*ตัวอักษรเล็กกดขยายตัวอักษรมุมขวานะคะ :D
“ฮ่ะๆๆชอบคริสขึ้นมาจริงๆแล้วหรอ...”
.
.
.
.
.
.
รู้สึกรวนจนบอกไม่ถูก...อี้ชิงไม่เคยเจอสถานการณ์กดดันขนาดนี้แถมเพื่อนก็ไม่อยู่ด้วยเขาไม่รู้จะต้องทำยังไง ถ้าเป็นปกติตอนอยู่ที่โซลเวลาโดนผู้ชายหยอดอี้ชิงคงตอบคะขาดัดจริตไปเรื่อยเปื่อยอย่างไม่จริงจังนัก แต่พอเจอคริสเป็นคนถามคำถามจี้ใจดำแบบนี้ก็ทำเอาเขาไปไม่ถูกเหมือนกัน จะให้ตอบว่ายังไงในเมื่อสิ่งที่อี้ชิงรู้สึกมันเลยคำว่าชอบไปแล้วอาจจะไม่ใช่รักแต่ก็คือหลงมาก ขืนบอกไปแบบนั้นเขาคงถูกมองเป็นกะเทยใจง่ายไม่มีราคาอีก
อืม.... จะทำยังไงดีวะ....
“ว่ายังไงคะ”คริสเห็นอี้ชิงเงียบไปเขาจึงยกมือขึ้นจับปอยผมที่ข้างแก้มไปทัดใบหูเล็กและยังคงยิ้มค้างอย่างต้องการคำตอบ ยิ่งคริสเห็นคนตัวเล็กเงียบไปอย่างนี้ก็ยิ่งลุ้น
“ก็แล้วแต่จะคิดสิคะ” อี้ชิงว่าพร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อน ยังไงถ้าแสดงออกขนาดนี้ไม่ต้องพูดเป็นประโยคอีกฝ่ายก็น่าจะรู้อยู่ดีว่าเขารู้สึกยังไงหรือถ้าคริสไม่รู้สึกอะไรด้วยก็จะได้ไม่เป็นการเสียหน้าถ้าแยกกัน อี้ชิงจะได้แอ๊บทำเป็นไม่เสียใจแล้วไปคั่วผู้ชายต่อประมาณว่าเสียใจแต่ไม่แคร์นะคะ
“งั้นคริสคงไม่กล้าคิดเข้าข้างตัวเอง”คริสว่าแล้วก็ก้มลงไปจุ๊บริมฝีปากอิ่มเบาๆก่อนจะหันหลังไปง่วนอยู่กับการปิ้งย่างต่อพร้อมกับฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีต่างจากอี้ชิงที่แทบจะกัดลิ้นตายเมื่อได้ยินคำพูดให้ความหวังจากอีฝรั่ง
มึงพูดเหมือนมึงจะชอบกูนี่ต้องอะไร อยากได้ความรักจากกะเทยหรือยังไงคะ หัวใจมันไม่ใช่ของเล่นนะอีฝรั่ง! T^T
[Kris part]
อี้ชิงเงียบไปไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะกำลังจดจ่อกับการเล่นเกมส์ในโทรศัพท์มือถือของเขา คริสไม่รู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับคนตัวเล็กกันแน่จะบอกว่าชอบก็เร็วเกินไปแต่ถ้าให้อธิบายสั้นๆง่ายๆคืออี้ชิงเป็นคนที่เขาอยู่ด้วยแล้วรู้สึกมีความสุขตั้งแต่คืนแรกวันแรก
คริสไม่ใช่เด็กที่ชอบทำอะไรตามใจตัวเองและให้น้ำหนักกับเหตุผลและโลกแห่งความจริงมากกว่า เขายอมรับว่าอี้ชิงสวยกว่าใครหลายๆคนที่คริสเคยนอนด้วยถึงจะไม่ได้สวยกว่าทุกคนไม่ว่าจะสาวแท้หรือเทียม แต่ผู้หญิงทำงานกลางคืนจะมีสักกี่คนที่ไว้ใจได้? ยิ่งกับแขกชาวต่างชาติส่วนใหญ่สาวพวกนี้ก็หวังจะปอกลอกทรัพย์หวังสบายทั้งนั้น
คริสไม่ได้โง่หรือเป็นพวกไก่อ่อน เขาเที่ยวกลางคืนมาหลายสิบปีตั้งแต่มีบัตรประชาชนผ่านคนพวกนี้มาก็เยอะแยะและอี้ชิงก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ผ่านเข้ามาชั่วข้ามคืน ยิ่งเป็นสาวสองก็ยิ่งอันตรายกว่าสาวธรรมดามากเพราะพวกนี้เหลี่ยมจัดและโชกโชนประสบการณ์กว่าเยอะ คริสเองก็ไม่อยากเหมาอี้ชิงไปรวมกับคนประเภทนั้นแต่คนไม่รู้จักกันนอนด้วยกันแค่คืนสองคืนจะไว้ใจได้อย่างไร
เขาคิดว่าอี้ชิงเหมือนกับสาวสองเจนจัดทั่วๆไปแต่ติดว่าการกระทำเป็นธรรมชาติกว่า ส่วนนิสัยปากหวานอันนี้สาวทำงานกลางคืนเป็นกันทุกคน แต่บางทีคริสก็รู้สึกว่าอี้ชิงทำตัวแปลกๆแต่อธิบายไม่ถูกว่าแปลกยังไง บุคลิกอี้ชิงมันดูเหมือนแรงแบบแรงไม่สุด บางครั้งก็ชอบหลุดทำอะไรซื่อๆออกมาแต่ก็ไม่ถึงกับไร้เดียงสา มีหลายครั้งที่เขาเดาความคิดคนตัวเล็กออกแต่ไม่เข้าใจว่าอี้ชิงทำเพื่ออะไร
อย่างที่มาเที่ยวกันวันนี้ตอนแรกเขาก็คิดว่าอี้ชิงจะชวนไปช้อปถลุงตังค์หรืออาจชวนไปเที่ยวกันกลางคืนเพราะนิสัยผีเสื้อราตรีส่วนใหญ่จะอยู่แบบสงบๆไม่ได้แต่ก็น่าแปลกที่อี้ชิงไม่ได้เอ่ยปากขออะไร ไม่ได้มีทีท่าบื่อหน่ายหรือร้อนรนเขาก็เห็นอี้ชิงเอาแต่เดินวนไปวนมาแล้วก็ไปนั่งแช่น้ำนานเป็นชั่วโมง หรืออธิบายง่ายๆคือมันผิดวิสัยผู้หญิงกลางคืนนั่นแหละ
ไม่มีเหล้าก็ไม่กินเหล้า ไม่มีผับก็ไม่เที่ยว ไม่มีแสงสีผู้คนก็ไม่เดือดร้อน อี้ชิงดูเรื่อยๆเฉื่อยๆไม่ค่อยแอคทีฟจนบางครั้งก็เหมือนเอ๋อๆทำอะไรไม่ค่อยถูก หลุดมาดบ่อยๆจนคริสเริ่มรู้สึกว่าอี้ชิงอาจไม่ใช่คนประเภทที่เขาคิดและคริสก็อยากจะรู้จักกับตัวตนที่แท้จริงของอี้ชิงให้มากขึ้น
สิ่งเดียวที่อี้ชิงทำตอนอยู่ที่นี่กับเขาคือ อ้อน อ้อน และอ้อน....แต่คริสก็ยังนึกไม่ออกว่าอี้ชิงหวังผลอะไรในอนาคตหรือเปล่าเพราะคนตัวเล็กยังไม่มีทีท่าว่าต้องการอะไร ดูไม่ค่อยสนใจสินทรัพย์รอบตัวเท่าไหร่แต่อี้ชิงก็ยังทำตัวน่ารักบ่อยๆเพื่อให้เขาใจดีด้วย คริสไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าอี้ชิงอาจจะชอบเขาและต้องการความรักหรือความเอาใจใส่จากเขา แต่ก็อย่างว่าคนไม่รู้จักกันไว้ใจไม่ได้ คริสเองไม่อยากยึดติดกับเมียเช่าเท่าไหร่เพราะอี้ชิงก็ไม่ใช่คนแรกที่เขาพามากกที่รีสอร์ทนี่แล้วคริสก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องมูลค่าของที่อี้ชิงอาจจะต้องการหลังเสร็จงานแล้วด้วย
สรุปง่ายๆคือคริสไม่อยากคิดอะไร เขาไม่ชอบคิดมากแค่อยากจะปล่อยให้ตัวเองมีความสุขไปเรื่อยๆ รู้แค่ว่าอยู่กับคนไหนแล้วมีความสุขก็พอ อีกแค่7วันมันไม่นานเกินไปที่จะรอให้อี้ชิงเผยตัวตนออกมาแต่ก็ไม่ช้าเกินกว่าจะเรียนรู้ความรู้สึกตัวเองเพราะอย่างนั้นคริสอยากจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆและปล่อยให้เวลานำพาทุกอย่าง...
“อี้มีแฟนหรือยังคะ”คริสหันไปถามคนตัวเล็กที่ยังคงกดดูอะไรในโทรศัพท์ไปเรื่อย อี้ชิงชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้าแล้วพูดออกมา
“ไม่มีหรอก มีแต่คนหลอก” อี้ชิงตอบอย่างไม่ปิดบัง เขาคิดว่าคริสก็น่าจะรู้ดีว่าชีวิตคนกลางคืนมันเป็นไงเพราะอย่างนั้นก็คงไม่ต้องมาเสียเวลาสร้างประวัติตัวเองให้มันดูเลอค่า
“หื้อ?ทำไมเป็นแบบนั้นหละ”คริสขยับตัวเอนหลังทิ้งกายลงนอนข้างอี้ชิง เขาเห็นคนตัวเล็กกดดูรูปถ่ายในแกลลอรี่ที่คริสถ่ายกับเพื่อนๆและผู้หญิงอีกหลายคนที่เคยพามานอนกกด้วย ทั้งถ่ายที่รีสอร์ทนี้และที่อื่นๆอีกมากมาย คริสเอื้อมมือไปแย่งโทรศัพท์ของตัวมากดปิดก่อนจะเก็บลงกระเป๋าทันที ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้กังวลว่าอี้ชิงจะคิดมากกับรูปเก่าๆพวกนี้…
“อี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน” อี้ชิงปล่อยมือลงข้างลำตัวเมื่อคริสแย่งโทรศัพท์ไปเก็บ เขาเห็นคริสถ่ายรูปกับผู้หญิงหลายคนที่ดูทรงแล้วก็คงเป็นคนประเภทเดียวกับเขานั่นแหละ คริสก็คงถ่ายรูปกับใครหลายๆคนเหมือนกับที่ถ่ายรูปเขา
“ไม่จริงหรอกค่ะ เดี๋ยวคนดีๆก็มา”คริสรู้สึกวูบโหวงแปลกๆที่อี้ชิงตอบคำถามเหมือนตัดพ้อตัวเอง เขาก็พอเข้าใจว่าสาวสองนั้นเคมีไม่เข้ากันกับความรักเลยเพราะที่เกาหลีไม่นิยมเพศที่3ที่4อยู่แล้ว แถมยังไม่เป็นชาติที่เปิดรับเพศอื่นที่นอกจากชายหรือหญิงอีกด้วย...ถ้าคิดแบบนั้นนอกจากสังคมกลางคืนกับคนที่เป็นเหมือนๆกันแล้วอี้ชิงก็แทบจะไม่มีที่ยืนในสังคมแบบคนทั่วไปเลย...
“ผู้ชายก็ไม่ใช่เกย์ก็ไม่ใช่ผู้หญิงก็ไม่ใช่” อี้ชิงว่าแล้วก็หัวเราะออกมา นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องเจ็บปวดของสาวประเภทสอง เพราะพวกเขาไม่ใช่เกย์ ถ้าอย่างเกย์ก็คือชัดเจนในตัวเองอยู่แล้วว่าไม่ชอบผู้หญิงและชอบเกย์ด้วยกัน เป็นเกย์คิงก็มีเพศรองรับเป็นเกย์ควีน เป็นทอมคู่กับดี้ ผู้หญิงคู่กับผู้ชาย แต่กระเทยไม่มีเพศไหนมารองรับ...นอกจากผู้ชายจำพวกเศษเลยที่ผู้หญิงเขาไม่เอาหรือไม่ก็ต้องแย่งเพศที่สมควรจะคู่กับผู้หญิงมา เพราะแบบนั้นถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมกะเทยถึงพยายามทำตัวเองให้เหมือนผู้หญิงทั้งๆที่รู้ว่าไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันใช่...
“เดี๋ยวมันก็ต้องมีซักวันนั่นแหละ....”คริสรู้สึกอึดอัดอย่างน่าประหลาดทั้งๆที่เขาไม่ใช่คนคิดมากแท้ๆ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกแคร์ความคิดของอี้ชิงมากกว่าคนอื่นๆ คริสรู้ตัวว่าเขาเป็นคนปากหวานช่างหยอดแต่กับคนเก่าๆแล้วคริสมักจะขีดเส้นขอบเขตความสัมพันธ์ไว้ชัดเจนเสมอว่าเข้าใกล้ได้มากแค่ไหน นอนด้วยกัน จูบกัน เรียกสรรพนามหวานหู แต่มันเหมือนเป็นการแสดงละครมากกว่าเพราะหลังจากจบทริปต่างฝ่ายก็แยกกันไปโดยทุกคนเข้าใจสถานภาพดี
แต่กับอี้ชิงคริสรู้สึกอยากเข้าหา เขาอยากรู้จักกับอี้ชิงให้มากขึ้น รู้จักตัวตนของสาวสองคนนี้ที่ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ตามสภาพแวดล้อมหรือนิสัยปลอมๆที่เปลี่ยนไปตามสถานะและตัวบุคคล ที่สำคัญคริสรู้สึกแคร์ทุกความคิดของ จาง อี้ชิง...
“ให้มันจริงเถ๊อะ~” อี้ชิงขึ้นเสียงสูงทำเหมือนไม่จริงจังเมื่อรู้สึกว่าพวกเขากำลังคุยเรื่องที่ไม่สมควร ไม่ใช่ว่าอี้ชิงต้องการจะปกปิดอะไรแต่คริสเป็นเหมือนกับแขกคนนึงของร้านที่ไม่จำเป็นต้องรับรู้อะไรพวกนี้ แค่เก็บตวงเอาความสุขให้มากไว้ก่อนก็พอ เพราะเขาก็ชินแล้วกับเรื่องนี้และก็ยอมรับได้ไม่ได้ซีเรียสอะไรถึงจะมีบ้างที่เหงาๆและหวังบ้างแต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไป
คริสหันไปมองหน้าคนตัวเล็กที่นอนลืมตาดูท้องฟ้าอย่างพิจารณา เขารู้สึกว่ามีหลายอย่างที่เก็บอยู่ในหัวใจดวงเล็กแต่เพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายอี้ชิงถึงได้เลือกที่จะหลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องพวกนี้และเก็บมันไว้ในใจแทน มันเป็นนิสัยของพวกเอนเตอร์เทนตัวยงคือพวกที่ชอบสร้างเสียงหัวเราะหรือเป็นตัวฮาในกลุ่มเพื่อนๆแต่เวลาตัวเองมีความทุกข์มักจะเก็บไว้ไม่ให้รู้แทน
ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่อี้ชิงจะต้องทำตัวเองให้ดูน่าสงสารเพราะดูแล้วคนตัวเล็กก็ไม่ได้เรียกร้องความเห็นใจอะไรอยู่แล้ว มันทำให้คริสรู้สึกกระหายอยากจะรู้จักกับตัวตนของ จาง อี้ชิงให้มากยิ่งขึ้น เขาอยากจะรู้ทุกๆเรื่องของอี้ชิงไม่ว่าจะเป็นเรื่องสนุกหรือเรื่องทุกข์ใจ อยากเป็นคนที่สำคัญและเป็นที่ไว้ใจมากกว่าจะเป็นฝ่ายที่ได้รับความสุขอยู่ข้างเดียว
แต่เหนือสิ่งอื่นใดสถานะที่เป็นอยู่ก็เป็นเหมือนกับเกราะกำแพงกั้นขนาดใหญ่ที่ใช้แบ่งขอบเขตของความสัมพันธ์และกั้นเขาเอาไว้ อย่างที่บอกไปว่าคริสรู้สึกอยากเข้าหาอี้ชิงอย่างจริงใจซึ่งแตกต่างจากคนอื่นที่เขามักจะสร้างระยะห่างเอาไว้ป้องกันการถูกคุกคามชีวิตส่วนตัวเสมอ เพราะอย่างนั้นสิ่งที่เขาควรจะทำเป็นอย่างแรกคือยกกำแพงสถานะที่คริสเป็นคนสร้างออกเพื่อที่อี้ชิงจะได้เปิดใจให้เขา...
คริสไม่รู้ว่าอี้ชิงจะไว้ใจได้หรือเปล่า... แต่ถ้าเขาจะโง่ขนาดปล่อยให้กะเทยเอ๋อตัวเล็กๆหลอกก็ให้มันรู้ไป...
“งั้นให้คริสเป็นคนแรกได้ไหมครับ ลองคบกันดูได้ไหมแบบเกิร์ลเฟรนด์ไม่ใช่แค่เรนท์ไวฟ์....”
*rent wife = เมียเช่า,คู่ขา
.
.
.
.
.
.
.
.
.
อี้ชิงหันขวับทันทีที่ได้ยินประโยคที่คนตัวสูงพูดขึ้น ไอ้ที่ได้ยินประโยคแรกมันก็พอซึ้งๆอยู่หรอกแต่ไอ้คำหลังนี่มันน่าตกใจจนทำเอาเขาขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัว ดวงตาเรียวรีจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยสีหน้าอ้ำอึ้งรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก รู้สึกงุนงงจนเหมือนสมองจะพร่าเลือน
อีเหี้ย....ผัวมาขอเป็นเพื่อนสาว....
กระเทยถูกเกย์สวมเขา?!
“ทะ...ที่รักเป็น...เกย์หรอคะ....” อี้ชิงอึ้งจนแทบพูดไม่ออก นี่มันเหี้ยยิ่งกว่าเป็นเมียเช่าเสียอีก ถึงว่าทำไมคริสปากหวานเทคแคร์ดูแลดีเวอร์กว่าผู้ชายทั่วไปมากขนาดนี้ นี่สรุปอีฝรั่งมันเป็นเก้งหรอกหรอ?
เพื่อนสาวกูมีเยอะแล้วค่ะ กูอยากมีผัว ถ้าใช่จริงๆนี่กูจะตบมึงแล้วฆ่าหมกทะเลเลยอีเก้งชั่ว!! TTT______TTT
“ฮ่าๆๆๆ ไม่ใช่ๆ คริสหมายถึงแฟน หมายถึงคนที่คบกันจริงๆหนะ แบบศึกษาดูใจ”คริสแทบจะหลุดขำพรืดออกมา เขาไม่นึกว่าอี้ชิงจะไม่เข้าใจศัพท์ง่ายๆแบบนี้ เพราะคริสไม่ชินกับคำว่าFanเพราะในภาษาอังกฤษมันหมายถึงพัดลมเขาถึงได้เลือกใช้ Girl friend แทน คริสไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอี้ชิงถึงแปลประโยคที่ไอ้ฝรั่งหน้าม่อนั่นเขียนให้ไม่ถูก
สาบานได้ว่าถ้าอี้ชิงหวังจะจับฝรั่งรวยๆทั้งๆที่อ่อนภาษาขนาดนี้มันเป็นไปไม่ได้ แถมคนตัวเล็กยังตกใจซะจนหลุดมาดเอ๋อออกมาขนาดนี้มันเป็นอะไรที่ดูซื่อจริงๆสำหรับคริส จริงๆแล้วอี้ชิงก็คงไม่ได้เลวร้ายเหมือนสาวกลางคืนคนอื่นๆที่คริสเคยผ่านมา
“อ...อ๋อ” อี้ชิงยังงงไม่หาย แต่พอได้ยินประโยคที่คริสพูดต่อมาก็เข้าใจได้ทันที ถ้าเป็นไปตามที่อี้ชิงเข้าใจนี่เขากำลังถูกขอคบจากผู้ชายที่เพอร์เฟคสุดติ่งใช่ไหม? แบบลองใช้ชีวิตด้วยกัน7วันถ้าเคมีตรงกันก็คบต่อยาวๆแบบนั้นหรือเปล่า?
“ว่ายังไง ตกลงไหมคะ”
“ก็ต้องตกลงอยู่แล้วสิคะ” อี้ชิงหันไปยิ้มอ่อนหวานให้กับชายหนุ่มที่นอนจ้องหน้าอยู่ข้างตัว แม้ในใจจะเต้นลิงโลดเป็นลิงเป็นค่างแทบจะกระโดดออกมานอกอก แค่เขามีโอกาสได้ลองคบก็เหมือนทองหล่นทับใส่หัวแล้ว อี้ชิงรู้สึกดีมากๆเหมือนกับว่าตัวเองมีโอกาสเทียบเท่าคนอื่นๆถึงแม้ว่าตอนจบเขากับอีฝรั่งจะไปด้วยกันไม่ได้แต่อย่างน้อยอี้ชิงก็ได้รับโอกาสดูใจไม่ใช่แค่ตอแหลทำเป็นรักกันไปวันๆ อย่างน้อยก็มีโอกาสได้เทียบเท่ากับชะนี....
“ขอบคุณครับ” คริสยกมืออี้ชิงขึ้นมาจูบลงบนหลังมือขาว เป็นการแสดงออกถึงการเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบใหม่ เขาเลือกที่จะไม่จูบริมฝีปากนอกจากจะจูบเพราะราคะก่อนมีอะไรกันจนกว่าคริสจะแน่ใจกับความรู้สึกตัวเองเพราะเขาไม่อยากทำตัวหยอดให้ความหวังกับคนตัวเล็กพร่ำเพรื่อเหมือนที่ผ่านๆมา คริสรู้แล้วว่ามันจะทำให้อี้ชิงคิดมากและคิดไปเองฝ่ายเดียว เขาอยากจะทำอะไรให้มันชัดเจนแบบสื่อเข้าใจตรงกันทั้งสองฝ่ายว่าตอนนี้เพวกเขารู้สึกแบบไหนเพื่อที่จะได้พัฒนาความรู้สึกและความสัมพันธ์ไปในรูปแบบที่ถูกต้อง…
จูบมือ (Hand Kiss)
การจูบที่มือ เป็นการบอกเป็นนัยๆว่าผมหลงใหลในตัวคุณนะ คุณช่างเป็นคนที่น่าค้นหา ลักษณะนิสัยของคนที่ชอบจูบที่มือ คุณเป็นคนที่รู้จักวิธีที่จะให้เกียรติฝ่ายหญิง แต่คุณก็เป็นคนที่เจ้าชู้ใช่เล่น วิธีการจูบแบบนี้ถือเป็นท่าไม้ตายเด็ดในการพิชิตใจของสาวๆหลายคน การพรมจูบเบาๆ ลงบนฝ่ามืออย่างช้าๆ เบาๆ แค่นี้ก็ทำให้หัวใจของสาวน้อย สาวใหญ่ ละลายเลยเชียวล่ะ…
-TBC-
เริ่มเห็นใจอี้มากขึ้นๆ เหมือนจะฮานะ แต่หน่วง
ตอบลบ