิดในหัวแล้วทำให้อี้ชิงรับรู้ว่าเขาจริงใจและจริงจังมากแค่ไหน เพราะแบบนั้นคริสถึงได้อยากให้ความแตกแล้วหนีไปอยู่ด้วยกันเขาจะได้แสดงออกสักทีว่าตัวเองโตพอจะรับผิดชอบชีวิตคน ๆนึง
เรื่องอายุสำหรับคริสมันก็เป็นแค่รอบปีที่นับจากวันเกิดเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าในตัวเขามีความเป็นผู้ใหญ่แค่ไหน...
“อย่าโกรธเลยนะ...” ว่าแล้วก็ก้มลงจูบหน้าผากมนตรงหน้า อี้ชิงไม่อยากปฏิเสธคริสเองก็คงจะเข้าใจเรื่องนี้เหมือนกันแต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้นอกจากยอมรับสถานะและเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆอีกสัก5-6ปี ถ้าถึงวันนั้นความรู้สึกของพวกเขายังมั่นคงอี้ชิงก็พร้อมจะสละหลักสำคัญไปใช้ชีวิตกับคนรัก
“ผมไม่รอนานขนาดนั้นหรอก” คริสพลิกตัวกดคนด้านบนลงกับเบาะโซฟา
เขาก้มลงซุกไซ้ซอกคอขาวเนียน ละเลียดปลายลิ้นปลุกอารมณ์กระสันให้กับคนตัวเล็กตรงหน้า
เขารู้ว่าอีกไม่นานพ่อจะกลับมาแต่ไม่สนใจ
ถ้าทำเสร็จทันมันก็ตื่นเต้นดีแต่ถ้าทำไม่ทันแล้วความแตกมันก็จะยิ่งดีกว่า
“คริส อื้อ....ไม่นะ...อ๊ะ....” ไม่ทันจะได้พูดอะไรพอโดนขยี้เข้าที่ยอดอกอารมณ์ที่ถูกปูทางเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นก็พุ่งพล่านจนปฏิเสธไม่ออก ในใจได้แต่ขอให้คริสทำเสร็จไวๆแล้วไม่พลาดโดนจับได้ไปซะก่อน
เพียงแค่ท่อนกายที่ถูกสอดใส่เข้ามาก็ดึงรั้งเอาความรู้สึกนึกคิดออกไปจากหัวจนหมด
เหลือเพียงอารมณ์ใคร่กระสันโหยหาการถูกสัมผัสและเติมเต็มอย่างไม่มีที่สิ้นสุด...
.
.
.
.
.
.
.
.
“อื้อ....คริส...” อี้ชิงส่งสียงร้องผ่านริมฝีปากที่ถูกจูบในขณะที่มือก็ติดกระดุมเสื้อเชิร์ตให้เด็กหนุ่มไปด้วย เหมือนจะเป็นโชคดีที่เจี้ยเหิงกลับจากธุระช้ากว่าที่คิด หลังจากที่พวกเขาเสพสมกันจนเสร็จสรรพ ถึงคริสจะยังตามพัวพันอยู่ไม่ห่างแต่ก็ดีกว่าตอนที่ยังเสียบคากันอยู่ ถ้าเป็นแบบนั้นโดนจับได้ขึ้นมาคงไม่ใช่แค่บ้านแตกแต่เขาคงต้องอับอายไปอีกนานแน่
“เรียกทำไมครับ หื้อ” คนตัวสูงตามมาจูบหยอกล้ออย่างไม่เลิกลา ยิ่งอีกฝ่ายหันหน้าหนีก็ยิ่งชอบใจ คริสชอบจริงๆเวลาที่เห็นอี้ชิงพยายามหลบซ่อนความสัมพันในขณะที่เขาต้องการจะเปิดเผยมัน ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
“อ้ะ พ่อมาแล้วนะ คริสขึ้นไปข้างบนเถอะ” พอได้ยินเสียงรถขับเข้ามาในบ้านอี้ชิงก็รีบติดกระดุมเสื้อให้ตัวเองอย่างรวดเร็วจนเสร็จเรียบร้อย เขาแสร้งเปิดทีวีทำทุกอย่างให้เหมือนปกติโดยที่คริสยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหนแต่ก็เว้นระยะห่างที่นั่งติดกันไว้พอสมควร
อี้ชิงได้ยินเสียงดับรถเขาสูดลมหายใจอย่างตื่นเต้นก่อนจะวางรีโมทไว้ค้างลำตัว ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกเสียงดังลั่นพร้อมกับเจี้ยเหิงที่เดินพรวดพราดเข้ามาด้วยท่าทางโกรธจัด
“ไอ้คริส!!!” เสียงตะคอกดังลั่นทำเอาคนขวัญอ่อนอย่าง จาง อี้ชิงสดุ้งในขณะที่คิรสยังคุมตัวเองได้ดี คนตัวสูงยืนขึ้นกำลังจะหันหลังแต่ยังไม่ทันจะได้ทรงตัวดีก็ถูกผู้เป็นพ่อตรงเข้ามากระชากคอเสื้อเข้าไปใกล้แล้วซัดกำปั้นลงกับใบหน้าหล่อเหลาเต็มแรง อี้ชิงอ้าปากค้างด้วยความตกใจทำอะไรไม่ถูก ในใจก็กลัวว่าเจี้ยเหิงจะรู้เรื่องความสัมพันธ์แต่อีกใจก็ยังแอบหวังว่ามันจะเป็นแค่การเทลาะกันธรรมดา
“ไอ้ลูกทรพี!! แกทำอะไรเมียฉัน!!” น้ำเสียงกราดเกรี้ยวตวาดลั่น เพียงแค่ได้ยิน จาง อี้ชิงก็รู้สึกว่าแข้งขาอ่อนแรงไปหมด รู้สึกหูอื้อเหมือนเวลาดำน้ำ เขาเห็นคริสพยุงตัวขึ้นยกมือเช็ดเลือดที่มุมปากจ้องมองผู้เป็นพ่อนิ่งไร้ซึ่งท่าทีกลัวเกรงก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทางสุขุม
“รู้แล้วก็หลบไปสิ”
“ไอ้ชั่ว!! แกมันเลว ทำได้แม้กระทั่งเมียฉัน!!” กำปั้นถูกซัดเข้าอีกทีที่โหนกแก้มคนตัวสูงจนคริสเซถอยหลัง อี้ชิงรีบวิ่งเข้าไปเกาะแขนสามีของตัวเองไว้ เขาไม่โง่พอจะเข้าไปพยุงคริสแบบนางเอกในหนัง เวลานี้อะไรที่มันทำให้เจี้ยเหิงอารมณ์สงบก็ควรจะทำก่อน
“คุณ พอเถอะ ไปคุยกับอี้เถอะ” อี้ชิงออกแรงยื้อแขนชายหนุ่มให้ถอยห่างจากคริส ยังไงอี้ชิงก็เชื่อว่าคนที่นอนร่วมห้องร่วมเตียงกันยังไงก็คงไม่ถึงขนาดจะฆ่าแกงกันได้ลงคอ แต่ไม่ทันจะได้ยื้อยุดอีกฝ่ายเขาก็ถูกสบัดแขนอย่างแรงพร้อมกับโดนผลักจนเซล้มไปกระแทกกับแท่นวางงวงช้างที่เป็นของประดับจนจุกไปทั้งอก แล้วก็เป็นคริสเองที่รีบรุดมาพยุงเขาเอาไว้
“พอกัน!! เลี้ยงไม่เชื่องทั้งคู่! เลวด้วยกันทั้งหมด!! แกไสหัวออกไปจากบ้านฉันเลย!!” เจี้ยเหิงชี้หน้าลูกชายอย่างอาฆาตแค้น ตอนนี้เขากำลังอารมณ์เดือดสุดขีดและพร้อมจะตัดขาดทุกความสัมพันธ์ เขาอดทนนั่งดูกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ในห้องนั่งเล่นจากมือถือในรถมาได้ระยะนึงแล้ว สุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องอาระวาดเอาความโกรธออกมาจนได้
“งั้นก็ดี! ผมก็รอเวลานี้เหมือนกัน! แต่ผมจะเอาอี้ชิงไปด้วย!”
“แกไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับเมียของฉัน!!”
“นี่ก็เมียผมเหมือนกัน!!”
อี้ชิงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเห็นคนๆเดียวกันเทลาะกับกระจกเงา เพราะส่วนสูงและรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกันอย่างกับแกะทำเอาเขารู้สึกสับสน พ่อลูกเทลาะกันถึงขั้นตัดขาดเพราะแย่งเมียคนเดียว อี้ชิงไม่ได้ต้องการแบบนี้เลือดย่อมต้องข้นกว่าน้ำ เขาควรจะเลือกใครสักคนเพื่อยุติการเทลาะวิวาท
“คุณ! คริสเป็นลูกคุณนะ พอได้แล้วถ้าจะโกรธก็โกรธอี้” อี้ชิงตรงปลี่เข้าไปหาเจี้ยเหิง ยังไงเขาก็ยังเชื่อว่าเขาสามารถจัดการกับสามีตัวเองได้ แค่รอให้เจี้ยเหิงอารมณ์สงบลงเท่านั้น
“อย่าไปยุ่งกับมัน! ไปด้วยกันกับผม” คริสเดินเข้ามากระชากข้อศอกเขาจากด้านหลังจนหงายหลังเซไปกระทบแผ่นอก แต่เพียงไม่นานก็ถูกเจี้ยเหิงดึงกลับไปอีก เรื่องราวมันวุ่นวายกว่าที่คิดไว้ อารณ์เด็ดขาดของทั้งคู่รุนแรงเกินกว่าที่เขาคาดเดาและอี้ชิงไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างที่คิด
“คริสพอแล้ว ขึ้นไปข้างบนเถอะนะ ให้น้าคุยเอง”
“ไม่! ขาดก็ขาดไปเลย! ผมไม่ยอมเป็นรองพ่อตลอดไปหรอก!” คริสแสดงด้านที่อี้ชิงไม่เคยเห็นออกมาและมันน่ากลัวไม่ต่างอะไรจากอีกฝ่ายที่อารมณ์เดือดเลย
“ถ้าโอหังขนาดนี้ก็รีบขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้เลย!! ไอ้ลูกชั่ว!!”
“งั้นก็เอาเมียผมมาด้วย!!” คริสไม่พูดพล่ำทำเพลงเขาเดินเข้าไปกระชากร่างอี้ชิงขึ้นพาดบ่าแล้วพาคนตัวเล็กเดินหนีพ่อขี้โมโหขึ้นไปชั้นบนทันทีโดยที่ไม่สนใจเสียงโวยวายหรือเสียงทำลายข้าวของๆใครทั้งสิ้น
เมื่อเดินมาถึงห้องคริสล๊อคประตูแล้วปล่อยอี้ชิงลงก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเพื่อเก็บกระเป๋าและของใช้ทันที
“คริส เดี๋ยวก่อนใจเย็นๆก่อน เดี๋ยวให้พี่ลงไปคุยกับพ่อคริสนะ คริสอย่าทำแบบนี้”
“ผมไม่ทนแล้ว! คริสไม่ทนแล้วเลย์ ไปเถอะ ไปกับคริส เชื่อใจคริสนะ”
“ไม่ได้ นั่นพ่อนะคริส! คริสยังต้องพึ่งเค้า คริสจะอยู่ไม่รอดถ้าไม่มีเค้า เราไปไม่ได้” อี้ชิงไม่ใช่พวกทำอะไรตามใจตัวเองและนั่นเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เขายอมทนอยู่ที่นี่กับเจี้ยเหิง คริสเพิ่งอายุ20ต่อให้รวยขนาดไหนถ้าไม่เก่งหรือมีประสบการณ์ไม่มากพอก็เอาตัวไม่รอด
“ไม่ ผมบอกแล้วเมียคนเดียวผมดูแลได้ ไว้ใจผมนะ ไปด้วยกัน” คริสหอบหายใจหนักอย่างพยายามระงับอารมณ์โกรธ เขาก้มลงจูบริมฝีปากสีแดงสดตรงหน้า ถึงเวลาแล้วที่คริสจะต้องแสดงด้านที่เข้มแข็งออกมา ให้คนตรงหน้าได้มั่นใจว่าเขาเป็นคนที่จริงจัง มีสัจจะและความรับผิดชอบมากขนาดไหน
“คริส....อย่าทำแบบนี้...” นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกที่อยู่ๆจะหนีไปไหนแล้วไปนอนโรงแรมกัน ถ้าเงินหมดจะว่ายังไงจะทำอะไรต่อ เรื่องเรียนของคริส ชีวิตของเขาและอีกมากมาย
“รักผมหรือป่าว พูดสิว่ารักผมหรือป่าว”
“รักสิ แต่ว่าแบบนี้มัน...”
“แค่นั่นแหละ ไม่ต้องพูดแล้ว...พี่เคยบอกว่าผมเหมือนพ่อใช่ไหม...ถ้างั้นพ่อเก่งและเอาตัวรอดขนาดไหนผมก็เป็นเหมือนกัน...” คริสก้มลงจูบปากบุคคลอันเป็นที่รักใคร่อีกทีก่อนจะเดินไปเก็บเสื้อผ้าต่อปล่อยให้อี้ชิงจมอยู่กับความคิดตัวเอง
อี้ชิงรู้ว่าคริสเก่งและฉลาดแต่มันต่างกันตรงที่คริสไม่มีประสบการณ์และวุฒิภาวะ ของทั้งสองอย่างไม่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมแต่สีหน้าและดวงตาที่จริงจังแบบนั้นก็ทำให้เขาปฏิเสธไม่ลง มันไม่เหมือนกับแววตาของเด็กหนุ่มวัยคะนองเลยสักนิด เหมือนแววตาของผู้ใหญ่ที่แม้แต่เขาเองมองแล้วก็ยังรู้สึกว่าพึ่งพาได้
การใช้สัญชาตญาณตัดสินอยู่ในตัวเลือกหรือป่าวนะ...
“ก็ได้... ลองดูก็ได้...”
+
แกร๊ก
เสียงไขกุญแจบ้านดังขึ้นก่อนที่บานเลื่อนกระจกจะถูกเปิดออก ตอนนี้อี้ชิงมายื่นอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่ไม่ใหญ่มากแต่ก็หรูหราดูมีราคามากทีเดียว หลังจากที่ขับรถออกมาจากคฤหาสน์ในขณะที่คิดอยู่ว่าจะไปไหนต่อคริสก็ขับรถพาเขามาที่นี่ ที่ไกลจากตัวเมืองพอสมควรและอยู่ในเขตปริมณฑลที่เจริญแล้ว นี่อาจจะเป็นบ้านเพื่อนคริส บ้านญาติหรืออาจจะเป็นบ้านแม่ที่เสียไปแล้วซึ่งมันก็มีโอกาสเป็นไปได้มากเลย
“คริสนี่บ้านใครหรอ” พอเดินเข้ามาในบ้านคนตัวสูงก็เดินไปหยิบรีโมทแอร์มาเปิดอย่างคล่องแคล่วราวกับคุ้นเคยกับที่นี่ดี
“บ้านผม”
“หมายถึงบ้านแม่หรือบ้านญาติ”
“ก็บอกว่าบ้านผม จะมาบ้านแม่อะไรหละบ้านแม่อยู่ต่างจังหวัดนู่น” คริสหัวเราะออกมานิดๆก่อนจะเดินเอากระเป๋าไปโยนไว้บนโซฟา กระแทกก้นลงกับเบาะหนังนุ่มๆ สูดลมหายใจเข้าด้วยความสบายใจและความโล่งอกอย่างถึงที่สุด เขาไม่ต้องทนอยู่บ้านที่มีพ่อขี้โมโหไม่กินเส้นอีกแล้วกันแถมยังไม่ต้องปกปิดความสัมพันลับๆล่อๆนี่อีกด้วย คริสรู้สึกสบายใจชมัด...
“ใครซื้อให้” ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อแต่อี้ชิงคิดว่าพวกลูกคนรวยก็คงจะซื้อของแพงๆให้กับลูกเป็นของขวัญหรือในโอกาสพิเศษนั่นแหละ
“แม่ซื้อไว้ให้ตอนอายุ15 ส่วนรถผมซื้อเอง” คริสกล่าวออกมาด้วยท่าทางภูมิใจ ถึงเขากับแม่จะดูไม่ค่อยสนิทสนมกันแต่แม่ของเขาก็ทำหน้าที่ผู้เป็นแม่ได้ดีมาก แม่รู้ว่าเขาอยู่กับพ่อไม่ได้เลยซื้อบ้านเอาไว้ให้เผื่อว่าวันนึงคริสจะหนีออกจากบ้านแล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ ส่วนรถนั่นเขาทำงานพิเศษรับแทงบอลกับพวกนักธุรกิจจนร่ำรวยแล้วก็ได้รถมาคันนึงถือเป็นของชิ้นแรกที่มีราคาเกินล้านที่เขาซื้อเอง
“เฮ้อ...ทำอะไรเอาแต่ใจก็ต้องมานั่งคิดมากแบบนี้แหละ” อี้ชิงเดินไปทิ้งตัวบนโซฟาตัวเดียวกันด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน ถึงเรื่องบ้านจะทำให้เบาใจไปเปราะนึงแต่หลังจากนี้นี่สิที่ทำให้อี้ชิงคิดไม่ตก ถึงเขาจะมีเงินเก็บแต่มันก็ไม่นานพอจะอยู่เฉยๆโดยที่ไม่ทำอะไรไปถึงปีหรอก ทั้งค่าเทอมคริสอีก นี่เขาจะต้องมาทำงานหาเลี้ยงเด็กอายุ20ทั้งๆที่ตัวเองก็ยังอายุไม่เท่าไหร่เนี่ยหรอ?
“พี่เครียดเรื่องอะไร หื้อ” คริสยิ้มออกมาก่อนจะโน้มตัวไปดึงอีกคนให้ขึ้นมานั่งเกยบนตัก ตอนนี้คริสมีความสุขมากกว่าอะไรเสียอีกแต่ทำไมอี้ชิงถึงได้รู้สึกเครียดก็ไม่รู้
“ไหนจะค่าเรียน ค่ากินค่าใช้จ่ายหละคริส~ ทำไมเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้~” อี้ชิงว่าด้วยน้ำเสียงยานครางก่อนจะทำตัวอ่อนแกล้งตายหงายหลังพิงไปกับท่อนแขนแกร่งจนอีกฝ่ายหัวเราะออกมากับท่าทางที่เหมือนกับเด็ก
“ผมบอกแล้วไงว่าเมียคนเดียวผมเลี้ยงได้ ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดมากเลยเราหลุดพ้นออกมาแล้วนะ” คริสก้มลงจูบริมฝีปากอิ่มอย่างหยอกล้อแล้วยกแขนดันให้คนตัวเล็กขึ้นมาเอนหัวพิงที่ไหล่
“ไหนบอกสิจะทำอะไร จะเอาที่ไหนให้พอจ่ายค่าเทอม ค่ากินค่าสัพเพเหระ”
“แม่ฝากเงินไว้ให้ก้อนนึง มีธุรกิจผับไว้ให้ด้วย ตอนนี้ฝากเพื่อนดูแลแต่ผมจะไปเอาคืนแล้ว เรื่องเรียนชั่งหัวมันเถอะ ผมอยากทำงานอยากมีครอบครัว ขี้เกียจเรียนแล้ว” คำพูดที่ฟังดูเป็นผู้ใหญ่เกินไปทำให้อี้ชิงรู้สึกปลื้มก็จริงอยู่แต่ในความเป็นจริงมันจะเป็นไปหรือป่าวนี้สิ ธุรกิจไม่ใช่ของง่ายๆที่จะขายออกไปแล้วได้เงินหรือทำงานแลกเงินแบบมนุษย์เงินเดือน คริสจะทำได้จริงๆหรือป่าวนี่สิเรื่องใหญ่
“มันจะทำได้จริงๆหรอ เห้อ~” จาง อี้ชิงไถหัวไปมากับไหล่กว้างอย่างเหนื่อยอ่อน เขาทำงานเป็นเลขาก็จริงแต่ก็เป็นแค่พนักงานเงินเดือนที่คอยตรวจสอบเอกสารเท่านั้น ไม่มีประสบการณ์เรื่องธุรกิจพอจะช่วยคริสดูแลหรือบริหารงานต่างๆได้หรอก
“ไว้คอยดูแล้วกัน” คริสไม่อยากพูดให้เชื่อแต่เขาอยากทำให้เห็น คริสรู้ดีว่าคำว่าธุรกิจในมุมมองพนักงานเงินเดือนน่ากลัวแค่ไหนแต่สำหรับเขาที่เป็นตระกูลนักธุรกิจแล้วไม่ว่าจะล้มละลายหรือประสบความสำเร็จมันก็น่าตื่นเต้นทั้งนั้น อีกอย่างเขายังมีญาติอีกหลายคนที่คอยช่วยเหลือและให้คำปรึกษาได้ ไม่ใช่ว่าเทล่อทะล่าไปทำธุรกิจเองเสียหน่อย
“โอเค พ่อเถ้าแก่น้อย ให้มันได้อย่างที่พูดเถอะ~”
“นี่ ถามจริงๆ เลย์อายุเท่าไหร่...” เพราะคริสไม่อยากคุยเรื่องเครียดเขาจึงเปลี่ยนบทสนทนาไปเป็นเรื่องที่ตัวเองอยากรู้แทน
“ก็...ก็...ยี่สิบนิดๆ” อี้ชิงอ้ำอึ้งกรอกตาไปมา รู้สึกอยากจะหนียังไงก็ไม่รู้เวลาที่โดนถามเรื่องอายุเนี่ย ไม่ใช่ว่าแก่ขนาดไม่กล้าบอกหรอก แต่มันดูน้อยไปหน่อยถ้าเทียบกับชีวิตกร้านโลกที่ใครๆก็คิดว่าอี้ชิงคงจะอายุ30นิดๆ เขาไม่อยากดูเหมือนพวกแก่แดดหรือเด็กใจแตกอะไรพวกนั้น
“นิดๆเนี่ยเท่าไหร่ บอกมาตามตรง”
“ก็นิดนึงนั่นแหละ....ยีบสาม ยีบสี่ไม่มาก...” ตอบไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินก่อนจะก้มหน้าจนคางชิดอก เป็นใครก็ไม่อยากให้รู้ทั้งนั้นแหละก็ตอนอยู่บ้านเล่นวางตัวซะดูมีอายุน่าเกรงขรามแถมยังวางมาดเรียกตัวเองว่าน้าทั้งๆที่อายุห่างกันแค่นิดเดียว พอพูดออกไปแล้วมันก็อายชมัด...
“หื้อ...? ฮ่ะๆๆๆ เป็นเด็กแค่นี้เอง ทำไมไม่ยอมบอกอายุตั้งแต่ทีแรกหละ ฮ่าๆๆๆๆ” คริสหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อได้รู้อายุของน้าที่เขาเคยคิดไปว่าอาจจะสามสิบนิดๆเพราะนิสัยกร้านโลกนั่นแล้ว ถึงว่าทำไมอี้ชิงถึงได้ดูกลัวการออกไปเพชิญหน้าชีวิตด้วยตัวเองซะเหลือเน ที่แท้ก็เด็กพอๆกับเขาเผลอๆความคิดเด็กกว่าด้วยซ้ำ
“นี่! ขำอะไรเล่า หุบปากไปเลยไอ้เด็กแก่แดด!” อี้ชิงฟาดมือลงกับไหล่หนากลบเกลื่อนความเขินอายที่ประทุจนแทบจะระเบิดตัวเอง
“เรียกพี่คริสสิ”
“บ้าแล้ว เลย์อายุมากกว่าไม่เรียกหรอก” ไหนๆความลับก็แตกสรรพนามก็เปลี่ยนไปตามความรู้สึก ที่จริงอี้ชิงก็ไม่ชอบเวลาที่เรียกตัวเองว่าน้าเท่าไหร่เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพวกกินเด็กยังไงก็ไม่รู้
“หน่านะ เรียกสิพี่คริส ลองเรียกดู” คริสยังรบเร้าไม่เลิก ถึงจะอายุน้อยกว่าแต่เขาก็อยากถูกเรียกพี่บ้างจะได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้นำและสามารถปกป้องใครๆได้
“ทะลึ่ง ไม่เรียกหรอก ถอยไป”
“งั้นเรียกตัวเองว่าน้องอี้”
“ไม่เอา! ไอ้เด็กบ้าถอยไปเลย” อี้ชิงแกล้งหัวเสียก่อนจะลุกหนีออกจากตักคนตัวสูงแล้วแสร้งเดินหายไปสำรวจบ้าน ปล่อยให้คริสนั่งหัวเราะอยู่คนเดียวที่โซฟา ให้มันได้บบนี้สิ พอไม่อยู่กับเจี้ยเหิงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็โดนข่มเอาๆมีหวังในอนาคตต้องโดนคริสข่มขู่แน่
“อย่าเพิ่งหนีพี่คริสไปนอนนะน้องอี้ ฮ่าๆๆ”
“หุบปากไปเลย!!!”
พอได้อยู่กันสองคนก็รู้สึกเหมือนกับว่าช่องว่างระหว่างวัยที่ถูกสร้างขึ้นปลอมๆกับความสัมพันธ์ที่ห่างไกลก็ลดหย่อนลงจนใกล้กันเพียงปลายนิ้ว เหลือแค่รอเวลาให้ชินกับสถานะใหม่ที่ทั้งเปิดเผยและธรรมดาถึงจะไม่พิเศษแต่ก็มีความสุข เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยสร้างครอบครัวและความมั่นคงด้วยลำแข้งของตัวเอง ไม่ว่าอีกกี่ปีข้างหน้าคริสก็เชื่อว่าเขาจะยังมั่นคงทั้งความรักและก็จะสร้างฐานะให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ยังไม่ขอให้เชื่อแต่คริสจะทำมันให้เห็นและจับต้องได้ในอนาคต
แค่มี จาง อี้ชิงอยู่ข้างๆกันก็พอ.... คริสมีความสุขแล้ว....
+
3ปีต่อมา...
“เหนื่อย~ เหนื่อยๆๆๆๆๆ” เสียงโอดครวญของ จาง อี้ชิงร้องลั่นพร้อมกับร่างกายเล็กๆที่เอนตัวพิงลงกับโซฟาอย่างเบื่อหน่าย ปากเล็กเบ้ด้วยความไม่ชอบใจก่อนจะฟาดธนบัตรในมือลงกับตะกร้าพลาสติกตรงหน้าจนปึกแบงค์แตกกระจายเต็มตะกร้า
“บ่นอะไรครับคุณนายอู๋” ชายหนุ่มตัวสูงเดินกระดกเบียร์ออกมาจากห้องครัวก่อนจะนั่งลงข้างๆภรรยาที่บ่นอะไรงุบงิบตั้งแต่เมื่อกี้ คริสมองดูธนบัตรพันบาทหลายใบที่กระจายเกลื่อนเต็มโต๊ะกระจกก่อนกวาดมันมารวมไว้เป็นกอง
“ขี้เกียจนับแล้ว คริสเอาไปฝากเลยไปให้ธนาคารนับนั่นแหละ” อี้ชิงยกหมอนอิงขึ้นปิดหน้าหนีภาระที่ต้องทำ ปกติเขาเคยจับแต่เช็คที่ทำสัญญาซื้อขายธุรกิจ แต่พอต้องมาจับมานั่งนับเงินสดจำนวนมากแบบนี้ก็ทำเอาเบลอเลยทีเดียว ที่จริงอี้ชิงก็เคยนับเงินมาบ้างแต่เงินสดเยอะขนาดนี้พอนับแล้วก็ลืมงงไปหมด แสนแล้วแสนอีกจนลืมว่านับไปกี่แสนแล้ว
“โถ่ คริสอุตส่าเก็บเงินพอได้เยอะๆก็อยากให้อี้นับให้ชื่นใจ นับให้หน่อยนะ คริสก็อยากรู้ว่ามันมีเท่าไหร่”
“ฮื่อ~ อี้จำไม่ได้~ ไม่นับแล้ว~” ใช่ อี้ชิงเพิ่งลืมไปเมื่อกี้เองว่าเขานับเงินไปกี่ล้าน จำได้แค่ว่าล้านแรกกองอยู่ในตะกร้าอีกห้าแสนวางอยู่บนเก้าอี้แล้วจากนั้นก็หลงๆลืมๆยังไม่รวมธนบัตรอีกเต็มลังเหล้าที่ทำด้วยไม้อัดลังใหญ่สองลังที่ยังไม่ได้นับ
ไอ้เก็บเงินเนี่ยมันก็ดีหรอก แต่เก็บแล้วไม่จดว่าเก็บไว้เท่าไหร่นี่สิ แล้วแถมยังมีทั้งแบงค์พัน แบงค์ห้าร้อย แบงค์ร้อยเต็มไปหมด ไม่รู้ว่าจะนับหมดคืนไหน เวลาสามปีนี่คริสเก็บเงินได้มากขนาดนี้เลยหรอ
“เพื่ออนาคตของเรา คริสบอกแล้วว่าคริสทำได้”
“เชื่อแล้ว~ แต่อี้ขี้เกียจนับมันเยอะพรุ่งนี้ไปใช้เครื่องนับธนบัตรที่ธนาคารเถอะ” จาง อี้ชิงปาหมอนไปกระแทกทีวีจอใหญ่ตรงหน้าอย่างเอาแต่ใจก่อนจะเอนตัวหนุนหัวลงบนหน้าขาแฟนหนุ่ม
“อื้อ ไม่นับก็ไม่นับพรุ่งนี้ขนเงินไปฝากกัน เงินหมดนี้คริสยกให้อี้หมดเลยนะ”
“จริงหรอ~” อี้ชิงยิ้มหวานยกมือขึ้นจับปลายคางคนตัวสูงอย่างหยอกล้อก่อนจะเบนหน้าหนีแล้วหัวเราะออกมาเมื่อคริสยกเอากระป๋องเบียร์เย็นๆมาแนบแก้ม
“จริงสิ ที่รักจะได้เชื่อใจคริสไงว่าคริสดูแลครอบครัวได้”
“แค่นี้ก็เชื่อไปถึงไหนแล้ว” อี้ชิงหัวเราะออกมาก่อนจะใช้แขนยันตัวขึ้นนั่ง จูบริมฝีปากลงกับปลายคางเรียวก่อนจะถูกอีกฝ่ายดึงเข้าไปจูบที่ริมฝีปากและข้างแก้ม เรียวลิ้นร้อนรุกร้ำเข้ามาในริมฝีปากก่อนที่จูบอ่อนหวานจะค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อนจนแทบจะแย่งชิงลมหายใจกัน
“อื้มม... ขอบคุณที่อยู่กับคริส ขอบคุณที่เชื่อใจกัน” ริมฝีปากบางเฉียบกดจูบลงบนหน้าผากมนก่อนจะพลิกตัวขึ้นค่อมคนตัวเล็กแล้วเริ่มบรรเลงบทจูบดุเดือด
คริสรู้สึกขอบคุณอี้ชิงที่ไว้ใจเขาและยืนอยู่ข้างกันมาตลอดในช่วงเวลาที่ยากลำบากตั้งแต่เริ่มบริหารธุรกิจต่อจากแม่ ไม่เคยซ้ำเติม ไม่เคยติติงแถมยังพูดตลอดว่าเชื่อในตัวคริสเสมอ จนตอนนี้กิจการที่ผับกว่า8แห่งทั่วโซลก็เป็นไปอย่างราบรื่นและมีแคมเปญจะขยายไปเป็นคาสิโนถูกกฏหมายในแหล่งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีหน้า
ตอนนี้คริสได้ทำเลทองเปิดคาสิโนแล้ว เหลือแค่รอให้ตึก11ชั้นสุดหรูสร้างเสร็จก็จะได้ลงโต๊ะรูเล็ทและของอะไรต่างๆมากมาย มีฐานะมั่นคง มีครอบครัวที่อยู่ข้างใจไม่หนีไปไหน
คริสกำลังรู้สึกว่าเขามีความสุขที่สุดในโลก เงินที่นับกันวันนี้ก็เป็นแค่เงินออมสินส่วนหนึ่งไม่รวมเงินเก็บในบัญชีร้านเงินหมุนเวียนและเงินสำรองฉุกเฉินอีกจำนวนมาก เขายินดีจะมอบมันให้กับจาง อี้ชิงทั้งหมดเพื่อตอบแทนทุกๆอย่างที่ได้มาตลอด3ปี เงินแค่นี้ถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำหากเทียบกับความไว้ใจความซื่อสัตย์และความรักที่คริสได้รับมาโดยตลอด
เร็วๆนี้พ่อของเขาเพิ่งมีเมียใหม่ชื่อซูโฮเห็นว่าคบกันมาปีกว่าแล้วแต่เพิ่งจะได้เอาเข้าบ้าน คริสเองก็พลอยยินดีไปด้วยเพราะพ่อเขาจะได้มีคนดูแลถึงจริงๆแล้วเจี้ยเหิงจะร่างกายฟิตกว่าหนุ่มๆก็เถอะ พ่อไม่ได้โกรธเรื่องที่เขาแย่งเมียเพราะเรื่องมันนานมากแล้วแต่ก็ยังไม่กินเส้นกันเหมือนเดิม ถึงอย่างนั้นตอนที่คริสโดนกลั่นแกล้งจากคู่อริเขาก็ได้พ่อส่งคนมาช่วยเงียบๆจนทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
คริสรู้ดีอยู่แก่ใจว่าพ่อไม่ได้เกลียดเขา เราไม่ได้เกลียดกันแต่เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกันเลยทำให้แสดงออกความรู้สึกรักไม่ถูก แถมยังหัวดื้อกันทั้งคู่กลายเป็นว่าเถียงกันทุกครั้งที่แสดงความเห็น เร็วๆนี้พ่อส่งจดหมายมาหาเขาแสดงควายินดีกับการประสบความสำเร็จในธุรกิจแต่คริสก็ไม่ได้ซึ้งใจกับมันเท่าไหร่นัก
พ่อรู้ดีว่าต่อให้ไล่เขาออกจากบ้านยังไงเขาก็มีที่ไปและเอาตัวรอดได้ถึงได้ไม่ยื้อเอาไว้ นั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าพ่อยังเชื่อและนับถือในตัวคริสเสมอ ถึงอี้ชิงจะไม่เข้าใจและคิดว่าเขากับพ่อเกลียดกันก็ตาม แต่จะให้มากอดมาหอมพ่อโชว์แบบนั้นคริสคงทำไม่ได้หรอก กระดากตาย
นอกจากอี้ชิงแล้วคนที่คริสอยากขอบคุณที่สุดก็คือ หลี่ เจี้ยเหิงพ่อของเขานั่นแหละที่อุตส่าสละทั้งเมียและอย่างอื่นอีกมากมายให้ลูกชายคนนี้ ยังไงซะคริสก็เกลียดพ่อเขาไม่ลงและรักพ่อมาก
แต่เสียตรงที่ว่าเขารักเมียมากกว่า..........และแน่นอนว่าเจี้ยเหิงก็คงจะรักเมียมากกว่าคริสเช่นกัน
ทำไมเขาจะเดาไม่ถูก.......
ก็อี้ฟานเป็นเหมือนกับเจี้ยเหิงคนที่สองนี่หน่า....
-END-
แว้บแรกที่รู้ว่าชิงเป็นเมียใหม่แอบรู้สึกแย่ 555
ตอบลบแต่พออ่านจนจบ เฮ้ยยย ก็ไม่ได้เลวร้าย
ในเมื่อความสัมพันธ์ครอบครัวอู๋ไม่ได้ดีอะไรมากมาย
ชอบพี่คริสเวอร์ชั่นนี้ เจ๋งงว่ะ ดูแลเมีย ดูแลตัวเอง
ดูแลธุรกิจ เย็ดเข้มาก ชอบบบ ><
โอ้ยชอบ สนุก มันมากด้วยไม่คาดคิดว่าจะมสเจอเรื่องนี้ได้เป๋นชอทที่ลองงงมาก คือแบบลูกชายกับแม่นางด้อนแคร์โลกมากอะตอนที่อ่านมาฉากนั้นก็คิดในใจนะว่า อ้าวไรอะอี้ มีสามีแล้วไม่ยอมห้ามใจ อ่านมาเรื่อยๆก็แบบ เออเอาเหอะ สงสัยมันคงรักกันแบบไม่รู้ตัวอะถึงได้โหมกันซะขนาดนั้น เอาจริงๆแอบตกใจเรื่องพอได้เมียใหม่ด้วย แค่ช่างมันเรื่แงหลักคือ น้องอี้พี่อู๋นิเนอะ สนุกมาก ไม่ต้องมาดราม่าน้ำตาฉ่ำด้วย ขอบคุณที่แต่งนะคะ
ตอบลบ