วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2557

[SF] Gemini ~End part~













2เดือนต่อมา...





เวลาเที่ยงคืนสิบห้าคริสใส่ปากกาลงในแก้วใส่ดินสอหลังจากที่เขียนชีทแผ่นสุดท้ายเสร็จ เขาหยิบเอากระดาษแผ่นนั้นเก็บเข้าซองแฟ้มที่วางอยู่ข้างตัวก่อนจะย้ายตัวเองขึ้นไปนอนบนเตียง. คริสเอื้อมมือไปปรับโคมไฟให้ส่องสลัวๆเป็นสีเหลืองนวลเหมือนกับแสงจันทร์สว่างไปทั่วห้อง


นี่ก็กินเวลาเกือบจะสามเดือนกว่าแล้วที่คริสย้ายจากเกาหลีมาอยู่อังกฤษ ชีวิตของเขายุ่งวุ่นวายไปหมดชนิดที่เรียกว่าไม่รู้ควรจะเริ่มทำอะไรก่อน ทั้งเรื่องการปรับตัวเข้ากับสังคมและเรื่องการเรียนก็ยุ่งยากพอกัน ถึงแม้ว่าคริสจะเก่งภาษาอังกฤษพอสนทนาได้ในชีวิตประจำวันแต่มันไม่เพียงพอสำหรับการเรียนที่มีเนื้อหาหนักแน่น



คริสต้องเรียนภาษาเพิ่มพิเศษหลังจากเลิกเรียนและทำการบ้านจนดึกดื่นรวมถึงท่องคำศัพท์ด้วย แต่น่าแปลกที่เขาไม่เคยรู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนเพลียแม้จะนอนน้อยแต่กลับรู้สึกแข็งแรงกระปี้กระเป่ามากขึ้นกว่าแต่ก่อนตอนที่อยู่เกาหลีมาก อาจจะเป็นเพราะสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม ทุกคืนก่อนนอนคริสจะนึกถึงอี้ชิงเสมอเพราะตอนกลางวันเขาต้องคิดหลายเรื่องจนแทบจะลืมน้องชายไปสนิทเลยและอีกอย่างมันทำให้เขานอนหลับฝันดี


ที่นี่คริสมีเพื่อนใหม่แล้ว4-5คน มันทำให้เขาอดนึกถึงอี้ชิงไม่ได้ว่าป่านนี้เจ้าตัวเล็กของเขาจะเป็นยังไงจะมีเพื่อนไหม่หรือยังจะติดเพื่อนหรือป่าว หรือว่าชีวิตจะสุขสบายดีไหม แต่ถึงอย่างนั้นคริสไม่กังวลเท่าไหร่เพราะชีวิตที่นี่เขาสุขสบายดีและคิดว่าทางฝั่งอี้ชิงก็คงเป็นเช่นเดียวกัน


คริสพลิกตัวหันไปคว้าเอาตุ้กตากระต่ายของอี้ชิงที่พกติดมาด้วยเข้ากอด กดจมูกสูดดมกลิ่นหอมๆที่เป็นกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่แม่ซักตอนอยู่ที่เกาหลี อีกไม่กี่เดือนเขาก็จะปิดเทอมแล้วและจะได้กลับไปเยี่ยมเกาหลีเสียที คริสอยากจะตั้งใจเรียนให้มากๆเพราะถ้าโอกาสดีเขาอาจจะขอสอบเทียบกับมหาลัยชิงใบปริญญาแล้วรีบๆเรียนให้จบไปก่อนโดยที่ไม่ต้องรอครบหลายปี


เพราะอยากจะรีบกลับไปหาอี้ชิงไวๆ......









“ฮึก..คุณ คริสป็นยังไงบ้าง...” เสียงร้องไห้กระซิกดังขึ้นเบาๆในขณะที่จินเป่ายังหูโทรศัพท์ต่อสายคุยกับสามี ตอนนี้ตีหนึ่งกว่าแล้วแต่เธอยังนอนไม่หลับและคิดมากจนทนไม่ไหวต้องโทรไปหาสามีที่ต่างประเทศเพราะต้องการกำลังใจ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ยอมเล่าเรื่องผิดปกติที่เกิดขึ้นกับลูกชายคนเล็กให้ใครฟัง


“ป่าว...ฉันแค่คิดถึงลูกหนะ บอกให้คริสตั้งใจเรียนด้วยนะ ฉันจะวางก่อน” จินเป่ากลั้นสะอื้นเมื่อถูกทางปลายสายถามว่าร้องไห้ทำไม เธอตอบปฏิเสธแล้วเลือกที่จะวางสายเพราะถ้าได้คุยกันต่อเธอจะต้องร้องไห้แน่ๆ


“อื้อ...คริสแข็งแรงก็ดีแล้ว...” จินเป่าพูดทิ้งท้ายก่อนจะวางหูโทรศัพท์บ้านลงกับตัวเครื่อง สามีเธอบอกว่าคริสอยู่นู่นแข็งแรงดีไม่ป่วยไข้หรือปัญหาเรื่องการปรับตัวกับสภาพอากาศแถมยังไม่เหนื่อเพลียเพราะต้องเรียนหนักอีกด้วย  แค่รู้ว่าคริสยังสบายดีเธอก็ยังพอเหลือกำลังใจให้หัวใจชุ้มชื่นบ้าง


จินเป่าลุกขึ้นจากเก้าอี้หยิบเอาก่องใส่อาหารเสริมสองกล่องติดมือไปก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อที่จะเอาไปป้อนอาหารลูกชายคนเล็กที่อยู่ห้องห่างกันไม่ไกลนัก เธอได้แต่สูดลมหายใจเรียกกำลังใจให้ตัวเองพร้อมกับกลั้นน้ำตาอย่างเต็มที่ก่อนจะยกมือเคาะประตูเป็นการให้สัญญาณแล้วจึงเปิดประตูเข้าไปทันที


“กินข้าวก่อนนะลูก” จินเป่าส่งยิ้มให้กับลูกชายที่นอนนิ่งตาลอยอยู่บนเตียง เธอเดินนำกล่องอาหารเสริมไปวางบนโต๊ะใกล้โคมไฟแล้วหยิบเอาแคปซูลออกมาจากทั้งสองกล่องก่อนจะดึงมันแยกออกจากกันให้ผงสารอาหารภายในตกลงไปในข้าวเละๆที่ถูกปั่นจนละเอียดแทบจะเป็นน้ำ


“แม่...พี่คริสมาหรือยัง...” น้ำเสียงแหบพร่าเบาหวิวดังขึ้นจนแทบจะไม่ได้ยิน อี้ชิงพยายามเหลือบตามองผู้เป็นแม่พร้อมกับถามคำถามซ้ำๆๆเดิมๆที่ตัวเองมักจะถามทุกๆวันทุกเวลาที่แม่เข้ามาให้อาหารเขาวันละหลายๆรอบ...เพราะแม่บอกว่าคริสกำลังจะกลับมาหาอี้ชิงแต่ไม่บอกว่าจะมาเมื่อไหร่เขาจึงได้แต่นอนรอและใช้ความหวังฉุดรั้งร่างกายที่อ่อนแรงเอาไว้เผื่อว่าคริสจะกลับมาในวันพรุ่งนี้ตอนเช้าหรือวันถัดไป....ถึงจะรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ก็ยังหวัง...


“พี่คริสยังติดธุระนะลูก แต่ไม่นานก็จะกลับแล้วหละ” จินเป่ากลั้นน้ำตาโกหกลูกชายคำโต อี้ชิงถามเธอแบบนี้มาเดือนนึงแล้วตั้งแต่วันที่อาการทรุดหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลแล้วพอย้ายมาพักฟื้นที่บ้านก็ขยับตัวไปใหนไม่ได้ ไม่มีแรงแม้แต่จะกินอาหารจนต้องให้อาหารทางสายยางที่สอดเข้าไปทางจมูก


อี้ชิงอาการทรุดหนักมากขึ้นจากที่เป็นไข้อ่อนแรงก็เริ่มเป็นไข้หวัดใหญ่และภูมิคุ้มกันต่ำมากจนติดเชื้อต่างๆทั้งเชื้อในปลอดและกระแสเลือด ถึงหมอจะให้ยาอย่างต่อเนื่องจนอาการทรงตัวแต่ร่างกายของอี้ชิงก็แย่และอ่อนแรงลงทุกวันจนแทบจะขยับปากพูดไม่ได้ อี้ชิงเอาแต่ถามหาถึงคริสและเธอทำได้แค่ตอบปัดลูกชายไปวันๆ หลอกให้อี้ชิงหวังเพื่อที่จะยื้อร่างกายเอาไว้...


“วันไหนฮะ” ดวงตาเรียวรีชุ่มไปด้วยน้ำตาเพียงแค่รู้ว่าพี่ชายจะยังไม่กลับมาวันนี้ อี้ชิงทำได้แค่นอนมองปฏิทินและนาฬิกาบนผนังทุกวันเฝ้านับวินาทีว่าเมื่อไหร่ที่พี่ชายของเขาจะเปิดประตูเข้ามาหา ไหนบอกว่าเราเชื่อมถึงกัน...ไหนบอกว่ามองเห็น...ไหนบอกว่าสัมผัสได้...ทำไมถึงไม่รู้ว่าอี้ชิงกำลังจะตาย... หรือยกเว้นเสียแต่ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก...


ไม่มีจีมีนี ไม่มีดวงดาว ไม่มีคำว่าฝาแฝด ไม่มีคำว่าสายสัมพันพิเศษ ไม่เป็นจริงแม้กระทั่งคำสัญญา...มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่เสปิร์มสองตัวเจาะไข่เข้าไปได้พร้อมกัน ไม่มีอะไรพิเศษไปมากกว่าพี่น้องธรรมดาที่เคยสนิทกัน เพราะสุดท้ายคริสก็ทิ้งให้อี้ชิงรอคอยและตายอย่างโดดเดี่ยว...




พวกเราห่างอกไปเรื่อยๆตามวงโคจรของดาวราศีคนคู่ ความทุกข์ทรมานและเสียงจากความมึดในยามค่ำคืน ไม่สู้เสียงจากท้องฟ้าและแสงดาวจากดาวราศีคนคู่ที่ส่องประกาย
หากแม้ฝันร้ายที่ฉุดให้ตื่นขึ้นมาในตอนดึก รู้สึกกลัวอย่างมากกับความฝัน รู้สึกหนาวสั่นอยู่เพียงคนเดียวในเวลาแบบนี้

ใครก็ได้สักคนช่วยฉันด้วยช่วยที….’





หมดศรัทธา... ไม่มีใครสักคนที่เข้ามาช่วยเขาในตอนที่กำลังแย่ อี้ชิงอ่อนแอลงทุกวันและเจ็บปวดทรมานราวกับตายทั้งเป็น ทำไมคริสถึงไม่กลับมาหา ทำไมแม่ม่ยอมให้เขาโทรศัพท์หาพี่ ทำไมใครๆถึงเอาแต่พูดโกหกและให้สัญญาที่ทำไม่ได้ อี้ชิงไม่อยากจะเชื่อใครอีกแล้ว...


“อิ่มแล้วก็รีบนอนซะนะ” จินเป่ายกยิ้มให้ลูกชาย เธอเทอาหารลงในหลอดซีลลิ่งขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่กับเสาก่อนจะกดลงช้าๆค่อยๆให้โจ๊กกับตับบดและตำลึงไหลลงไปตามหลอดอาหารทีละนิดอย่างไม่เร่งรีบจนเกือบจะหมดแล้วเหลือก้นซิลลิ่งไว้ให้มันไหลไปเองจนกว่าจะหมดสายยาง



“ฝันดีนะ” จินเป่าแขวนสายยางไว้กับเสาก่อนจะเดินไปก้มลงจูบหน้าผากลูกชายหนึ่งทีพร้อมกับบอกฝันดีแล้วเดินออกจากห้องไปทันทีเพราะเธอไม่สามารถทนมองดูน้ำตาและความเจ็บปวดของลูกชายได้



หญิงสาวเดินออกมาจากห้องแล้วเดินตรงกลับไปที่ห้องตัวเองทั้งยังร้องไห้ตลอดทาง



“ฮึก...แม่ขอโทษอี้ชิง....แม่ขอโทษ....ฮรื่อ...”


เธอเดินร้องไห้กลับไปจนถึงห้องแล้วเอนตัวลงบนที่นอนหวายสำหรับนอนพักผ่อนอย่างอ่อนแรง คนเป็นแม่ที่คลอดลูกทั้งสองออกมาย่อมรู้ดีที่สุด...จินเป่ารู้ดีอยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไรและเธอยังรู้สึกผิดกับสิ่งที่กระทำลงไปเสมอ การที่ใครบอกว่าแม่มักรักลูกเท่ากันนั้นไม่เป็นความจริง...
จินเป่ารักคริสมากกว่าอี้ชิง...


เธอรู้ตัวดีทั้งเรื่องความรู้สึกของตัวเองและเรื่องอื่นๆ จินเป่ารู้ดีว่าเมื่อพลังงานชีวิตไม่สมดุลย์และค่าพลังงานของใครคนไดคนหนึ่งต่ำมากเกินไปคนที่แข็งแรงกว่าจะดูดเอาชีวิตไปหมดเพื่อเปลี่ยนเป็นวงจรชีวิตเดี่ยวที่สมบูรณ์แบบไม่ใช่ชีวิตคู่ที่คอยแบ่งปันพลังงานเกื้อหนุนอีกต่อไป

จะต้องมีใครคนนึงเสียสละเพื่อให้อีกหนึ่งชีวิตอยู่ต่อ...

จินเป่าไม่ได้ใจร้ายขนาดจะยอมให้อี้ชิงตายแต่เธอแค่ต้องการทำในสิ่งที่ถูกต้องสุด ถ้าถามว่าทำไมไม่เรียกคริสกลับมาเพื่อแบ่งพลังชีวิตให้กับอี้ชิงเธอก็คงจะตอบได้ว่าไม่ต้องการแบบนั้น...

อี้ชิงไม่สมควรจะมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้หรือให้พูดแบบไม่อ้อมค้อมคือควรจะตายไปตั้งแต่ตอนที่เกิดอุบัติเหตุแล้ว....


เพราะพลังงานของอี้ชิงต่ำมากและทุกวันนี้ที่รอดมาได้เกือบสิบกว่าปีก็เพราะอี้ชิงอาศัยเอาพลังชีวิตของคริสมาเกือบครึ่งนึงและบางครั้งมันทำให้คริสอ่อนแอ... มันไม่สมควรเป็นแบบนี้ อี้ชิงเกาะชีวิตคนอื่นเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดตลอดไปไม่ได้

คริสควรได้รับความยุติธรรม ควรได้ใช้ชีวิตของตัวเองให้เต็มที่และอี้ชิงสมควรจะตายได้แล้ว...เพราะพลังแห่งGeminiทำให้อี้ชิงโกงความตายมามากกว่าสิบปีนี่เป็นความจริงที่สุด เป็นเหตุผลของชีวิตคนคู่ เป็นเหตุผลของการรอดชีวิต เป็นเหตุผลของดวงดาว

เป็นสิ่งที่จินเป่ารู้ดีมาตลอด แต่ไม่เคยมีโอกาสได้คืนความยุติธรรมให้กับลูกชายคนโตและคิดว่าสักวันนึงมันคงได้เกิดขึ้น เธอถึงได้แสดงความรักความเอาใจใส่กับลูกคนเล็กมากกว่าจะใส่ใจคริสเป็นการไถ่โทษที่ต้องเลือกให้คนที่ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ต่อต้องเสียสละ...


Geminiมีพลังเหนือธรรมชาติ...และทำให้อี้ชิงใช้ชีวิตอย่างฝืนธรรมชาติมาโดยตลอด มันใกล้จะถึงเวลาแล้วที่อี้ชิงต้องไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เป็นของตัวเองในภพหน้าแล้วปล่อยให้คริสได้ใช้ชีวิตต่ออย่างคุ้มค่า...







ภายในห้องมืดๆที่มีแสงจันทร์สาดเข้ามาจากหน้าต่างกระจก สายตาเลื่อนลอยเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าที่มึดสนิทไร้ซึ่งแสงดาว ไม่มีแม้แต่ดาวคนคู่ที่เคยมองเห็น อี้ชิงไม่อยากเชื่อในมันอีกแล้ว แขนเล็กยกขึ้นจับที่สร้อยคอที่หน้าอกด้วยเรี่ยวแรงที่เหลือน้อยเต็มทนก่อนที่คนตัวเล็กจะรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายกระตุกสร้อยสีเงินจนขาดหลุดกระเด็นไปหายเข้าไปใต้ชั้นหนังสือที่ตั้งอยู่ติดผนัง

สร้อยที่เป็นสัญลักษณ์ของสายใยที่เชื่อมกันของฝาแฝดถูกกระชากจนขาดออก น้ำตาใสๆไหลเอ่อท้นท่วมดวงตาจนภาพที่มองเห็นพร่าเลือนเต็มที แสงดาวแพรวพราวดวงที่สองมองไปทางขวา...บนท้องฟ้าเหลือเพียงดาวปีเตอร์แพนที่เป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธาและความหวัง หากเราเชื่อในนางฟ้าพลังศรัทธาจะพยุงให้ผ่านพ้นจากเรื่องเลวร้ายทั้งปวง....


นิทานหลอกเด็กยังน่าเชื่อซะกว่าคำโกหกของคริสที่ไม่เคยมีจริง...


เป็นแค่คำพูดลมๆแล้งๆที่หลอกให้คนโง่ๆมีความหวังไม่ต่างจากคำโกหกของแม่ที่พยายามปกปิดทุกอย่างและขัดขวางการติดต่อไม่ให้เขาได้คุยโทรศัพท์กับพี่ชายเลยสักครั้ง ไม่ได้แม้แต่จะสั่งลา...

ร่างกายของเขาทนอยู่ได้ไม่นานอี้ชิงรู้ตัวดี ทั้งๆที่เขาควรจะตายไปตั้งแต่ตอนที่หัวใจหยุดเต้นกระทันเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้วแต่เพราะความหวังที่ว่าจะได้เจอกับคริสทำให้อี้ชิงไม่ยอมตายง่ายๆ ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นการพยายามเปล่าแต่สุดท้ายก็รอดมานอนง่อยอยู่บ้านโดยไร้ซึ้งความหวังและฟังคำโกหกของผู้เป็นแม่ไปวันๆ

อี้ชิงรู้ตัวดีว่าเขาจะไม่รอดแน่เพราะกระแสเลือดและปอดติดเชื้ออย่างหนัก หลังจากที่รู้เรื่องอี้ชิงไม่รอช้าที่จะเขียนจดหมายลาในตอนที่ยังพอมีแรงเหลือและเอาแต่เฝ้ามองดาวปีเตอร์แพนอยู่ทุกวันเพื่อหวังให้พลังศรัทธาช่วยพยุงเขาให้รอดปลอดภัยเพราะเขาไม่เชื่อในจีมินีอีกแล้ว...


อี้ชิงหมดศรัทธากับดาวคนคู่ที่คริสบอกตั้งแต่เดือนก่อน มันเป็นแค่กลุ่มดาวตามธรรมชาติผสมกับเรื่องโกหกงี่เง่าของพี่ชายของเขาที่ไม่เคยเป็นจริง อี้ชิงไม่อยากนึกถึงตอนที่คุยโทรศัพท์กันเพราะมันทำให้เขาเสียใจกับคำพูดสัญญาณเป็นมั่นเป็นเหมาะของคริสว่าจะกลับมา อี้ชิงเป็นเหมือนเด็กที่นึกอยากจะหลอกอะไรก็ได้แล้วสักวันก็ลืมสินะ


ไม่เหลือแม้แต่ความหวังหรือศรัทธา ดาวคนคู่ไม่ส่องแสงแสงและผงนางฟ้าของทิกเกอร์กำลังจะมอดดับเมื่อชีวิตได้เดินเข้ามาใกล้ถึงจุดจบและได้สัมผัสความจริงที่มึดบอดว่าเคยมีอะไรสักอย่างที่เป็นจริง...

ทุกอย่างเป็นเรื่องหลอกเด็กทั้งนั้น ไม่เคยมีอะไรมาตั้งแต่แรก สิ่งเดียวที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้คือเหลือแค่อี้ชิงที่ต้องจากไปอย่างโดดเดียวโดยที่ไม่มีใครอยู่ข้าง...เป็นสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยใจและเห็นชัดกับตาเพราะมันกำลังจะเกิดขึ้นกับเขา


อี้ชิงรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นเบาลงทุกทีและมันกำลังจะหยุดทำงาน แต่คราวนี้อี้ชิงจะไม่ยื้อตัวเองเอาไว้อีกแล้วเมื่อคนที่รอไม่มีทางกลับมาเพราะคริสคงจะลืมไปแล้วว่าเคยมีคนๆนึงเกิดออกมาพร้อมกันในวันเดียวกัน คงจะลืมไปแล้วว่าพวกเขาเคยรักกันมากขนาดไหน คงจะลืมการมีตัวตนของ จาง อี้ชิงไปแล้ว....



เพราะแบบนั้นก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ทรมานตัวเองเพื่อรอใคร...






 
อังกฤษ




เป็นเวลาบ่ายโมงที่ประธานบริษัทอู๋ปิดการประชุมเจรจาธุรกิจ หลังจากที่ปล่อยให้ภรรยาที่โทรมาถือสายรอนานเกือบสิบนาที อู๋ ต้าหมิงก็รีบเข้าห้องทำงานส่วนตัวเพื่อคุยโทรศัพท์ทันที เสียงแรกที่เขาได้ยินคือภรรยาของเขาโทรมาร้องไห้และเอาแต่พูดขอโทษซ้ำไปซ้ำมาไม่ยอมพูดอะไร จนกว่าจะได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวก็ต้องปลอบกันนานหลายนาที ตอนนี้ที่เกาหลีก็ตีสองกว่าแล้วต้าหมิงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่ภรรยาของเขาโทรมาร้องไห้บ่อยๆในช่วงกลางคืนแบบนี้แต่เธอไม่เคยพูดอะไร



“มีอะไร คุณใจเย็นๆ”



[ฮึก...คุณ...ลูกหยุดหายใจไปแล้ว...ฮรื่อ...ฉันขอโทษ...]



“อ...อะไรนะ...คุณพูดอะไร”



[ฮึก...อี้ชิงตายแล้ว ฮรื่อ...ฉันผิดเอง...ฉันขอโทษ ฉันทำเพื่อลูก...]



“ทำไม... เกิดอะไรขึ้น...”



[ฮึก...อี้ชิง....ฯลฯ]
.

.

.
.

.

เสียงร้องไห้คร่ำครวญที่ดังออกมาจากปลายสายโทรศัพท์ทำให้ต้าหมิงกำโทรศัพท์แน่น น้ำตาที่ไม่เคยคิดว่าจะไหลหยดลงหน้าตักจนกางเกงเปียกชื้น



เพล้ง!


ชายวัยกลางคนปาโทรศัพท์เครื่องหรูไปกระแทกผนังอย่างแรงจนจอแตกกระจายก่อนจะซบหน้าลงกับฝ่ามือปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆโดยที่ไม่มีเสียงร้องไห้ หลังจากที่ภรรยาโทรมาร้องไห้แล้วบอกว่าลูกชายคนเล็กเสียชีวิตเพราะอาการป่วยโดยที่ตลอดเวลาเขาไม่เคยรู้เรื่องเลย จากที่คิดว่าเขาอยากจะปลอบใจอยู่ๆในใจก็รู้สึกเกลียดภรรยาขึ้นมาจนไม่อาจทนได้ยินเสียงของเธอ

จินเป่าโทรมาร้องไห้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังทั้งเกี่ยวกับคริสและอี้ชิงก่อนจะปิดท้ายประโยคด้วยการบอกว่าลูกชายของเขาตายแล้วพร้อมกับสารภาพว่าเป็นความประสงค์ทั้งหมดของเธอเองที่ไม่ยอมให้คริสกลับไปหาอี้ชิง...


ต้าหมิงแทบจะตายเมื่อได้ยินว่าอี้ชิงตายแล้ว เขาไม่สนว่าจินเป่าจะรักคริสมากแค่ไหนและทำเพื่ออะไรแต่ต้าหมิงรักอี้ชิงที่สุดและรักมากกว่าใครไม่ว่าจะภรรยาหรือลูกชายคนโต แม้ว่าอี้ชิงจะเรียนไม่ได้เรื่องหรือไม่ค่อยเรียบร้อยเหมือนกับคริสแต่รอยยิ้มแก๋มบุ๋มของลูกชายยังติดตรึงในใจเขาไม่ว่าจะไม่ได้เจอกันนานแค่ไหน

ไม่เข้าใจว่าทำไมจินเป่าไม่ยอมบอกเขาเรื่องนี้เพื่อที่เขาจะได้จัดการหาโรงบาลและรักษาอี้ชิงให้เต็มที่ ต้าหมิงไม่สนใจว่าเรื่องพลังชีวิตฝาแฝดจะเป็นจริงหรือไม่แต่การเลี้ยงไข้ลูกเขาแล้วปล่อยให้อี้ชิงตายอย่างโดดเดี่ยวเป็นสิ่งที่เขารับไม่ได้...

จินเป่าจงใจไม่ยอมรักษาอี้ชิงเพื่อที่จะให้ลูกเขาตายตั้งแต่แรก หัวใจของคนเป็นพ่อเจ็บปวดไปหมด รู้สึกรังเกียจภรรยาจนคลื่นไส้หรือถ้าเธอยืนอยู่ตรงน้าเขาจะฆ่าเธอซะ...และกับคริสเองก็ไม่รู้ว่าถ้ารู้เรื่องนี้จะเป็นยังไง ทำไมจินเป่าถึงได้โหดร้ายเลือดเย็นแบบนี้....



“ฮึก...อี้ชิง...ลูกพ่อ...”


ต้าหมิงร้องไห้สะอื้นออกมาเพราะทนไม่ไหวกับความเจ็บปวด เขากะเอาไว้ว่าช่วงวันหยุดปีใหม่จะพาอี้ชิงมาเที่ยวที่อังกฤษแต่ไม่นึกเลยว่าอยู่ๆลูกชายสุดที่รักจะด่วนจากไปเพราะภรรยาเป็นต้นเหตุ ต้าหมิงไม่รู้ว่าเขาจะทำหน้ายังไงเมื่อเห็นหน้าจินเป่า ไม่รู้จะบอกคริสยังไงว่าน้องตายแล้ว เขาทำธุรกิจทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว


วางตัวให้คริสสานธุรกิจต่อและบั้นปลายชีวิตของเขาจะไปใช้ชีวิตอยู่กับลูกชายคนเล็กเปิดร้านขนมให้อย่างที่อี้ชิงหวังอยากจะทำมาตลอด แต่ตอนนี้ก็ไม่มีโอกาสอีกแล้วเขาไม่ได้แม้แต่จะดูหน้าลูกก่อนตาย ต้าหมิงรู้ว่าอี้ชิงรักคริสมากขนาดไหน การที่จินเป่ากันคริสไม่ให้กลับไปเจออี้ชิงนั้นเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจที่สุด อี้ชิงที่ต้องตายอย่างโดดเดียวและสิ้นหวังโดยที่ไม่มีใครสักคนดูใจนอกจากแม่ที่เป็นคนเลี้ยงไข้ให้ลูกตายโดยที่ไม่ยอมรักษา



ต้าหมิงรู้สึกทรมานไปทั้งใจจนแทบไม่มีแรงลุกขึ้นเดิน เขาหยิบโทรศัพท์ของบริษัทขึ้นมากดโทรหาลูกชายทันที ยังไงก็ต้องบอกเรื่องนี้ให้คริสรู้เสียก่อน
.

.

.

.

.
.

.

เกร๊ง


เสียงอะไรบางอย่างตกกระทบลงบนซิปเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ คริสก้มลงมองสร้อยที่อยู่ๆก็ขาดร่วงลงมาอย่างไม่มีสาเหตุด้วยความสงสัยแต่ไม่ได้ใส่ใจอะไร เขาเก็บสร้อยนั้นใส่กระเป๋าเสื้อโค้ทก่อนจะก้มลงทำข้อสอบเก็บคะแนนตรงหน้าต่อ วันนี้คริสมีสอบเก็บคะแนนวิชาคณิตเสริมตอนบ่ายและเขาก็ทำมันได้ดีมากๆไม่มีแม้แต่รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าของสมองทั้งๆที่เรียนหนักมาตลอดตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่

คริสกะว่าเขาจะลาหยุดวันศุกร์นี้ให้ติดกับเสาร์-อาทิตย์เพื่อที่จะกลับไปเกาหลีไปเยี่ยมแม่และน้อง พอนึกว่าวันนี้เป็นวันพุธแล้วก็อดยิ้มออกมาด้วยความดีใจไม่ได้จนแทบจะเสียสมาธิ คริสจึงสบัดไล่ความคิดเรื่องอื่นๆออกจากหัวก่อนจะเริ่มทำข้อสอบต่อไป

แรงสั่นในกระเป๋าทำให้คริสตกใจเล็กน้อยแต่เขาไม่คิดจะหยิบมันขึ้นมารับ คริสก้มลงอ่านโจทย์ข้อสุดท้ายแล้วฝนหมึกลงไปทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก คริสยกมือขึ้นให้สัญญาณอาจารย์ว่าเขาทำข้อสอบเสร็จก่อนเวลาแล้วก่อนจะรวบเอาทั้งกระดาษคำตอบและคำถามไปส่งให้ที่โต๊ะครูประจำชั้น มิสซิสเลิฟเว็ตยิ้มให้เขาหนึ่งทีแต่คริสไม่ได้สนใจ เขาเดินหันหลังกลับไปคว้ากระเป๋าที่โต๊ะนั่งแล้วเดินออกไปนอกห้องทันที



เสีงโทรศัพท์ที่โทรมาเมื่อครู่เงียบไปแล้ว คริสหยิบมันขึ้นมาดูพอรู้ว่าเป็นเบอร์ของบริษัทก็เลยรีบโทรกลับไปเพราะคิดว่าพ่อจะมีธุระอะไรเร่งด่วน เพียงกดโทรออกได้ไม่นานปลายสายก็กดรับพร้อมกับกรอกเสียงตอบรับด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ



[คริสสอบเสร็จหรือยัง]


“เสร็จแล้วครับเพิ่งเสร็จเมื่อกี้”


[มีสอบวิชาอื่นต่อไหม]


“ไม่มีแล้วครับ วันนี้เลิกเร็ว”


[วันนี้จะกลับเกาหลีกันนะ จะไปเยี่ยมน้อง]


“หื้อ? อี้ชิงเป็นอะไร น้องเป็นอะไรพ่อ”


[น้องเสียแล้ว...เพิ่ง..อึก...เพิ่งเสียเมื่อกี้ แม่เพิ่งโทรมาบอก คริสรีบกลับมานะ]








..............................................


 


เหมือนสมองหยุดทำงานไปชั่วขณะ คริสรู้สึกเหมือนตัวเองถูกดูดลงไปในพื้นดิน มันวูบดับ มึนงงและสับสน เขาไม่ได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ว่าพ่อพูดว่าอะไร พอตั้งสติได้ก็ยกเครื่องมือสื่อสารแนบหูอีกครั้งทันที



“ระ...เรื่องจริงหรือป่าว...”


[................................]


“พ่อ!!


[จริงคริส...ฮึก...อี้ชิงตายแล้ว...แม่แกไม่ยอมรักษาน้อง...น้องติดเชื้อในกระแสเลือด...ตายที่บ้านเมื่อกี้...อึก]


“ไม่จริง!!!!



คริสรู้สึกเหมือนหัวใจถูกกระตุกออกจากร่าง มันรวดเร็ว สับสน และมึนงง เขาตะโกนออกมาเสียงดังก่อนจะสาวเท้าวิ่งสุดกำลังโดยที่ไม่แม้แต่จะกดตัดสายโทรศัพท์ หัวใจของคริสสับสน หวาดกลัวและเจ็บปวดทรมาน ในใจก็ได้แต่ภาวนาให้มันเป็นแค่เซอร์ไพส์ เรื่องล้อเล่นที่พ่อหลอกเขาหรือเป็นเรื่องที่อี้ชิงตั้งใจให้แม่โทรมาโกหกเพื่อที่คริสจะได้กลับเกาหลี

คริสวิ่งไปร้องไห้ไปชนคนนั้นคนนี้ล้มลุกคุกคานจนไปถึงหน้าโรงเรียนแล้วเรียกแท็กซี่ทันทีโดยไม่รอรถบัส หัวใจในอกเต้นรัวไปหมดจนแทบจะหลุดออกมาข้างนอก ตอนนี้ใจของคริสมันบินไปถึงที่เกาหลีแล้ว บินไปอยู่กับอี้ชิงและหวังว่ามันจะช่วยต่อชีวิตให้น้องชายของเขาอยู่รอด แม้คริสจะต้องตายก็ไม่สำคัญ...

ทำไมอี้ชิงป่วยเขาถึงไม่รู้เรื่อง ทำไมอี้ชิงไม่ยอมติดต่อมาหาเขาเลย คริสโทรไปกี่ครั้งๆแม่ก็รับโทรศัพท์ตลอดอ้างนู้นอ้างนี่ไม่เคยให้เขาคุยกับน้องในช่วงเดือนกว่าๆที่ผ่านมา จนมารู้อีกทีคืออี้ชิงตายแล้วมันคือเรื่องอะไรกัน


ทำไมคริสไม่รู้ว่าน้องเป็นอะไร ทำไมคราวนี้เขาถึงสัมผัสมันไม่ได้ ทำไมถึงไม่เป็นเหมือนคราวที่แล้วที่เขาเคยช่วยชีวิตอี้ชิงเอาไว้จากอุบัติเหตุ หรือเพราะเราไกลกันเกินไป... ทำไมแม่ไม่เคยบอกเขา...



คริสนั่งร้องไห้ไปตลอดทางโดยที่ไม่อายแม้แต่คนขับ หัวใจบีบแน่นจนจะขาดลอนๆ เขาไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง... ไม่อยากเชื่อว่าหัวใจของคริสได้ตายจากไปแล้วจริงๆ...








+







 
ช่วงเวลาเช้าในเกาหลี จินเป่าได้แต่นอนนิ่งๆบนเตียงหลังรถจากโรงพยาบาลมาเก็บศพลูกชายไปรักษาไว้ในห้องเย็นรอเวลาที่ครอบครัวจะกลับมาจากต่างประเทศถึงจะจัดงานศพ เธอไม่รู้ว่าถ้าลูกกับสามีกลับมาจะทำหน้ายังไงต้อนรับ คริสจะเป็นยังไงเธอจะถูกรังเกียจหรือป่าว จินเป่าไม่รู้ว่าเธอทำอะไรลงไปหลังจากที่รู้ว่าอี้ชิงไม่หายใจตั้งแต่ที่เธอเข้าไปป้อนยา

ฆ่าลูกตัวเองโดยอ้างว่าเป็นการเสียสละอย่างนั้นหรอ....คงไม่แปลกถ้าต้าหมิงกับคริสจะเกลียดเธอ แต่เธอก็ทำใจยอมรับไม่ได้เหมือนกันที่ต้องให้ลูกทั้งสองอยู่แบบฝืนธรรมชาติ การมีชีวิตแบบไม่เป็นธรรมชาติน่ารังเกียจสำหรับเธอนี่เป็นความรู้สึกที่ฝังอยู่ในใจลึกๆและรอเวลาประทุจนได้โอกาสเมื่ออี้ชิงล้มป่วย

จินเป่าทำใจยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ เธอทำใจไม่ได้....



“ฮึก...แม่ขอโทษนะอี้...ฮรื่อ...อภัยให้แม่นะ...”








 
ในงานฝังศพที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า บาทหลวงประจำโบสท์เป็นผู้กล่าวอำลาก่อนที่จะเปิดโอกาสให้ผู้ที่มาร่วมงานได้เดินนำดอกไม้ไปวางที่ป้ายหินหน้าหลุมศพ ต้าหมิงยังร้องไห้ตลอดพิธีตั้งแต่ย้ายโรงศพลงหลุมแม้จะมีคนเดินเข้ามาให้กำลังใจตลอดทั้งงาน

จินเป่าไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมงานเพราะติดคุกและยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลบ้าเพื่อรอเวลาที่จะต้องได้รับโทษจองจำเพราะโดนเขาฟ้องเรื่องที่ปล่อยให้ลูกชายตายโดยที่มีเจตนาเลี้ยงไข้และไม่ยอมรักษาให้หายขาด ส่วนคริสเองก็ไม่มีโอกาสได้ดูศพน้องเป็นครั้งสุดท้ายเพราะชิงเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมงระหว่างนั่งรถจะไปบริษัทโดยที่โชเฟอร์ขับแท๊กซี่ไม่เป็นอะไรแต่คริสตายสนิทคาที่ทั้งๆที่ภายในไม่มีบาดแผลบอบช้ำอะไรเลย

ต้าหมิงตัดสินใจใส่ศพลูกชายทั้งสองคนลงในโรงเดียวกันแล้วฝังภายใต้ป้ายหินเดียวกันเพื่อที่ทั้งคู่จะได้ไปเกิดด้วยกันอีกในภพชาติหน้า ส่วนเขาคงครองชีวิจโสดตลอดไปด้วยหัวใจช้ำๆและหวังว่าถ้าวันนึงในอนาคตเขาทำใจได้คงไปรับลูกบุญธรรมมาเลี้ยง...แต่ไม่รู้ว่าต้องไปหาที่ไหนถึงจะได้ลูกชายน่ารักแบบบอี้ชิงและเก่งแบบคริส



ถ้าโชคชะตามีจริงต้าหมิงอยากให้เขาได้มีลูกที่น่ารักแบบนี้อีกในชาติหน้า...แต่ไม่ขอให้ได้ภรรยาจิตวิตถารอย่างจินเป่ามาเป็นเมียอีก...




















 
RIP




Wu Yifan and Zhang Yixing



-END-











5 ความคิดเห็น:

  1. กะแร่วว่าอี้ต้องตายยแต่ไม่คิดว่าครืสจะตาย ร้องไห้ตลอดอะครึ่งหลัง

    ตอบลบ
  2. ฮึกก..ร้องจนตาบวมหมดแล้ว..มัน..โครตเศร้าเลย ขอแบบนี้อีกได้มั้ยคะ?

    ตอบลบ
  3. ชีวิตเชื่อมกันก็รู้นี่ ถึงในตอนที่อีกคนดีขึ้นแต่อีกคนแย่ลงก็เถอะ แต่สุดท้ายก็เกิดพร้อมกัน ตายพร้อมกันอยู่ ... อีกคนตาย อีกคน็ต้องตายไง

    ตอบลบ
  4. ตอนแรกได้ยินไม่อี้ชิงไม่ควรอยู่ต่อนี่นึกว่าคุณแม่นี่ช่างคิดอะไรใจร้ายจัง แต่ไม่นึกเลยว่าคุณแม่จะทำแบบนี้จริงๆว่าแล้วทำไมอี้ถึงได้ยังนอนอยู่ที่บ้านทั้งๆที่ป่วยขนาดนี้ Part แรกก็หน่วงๆแล้วมา Part หลังนี่ร้องไห้ตั้งแต่ต้นๆเลยค่ะ (TwT )

    ตอบลบ
  5. ร้องไห้ตาบวมเลย ฮรืออออตอนอ่านที่แม่บอกว่าอี้ชิงควรตายไปตั้งแต่แรกนี่คือช็อกมาก สงสารอี้ชิงมากตายอย่างโดดเดี่ยว นี่คิดว่าสุดท้ายคริสอาจจะได้ใช้ชีวิตต่อซะอีก ไม่คิดเลยว่าจะตายด้วย อินมากส่วนตัวไม่ชอบดราม่าเลยแต่เรื่องนี้สุดยอดมาก55555 ขอให้ชาติหน้าสองคนนี้ได้คู่กันจริงๆนะ ขอบคุณนะคะไรต์

    ตอบลบ